มีการเปลี่ยนชื่อตัวละครบางส่วนนะครับ
เซเลเน่ – เซเลน
มิราโนะ – มิลาน
แมรี่/แมรี่เบล – มารี/มารีเบล
ชูวาน – ชวาน
และอาจมีชื่ออื่นๆอีก
ตอนที่ 11
มื้อค่ำ ณ เฮลิฟาเต้
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากมารีกับเซเลนได้ทำความคุ้นเคยกันไปแล้ว ม่านราตรีก็ได้ครอบคลุมไปทั่วพื้นที่ เซเลนกำลังเล่นอยู่กับบัตเลอร์ บนเตียงสีขาวสะท้อนแสงจันทร์ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อบัตเลอร์ไปซ่อนที่ใต้เตียง เซเลนก็สั่นกระดิ่งที่วางอยู่ข้างเตียง
เนื่องจากขนาดห้องที่ใหญ่โต ระยะห่างจากเตียงถึงประตูก็มีมาก สาวใช้จึงเตรียมกระดิ่งไว้ให้ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องส่งเสียงตอบทุกครั้งที่เคาะประตู
ทันทีที่ได้ยินเสียงกระดิ่ง สาวใช้ก็เปิดประตูเข้ามา หลังตรงและท่วงท่าที่ดูเป็นมืออาชีพจนน่าขนลุก เซเลนคิดว่ามันถ้าไม่ใช่รุ่นป้าก็คงจะดีกว่านี้
“ท่านเซเลน อาการดีขึ้นแล้วหรือยังคะ?”
“อือ ขอบคุณ”
เซเลนพูดขอบคุณกับสาวใช้ ถึงจะเป็นสามัญสำนึกของเซเลนก็ยังพอจะรู้จักรักษามารยาทขั้นต่ำกับคนที่ไม่ใช่ศัตรูอยู่บ้าง
“อยากอาหารขึ้นมาบ้างหรือยังคะ?”
“กินได้”
เซเลนพยักหน้า คนอื่นๆรวมถึงพวกสาวใช้คิดว่าเซเลนเป็นลมหรือหมดสติบ่อยๆเพราะสภาพร่างกายไม่ดี แต่จริงๆแล้วเธอก็แค่หลับเท่านั้น ตอนนี้ความต้องการในการนอนก็ถูกเติมเต็มไปแล้ว สิ่งถัดมาก็ความอยากอาหารนี่แหละ เซเลนเป็นคนที่ซื่อตรงกับความต้องการของตัวเองอยู่แล้ว
“หากท่านไม่ขัดข้อง องค์ราชาและราชินีต้องการรับประทานอาหารค่ำร่วมกับท่าน ท่านเซเลนจะให้คำตอบได้ไหมคะ?”
“ราชา ราชินี ด้วย?”
เซเลนไม่มีปัญหาหรอก แต่นั่นมันพ่อกับแม่ขององค์ชายจอมเอาแต่ใจนั่นเชียวนะ ถ้าทางนั้นชวนกินเหล้าแล้วปฎิเสธไปจะโดนอะไรบ้างก็ไม่รู้
“ถ้าท่านยังรู้สึกไม่สบายอยู่ ดิฉันจะแจ้งให้เอาไว้ในโอกาสอื่น”
“ไป”
หลังจากใช้ความคิดเล็กน้อยเซเลนตอบตกลง โอกาสได้ที่จะได้พบกับราชาตัวเป็นๆมันมีไม่บ่อยหรอกนะ ก็ขอใช้โอกาสนี้ในการรวบรวมข้อมูลของศัตรูซะเลย เรื่องขอบเขตอำนาจอะไรพวกนี้ ถึงจะไม่ได้ชอบทำแบบนี้ก็เถอะ แต่ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้ว
“ถ้าอย่างงั้น เกรงว่าดิฉันจะแนะนำ…”
“ฉันจัดการเอง!”
มารีในชุดสีแดงสดท่าทางมั่นใจเต็มเปี่ยม โผล่ออกมาเบื้องหน้าสาวใช้และเซเลน
“ท…ท่านมารีเบล มีเรืองอะไรเหรอคะ?”
“ฉันก็กำลังจะไปกินข้าวกับพ่อและแม่ไง ก็เรื่องปรกติหนิ?”
“แต่ปรกติมักจะไปคนเดียว… “
“เอาเถอะน่า! ฉันจะดูแลเซเลนเอง!”
มารีดันสาวใช้ออกไปและขยับเข้าใกล้เตียงของเซเลน
“เซเลน ร่างกายไม่มีปัญหาอะไรแล้วใช่มั้ย? ไปกินข้าวได้ใช่มั้ย?”
“ไปได้”
พอได้เห็นเซเลนพยักหน้าตอบกลับมา มารีก็โล่งใจ
“งั้นก็ดี… ฉันเป็นห่วงน่ะ เลยขอให้พ่อครัวทำอะไรที่เหมาะกับเซเลนให้แล้ว ไปกินด้วยกันได้สินะ?”
“แต่ฉัน มารยาท ไม่รู้”
“อ๊ะ เรื่องนั้นก็ไม่ต้องห่วง แค่ไปกินกับครอบครัวเอง”
มารีพูดแบบไม่ถือตัวและช่วยเซเลนลุกจากเตียง
ไม่ใช่การออกแรงดึงแบบบังคับ แต่เป็นการช่วยพยุงอย่างอ่อนโยน
เซเลนที่เพิ่งตื่นนอนถามว่าควรจะเปลี่ยนชุดก่นไหม แต่มารีก็บอกว่าไม่จำเป็นแล้วก็พาเซเลนที่ชุดมีรอยยับเล็กน้อยออกจากห้องไป
“หายากนะ ที่ท่านมารีเบลเป็นห่วงคนอื่น…”
มารีเจอเด็กในวัยเดียวกันในงานเลี้ยงอยู่บ่อยๆแต่ก็ไม่ได้สนใจอีกฝ่ายเลย จะมีก็แค่ทักทายกันตามความเหมาะสมด้วยสีหน้าเบื่อๆแค่นั้น ไม่เคยเข้าหาคนอื่นก่อน ถึงจะเรียกตัวเองว่าเจ้าหญิงในหมู่เจ้าหญิงแต่ก็ไม่ได้เข้าสังคมมากนัก
ดูเหมือนว่าจะถูกใจเด็กที่ชื่อเซเลนนั่นสินะ สาวใช้ยิ้มออกมาและมองไปยังเด็กสาวในชุดสีทองตัดกับสีแดงสด จูงมือเด็กสาวสีขาวบริสุทธิ์ด้วยท่าทีที่ไม่คุ้นเคย
สถานที่ที่ถูกพามาคือห้องอาหารสำหรับราชวงศ์
ห้องอาหารสำหรับองครักษ์และคนรับใช้จะแยกไปอยู่อีกอาคาร แต่พระราชวังหลักมีห้องเฉพาะสำหรับราชวงศ์ ถึงจะไม่ได้ใหญ่โตมากมายแต่ก็ไม่ได้คับแคบแต่อย่างใด ในแง่ของพื้นที่แล้วก็ราวๆร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่นั่นแหละ
มีเครื่องเรือนราคาแพงประดับอยู่แต่ก็ไม่ได้ตกแต่งจนหรูหราเกินความจำเป็น ที่ดูเด่นที่สุดก็เป็นแจกันดอกไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะไม้กลางห้อง บนโต๊ะก็มีอาหารรองท้องและซุปเตรียมไว้ ควันจางๆและกลิ่นหอมจากซุปช่วยกระตุ้นการเจริญอาหารของเซเลนได้เป็นอย่างดี
บนโต๊ะที่มีอาหารเตรียมไว้แล้ว มีมิลาน ชายวัยกลางคนที่ดูน่าเกรงขามและทรงภูมิ ผู้หญิงที่ดูนุ่มนิ่มมีบรรยากาศของภรรยาชนชั้นสูง นั่งอยู่ ไม่ต้องรอให้ใครบอก เซเลนก็เข้าใจได้ในทันทีว่านั่นคือราชาและราชินี
“เธอคือเซเลนสินะ ข้าชื่อชวาน ราชาของประเทศนี้ เพราลูกชายงี่เง่าของข้าก่อเรื่องเอาไว้ก็เลยต้องวุ่นวายอยู่อย่างงี้ ต้องขอโทษแทนลูกชายของข้าด้วย”
“ไม่มีปัญหา ไม่เป็นไรค่ะ”
ก็คิดว่างี่เง่าน่ารำคาญจริงๆนั่นแหละ แต่เซเลนก็ต้องตอบแบบให้เกียรติอีกฝ่าย เซเลนมีมนุษย์สัมพันธ์ต่ำติดดินแต่มีประสบการณ์ชีวิตที่ยาวนานกว่าอายุ กับราชาที่เรียกตัวเองว่าชวานนั้นมีความน่าเกรงขาม ไม่เหมือนมิลาน เลยไม่กล้าที่จะทำอะไรขัดใจอีกฝ่าย
“ขอโทษด้วยที่เรียกเธอมากะทันหัน ได้ยินว่าเธอหมดสติไป ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไร ค่ะ ขอบคุณ และขออภัย ที่ทำให้เป็นห่วง”
“ได้ยินจากมิลานมาบ้างแล้ว เธอไม่ต้องฝืนใช้คำพูดเป็นทางการกับฉันก็ได้ ฉันชื่อไอบิส เป็นราชินี แต่พื้นเพก็มาจากคนธรรมดาทั่วไปเท่านั้นเอง”
คงเพราะเห็นว่าเซเลนใช้เวลาในการตอบด้วยคำสุภาพพอสมควร ไอบิสจึงผ่อนคลาย เผยรอยยิ้ม และพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน
“ราชินี สวย”
“แหม ขอบคุณนะ แต่เซเลนสวยกว่าฉันอีก น่าอิจฉาจังเลยน้า”
“ไม่จริง หรอก”
เซเลนส่ายหน้าปฏิเสธ แม้ว่าจะเคยส่องกระจกดูตัวเองก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองสวยมากนัก เพราะรู้ว่าข้างในเป็นลุงแก่ๆคนนึงที่ให้อิมเมจแบบตาลุงเหงื่อไหลย้อยในการ์ตูนเท่านั้น พอคิดได้แบบนี้ก็ดูตัวเองให้เป็นคนสวยไม่ได้จริงๆ
“ท่านพ่อ ท่านแม่ นี่ก็ใกล้ได้เวลาอาหารแล้ว ให้เซเลนยืนรออยู่อย่างงั้นน่าสงสารออก”
“นั่นสินะ เซเลน ในที่นี้มีแต่พวกเราเท่านั้น จริงๆแล้วเธอควรได้รับการปฏิบัติในแบบแขกผู้ทรงเกียรติ แต่คราวนี้ขอเชิญร่วมโต๊ะอาหารในแบบของครอบครัวก็แล้วกันนะ”
เซเลนเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ตัวที่ 5 ที่ถูกเพิ่มเข้ามาให้ตามคำของมิลาน ชวานและไอบิสนั่งอยู่ข้างกันที่หัวโต๊ะด้านหนึ่ง ถัดมาคือมิลานและมารีนั่งตรงข้ามกัน และเซเลนที่นั่งตรงกลางหัวโต๊ะอีกด้าน หรือก็คือตำแหน่งแบบประธานในที่ประชุม
แน่นอนว่ายังมีรูปแบบการเลี้ยงรับรองแบบหรูหราเป็นพิเศษสำหรับแขกระดับประเทศหรือผู้นำทัพที่รบชนะกลับมา แต่ชวานและไอบิสให้ความสำคัญกับช่วงเวลาของครอบครัวมากที่สุด พวกเขาเชื่อว่า ถ้าให้ความสำคัญกับครอบครัวไม่ได้ก็ทำให้ใครมีความสุขไม่ได้
จากนั้นก็ถึงเวลามื้ออาหาร บริกรจะถูกเรียกโดยการสั่นกระดิ่งที่เตรียมไว้ให้เช่นเดียวกับภายในห้องของเซเลน ภายในห้องอาหารจะมีเพียง 5 คน คือ ครอบครัวของราชา 4 คน และ เซเลนเท่านั้น แม้ว่าไม่มีใครส่งเสียงพูดคุยอะไรกันแต่บรรยากาศก็ไม่ถึงกับเงียบจนน่าอึดอัด และยังรู้สึกได้ว่าแต่ละคนกำลังดื่มด่ำไปกับมื้ออาหาร
“มิลาน อาร์คุยล่าเป็นประเทศแบบไหนหรือ? ข้าไม่เคยไปประเทศนั้นมาก่อน”
“ก็ไม่ค่อยได้สนใจเรื่องนอกห้องเรียนนักหรอกครับ แต่ก็รู้ว่าเป็นประเทศสายอนุรักษ์ที่ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ตั้งแต่ออกเดินทางเพื่อการศึกษาก็เข้าใจถึงความไร้ประสบการณ์ของตัวเองเป็นอย่างดีเลยครับ”
มิลานตอบพ่อไปตามที่ตนเองคิด แต่เซเลนรู้สึกอยากจะพ่นมื้อเย็นออกมาทั้งๆที่อาหารออกจะอร่อย แต่ก็ทำได้แค่เคี้ยวแก้มตุ่ยเหมือนแฮมสเตอร์เท่านั้น
เพื่อการศึกษาอะไรกัน เขารู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วว่า ‘ออกตามหาเจ้าสาว’ ราชากับราชินีได้ยินแล้วก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร ดูแล้วคงเชื่อในข้ออ้างข้างๆคูๆของมิลานนั่นสินะ
เซเลนสังเกตว่าไม่มีใครกังขาเกี่ยวกับรายงานของมิลาน กับราชาที่มีเชื่อเสียงโด่งดังไปทั้งทวีปจะไม่รู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนออกไปทำอะไรนอกประเทศบ้าง จากที่เห็นเมื่อตอนกลางวัน ประเทศนี้มีความเจริญอย่างมากต่างกับที่คิดไว้ จึงสรุปได้ว่า ราชาเป็นผู้มีความสามารถ และลูกชายที่แหลกเหลว
เหมือนกับคนที่มีชื่อเสียง หรือประธานบริษัทใหญ่ๆ มักจะยุ่งจนไม่ค่อยมีเวลาให้ครอบครัว ทำให้ลูกชายของคนที่ยอดเยี่ยมเหล่านั้นกลายเห็นคนไม่เอาอ่าว เซเลนเคยเจอกรณีนี้อยู่จึงเข้าใจได้
โลกก่อนสมัยที่เซเลนยังเป็นนักเรียนก็เคยบอกพ่อแม่ว่าไปโรงเรียนกวดวิชา แต่จริงๆกลับโดดไปเข้าร้านเกมหลายครั้ง โชคดีไม่ได้ทำอะไรให้มีพิรุธ เกรดก็ไม่ได้ตก ความก็เลยไม่แตกจนถึงตอนนี้ มันก็เป็นอะไรที่คล้ายๆกัน
มิลานคงถนัดการตบตาและใช้ประโยชน์จากหน้าตาและความน่าเชื่อถือของตัวเองอย่างเต็มที่ หนอย ไอ้ขี้ขลาดเอ๊ย เซเลนสรุปเสร็จสรรพขณะกำลังกินอาหารด้วยความโกรธ
หลังอาหารก็เป็นเวลาที่ทุกคนพูดคุยกัน เซเลนที่มนุษย์สัมพันธ์ต่ำซ้ำยังมีเรื่องของภาษา เมื่อมีคนพูดด้วยจึงทำได้แค่พยักหน้า “ค่ะ ค่ะ” เท่านั้น หรือแค่นั่งเงียบๆเฉยๆไปเลย จริงๆแล้วตอนนี้อยากรีบกลับห้องไปนอนต่อจะแย่อยู่แล้ว
“นี่ เซเลน มีเศษอาหารติดปากอยู่แหนะ”
พูดแล้วมารีก็ลุกขึ้นมาเช็ดปากให้เซเลน สมาชิกครอบครัวอีก 3 คนที่กำลังดูอยู่ผุดยิ้มขึ้นมา
“อ…อะไร! ทำแบบนี้ไม่ได้เหรอ!? อยากจะพูดอะไร!?”
“เปล่า ก็ไม่ได้ว่าไม่ดีตรงไหน แค่ไม่เคยเห็นมารีเอาใจใส่คนอื่นเท่านั้นเอง”
มิลานหัวเราะและตอบออกไป พ่อกับแม่เองก็เห็นด้วย
มารีงอนแก้มป่อง แต่ดูแล้วก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไร
“เซเลน ตอนนี้เธออายุเท่าไหร่แล้ว?”
“8”
“ฉันอายุ 10 ปีแล้ว ฉันเป็นพี่สาวสินะ งั้นพี่สาวคนนี้จะดูแลน้องสาวเอง”
มารีรู้สึกภูมิใจขึ้นมา เพราะจนถึงตอนนี้ มารีที่ไม่อะไรให้ต้องรับผิดชอบจึงรู้สึกเหงาเล็กน้อย ไม่เหมือนกับเด็กคนอื่นๆในรุ่นเดียวกัน เซเลนเป็นเด็กเรียบร้อยน่ารักเชื่อฟังไม่โอ้อวด ในสายตามารี เซเลนเป็นเด็กดีที่ให้ความรู้สึกอยากปกป้อง แต่อยู่ดีๆเซเลนคนนั้นก็ล้มฟุบลงบนโต๊ะ มารีเห็นเข้าก็ตกใจ
“เซเลน เป็นอะไรไป เจ็บตรงไหน?”
“ท่านพี่… ”
พอได้ยินคำว่า ‘พี่สาว’ เซเลนก็รู้สึกคิดถึงขึ้นมา ถึงจะจากกันยังไม่นานมากกับพี่ อาลัว แต่ในความรู้สึกแล้วมันช่างยาวนานเหลือเกิน ที่ไม่ได้สัมผัสไออุ่นจากร่างกาย ความนุ่มนวลและกลิ่นหอมหวานราวกับน้ำหอม และเหนือสิ่งอื่นใด ไม่ได้เอาใบหน้าซุกลงไปในร่องอกนั้น
ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้คิดถึงเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ตอนนี้เซเลนกำลังทุกข์ทรมานจากอาการขาดการสัมผัสหน้าอก เป็นโรคที่พบเห็นได้ยากที่จะทำให้สภาพจิตใจของผู้ป่วยถูกบั่นทอนลงอย่างต่อเนื่องจากการที่ไม่ได้สัมผัสหน้าอกเป็นประจำ แน่นอนว่าไอ้โรคพิลึกแบบนั้นไม่มีอยู่จริงหรอก เซเลนก็แค่ทึกทักขึ้นมาเอง จริงๆแล้วเธอมีสุขภาพดีมาตลอด ถ้าจะเป็นก็คงเป็นแค่เรื่องของความเคยชินเท่านั้น
“เซเลนจัง มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ไหมจ๊ะ?”
มารีที่กำลังสับสนทำอะไรไม่ถูกก็ได้คำพูดของไอบิสช่วยเหลือไว้พอดี
เซเลนที่ก้มหน้ามองพื้นอยู่ก็เงยหน้ามาสบตาทันที่ที่ได้ยินคำถาม
“อยากได้อะไรหรือเปล่า?”
“ใช่แล้ว อะไรก็ได้นะ แต่ถ้าบอกว่า ‘อยากได้ปราสาทสักหลัง’ ฉันก็คงต้องคิดหนักอยู่ แต่ถ้าเป็นของที่อยู่ในทวีปนี้ล่ะก็ ฉันสามารถหามาให้ได้แทบทุกอย่างเลย สำหรับฉันที่เป็นราชินีน่ะ มีช่องทางอยู่เยอะแยะ เพื่อเธอแล้ว พระเจ้าไม่ทอดทิ้งหรอก”
ไอบิสหัวเราะอย่างสง่างามขณะบอกกับเซเลน ชวานที่อยู่ข้างๆปรกติแล้วเป็นคนเข้มงวดที่จะไม่ใช้อำนาจของกษัตริย์ไปกับความต้องการส่วนตัว แต่คราวนี้เขาค้อมศีรษะอยู่เงียบๆเพื่อแสดงการสนับสนุน ไม่ต้องสงสัยเลย เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆถูกพาตัวมากะทันหันยังดินแดนที่ไม่รู้จัก ห่างไกลบ้านเกิด แยกพี่แยกน้องออกจากกัน แค่นี่ก็ยิ่งกว่าเพียงพอแล้วที่จะทำให้หดหู่จนอยากจะร้องไห้ออกมา
“อืม…”
เซเลนขมวดคิ้ว แสดงสีหน้าหนักใจและมองไปยังไอบิส
ไอบิสสงสัยเพราะจากที่เห็น สีหน้าของเซเลนดูอึดอัดมากกว่าดีใจ
“(ไม่ได้กำลังคิดว่าอยากได้อะไร)”
เด็กผู้หญิงในวัยนี้ควรจะมีความสุขกับเสื้อผ้า การแต่งตัว ขนม และของเล่น… เมื่อพูดถึงสิ่งที่อยากจะได้มาครอบครองมันก็น่าจะคิดได้มากมาย ตัวเธอเองหรือมารีก็เช่นกัน แต่ดูเหมือนเซเลนจะไม่มีความอยากที่ว่านั่น หรือในอีกแง่หนึ่งคือสิ่งที่เธออยากได้ ไม่ใช้ ‘สิ่งของ’ ที่จับต้องได้
ครอบครัวเฮลิฟาเต้ได้แต่มองดูอยู่เงียบๆพักใหญ่ ในที่สุด เซเลนก็ลุกออกมาจากเก้าอี้ เดินไปหาไอบิสอย่างช้าๆ แสดงถึงความเกรงใจ จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นและพูดเสียงเบา
“จับหน่อย”
“เอ๋?”
ไอบิสได้ยินแล้วก็เอียงคอสงสัย เซเลนก็ยกแขนขึ้นมากางมือออก ทำท่าเหมือนจับอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหน้า
“หรือว่า อยากจะให้กอดเหรอ?”
“อือ”
เซเลนพยักหน้า ทำท่าเหมือนเป็นเรื่องที่น่าอาย
ไอบิสครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็ส่งยิ้มและอ้าแขน
“เอาสิ เข้ามาเลย”
“ได้เหรอ!?”
เซเลนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นไม่นานก็แสดงรอยยิ้มที่สวยงามออกมา
แล้วจึงโผเข้าไปซบอกของไอบิส ไอบิสก็โอบกอดร่างอันบอบบางนั้นอย่างแนบแน่น
“โอ้!”
เซเลนรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง ของอาลัวให้ความรู้สึกแน่นและยืดหยุ่น ส่วนของไอบิสให้ความรู้สึกมีน้ำมีนวลและนุ่มนิ่ม เป็นเนื้อที่เพาะบ่มมาได้ยอดเยี่ยมจริงๆ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญหน้าอก เซเลนสรุปออกมา ‘85 คะแนน’ และบันทึกคะแนนลงสมองไปเรียบร้อย
“อืม ดีจัง”
“เอ๋?”
“ผ่อนคลาย”
“งั้นเหรอ… ดีใจด้วยนะจ๊ะ”
หลังจากที่เซเลนเพลิดเพลินไปกับหน้าอกของไอบิสพอประมาณแล้ว เซเลนก็ถอยออกมาก่อนที่จะควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้วทำอะไรที่เสียมารยาทไปยิ่งกว่านี้ เพราะเรียนรู้มาจากช่วงชีวิตหนึ่งตอนที่ยังเป็นชายแก่ว่าการถอนตัวก่อนที่จะถลำลึกจนเกินไปนั้นสำคัญมาก
“องค์ราชินี ขอบคุณค่ะ”
ไอบิสลูบหัวของเซเลนเบาๆ แก้มของเธอแดงเล็กน้อยขณะที่พูดขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม
ชวาน มิลาน หรือแม้แต่มารี เฝ้ามองโดยที่ไม่มีใครพูดอะไร
“เอาล่ะ นี่ก็เริ่มดึกแล้ว มารี ช่วยพาเซเลนไปส่งที่ห้องของเธอหน่อยได้ไหม?”
“อือ! เพราะฉันเป็นพี่สาวนี่นา! ในตอนที่เซเลนไม่สามารถไปพบกับพี่ของเธอได้… ไม่สิ ถึงจะอยู่ต่อหน้าพี่สาว ฉันก็ยังจะเป็นพี่สาวต่อไปให้เอง เธอก็พึ่งพาฉันให้มากๆเข้าไว้ล่ะ!”
เมื่อพูดอย่างนั้น มารีก็จับมือเซเลน เป็นการจับที่หนักแน่น ในใจคิดถึงหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบให้ได้ในแบบของตนเอง
“องค์ราชา องค์ราชินี ขอบคุณค่ะ ราตรีสวัสดิ์”
ก่อนออกจากห้อง เซเลนโค้งคำนับอย่างงดงามก่อนจะเดินออกไปพร้อมมารี เธอไม่ได้ทักเจ้าชายเหมือนกับคนอื่น โชคดีที่มิลานไม่ได้สังเกตในเรื่องนั้น
หลังจากมารีกับเซเลนออกไปแล้วประตูก็ปิดลง มิลานหันไปทางชวานและพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่างออกไป
“อย่างที่เห็นแหละครับ ท่านพ่อ”
“อย่างงี้นี่เอง พอจะเข้าใจแล้วทำไมแกถึงทำอะไรไม่ยั้งคิด น่าสังเวชยิ่งนัก”
บรรยากาศรอบตัวของชวานเปลี่ยนไป จากพ่อคนหนึ่งเป็นชายที่สมควรเรียกว่าราชาและพึมพำออกมาดังๆ ไอบิสเองก็แสดงสีหน้าเศร้าสร้อยออกมา
“คิดไม่ถึงเลย จากเสื้อผ้า ตุ๊กตา เครื่องประดับทั้งหมดเท่าที่จะนึกขึ้นมาได้ กลับขอแค่ได้กอด”
“ดูเหมือนว่า ‘ความสุข’ ของเซเลนแตกต่างจากคนทั่วไปพอสมควร”
“นั่นสินะ… ฉันเองก็ยังอ่อนหัดอยู่เหมือนกัน”
ไอบิสบ่นออกมาเบาๆ เพราะเธอเกิดในครอบครัวที่ยากจนจึงคิดว่าสามารถเข้าใจความรู้สึกของชนชั้นล่างที่ไม่มีอิสระได้ในระดับหนึ่ง
เด็กผู้หญิงในวัยนี้จะพอใจกับเสื้อผ้า ตุ๊กตา หรือขนมแสนอร่อยอย่างแน่นอน เธอเคยเชื่อแบบนั้น แต่เซเลนไม่แม้แต่จะคิดถึงของฟุ่มเฟือยพวกนั้น เป็นสถานการณ์ที่ไอบิสไม่ได้คาดเดาไว้
ความจริงแล้ว เซเลนเป็นแค่ผู้ชายธรรมดา ไม่มีความสนใจในเรื่องการแต่งตัวหรือตุ๊กตายัดนุ่นอยู่แล้ว ถ้าจะให้ของอย่างเสื้อผ้า เครื่องประดับหรือตุ๊กตา ก็ขอเป็นหุ่นยนต์แปลงร่างหรือโมเดลพลาสติกยังจะน่าดีใจซะกว่า ถ้ามันมีของแบบนั้นอยู่ในโลกนี้ก็คิดจะขออยู่หรอก แต่ถ้าไม่มี มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ สำหรับของกิน ถ้ากินแล้วอิ่มจะเป็นอะไรก็ได้ ไม่มีปัญหา หน้าอกจึงเป็นตัวเลือกที่ขยับขึ้นมาอยู่ลำดับต้นๆ
“ถึงอย่างงั้น ก็ยังมีสิ่งบันเทิงอื่นๆอย่างหนังสืออยู่อีกไม่ใช่หรือ? จากทั้งหมดนั่น ต้องการแต่ความอบอุ่นจากผู้คน… ช่างน่าสงสารเหลือเกิน”
ชวานบ่นออกมาไม่จบประโยค
เธอจะรู้สึกโดดเดี่ยวสักแค่ไหน เจ้าหญิงตัวน้อยที่อยากจะได้รับความรักความอบอุ่น แต่แม่ที่ให้กำเนิดตนกลับไม่คิดจะเหลียวแล
“ท่านพ่อ”
“อะไรรึ?”
“เรื่องประเทศข้างเคียงที่พูดถึงกันก่อนหน้านี้ ผมคิดว่าจะไปที่นั่นหลังจากจัดการเรื่องของเจ้าหญิงอาลัวเสร็จแล้ว ผมจะขอให้เซเลนไปกับผมด้วยครับ”
“เหตุผลล่ะ?”
“อยากจะให้เธอได้เห็นโลกภายนอกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ โลกที่กว้างใหญ่และสวยงาม ถ้าเธอได้เห็นก็คงจะช่วยเยียวยาจากโชคชะตาอันโหดร้ายที่เธอได้ประสบมา ถ้าเป็นแค่ประเทศเพื่อนบ้าน ภาระจากการเดินทางก็มีไม่มาก ถนนก็ได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ จึงไม่มีอันตรายใดๆครับ”
“มันก็จะกลายเป็นเพื่อการศึกษาของเซเลนมากกว่าของแกน่ะสิ เอาเถอะ อย่างงั้นก็ดี ความรู้สึกที่อยากปกป้องบางสิ่ง มันก็ช่วยให้แกเติบโตได้เหมือนกัน”
ชวานกล่าวพลางพยักหน้าให้และหัวเราะออกมา
หลังจากที่ได้เห็นเจ้าหญิงตัวน้อยเมื่อสักครู่ เขาก็ไม่คิดจะปฏิเสธความดื้อดึงของลูกชาย
“แต่เซเลนจะเป็นอะไรรึเปล่า?”
ไอบิสที่ยังรู้สึกกังวล ยกมือขึ้นมาแตะแก้ม
“ประเทศข้างๆมี ‘คนคนนั้น’ อยู่ไม่ใช่เหรอ? ยิ่งช่วงนี้ถูกเข้าใจผิดว่ามิลานออกเดินทางตามหาเจ้าสาวอยู่ ถ้าอยู่ดีๆก็กลับมาแล้วพาเซเลนไปพบด้วย ทางนั้นเขาจะคิดว่ายังไงน้า…”
คำพูดของไอบิสทำให้ทั้งชวานเละมิลานหน้าซีดไปชั่วขณะ
สำหรับมิลานแล้ว ‘คนคนนั้น’ จากประเทศข้างๆ น่ากลัวยิ่งกว่าทรชนหรือมังกรเสียอีก
“ก็ถูก… แต่มิลานก็มีเหตุผล จะให้ทั้งชีวิตของเจ้าหญิงเซเลนรู้จักแต่คุกของอาร์คุยล่ากับห้องรับรองแขกในวังเฮลิฟาเต้มันก็ไม่ค่อยดี มิลาน แกต้องทำให้มั่นใจจริงๆว่าเธอจะปลอดภัยนะ”
“ทราบแล้วครับ”
และแล้ว บรรยากาศไม่พึงประสงค์หลังอาหารค่ำก็จบลง
MANGA DISCUSSION