(นิยายแปล) อวกาศต่างโลก - ตอนที่ 8 - เด็กสาว
“ได้ของมาถูกๆ เพราะได้คุณอัลม่าคนนี้พาไปร้านดีๆ ใช่ไหมล่า?”
คุณเอลฟ์อวกาศยิ้มภูมิใจให้พลางเสียบหลอดลงไปในขวดที่ทำจากวัสดุที่ผมไม่รู้จัก
“ก็ใช่แหละ”
แต่พอออกมาจากร้านของชำแล้วมองไปข้างๆ ก็ได้เห็นบางอย่างที่ชวนให้ไม่เชื่อสายตา
“…! ไม่นะ ไม่…!”
“ทำตัวนิ่งๆ หน่อยดิเห้ยไอ้เวร”
“เหะๆ… ในที่สุดก็จับมาได้”
“สกปรกนิดหน่อย แต่ว่าก็ใช้ได้”
“เร็วเถอะ อยากจนทนไม่ไหวแล้วเนี่ย”
เด็กสาวคนนึงกำลังจะโดนลากเข้าตรอก พวกโจรที่ให้บรรยากาศน่ารังเกียจกำลังลากถูเธอไปที่ตรอก จากเนื้อหาที่พวกนั้นคุยกันนี่เดาได้ไม่ยากเลยว่าตั้งใจจะทำอะไรกับสาวน้อยคนนั้น
“หยุดก่อนเลย”
ผมวางมือลงบนปืนเลเซอร์กำลังจะเข้าไปยุ่ง แต่ก็มีบางคนดึงเข็มขัดผมไว้ซะก่อน ซึ่งไม่ต้องเดาเลยว่าใคร คนร้ายก็คืออัลม่านั่นเอง
“อยากให้ปล่อยไปงั้นเหรอ?”
“รู้จักเด็กคนนั้นหรือไงล่ะ?”
“ไม่เลย ไม่รู้จัก…”
ในตอนที่เรากำลังถกเรื่องสถานการณ์กัน เด็กคนนั้นที่ต่อต้านอย่างสิ้นหวังก็กำลังถูกลากไปหาตรอกอย่างต่อเนื่อง สายตามองมาที่ผม สายตานั้นทิ่มแทงผม ขอความช่วยเหลือ
“งั้นก็ไม่จำเป็น อย่าไปยุ่งเลย”
“นี่เธอ…..”
“นี่ เรื่องแบบนี้เกิดทั่วกาแลกซี่ จะสอดจมูกไปหาทุกๆ ครั้งที่เจอหรือไง? แบบนั้นมีกี่ชีวิตก็ไม่พอหรอกนะ คนที่ดูแลตัวเองไม่ได้ก็เป็นได้แค่เหยื่ออยู่แล้ว ช่วยแค่ชั่วคราวตอนนี้ไม่ได้ทำให้อะไรมันดีขึ้นหรอกนะ”
เป็นความเห็นที่ทั้งตรงและเป็นความจริงสุดๆ ผมไม่ใช่ทั้งพระเจ้าและฮีโร่ เป็นแค่ทหารรับจ้างครึ่งๆ กลางๆ ที่ดูแลตัวเองยังไม่ได้ด้วยซ้ำ
“นายน่ะไม่ใช่ฮีโร่ในนิทาน เป็นแค่คนที่มียานก็เท่านั้นแหละ”
ระหว่างที่อัลม่ากำลังพูด ผู้ชายพวกนั้นก็ลากเด็กสาวหายเข้าไปในตรอกเรียบร้อยแล้ว ก่อนหายไปสายตาเธอยังคงมองมาที่ผม แขนพยายามเอื้อมมาหาผม แขนที่เอื้อมมาไม่ถึงผม
“ก็จริง…”
อัลม่าพูดถูก
แต่มันเป็นเรื่องที่ถูกสำหรับผมจริงๆ เหรอ?
“ยัยเอลฟ์ใจดำน่าสมเพชเอ๊ย!”
ไม่มีทางอยู่แล้วสิวะ ถ้าปล่อยไปทั้งอย่างนี้คืนนี้ได้นอนฝันร้ายแน่ๆ จะเห็นในฝันแล้วจำได้ทันทีแล้วก็ต้องทำให้อารมณ์ดิ่งสุดๆ แน่ๆ
เพราะงั้นไม่มีวัน
“เดี๋ยวก่อนสิ?!”
ผมสะบัดมืออัลม่าที่จับเข็มขัดผมไว้ทิ้ง โยนสัมภาระแล้ววิ่งไปที่ตรอกทันที ระหว่างทางก็ดึงปืนออกมาจากซองและตรวจสอบสัมผัสตอนถือไว้ สำหรับตอนนี้ก็ตั้งความแรงไว้ต่ำสุดไปก่อนแล้วกัน
“ยอมแพ้เถอะน่า!”
“อย่าดิ้น เข้าใจไหมวะ หรือต้องให้เจ็บตัวก่อน?”
“อย่านะ… อย่า…”
“ถ้าซัดไปแบบนี้สักที เดี๋ยวก็เงียบเองแหละ–”
หนึ่งในพวกที่จับเด็กคนนั้นไว้เงื้อแขนขึ้น
ผมเล็งปืนขึ้นมาด้วยท่าที่เป็นธรรมชาติที่สุด เล็งไปที่แขนและเหนี่ยวไก
เสียงอีเล็กทรอนิกดังขึ้นพร้อมกับประกายแสงสีดำแดงย้อมตรอกนั้นไปพริบตาหนึ่ง และในเวลาเดียวกัน ชายคนนั้นก็ร้องด้วยความเจ็บปวด
“ก๊๊กกกกก?!”
เลเซอร์โดนเข้ากับกำปั้นที่ยกขึ้นอย่างจัง ทั้งๆ ที่ผมไม่เคยยิงปืนมาก่อนเลย แต่ก็ดวงดียิงโดน เพราะงั้นถือว่าเป็นไปตามคาดล่ะเนาะ? ไม่คิดว่าประสบการณ์เล่นเกม FPS จะช่วยอะไรได้ แต่ก็ถือว่าดีที่มันได้ผลล่ะนะ
“หือ!?”
ผมลั่นไกใส่พวกโจรที่กำลังมึนงงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในแต่ละครั้งที่ลั่นไก ประกายสีแดงก็จะวิ่งผ่านเข้าไปในตรอก และก็จะมีเสียงกรีดร้องของผู้ชายตามมา อย่างที่คิดไว้เลยว่าถ้าตั้งค่าไว้ให้ความแรงต่ำสุดก็จะไม่ทำให้ใครตาย
“อ๊อก!”
“อ๊า! อ้า? อ๊าาาาาาา!?”
“อ๊ากกกกก!?”
แต่ถึงจะไม่ตายก็ดูท่าจะเจ็บโครตๆ แล้วผมเองก็ไม่อยากทำถึงขั้นให้ขยับไม่ได้ก็เลยตะคอกออกไปหลังจากที่ทำให้เจ็บตัวไประดับนึงแล้ว
“ไปซะ! รอบหน้าไม่จบแค่รอยไหม้หรอกนะ!”
พวกโจรรีบตะเกียดตะกายหนีด้วยความหวาดกลัวจนลับหายไปอีกฝั่งของตรอก
ที่เหลืออยู่คือตัวผม ปืนเลเซอร์ในมือ และเด็กสาวคนนั้นที่เอาหลังพิงกำแพงกับชุดที่หลุดลุ่ย จ้องมาที่ผมด้วยความตกใจ
ผมเดินผ่านเธอไปพร้อมส่งเสียงพูดโดยที่ยังคงเล็งปืนไปยังทิศทางที่พวกผู้ชายหนีไป
“แต่งตัวซะ เดี๋ยวดูต้นทางให้ จะได้ออกไปจากตรอกนี่กัน”
“…! ค่ะ!”
เด็กสาวตอบกลับพร้อมเสียงสะอื้น และเมื่อได้ยินว่าเธอจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วผมก็หันไปมองเธอโดยที่ยังเล็งปืนไปยังหลังตรอกอยู่ นี่ถ้าผู้หญิงคนนี้เป็นนกต่อแล้วผมคือคนที่โดนแทงข้างหลังคงขำไม่ออกแหงๆ
ซึ่งไม่มีอะไรที่กังวลอยู่เกิดขึ้นเลยสักอย่าง และสาวน้อยคนนั้นที่ดูดีขึ้นก็หันมาหาผม ผมเลยส่งสายตาบอกให้เธอเดินย้อนไปยังทางเข้าที่โดนลากเข้ามา เธอพยักหน้ารับ ตาแดงก่ำเพราะพึ่งร้องไห้มา เธอวิ่งไปที่ทางเข้าซึ่งผมก็ตามเธอออกมา
“ยินดีต้อนรับกลับมา”
พอออกมาจากตรอกก็ได้อัลม่ามาต้อนรับ ถือกระเป๋าที่ผมทิ้งไว้อยู่ ความหงุดหงิดฉายอยู่บนใบหน้าอย่างชัดเจน
“แล้วเธอจะเอาไงต่อล่ะยัยหนู”
“ยังไงดีเหรอคะ…”
ผมหันไปมองเด็กสาว และเธอก็หันมามองผม เราจ้องตากัน
พอได้มองตรงๆ แล้ว ถึงจะสกปรกไปบ้างแต่เป็นใบหน้าที่น่ารักทีเดียว ตัวเล็ก บางทีคงเตี้ยกว่าไหล่ผมอีก แต่พอเทียบกับขนาดตัวเล็กๆ นั่นแล้วกลับมีเกราะส่วนหน้าที่หนาจนเทียบกันไม่ได้กับยัยเอลฟ์ใจดำน่าผิดหวังบางคนแถวนี้เลย นึกว่าโลลิโนตมจะมีแต่ในนิยายซะอีก แต่มีอยู่จริงๆ ด้วยสินะ
ดวงตาที่มองมาทางผมเป็นสีน้ำตาลอ่อน ผมเองก็สีเดียวกัน ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นลูกหมาน้อย เรียกได้ว่าน่ารักมากกว่าสวย ส่วนชุดก็ทั้งสกปรกและโทรมไปหมดแล้ว บางทีอาจจะเป็นเพราะพวกโจรก่อนหน้านี้
“หยุดจ้องหน้ากันแล้วตอบฉันมาได้แล้ว”
“อื้ม ไม่ได้คิดไว้เลยแฮะ รุ่นพี่ คิดว่าแบบไหนจะเรียกว่าแย่ แล้วแบบไหนคือวิธีที่ดีที่สุดเหรอ?”
“จริงด้วย นายมันไม่รู้อะไรเลย ฉันโง่เองที่ถาม งั้นเจอกัน”
อัลม่าถอนหายใจ ผลักกระเป๋าที่ถือไว้ใส่ผม แล้วหันหลังเดินหนีไป ได้เลย จะเอาแบบนี้สินะ
“โอ้โห้ว รุ่นพี่อัลม่าเนี่ยเป็นคนประเภทที่รับของตอบแทนจากรุ่นน้องแล้วไม่ยอมดูแลให้ดีสินะครับ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นอัลม่าก็หยุดเดิน หูยาวๆ ของเธอเองก็กระตุก
“แหม งั้นก็ช่วยไม่ได้ล่ะน๊า อ้ายเรามันก็ผิดเองที่ม่ายรู้ว่ารุ่นเป็นพี่เป็นคนหยั่งนั้น อุส่าห์คิดว่าเป็นรุ่นพี่ที่สุดยอดไปเลยแท้ๆ”
ยิ่งพูดต่อ หูของอัลม่าก็ยิ่งกระตุกหนักขึ้น ผมควรจะกระตุ้นต่ออีกนิดดีไหมนะ?
“ทอดทิ้งรุ่นน้องแบบนี้น่าผิดหวังจริงๆ เลยน๊า ไปขอให้ตาลุงที่กิลด์นักผจญภัยช่วยแทน ยัยเอลฟ์เจ้าเลห์ อกแบน ใจดำ น่าสมเพช น่าจะดีกว่าละม๊าง”
“ฉันจะฆ่าแก๊”
สุดท้ายก็ทนไม่ไหว วิ่งเข้ามากระชากคอเสื้อผมด้วยความเร็วอันสุดยอด เชี่ย น่ากลัวชิบหาย
“อย่างที่คิดไว้เลยนะครับรุ่นพี่อัลม่า! อย่าที่ผมคิดไว้เลยว่ารุ่นพี่อัลม่าไม่ใช่คนที่จะทอดทิ้งรุ่นน้องและและสาวน้อยไร้เดียงสาได้ลงคอ! เป็นคนที่สุดยอดไปเลย! น่าชื่นชมจริงๆเลยนะครับ!”
“โจ่งแจ้งเกินไปแล้วย่ะ… เฮ้อ ทำไมฉันต้องมาเจอเรื่องน่ารำคาญแบบนี้ด้วยวะเนี่ย…”
“ฆ่าเวลาได้ดีไง ใช่ไหมล่ะ? พยายามเข้านะ ♡ พยายามเข้า ♡”
“ถ้ายังไม่หุบปาก ฉันจะกระชากลิ้นแกออกมาเดี๋ยวนี้แหละ”
“ขอโทษครับ”
พอผมขอโทษอัลม่าก็ถอนหายใจแล้วยกมือขึ้นมาปิดตา ฮ่าฮ่าฮ่า เธอน่ะไม่เหลือโชคตั้งแต่เรียกฉันเพื่อฆ่าเวลาแล้ว! ยอมแพ้ซะเถอะ
“คำแนะนำอันดับหนึ่งของฉันยังโดนเมินเลย ฉันไม่คิดว่านายจะยอมฟังข้ออื่นหรอกมั้ง?”
“ขึ้นอยู่กับเนื้อหาแหละเนาะ ผมและแฟนจะได้ยิ้มอย่างมีความสุข”
“…”
และผมก็ถูกมองด้วยสายตาไม่พอใจ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ หมดสวยเลย
“แล้วนายล่ะมองไว้แบบไหน?”
“ดีสุดอาจจะเป็นให้ขึ้นยานมาด้วยละมั้ง ให้ดูแลเรื่องส่วนตัวกับเก็บข้อมูลน่าจะได้”
“ดูแลเรื่องส่วนตัว หือ… เป็นสาวไทป์ที่ชอบงั้นเหรอ?”
“ชอบไหมเหรอ…? ก็คิดว่าน่ารักนะ”
ถึงไม่ได้พูดออกไป แต่คิดว่าที่หน้าอกใหญ่ก็อนาคตสดใสแหงๆ พอผมหันไปมองตาเด็กสาว เธอก็มองมาที่ผมพร้อมสองมือที่กุมไว้ราวกับภาวนา รู้สึกเหมือนเธอหน้าแดงๆ ตัวสั่นๆ ด้วย
“เอาจริงนะ เราพึ่งโดนหาเรื่องมา อย่ามายืนคุยแบบนี้ดีกว่าไปหาที่นั่งให้ใจเย็นกัน”
“…นายเลี้ยง”
“คร๊าบ คร๊าบ คุณแม่ มาเถอะ ไปกัน ฉันไม่ทำอะไรแย่ๆ หรอก ถ้าเดินไม่ไหวจะเกาะฉันพยุงตัวเองก็ได้นะ”
“…….ค่ะ”
เด็กสาวพยักหน้าและจับชายเสื้อผมไว้ด้วยอาการลังเล จะจับแน่นอีกก็ได้นะรู้ไหม? แจ๊คเก็ตมันทนไม่ขาดง่ายๆ หรอกนะ
ถ้าต้องการให้รวมรูปไว้ในตอนอื่น ไม่แทรกระหว่างนิยายก็บอกได้นะคะ เพราะตอนนี้จัดรูปแบบตามความชอบคนลงคะ
{ไทยพาณิชย์ นางสาว ทยาธร อนันต์มานะ 162-246448-2}
สนับสนุนเป็นกำลังใจหรือจะเป็นค่าชานมไข่มุกให้คนแปล หรือจะเป็นค่าเหนื่อยไปซื้อชานมก็ได้ทั้งนั้นคะ
ขอบคุณสำหรับการอ่านจนถึงตรงนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่คะ