(นิยายแปล) อวกาศต่างโลก - ตอนที่ 24 - ช๊อปปิ้งด้วยกันสามคน ส่วนที่ 1
024 – ช๊อปปิ้งด้วยกันสามคน ส่วนที่ 1
วันถัดมา
“มาเร็ว ไปช๊อปปิ้งกัน”
“ค่ะ”
“ทำไมถึงแรงเหลือเฟือกันขนาดนี้ล่ะ?”
ถ้าจำไม่ผิดเมื่อวานนี่เราสร้างความสนิทสนมกันจนดึกดื่นเลยนี่หน่า แต่ไหงถึงดูเปล่งประกายดี๊ด๊ากันได้ขนาดนี้กันนะ หรือเป็นผมเองกันนะที่เป็นเหยื่อ? แบบโดนดูดออกไปจนเกลี้ยง? สงสัย แต่ก็คงไม่มีคำตอบ
“ท่านฮิโระคะ?”
“โอ้ ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ”
“ค่ะ”
มิมิที่กำลังอารมณ์ดียิ้มกว้างยื่นมือมาหาผม เราทั้งสามผ่านท่าจอดยานไปขึ้นลิฟท์ความเร็วสูง มองภาพอวกาศผ่านลิฟท์ไปจนมาถึงเขตสามที่เราคุ้นเคยกันดี
“มิมิกลัวไหม?”
“ไม่เป็นไรค่ะ! ท่านฮิโระกับคุณอัลม่าก็อยู่ด้วย แล้วฉันก็มีปืนเลเซอร์เหมือนกัน”
มิมิยิ้มแล้วแตะปืนเลเซอร์ที่อยู่ข้างเอว แต่ว่าถ้าเป็นไปได้ก็อยากจัดการให้จบโดยที่ไม่ต้องใช่ปืนน๊า บางทีอนาคตให้อัลม่าสอนศิลปะการต่อสู้ไว้หน่อยดีกว่า
“แล้วตั้งใจจะไปไหนเหรอ?”
“ไม่มีอะ ก็แค่อยากเลยไม่ได้วางแผนอะไรไว้ มิมิล่ะอยากไปไหนไหม? ก่อนหน้านี้มีหาข้อมูลร้านค้าของเขตสามเอาไว้นี่หน่า?”
“อะ ค่ะ นั้นสินะคะ”
มิมิเอาเทอมินัลพกพาออกมาแล้วคิด
“ร้านนึงที่น่าสนใจก็ร้านอุปกรณ์ทหารรับจ้าง ที่เหมือนว่าจะขายอุปกรณ์ที่ใช้ได้ทั้งบนยานและนอกยาน แล้วก็มีร้านขายปืนกับร้านของนำเข้าค่ะ”
“ร้านอุปกรณ์ฟังดูน่าสนใจ แต่ร้านปืนนี่?”
“อา ถ้าฉันไม่รู้วิธีป้องกันตัวเองพอถึงเวลาก็จะเป็นได้แค่ตัวถ่วง แต่เพราะว่าฉันไม่มั่นใจในแรงตัวเอง แถมด้านกีฬาก็ไม่เก่ง เลยหวังว่าจะหาอะไรดีๆ มาแทนได้น่ะค่ะ”
เข้าใจแล้ว มิมิก็ยังคงเป็นมิมิ เธอคิดมาดีแล้วว่าต้องการอะไร ผมเองก็ไม่ได้อยากใช้ปืน แต่ก็ไม่ได้มั่นใจการใช้มือเปล่าเหมือนกัน เพราะงั้นผมเองก็คงต้องหาอะไรติดตัวไว้บ้าง
“ฉันเคยไปร้านของนำเข้าอยู่นะ สนุกดีเลยล่ะ มันมีพวกของกินหายากที่ตามร้านของชำทั่วๆ ไปไม่มีด้วย แล้วก็ขายเหล้าด้วย ไม่เหมือนร้านของชำ”
“โอ้ น่าสนใจ ไว้ไปที่นั่นด้วยแล้วกัน ร้านปืนก็สน เพราะงั้นไว้ไปทีหลัง แล้วไปร้านไหนก่อนดี?”
“ร้านอุปกรณ์อยู่ใกล้สุดค่ะ”
“งั้นไปอันนั้นแล้วกัน”
พวกเราสามคนเดินผ่านเขตสามอย่างมั่นใจโดยมีมิมิเดินนำดูแผนที่จากเทอมินัลพกพา
เขตสามของโคโลนี่ไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยเท่าไร แต่พื้นที่รอบๆ ลิฟท์ หน้าประตูเข้าเขตสองและพื้นที่รอบๆ สำนักงานใหญ่กองทัพระบบดาวจะปลอดภัยเป็นพิเศษ ส่วนพื้นที่ของร้านโออิชี่มาร์ทจะอยู่ระหว่างรอยต่อของพื้นที่ปลอดภัยและพื้นที่ไม่ปลอดภัย
“เหมือนจะเป็นร้านนั้นค่ะ”
“นี่เหรอ?”
ดูจากด้านนอกจะดูเป็นร้านปกติทั่วๆ ไป หน้าร้านเป็นกระจก มีหุ่นจำลองผู้ชายและผู้หญิงวางเรียงกันใส่ชุดที่เป็นชุดสูทต้านแรงจี อื้ม ให้เรียกว่าปกติก็ยากอยู่นะ กับการเรียงรายด้วยชุดสูทต้านแรงจีเนี่ย
“เชิญๆ”
พอผมเข้ามาในร้าน เจ้าของร้านผู้ชายตัวบึกดูท่าทางแข็งแรงที่นั่งอยู่โต๊ะคิดเงินใกล้ๆ กับทางเข้าก็พูดทักทาย
มองดูรอบๆ ก็ถือว่าไม่ใช่ร้านที่ใหญ่กว่าร้านอื่นเท่าไร ขนาดพอๆ กับร้านสะดวกซื้อ มีกล้องรักษาความปลอดภัยติดอยู่รอบร้าน น่าจะเอาไว้กันโจร
“มากับผู้หญิงเหรอ?”
“ห้ามเหรอ?”
“ไม่หรอก แต่ถ้าไม่นับยัยหนูนั่น นายกับคุณผู้หญิงตรงนั้นก็ดูเป็นทหารรับจ้างนะ”
“ดูออกเลยเหรอ”
“ประสบการณ์น่ะ แต่มีของให้เลือกเยอะ เพราะงั้นดูได้ตามใจชอบเลย สงสัยอะไรก็เรียกแล้วกัน”
เจ้าของร้านพูดจบก็โบกมือไล่แล้วมองแท๊บเล็ทในมือต่อ นี่อยากขายจริงๆ ไหมเนี่ย แต่เหมือนว่าร้านนอกญี่ปุ่นจะเป็นแบบนี้เป็นส่วนใหญ่นะ บางทีสปิริทการบริการของญี่ปุ่นจะผิดปกติไปหน่อย
“ถึงงั้นก็มีหลายอย่างที่ฉันดูแล้วก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรอยู่ดีน่ะน๊า”
ผมหยิบกระป๋องลึกลับขึ้นมา ราคา 3 อีเนล เอ่อ อะไรเนี่ย……ทำให้ค๊อกพิทมีกลิ่นหอมสดชื่น! ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นบุหรี่! น้ำหอมปรับอากาศเร้อ? พอดูดีๆ ด้านล่างแปะเทปกาวไว้ด้วย? ขนาดอนาคตของพรรณนี้ยังเหมือนเดิมเลยนะ
“ท่านฮิโระคะ ท่านฮิโระจะไม่ใช้พวกชุดต้านแรงจีอะไรแบบนั้นเหรอคะ?”
“อา ไม่คิดว่าจะจำเป็นนะ เพราะค๊อกพิทบล๊อกของกฤษณะมีกลไกที่จะปรับแก้แรงจีระหว่างเร่งเครื่องกับหักเลี้ยวติดมาด้วย มิมิก็ไม่เคยเจอแรงจีที่แรงจนวูบใช่ไหมล่ะ?”
“ก็จริงค่ะ……แค่คิดว่าดูเท่ดี”
มิมิดูเศร้าเล็กน้อย ดีไซน์เท่ดูใช้ได้จริง แต่ระบบช่วยเหลือที่เพิ่มความสามารถในการเอาชีวิตรอดของลูกเรือที่ติดตั้งบนยานเป็นของคุณภาพระดับสูงสุด เพราะงั้นเลยไม่จำเป็นน่ะ ขอโทษทีนะ
“ไอ้นี่เป็นไง?”
ของที่อัลม่าเอามาโชว์เป็นอุปกรณ์ไซเบอร์ทรงกลม พูดตามตรงคือผมไม่รู้เลยว่าทำอะไรได้
“อะไรน่ะ”
“กราวิติ้สเฟียร์ มีประโยชน์มากนะ”
อัลม่าพูดพลางยกกราวิตี้สเฟียร์ขึ้นเหนือไหล่และกดปุ่ม เสียง ‘หวึ่งงงง’ ราวกับเครื่องจักรกำลังทำงานก็ดังขึ้นให้ได้ยิน
“แล้ว?”
“แบบนี้ไง แบบนี้”
อัลมาดึงของที่เหมือนหลอดออกมาจากกราวิตี้สเฟียร์และคาบไว้ในปาก แล้วพอปล่อยมือตัวกราวิตี้สเฟียร์ก็ยังลอยอยู่เหนือไหล่ขวาของเธอ ก็แปลกดี แต่ว่าผมก็ไม่รู้อยู่ดีว่าใช้ทำอะไร
“ขอโทษที แต่ไม่เข้าใจจริงๆ พึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกเลย”
“ก็แบบเอาเครื่องดื่มใส่ แล้วดื่มตอนไหนก็ได้ระหว่างสู้ แล้วดูนี่นะ”
อัลม่าเดินแล้วหันไปมาอยู่กับที่ ตัวกราวิติ้สเฟียร์ก็ตามเธอไปเป๊ะๆ ทุกฝีก้าว
“ขวดเครื่องดื่มที่ลอยบนอากาศได้สินะ?”
“ใช่แล้ว พอกดปุ่มล๊อกมันจะลอยอยู่กับที่สามวินาทีก่อนจะตามมวลสารที่อยู่ใกล้ที่สุด เป็นของสุดเจ๋งที่มีไว้เพื่อให้ของอยู่กับที่ไร้ปัญหาต่อให้เป็นค๊อกพิทที่แรงจีสูงๆ ก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นคือของข้างในจะไม่กระจายออกมา แถมเก็บอุณหภูมิได้ดีสุดๆ อีกด้วย”
“นี่แหละมั้งที่เรียกว่าใช้เทคโนโลยีสิ้นเปลือง……หรือจะเรียกว่าใช้ได้อย่างเต็มที่ดีนะ”
ผมเอื้อมมือไปจิ้มเจ้ากราวิตี้สเฟียร์ที่ลอยอยู่บนไหล่อัลม่า มันขยับเล็กน้อยตอนที่ดัน แต่ก็กลับมาที่เดิมในทันที เป็นเทคโนโลยีลึกลับจังนะ……
“แต่ว่าก็แพงสินะ?”
“ชิ้นล่ะห้าร้อยอีเนล”
“ก็……แพงแหละ?”
ยุ่งยากนิดหน่อย ยุ่งยากเพราะเทียบเป็นเงินเยนญี่ปุ่นคือ 50,000 เยน คือสำหรับขวดใส่น้ำคือมันแพงโคตรๆ เลย แต่ถ้ามองว่ามันอุปกรณ์ไฮเทคที่ใช้เทคโนโลยีสุดลึกลับที่ทำให้ของอยู่กับที่กลางอากาศได้ก็ราคาถูกมาก แถมมันยังเป็นจำนวนเงินที่น้อยนิดมากถ้าเทียบกับเงินที่มีอยู่ตอนนี้
“ดุมีประโยชน์นะ เดี๋ยวฉันซื้อแล้วกัน”
“ฉันซื้อด้วย”
“ไม่ต้องหรอก ของพวกนี้ซื้อใช้ในยาน เพราะงั้นเดี๋ยวฉันออกเอง หกอันเผื่อสำรองด้วย”
“งั้นเหรอ? ถ้าว่างั้นก็เอาตามนั้นแล้วกัน”
อัลม่ายิ้มให้ ให้ตายเถอะ เพราะว่าอัลม่าเป็นคนสวยมากอยู่แล้ว พอยิ้มมานี่พลังทำลายล้างอย่างสูงเลย ผมหลบตาด้วยความเขิน อัลม่าหัวเราะคิกคักและเดินไปที่เคาทเตอร์ หมั่นไส้แฮะ
แล้วก็มาของแปลกๆ อีกหลายอย่าง แต่ไม่มีที่เห็นแล้วอยากได้ อันที่สนใจอยู่บ้างคือชุดอุปกรณ์ทำอาหารที่มีเตาแก๊สพกพา และหม้อกับกระทะแบบง่ายๆ แต่บนยานมีเครื่องทำอาหารอยู่แล้วเพราะงั้นไม่จำเป็นจะต้องเอาไปเพื่อทำของสมบุกสมบันแนวของกินผู้ชายหรอก
หลังจากที่จ่ายเงินที่เคาทเตอร์ ผมก็บอกตำแหน่งยานที่จะให้ส่งสินค้าไปแล้วไปต่อที่ร้านถัดไป
“ต่อไปคือร้านขายปืนค่ะ”
“ร้านขายปืน……ชื่อร้านขายปืนนี่ชวนตื่นเต้นดีจัง”
“นายนี่ก็ยังเป็นเด็กอยู่ดีสินะ”
ร้านขายปืนอยู่ข้างๆ ร้านอุปกรณ์เลย ห่างกันแค่ 30 วินาที
“ใหญ่จังเลยนะ”
“ก็ร้านขายปืนนี่หน่า”
หน้าต่างที่ติดถนนประกอบด้วยกระจกและซี่เหล็กด้านนอก ประตูเป็นประตูอัตโนมัติบานหนาดูน่าประทับใจ เสียงประตูเปิดดังขึ้นเหมือนเป็นเสียงต่ำๆ ของเบส แล้วผมก็ตรงเข้าไปในร้าน
“โอ๊ส ตื่นเต้นๆ”
พอเข้าร้านมาสิ่งแรกที่ได้เห็นคือปืนจำนวนมากเรียงรายกัน แล้วยังดูเหมือนว่าจะขายของปรับแต่ง แพ๊คพลังงานสำรอง ซองปืน แล้วก็ของอย่างอื่นด้วย พอผมหันความสนใจกลับมาที่เคาทเตอร์ก็เห็นตาแก่นั่งมองอยู่ด้วยสายตาคมกริบ
“ไอ้หนู ร้านนี้ขายอาวุธไว้ยิงฆ่าคนว้อย ไม่ได้เอาไว้เดทกับสาว”
“ก็ใช่ แต่จะพยายามไม่ทำให้รำคาญนะ ขอโทษที”
“ฮึ่มมมมม”
ตาแก่หันหน้าไปทางอื่นราวกับหมดความสนใจ และเริ่มซ่อมปืนที่ถอดชิ้นส่วนเอาไว้บนเคาทเตอร์ต่อ ร้านแถวๆ นี้นี่ไม่ให้ความรู้สึกว่าอยากบริการลูกค้าเลยน๊า
“แต่ว่านะ ลุงมีพวกอุปกรณ์สำหรับสู้ด้วยมือเปล่าไหม?”
“มีเก็บไว้บ้าง แต่ไม่ใช่ของที่ขายได้บ่อยเลยเก็บไว้ที่คลังด้านหลัง”
“อื้ม ก็นะ ทหารรับจ้างที่สู้ด้วยมือเปล่ามันหายากนี่หน่า”
“เพราะงั้นถึงควรระวังตัวเอาไว้เยอะๆ ไง”
ผมหยิบเลเซอร์ไรเฟิลที่โชว์อยู่บนกำแพงออกมาลองน้ำหนัก เบาโคตรๆ ทำจากอะไรเนี่ย? เบาก็ไม่ใช่เรื่องแย่หรอก แต่เบาเกินไปเองก็เป็นปัญหาเหมือนกันนะ
มิมิเองก็สำรวจปืนเลเซอร์แนวปืนพกอย่างสนอกสนใจ หยิบลองถือกับลองวัดน้ำหนักว่าเหมาะมือไหม
“นายเองไม่ดูเหรอ?”
“เพราะฉันมีเจ้านี่แล้วน่ะ”
ผมแตะปืนเลเซอร์ที่เอว เป็นรางวัลจากอีเวนท์ต่อสู้ระยะใกล้ของสเตลล่าออนไลน์ ดีกว่าที่มีขายในร้านนี้อีก ดีไซน์ก็เท่ เป็นปืนโปรดผมเลย
“เป็นดีไซน์ปืนที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย ใครผลิตน่ะ?”
“อา— จำไม่ได้อะ เพราะเรื่องนั้นน่ะแหละ”
ผมอธิบายไม่ได้ว่าได้เจ้านี่มายังไง เพราะงั้นขอเลี่ยงคำถามแล้วกัน สูญเสียความทรงจำนี่สะดวกจังเลยนะ
“อ่า จริงด้วย แล้วเรื่องการบำรุงรักษานี่ทำได้ไหม?”
“ไม่ได้ทำเลย”
“เดี๋ยวนะ นายนี่มัน…… ไม่ลองให้เจ้าของร้านดูซักหน่อยล่ะ”
“ได้สิ”
ผมพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย แล้วตรงไปที่เคาทเตอร์ที่เจ้าของร้านอยู่ ตอนที่ผมเข้าไปหาที่เคาทเตอร์ ตาลุงเจ้าของร้านก็มองผมด้วยสายตาคมกริบ สายตาทั้งคมทั้งน่ากลัวเลย
“อะไร?”
“มีปัญหานิดหน่อยก็เลยบำรุงรักษาปืนที่มีไม่เป็น ช่วยดูให้หน่อยได้ไหม?”
ผมว่าแบบนั้นแล้ววางปืนเลเซอร์พร้อมซองลงบนเคาทเตอร์ ผมไม่ดึงออกมาจากซองแล้วส่งให้หรอกนะ
เจ้าของร้านมองผมด้วยสายตาสงสัย และค่อยๆ นำปืนเลเซอร์ของผมออกจากซองและตาเบิกกว้าง
“อ-อะไรเนี่ย!? จากแมนดัส…..!? แถมเป็นโมเดลเฉพาะของกันสลิงเกอร์แชมเปี้ยน……!?”
ตาลุงเจ้าของร้านลุกขึ้นจนเก้าอี้ดังแคร๊ง เป็นไรไหมนั่น? สั่นไปทั้งตัวราวกับจะเป็นลมให้ได้
“เจ้าหนู…… ไม่สิ คุณใช้มันยิงได้ใช่ไหม?”
“ห๊ะ? อื้อ ยิงได้สิ”
เคยยิงจริงตอนช่วยมิมิมาแล้วนี่หน่า อัลม่ากับมิมิเองก็เคยเห็นฉากที่ผมยิงปืนเลเซอร์อันนี้ไปแล้วด้วย
“เข้าใจแล้ว……ยิงได้……หมายความว่าเป็นเจ้าของอย่างเป็นทางการสินะ……”
ตาลุงนั่งลงบนเก้าอี้แล้วหลับตาลง
“นี่อัลม่า ตาลุงนี่ตกใจอะไรอะ?”
“ไม่รู้สิ แต่แมนดัสเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาวุธที่ระดับสูงที่สุดน่ะ เจ้านี้แมนดัสสร้างเหรอ?”
“อื้ม ไม่รู้รายละเอียดแฮะ แต่น่าจะดีกว่าที่หาซื้อได้ในร้านนี้นะ”
“แน่นอนสิ! นี่มันโมเดลจำกัดจำนวนของแมนดัสเลยนะ! หาปืนที่ดีกว่านี้บนกาแลกซี่นี้ไม่ได้แล้ว!”
ตาลุงตะโกน ยัดปืนเข้าซองแล้วยื่นกลับมาให้ผม
“ล-แล้วเรื่องบำรุงรักษาล่ะ?”
“ปืนนี่ไม่จำเป็นต้องซ่อมบำรุง! แต่ให้เสียหายระบบซ่อมแซมอัตโนมัติของนาโนแมชชีนจะจัดการให้เอง อย่าไปวุ่นวายกับมันโดยไม่ระวังคือดีที่สุด แล้วไม่ว่าใครนอกจากคุณก็ใช้มันไม่ได้หรอกนะ”
“ห-เห……”
เหมือนว่าจะเป็นปืนที่ดียิ่งกว่าที่ผมคิดไว้อีกนะ ในสเตลล่าออนไลน์มันโอนหรือแลกเปลี่ยนไม่ได้ก็จริง แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะมีระบบแบบยืนยันเจ้าของเลยนะ ต้องดูแลให้มากขึ้นหน่อยซะแล้วสิ อาจจะเอาผ้าเช็ดทุกๆ วันนับจากนี้
มิมิเองก็ดูปืนเลเซอร์หลายๆ แบบด้วยตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอันไหนที่เหมาะไปกว่าอันที่กิลด์ทหารรับจ้างเลือกให้แล้ว สุดท้ายผมเลยซื้อผ้าสำหรับดูแลทำความสะอาดมาจำนวนนึง แล้วก็แพ๊คพลังงานสำรองประมาณสามโหลไว้สำหรับปืนเลเซอร์บนยาน ก่อนจะตรงไปร้านถัดไปกัน
kloy1002 : เจ้าลูกบอลลอยนั่น อนาคตของแก้วเยติสินะ นอกจากจะเก็บความร้อน-เย็น แล้วก็ไม่ต้องเมื่อยมือถือซะด้วย แต่แพงค่ดด
{ไทยพาณิชย์ นางสาว ทยาธร อนันต์มานะ 162-246448-2}
สนับสนุนเป็นกำลังใจผู้แปล หรือกดไลค์ คอมเม้น สับตะไคร้(????)ได้เลยคะ!
ขอบคุณสำหรับการอ่านจนถึงตรงนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่คะ