ตอนที่ 16
มื้อค่ำ ณ วัลเบิร์ต
เอนเต้ก้มหน้ามองเซเลนที่นั่งอยู่บนเตียงขณะพูด
“ถ้างั้นก็เข้าเรื่องเลยดีกว่า แม่หนู เซเลนสินะ ได้ยินมาจากคนรับใช้คนอื่นๆแล้วว่าองค์ชายมิลานเลือกเธอมาเป็นผู้ติดตามด้วยตัวเอง”
“ประมาณนั้น”
จริงๆก็อยากจะบอกไปตรงๆเลยว่าถูกลักพาตัวมาต่างหาก ก่อนที่เซเลนจะได้พูด เอนเต้ก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนเซเลนต้องถอยหนี จึงตัดสินใจตามน้ำไปก่อน
“ขอพูดตรงๆเลยก็แล้วกัน องค์ชายมิลานเก็บเธอมาก็เพราะพลังเวทย์ในตัวเธอต่างหาก สามัญชนที่มีพลังเวทย์มันเป็นของหายาก นอกจากเรื่องนั้น เธอก็ไม่มีค่าอะไร”
“ไม่ใช่หรอก”
“มันต้องไม่ใช่อย่างนั้นแน่ เธอคงไม่เข้าใจผิดว่าองค์ชายมิลานสนใจในตัวเธอหรอกใช้ไหม? คงไม่หลงตัวเองถึงขนาดคิดว่าตัวเองพิเศษกว่าคนอื่นสินะ?”
“ไม่ใช่หรอก”
เป็นกุ้งที่เขาเอามาตกปลาไทต่างหาก เป็นตัวประกันที่เอามาล่อลวงอาลัวสุดที่รักต่างหาก เอนเต้ไม่ได้รู้ถึงขั้นนั้น ก็เลยเข้าใจว่าเซเลนอาร์คุยล่าคนนี้เป็นคนที่มิลานมีความรู้สึกพิเศษให้จึงคิดว่าเป็นคู่แข่งทางความรัก
เซเลนมองขึ้นไปที่เจ้าหญิงเอนเต้ผู้น่าสงสาร ถูกปิดบังข้อมูลจนไม่เข้าใจว่าจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้น เอนเต้เอามือเสยผมสีเกาลัดของเธออย่างหงุดหงิด ยัยเปี๊ยกที่ดูเหมือนภูติหิมะคนนี้ นี่มีจิตใจเข็มแข็งต่างกับรูปร่างภายนอกที่เป็นเด็กตัวเล็กๆ
เมื่อใดก็ตามที่เธอเห็นผู้หญิงที่แสดงความสนใจในตัวมิลานออกมา เอนเต้จะหาปมด้อยของผู้หญิงเหล่านั้นอย่างละเอียดและใช้เรื่องนั้นตอกย้ำว่าพวกเธอไม่คู่ควรกับเจ้าชายมิลาน เรื่องความสามารถในการตำหนิผู้อื่นในทันทีที่พวกเขาแสดงความสนใจออกมา คงไม่มีใครเก่งไปกว่าเอนเต้แล้ว
ตามข้อมูลที่เอนเต้ทราบนั้น เซเลนคือคนที่ไม่มีฐานะใดๆทั้งสิ้น แต่ถูกเจ้าชานมิลานเห็นว่ามีพรสวรรค์ที่ใช้การได้และสภาพความเป็นอยู่เดิมย่ำแย่จึงรับมาที่เฮลิฟาเต้ ถ้าเป็นเช่นนั้น ถ้าจะให้ได้ผลดีที่สุดก็ต้องบอกไปตรงๆว่าต่อให้มีพรสวรรค์สักแค่ไหน คนต่ำต้อยก็ไม่คู่ควรกับเจ้าชายหรอก
แต่ว่าการโจมตีด้วยวาจานั้นถูกเซเลนปฏิเสธหน้าตาเฉย จนถึงตอนนี้ ผู้หญิงทุกคนที่ถูกเอนเต้ข่มขู่ ถ้าไม่ร้องไห้ออกมาก็จะเถียงกลับ หากการโต้เถียงทวีความรุนแรงขึ้นถึงระดับหนึ่งก็จะใช้สถานะเจ้าหญิงอันดับสองของทวีปเอาชนะในที่สุด เอนเต้ไร้พ่ายด้วยรูปแบบนี้มาตลอด
เอนเต้รู้สึกโมโหมากขึ้นเมื่อเห็นเซเลนไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรเลย ทั้งๆที่บอกไปแล้วว่าให้เลิกหวังกับความรักที่มีฐานะต่างกันแบบฟ้ากับเหวแบบนี้ ยัยนี้มันยังไงกันแน่? มั่นใจว่าตัวเองจะได้ครองบัลลังก์ในหัวใจของเจ้าชายมิลานทั้งๆที่ไม่มีตำแหน่งอะไรเลยเนี่ยนะ?
บางทีข้างในหัวของยัยนี่คงจะกลวงกว่าที่คิด เอนเต้จึงโจมตีต่อไปโดยใช้อาวุธที่เรียกว่าอำนาจที่เหนือกว่าอย่างท่วมท้น เพื่อทำลายปราการของเซเลน นอกจากนั้นระหว่าตัวเธอกับเซเลนยังมีเรื่องของช่วงเวลาที่รู้จักกับเขา ที่นานกว่าหลายปีเป็นข้อได้เปรียบ
“ฉันรู้จักกับเขามาตั้งแต่เธอยังไม่เกิดอีกนะ เธอไม่รู้จักเขาในวัยเด็กเลยว่าเขาเป็นคนยังไง อยากรู้ใช่ไหมล่ะ? อย่างเธอคงอยากรู้สินะ?”
“ไม่ล่ะ”
เซเลนปฏิเสธด้วยท่าทางหงุดหงิดจากความรำคาญ ไม่เห็นอยากจะรู้เรื่องของไอ้เจ้าชายนั่นเลย เมื่อเอนเต้ได้เห็นความหงุดหงิดนั้นก็ยิ้มออกมาเพราะสามารถทำให้จิตใจของเซเลนสั่นคลอนได้แล้ว
“ไหนลองบอกหน่อยสิ ว่าบ้านเกิดเธอคือที่ไหน?”
“อาร์คุยล่า”
“อาร์คุยล่า! อาร์คุยล่า! ไอ้ประเทศที่มีแต่ขี้ม้าและสาบกวางเนี่ยนะ!”
เนื่องจากไม่มีใครอยู่รอบๆ เอนเต้ก็ได้หัวเราะเสียงสูงออกมา สินค้าหลักของอาร์คุยล่าคือเนื้อม้าที่เลี้ยงในพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์และหนังหรือขนของสัตว์เช่นกวาง คนหัวสูงหลายคนมักเรียกอย่างดูถูกว่า ‘ดินแดนแห่งม้าและกวาง’
“(ประเทศบ้านนอก เด็กสาวโง่ๆที่แม้แต่การพูดยังทำได้ไม่ต่างกับเด็กเล็ก ทำไมฉันต้องมากังวลกับเรื่องแบบนี้ด้วย?)”
แต่เอนเต้ก็ยังพูดต่อไปอีกถึงความทุรกันดารและการด้อยพัฒนาของอาร์คุยล่าเมื่อเทียบกับวัลเบิร์ต ให้เซเลนได้ตระหนักว่าบ้านเกิดของเธอต่ำต้อยเพียงใด
เอนเต้ที่ดูถูกเซเลนและประเทศบ้านเกิดของเธอ ยังคงร่ายยาวต่อไปราวกับบทเพลง และยกฐานะของเธอขึ้นมาเปรียบเทียบว่าเป็นเจ้าหญิงของประเทศที่ยิ่งใหญ่อันดับสองของทวีปมาตอกย้ำว่าโลกของทั้งสองคนต่างกันขนาดไหน
แต่แล้ว เอนเต้ก็สังเกตเห็นถึงความผิดปรกติ เซเลนฟังคำสบประมาทจากเอนเต้โดยไม่แสดงความโกรธหรือความเสียใจให้เห็นเลย ตรงกันข้าม เธอกำลังยิ้มราวกับว่าเอนเต้กำลังเล่าเรื่องสนุกให้ฟัง
“เจ้าหญิง เอนเต้”
“อ…อะไรยะ?”
“ขอบคุณ”
“…หา?”
เซเลนรู้สึกขอบคุณเจ้าหญิงเอนเต้ที่เธอทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาแบบนี้ ยิ่งบุคลิกของเจ้าหญิงเลวร้ายเท่าใด ความเสียดายที่จะต้องให้ลงเอยกับเจ้าชายก็น้อยลงเท่านั้น หากเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นสาวสวยอัธยาศัยดีสมเป็นเพื่อนสมัยเด็ก ก็จะทำให้เจ้าชายมีความสุขได้อีก แต่ในกรณีนี้เจ้าชายต้องเป็นฝ่ายถูกกดขี่บงการอย่างแน่นอน ดีจริงๆที่เจ้าหญิงเอนเต้เป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจ
จริงๆแล้วเซเลนใช้ชีวิตเป็นคนญี่ปุ่นมานานกว่ามาก จึงไม่มีสำนึกรักประเทศบ้านเกิดอาร์คุยล่าเพราะรู้สึกว่าเพิ่งจะมาอยู่ได้ไม่นาน สำหรับเธอก็เหมือนเป็นแค่ประเทศอื่นที่เคยไปมาเท่านั้น
นอกจากนั้นการถูกดุด่าโดยเจ้าหญิงปากจัดของจริง เป็นประสบการณ์ที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ในชีวิตก่อนที่ได้เจอก็จะมีแต่ที่เป็นสองมิติเท่านั้น จนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในหลายๆความหมาย เซเลนจึงพูดขอบคุณออกมา
แต่ในมุมมองเองเอนเต้ คำพูดและการกระทำของเซเลนเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลย ถ้าใช้อำนาจของวัลเบิร์ตข่มขู่ออกไปก็จะทำให้อีกฝ่ายเข่าอ่อนทรุดลงไปนั่งกับพื้นในทันที แต่เด็กสาวสีขาวคนนี้ยอมรับคำด่าทอของคนอื่นแล้วยังแสดงความบริสุทธิ์ในจิตใจออกมาได้อีก จนเอนเต้เริ่มรู้สึกอับอายในความหยาบคายและโง่เขลาของตนเองขึ้นมาเลยทีเดียว
“อะไรของเธอน่ะ? บ้าไปแล้วเหรอไง!? ฉันกำลังดูถูกเธออยู่ ไม่เข้าใจเหรอ!?”
“เจ้าหญิง เอนเต้ ชอบ เจ้าชาย ฉันคิดเหมือนกัน เป็นพวกเดียวกัน”
“หา!?”
เซเลนตั้งใจจะสื่อว่า ‘เรื่องที่เจ้าหญิงชอบมิลานน่ะ ฉันก็คิดเอาไว้แบบนั้นเหมือนกัน เป็นพวกเดียวกันนะแล้วจะเอาใจช่วยเอง’ จึงพูดออกไปแบบนั้น
เนื่องจากความสามารถในการสื่อสารของเซเลนที่ทำให้พูดออกมาไม่ครบประโยค เอนเต้ที่ได้ฟังก็เข้าใจว่า ‘ฉันก็ชอบเจ้าชายมิลานเหมือนกัน’ สำหรับเอนเต้มันเป็นคำตอบที่เหนือความคาดหมายเป็นอย่างมาก และเซเลนก็ยิ้มให้กับเอนเต้ที่กำลังสับสน
“พยายามเข้านะ”
เซเลนหัวเราะออกมาด้วยเสียงที่น่ารักพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนหวาน ทำให้ไฟริษยาลุกโชนในดวงตาของเอนเต้ที่เป็นเพศเดียวกันอยู่ครู่หนึ่ง และจากที่เซเลนได้พูดให้กำลังใจออกมา เอนเต้ก็เข้าใจความคิดของเซเลนในทันที
――เด็กสาวเซเลนคนนี้มั่นใจว่าตัวเองเหนือกว่าอย่างแน่นอน
ไม่สำคัญว่าบ้านเกิดจะอยู่ที่ไหน ไม่สำคัญว่าสถานะแตกต่างกันแค่ไหน มั่นใจได้เลยว่ามิลานมีความรู้สึกพิเศษให้กับตัวตนของเซเลน นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเวลาที่เธอถูกมิลานอุ้มขึ้นมาอย่างแนบชิดก็ยังไม่มีอาการเขินอายแต่อย่างใด เพราะมันเป็นเรื่องปรกติสำหรับเธอ
อัศวินที่เก่งกาจไม่จำเป็นต้องข่มขู่ศัตรูก่อนการต่อสู้ แค่มุ่งหน้าเข้าไปหาและเอาชนะกลับมาอย่างมีศักดิ์ศรีเพียงแค่นั้น ในเกมแห่งความรักนี้ ไม่มีหนทางให้หนีหรือที่ให้หลบซ่อน เด็กสาวคนนี้ประกาศออกมาอย่างเปิดเผย กำลังท้าทายออกมาตรงๆว่าจะแย่งชิงมิลานไปให้ได้ ที่ทำได้ตอนนี้ก็มีแต่ต้องยอมรับคำท้านั้น
หมายความว่าศัตรูที่อันตรายที่สุดของเอนเต้ได้ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว เด็กสาวที่อยู่ตรงนี้ดูงดงามได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งๆที่ไม่มีการเติมแต่งหรือมีเครื่องประดับใดๆ จนดูเหมือนการแต่งตัวที่หรูหราฟุ่มเฟือยของเธอในตอนนี้เป็นสิ่งโง่เง่า ทำให้เลือดในตัวของเอนเต้เดือดพล่าน
ไม่ว่าจะพูดจากล่าวหารุนแรงกับเซเลนขนาดไหน คุณค่าของสาวน้อยคนนี้ก็ไม่มีทางถูกลดลงได้ เอนเต้เงียบและไต่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มให้เซเลนที่กำลังทำท่าทางสงสัย
“ขอบคุณที่ให้กำลังใจนะ เซเลน ฉันชอบคนแบบเธอจริงๆ งั้นเดี๋ยวจะเตรียมอาหารสุดพิเศษเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะเลยก็แล้วกัน”
“จริงเหรอ!?”
เซเลนได้ยินคำพูดนั้นก็คิดว่า ‘ทำได้แล้ว! ทำให้รู้ถึงเจตนาของทางนี้ได้แล้ว!’ ด้วยความดีใจ คงเพราะชอบเจ้าชายมากก็เลยหึงหวงจนวู่วามออกไป ถึงอย่างงั้น ถ้าได้เปิดอกพูดคุยกันตรงๆแล้วก็ทำความเข้าใจกันได้อย่างราบรื่น
แล้วยังบอกว่าจะเตรียมอาหารพิเศษให้เป็นหลักฐานของมิตรภาพอีก คงรับรู้ว่าเป็นพวกเดียวกันแล้วสินะ ถึงจะดูอวดดีไปหน่อยแต่เจ้าหญิงเอนเต้ก็เป็นเด็กดีใช้ได้ แล้วยังเข้าใจเรื่องที่อยากจะพูดด้วย เซเลนคิดอยู่ในใจ
“รอดูได้เลยนะ อาหารที่ฉันเลือกให้ต้องเหมาะกับเธอแน่”
“ขอบคุณ!”
เอนเต้ยิ้มอย่างมีเลศนัย โค้งให้เซเลนก่อนออกจากห้องไป
ทันทีที่ประตูปิด เอนเต้ที่อยู่นอกห้องก็คว้าแจกันดอกไม้ที่อยู่แถวนั้นแล้วทุ่มมันลงกับพื้น สาวใช้ที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็หวาดกลัวจนตัวสั่น เอนเต้ที่มักจะระบายอารมณ์กับสิ่งรอบตัวเป็นเรื่องปรกติอยู่แล้ว แต่วันนี้ดูเหมือนจะรุนแรงกว่าทุกที
จะเป็นโชคดีหรือโชคร้ายก็แล้วแต่ ความเกลียดชังของเอนเต้พุ่งตรงยังรอยยิ้มของเซเลนที่ภาพนั้นยังวนเวียนอยู่ในสมองของเธอ ดังนั้นเอนเต้จึงยังไม่คิดจะลงมือทำอะไรอีกในตอนนี้
“ถ้าใช้คำพูดแล้วยังไม่เข้าใจล่ะก็… ต้องให้ยัยเด็กนั้นรับรู้ถึงความแตกต่างด้วยอะไรที่เป็นรูปธรรมสินะ”
เอนเต้พูดออกมาอย่างฉุนเฉียว
เด็กที่ชื่อเซเลนนั่นไม่เหมือนคนทั่วๆไป
หญิงสาวที่มีความงามราวกับได้รับความรักจากพระเจ้า แม้แต่เครื่องประดับยังทำให้ดูไร้ค่า ทั้งความเยาว์วัยนั้นและการวางตัวเหมือนผู้ที่ใช้ชีวิตมาอย่างยาวนาน
มิลานจะถูกเด็กคนนั้นล่อลวงก็ไม่แปลกใจเลย ปีศาจตัวน้อยที่ดูถูกไม่ได้
ถึงอย่างนั้น สำหรับตัวเองที่เป็นถึงเจ้าหญิงแห่งวัลเบิร์ต อีกฝ่ายก็เป็นอะไรไม่ได้มากไปกว่าสามัญชนใฝ่สูงนิดหน่อย
สุดท้ายแล้วสิ่งที่ใช้ขับเคลื่อนทุกอย่างในโลกใบนี้ก็คืออำนาจ สำหรับเอนเต้มันคือความจริงที่ไม่มีทางเป็นอื่น
ต้องแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างทางฐานะระหว่างเอนเต้คนนี้กับเธอคนนั้น
เอนเต้เข้าไปที่ห้องครัวเพื่อออกคำสั่งให้พ่อครัวทำ ‘อาหารพิเศษ’ ตามที่เธอคิดไว้
◆◇ ◆ ◇ ◆
“องค์หญิง กระผมกลับมาแล้วครับ”
“เหนื่อยหน่อยนะ”
“กระผมสำรวจภายในห้องครัวมาพักหนึ่งแล้ว ไม่พบอะไรที่เป็นพิษ โปรดวางใจได้ครับ”
“เหรอ”
เซเลนไม่ได้คาดหวังสิ่งที่อยู่ในรายงานของบัตเลอร์เป็นพิเศษ เรื่องอาหารก็ดี แต่เซเลนไม่ใช่คนที่ใส่ใจในเรื่องคุณภาพของอาหาร เพียงแค่กินได้และกินอิ่มก็พอใจแล้ว ถึงอย่างนั้นก็เฝ้ารออาหารจานพิเศษจากเอนเต้อยู่เหมือนกัน
และแล้วเวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงเวลาอาหารค่ำ เป็นเวลาเดียวกับที่มิลานมาหาเซเลนที่ห้องหลังจากจัดการธุระเรียบร้อยแล้ว มีชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้าพ่อครัวมาตามมิลานและเซเลน
“อาหารพร้อมแล้วครับ คืนนี้เป็นอาหารพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศนี้ ในคุณภาพที่สูงที่สุด และก็…”
“และก็ อะไร?”
มิลานถามย้ำกับหัวหน้าพ่อครัวในเรื่องที่เขาไม่อยากจะพูออกมา หัวหน้าพ่อครัวมองมาด้วยท่าทีกระอักกระอ่วนเพราะเหตุผลบางอย่าง
“คำเชิญจากเจ้าหญิงเอนเต้ไม่ได้มีเพียงเจ้าชายมิลาน แต่มีถึงคุณหนูเซเลนให้ร่วมรับประทานอาหารค่ำด้วยครับ”
“จากเจ้าหญิงเอนเต้เหรอ? ทำไมถึงอยากร่วมมื้อค่ำกับเซเลนล่ะ บอกเอาไว้แล้วว่าเซเลนเป็นผู้ติดตามนี่นา”
มิลานมีข้อกังขาขึ้นมา คนที่ทิฐิสูงอย่างเอนเต้ไม่มีทางคิดร่วมโต๊ะกับคนที่มีฐานะต่ำกว่า และมันก็เป็นไปได้ยากที่เอนเต้จะรู้สึกถูกใจเซเลนจนมองข้ามเรื่องนั้นได้ คิดแล้วก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล แต่ความคิดนั้นก็ถูกขัดจังหวะโดยเซเลนที่ดึงขากางกงของมิลานไว้
“ไม่เป็นไร”
“เซเลน ที่ตอบไปแบบนั้นเพราะเป็นห่วงสินะครับ? ให้ผมไปปฏิเสธแทนก็ได้นะ เธอไม่ชอบงานที่เป็นทางการไม่ใช่เหรอครับ?”
“ไม่เป็นไร เป็นเพื่อนกันแล้ว”
เซเลนตอบอย่างหนักแน่น แสดงให้มิลานเห็นถึงความมุ่งมั่น เธอเข้ากันได้ดีกับเจ้าหญิงเอนเต้จริงหรือ จากการที่เธอได้รับคำเชิญก็น่าจะพิสูจน์ถึงเรื่องนั้นได้ ถ้าเป็นเพื่อนกันอีกคนก็คงจะทำให้เอนเต้อ่อนโยนขึ้นมาได้บ้าง เซเลนที่ยังร่าเริงก็เดินนำมิลานออกไปก่อน มิลานรู้สึกยังวางใจไม่ได้เรื่องที่เซเลนจะไปร่วมโต๊ะด้วย
“อ๋า องค์ชายมิลาน เซเลนด้วย กำลังรออยู่เลย”
ห้องที่กว่างใหญ่ถูกตกแต่งด้วยของที่ไม่มีประโยชน์เช่นเดียวกับห้องพัก แตกต่างกับที่เฮลิฟาเต้อย่างสิ้นเชิง ที่น่าแปลกที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องที่ในห้องนี้มีเพียงเจ้าหญิงเอนเต้เพียงคนเดียว แทนที่จะมีพ่อบ้านหรือบริกรเตรียมพร้อมอยู่รอบๆกลับมีแต่รูปปั้นอันวิจิตรบรรจงเพื่อแสดงถึงความร่ำรวยเท่านั้น
“วันนี้ขออนุญาตท่านพ่อเป็นกรณีพิเศษเพื่อองค์ชายมิลานเลยนะ ฉัน เอนเต้ วัลเบิร์ต จะเป็นตัวแทนของวัลเบิร์ตในงานเลี้ยงอาหารค่ำนี้เอง”
“งั้นก็ เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ”
เอนเต้ไม่ได้รู้สึกเลยว่าคำตอบรับของมิลานคือแบบเดียวกับที่เขาใช้พูดเวลาที่มีการท้าดวล บางทีเอนเต้และอาจรวมถึงพ่อกับแม่ของเธอกำลังพยายามยัดเยียดตัวเธอให้ เหมือนการบังคับให้ไปดูตัวที่ทางผู้ใหญ่จะพูดว่า ที่เหลือให้เป็นเรื่องของหนุ่มสาวก็แล้วกัน
แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น มันก็ไม่สมเหตุสมผลตรงที่เซเลนได้มาอยู่ตรงนี้กับเขาด้วย
ถ้าเอนเต้อยากจะใช้เวลากับมิลานเป็นการส่วนตัวก็ไม่น่าจะเชิญเซเลนมาด้วย มิลานยังคิดถึงเรื่องที่ทำความเข้าใจได้ยากอยู่ จากนั้นก็มีพ่อบ้านเชิญเขาไปนั่นที่โต๊ะขนาดใหญ่ที่คลุมด้วยผ้าสีแดงในฝั่งที่เอนเต้ ผู้ที่แต่งตัวได้หรูหราและฉูดฉาดยิ่งกว่าเดิม นั่งรออยู่อย่างสง่างาม
“เซเลน ไปนั่งตรงนั้นซะ”
ที่ที่เอนเต้ชี้ให้เซเลนคือท้ายโต๊ะอีกฝั่งหนึ่ง ถึงจะไม่ไกลจากที่ของมิลานและเอนเต้แต่ก็ทำให้รู้ได้ว่าเซเลนกำลังถูกแบ่งแยกเหมือนกับถูกขับไล่ออกจากกลุ่มเพียงคนเดียว มิลานมองไปที่เอนเต้โดยที่ไม่ได้บิดบังความรู้สึกที่แท้จริงอีกต่อไป
“องค์หญิงเอนเต้ ทำแบบนี้ไม่รู้สึกว่ากีดกันเซเลนเกินไปหน่อยหรือครับ”
“แหม ช่วยไม่ได้นี่นา ก็เซเลนเป็นแค่คนรับใช้ไม่ใช่เหรอคะ? นี่ เซเลน เธอไม่มีปัญหาอะไรสินะ?”
“อือ”
เซเลนพยักหน้าอย่างว่าง่าย แม้มิลานจะไม่ได้พูดออกมาแต่ในใจเขาก็อยากจะสบถออกมาให้เจ้าหญิงได้ยิน ปฏิบัติราวกับว่าเซเลนอยู่คนละโลกกับพวกเขา และเซเลนก็ยอมรับแต่โดยดี ทั้งที่จริงแล้วเธอเองก็เป็นเจ้าหญิงจากประเทศหนึ่งเหมือนกัน เขาต้องการให้เธอได้รับเกียรติที่คู่ควร แต่ตอนนี้แค่บอกเรื่องนั้นไปยังทำไม่ได้
ทางฝั่งของเซเลนก็รู้สึกขอบคุณที่เจ้าหญิงเอนเต้รู้งานดีเหลือเกิน คงรู้แล้วว่าเซเลนจะสนับสนุนเรื่องความรักจากเบื้องหลัง จึงเชิญมาด้วยแต่ก็ไม่ได้ให้ใกล้ชิดเกินไปจนผิดสังเกต ความประทับใจในตัวของเจ้าหญิงเอนเต้ในสายตาของเซเลนเริ่มดีขึ้น พอเอาเข้าจริงแล้วเป็นเด็กที่รอบคอบใช้ได้
“เอาล่ะ เริ่มกันเลยดีกว่า พ่อครัว นำอาหารออกมาได้ รวมถึงของเซเลนตรงนั้นด้วยนะ”
“…ครับ”
พ่อครัวยังมีท่าทางลังเลอยู่บ้างแต่ก็ส่งสัญญาณให้คนครัวคนอื่นๆรับรู้ ไม่นานอาหารก็ถูกนำมาว่าเรียงรายตรงหน้า เป็นอาหารท้องถิ่นที่เน้นสีสันและความสายงาม ในปริมาณที่มากเกินกว่าที่คนสองคนจะรับประทานให้หมดได้ ทั้งหมดนั้นถูกจัดวางตรงหน้าเอนเต้และมิลาน ส่วนอีกมุมหนึ่งของโต๊ะที่ห่างออกไป เบื้องหน้าของเซเลนยังคงว่างเปล่า
“ของเซเลนยังไม่ได้อีกเหรอครับ?”
“นั่นสิคะ นี่ พ่อครัว ‘อาหารจานพิเศษ’ ที่สั่งไว้ เอาออกมาซะ”
“องค์หญิงเอนเต้ แต่มัน…”
ก่อนที่พ่อครัวจะเอ่ยบากพูดอะไรบางอย่างออกมา เอนเต้ก็หันไปมอง ทำให้เขาต้องรับคำสั่งและให้คนครัวนำสิ่งที่กล่าวถึงนั้นออกมา และแล้วก็มีจานอาหารถูกวางไว้เบื้องหน้าเซเลน ทั้งมิลานและเซเลนมองดูสิ่งที่อยู่ในจานนั้น
“น-นี่มัน…!”
เซเลนและมิลานพูดออกมาแทบจะพร้อมกัน อาหารของเซเลนแตกต่างจากอาหารของมิลานและเอนเต้อย่างสิ้นเชิง เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ได้เรียกว่าอาหารด้วยซ้ำ มันคือเศษของเนื้อสัตว์ที่เหลือจากการทำอาหาร เช่น หนัง เอ็น และกระดูกอ่อน ทั้งหมดถูกทอดอย่างง่ายๆ
“เอาล่ะ เซเลน กินเข้าไปเยอะๆ ไม่ต้องเกรงใจนะ หนังกับเอ็นไก่นั่นน่ะ”
เอนเต้ยิ้มและหัวเราะอย่างร่าเริง
“เจ้าหญิงเอนเต้ นี่มันเรื่องอะไรกัน!”
“หืม? ก็เหมาะกับเซเลนดีไม่ใช่หรือไงคะ? มีอาหารอะไรเหมาะกับคนชั้นต่ำแบบนี้อีกเหรอคะ?”
เอนเต้ตอบอย่างอารมณ์ดีโดยที่ไม่คิดว่าทำผิดอะไร
ปรกติแล้วอาหารทอดแบบนี้เป็นวิธีจัดการกับอาหารของคนยากจน มันคือการที่นำส่วนที่ไม่ใช่ชิ้นเนื้อหรือส่วนที่เหนียวมาปรุงใหม่ให้กินได้ เป็นอาหารที่ไม่ถูกยอมรับในกลุ่มชนชั้นสูง การที่นำอาหารเช่นนี้มาวางไว้ให้ต่อหน้าก็เหมือนกับการบอกไปว่า ‘ฐานะของคุณมันมีค่าแค่นี้’
ถ้าพูดแล้วยังไม่เข้าใจล่ะก็ ต้องแสดงออกเป็นรูปธรรม เจ้าชายมิลานกับฉันได้รับอาหารที่ดีที่สุด คุณภาพสูงที่สุด ส่วนเธอ เซเลน ได้กินแต่ของเหลือเพียงลำพัง ถึงจะเป็นการกลั่นแกล้งแบบเด็กๆ แต่มันก็เป็นวิธีที่ต่ำช้าและหยาบคายสำหรับการเยียบย่ำศักดิ์ศรีของคนคนหนึ่งได้เป็นอย่างดี
“ถ้างั้นก็ กินให้อร่อยนะ”
เอนเต้พูดเบาๆกับเซเลนให้เริ่มรับประทานอาหารพิเศษนั้น
MANGA DISCUSSION