(นิยายแปล) อวกาศต่างโลก - ตอนที่ 16 - ดาวหาง
“มิมิ สถานการณ์โดยรวมของสนามรบเป็นไงบ้าง?”
หลังจากเก็บของด้วยโดรนเก็บของเรียบร้อยก็เรียกมิมิ
“อื้มม คือว่า… สถานการณ์โดยรวมจะเอียงมาทางเราค่ะ”
“รู้ไหมว่าจุดไหนที่กำลังลำบาก?”
“อื้มม… ขอโทษค่ะ ไม่รู้เลย”
“ไม่เป็นไร จะบอกว่าฉันเองก็ใช้สัญชาตญาณเป็นหลัก แต่ว่า… ปกติแล้วจะต้องดูความต่างของกำลังรบระหว่างทหารรับจ้างกับโจรสลัด ตอนนี้จะอยู่ประมาณ 1:3 หรือ 1:4 ถ้าจำนวนฝั่งโจรสลัดมากกว่าตัวเลขนี้ก็คือจุดที่ควรจะต้องเข้าไปช่วย แต่ว่าถ้าพุ่งเข้าไปทั้งๆ ที่จำนวนมันเกิน 1 ต่อ 10 แล้วนี่ก็นับว่าไปฆ่าตัวตาย ถ้าเป็นฉันคงไหวประมาณนั้นแหละ”
“เข้าใจแล้วค่ะ… ถ้าเช่นนั้น จุดต่อสู้ถัดไปที่เห็นจะอยู่ซ้ายล่างจากตรงนี้ ถึงจะอยู่ใกล้ๆ กับกองทัพแต่ว่าตรงนั้นมียานขนาดกลางสามลำเลยลำบากกันอยู่”
หลังจากที่ได้ยินเป้าหมายที่ชัดเจนจากมิมิ ผมก็เช็คดูและเห็นว่าเป็นจุดที่ค่อนข้างเสียเปรียบจริงๆ มียานทหารรับจ้างอยู่สี่ลำและยานโจรสลัดราวๆ ยี่สิบลำ นอกจากนั้นยังมียานขนาดกลางอีกสามลำ พวกนั้นสู้กันได้ดีโดยที่ได้กองทัพช่วยยิงเสริม แต่ว่าถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อก็ถือว่าเป็นศึกที่ลำบากอยู่
“โอเคมิมิ เราจะไปร่วมวงกัน ถึงฉันจะค่อยระวังเผื่อไว้ แต่จับตาดูเรดาห์ดีๆ ล่ะ เราจะได้ไม่โดนอะไรโดยไม่ทันตั้งตัว แล้วก็ฝากติดต่อเรื่องการทำการแทรกแซงด้วย”
“ค-ค่ะ! ฉันจะทำเต็มที่ค่ะ!”
ระหว่างที่ฟังมิมิปลุกใจตัวเองผมก็ตรวจสอบอุปกรณ์ของยานโจรสลัดขนาดกลางที่ดูน่าจะอันตราย
เจ้านี้ปรับแต่งยานสำหรับขนส่งประชาชนเหมือนยานสนับสนุนด้วยมิสไซล์ก่อนหน้านี้ ซึ่งก็ปกติสำหรับโจรสลัด พวกมันไม่ทำลายยานตอนโจมตี แต่ทำลายแค่ไอพ่น บุกยึดและฆ่าลูกเรือทั้งหมดเอายานมาเป็นของตัวเอง
จากนั้นก็เอามาติดอาวุธที่ได้มาจากยานทหารรับจ้างกับยานค้าขายที่พ่ายแพ้และเปลี่ยนให้เป็นยานสนับสนุนเฉพาะหน้า – อย่างน้อยในเนื้อเรื่องสเตลล่าออนไลน์ก็บอกไว้ว่างั้น ที่โลกนี้ก็น่าจะเหมือนกันแหละ เพราะงั้นผมไม่อยากจะคิดถึงเรื่องที่ว่าลูกเรือดั้งเดิมตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
แต่ช่างเรื่องนั้นไปก่อน… อาวุธของยานปรับแต่งขนาดกลางคือมัลติแคนนอนสำหรับป้องกันตัวระยะประชิด และปืนเลเซอร์ขนาดกลางสำหรับยิงเสริม เป็นยานสนับสนุนด้วยปืนใหญ่ที่ยิงจากข้างหลังยานแนวหน้าที่เป็นยานขนาดเล็กด้วยปืนเลเซอร์ขนาดกลางที่พลังทำลายสูง และมีมัลติแคนนอนไว้สำหรับป้องกันตัวระยะประชิด ซึ่งน่าจะเป็นป้อมปืนควบคุมอัตโนมัติ
ซึ่งจากตำแหน่งของป้อมปืนก็จะทำความเสียหายได้พอสมควรจากด้านหน้า ด้านบน ซ้าย และขวา แต่ด้วยเครื่องกำเนิดโล่พลังงานประสิทธิภาพสูงความจุเยอะที่ติดตั้งบนกฤษณะ ต่อให้โดนยิงทีเดียวสามป้อมพร้อมกันก็ยังไหว แต่ก็ไม่จำเป็นต้องบวกซึ่งๆ หน้านี่หน่า
เพราะตำแหน่งของป้อมปืนที่ว่ามาก่อนหน้าหมายถึงด้านหลังและด้านล่างคือจุดบอด แล้วเพราะเคยเป็นยานขนส่งมาก่อน ชั้นล่างก็น่าจะเป็นคลังเก็บของ และมีโอกาสสูงที่โจรสลัดจะไม่ใส่เกราะเพิ่มเข้าไปเลยควรจะไร้การป้องกัน ไม่น่าพลาดหรอก
หลังจากตัดสินใจแล้วผมก็ลดแรงขับของเครื่องกำเนิดพลังงานลง ปิดระบบอาวุธและเร่งระบบทำความเย็น
“เดี๋ยวจะหนาวหน่อยนะ อดทนไว้ล่ะ”
“ค-ค่ะ จะทำอะไรเหรอคะ?”
“อะไรน่ะเหรอ? ก็ทหารรับจ้างไม่ได้สู้โดยพุ่งเข้าใส่อย่างเดียวนี่หน่า”
เมื่ออุณหภูมิของยานลดลง อุณหภูมิของค๊อกพิทก็ลดลงตามไปด้วย หลังจากผ่านไปประมาณสามนาทีอากาศในค๊อกพิทก็เย็นจนหายใจเป็นไอ ผมมองไปที่มิมิดูว่ายังไหวอยู่รึเปล่า ซึ่งก็ดูเหมือรว่าชุดจะทำหน้าที่กันหนาวได้ดีอยู่ ถึงจะหายใจเป็นไอแต่ก็ไม่ได้มีอาการหนาวอะไร
“เอาล่ะ ไปกัน”
หลังจากที่ทำให้ยานเย็นมากพอผมก็จัดการให้กฤษณะเคลื่อนที่ด้วยพลังงานต่ำสุดตีโค้งอ้อมเข้าจุดอับของยานขนาดกลางทั้งสามโดยที่ทั้งยานเล็กหรือยานขนาดกลางก็ไม่รับรู้ถึงการกระทำของผม
“ทำไมพวกเขาไม่รู้ตัวล่ะคะท่านฮิโระ?”
“ยานที่อยู่ในการต่อสู้น่ะปกติจะแผ่ความร้อนออกมาเยอะมาก เพราะงั้นก็เลยใช้เรดาห์ตรวจจับความร้อนกันเป็นหลักในการต่อสู้ แล้วในพื้นที่การรบที่ยานจำนวนมากสู้กันมันก็จะเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีซากอุกกาบาตหรือซากยานอยู่เยอะ เรดาห์ธรรมดาเองก็จะประสิทธิภาพลดลงด้วย เพราะงั้นการลดอุณหภูมิของยานลงมากๆ แบบตอนนี้ก็จะหลอกเรดาห์ตรวจจับความร้อนแล้วซ่อนตัวไปกับซากต่างๆ รอบๆ ได้น่ะ”
เทคนิคนี้ในเกมสเตลล่าออนไลน์เรียกกันว่าเทอมอลสเตลท์
ปกติแล้วตัวอุปกรณ์ลดอุณหภูมิเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อลดอุณหภูมิของของยานอย่างรวดเร็วในตอนที่ร้อนเกินจากการใช้ปืนเลเซอร์หรืออาวุธอย่างอื่น แต่ก็ขึ้นอยู่ว่าจะเอามาใช้ยังไงแหละนะ
“เข้าใจแล้วค่ะ… เทคนิคเองก็มีหลากหลายเหมือนกันสินะคะ”
“แต่เทคนิคพวกนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ได้ทุกที่ทุกเวลาอยู่ดี เอาล่ะ เราใกล้พอแล้ว เริ่มกันเถอะ”
“ค่ะ”
หลังจากยืนยันว่าตอนนี้เราอยู่ที่จุดบอดของยานขนาดกลางเรียบร้อยแล้ว ผมก็เริ่มการทำงานของระบบอาวุธอีกครั้งและเล็งปืนเลเซอร์กับช๊อตกันไปที่ท้องของยานขนาดกลางที่ไร้การป้องกัน
[ห๊ะ?! มีสัญญาณยานศัตรูด้านล่าง?! อยู่ในจุดบอดของพวกเราทุกมุมเลย?!]
[ว่าไงนะ?! ก่อนหน้านี้เอาตาไปมองที่ไหนอยู่วะ?! แอบหลับระหว่างสู้เหรอวะ?!]
[ดูอยู่เว้ย! อยู่ดีๆ ก็โผล่ขึ้นมายังกับผีเลย!]
[ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก! เวรเอ๊ย หันยานกลับ หันยานกลับ!]
“ไม่ทันแล้วม๊าง?”
ผมยิงปืนเลเซอร์ทั้งสี่ตามลำดับอย่างต่อเนื่องจนโล่ของยานขนาดกลางทั้งสามหายไปในทันที
[เอ๋อ๋อ๋อ๋!? โล่พลังงานมัน!]
[อะไรกัน?! หลบเร็ว! บูสเตอร์!]
[มึงขวางทางอยู่! หลบสิวะ!]
ปืนช๊อตกันเองก็โปรยกระสุนลูกปรายใส่ปีกข้างของยานขนาดกลาง กระสุนนับไม่ถ้วนฉีกกระฉากทะลวงท้องยานอันบอบบางโดยไม่ปราณี เพราะเป็นจุดที่เกราะอ่อน กระสุนที่โดนเลยสร้างความเสียหายอย่างหนักหน่วงกับเครื่องกำเนิดพลังงาน ระบบพยุงชีพ อุปกรณ์กระจายพลังงาน และคลังกระสุน
[ไม่ไหว! ไม่ทันแล้ว!]
[ลี้ภัย! ลี้ภัยโว้ย!]
ยานขนาดกลางทั้งสามเกิดแรงระเบิดขนาดเล็กอย่างต่อเนื่อง จากนั้นสุดท้ายก็เกิดระเบิดขนาดใหญ่ก่อนหยุดทำงานไป เสร็จไปสาม
“มิมิ ส่งข้อความการเข้าแทรกแซง”
“ค-ค่ะ นี่คือกัปตันฮิโระรหัสติดต่อกฤษณะ ฉันโอเปอเรเตอร์มิมิ พวกเราจะทำการเข้าแทรกแซงสนามรบเพื่อช่วยเหลือค่ะ!”
[ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ ช่วยได้มากเลย]
[ชิ จะปล่อยให้เอาส่วนแบ่งไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ต้องรีบบุก!]
[ถัมจิ๊งงง?! มีโอเปอเรเตอร์เป็นสาวน่ารัก?! ยอมแพ้ไม่ได้แล้วโว้ย!]
[ฟังแค่เสียงบอกไม่ได้หรอกนะว่าน่ารักไหม]
[ไม่ดิ ถ้าเสียงน่ารักตัวจริงก็ต้องน่ารักแหงๆ สาวเสียงน่ารักก็ต้องหน้าตาน่ารักแน่นอน]
ไม่มีความช่วยเหลือก็น่าจะไม่เป็นไรมั้งเนี่ย ดูยังสบายๆ กันอยู่เลย
“ไปกัน”
“ค-ค่ะ”
ปืนเลเซอร์ทั้งสี่ยิงใส่พวกโจรสลัดโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง กระสุนช๊อตกันก็ถูกยิงออกไปในตอนที่ยานสวนกันทำลายยานพวกนั้นไปทีละลำ ทีละลำ พอเสียยานขนาดกลางทั้งสามไปพร้อมๆ กันพวกที่เหลือก็เลยอลหม่านกันไปหมด วางตำแหน่งตัวเองกันมั่วซั่วคุมยานกันก็ไม่คล่องแคล่ว เป็นบุฟเฟ่ของจริงเลย
[ฮี้~~~! ไอ้สัตว์ประหลาดสี่แขน]
[เวรเอ๊ย! เลี่ยงแขนพวกนั้นให้ได้! เข้าจากข้างหน้า!]
[ไอ้โง่! ถ้าตูเข้าจากด้านหน้าก็โดนช๊อตกันยิงกระจุยสิวะ! ทำเอาเองสิวะ!]
[หนีเร็ว หนี! เอาชนะไม่ได้หรอก!]
[ว่าไงนะ?! ไอ้เวรเอ๊ย! อย่าหนีสิวะ! กองทัพระบบดาวเล็งพวกเราอยู่นะโว้ย!]
โจรสลัดลำนึงพยายามจะหนีจากแนวหน้าก็ถูกลำแสงขนาดใหญ่ที่พุ่งมาจากที่ไกลๆ ทะลวงจนระเบิดเป็นชิ้นๆ เป็นผลการยิงของยานจากกองทัพที่ดูเหมือนว่าจะสร้าง ‘กรง’ เสร็จสมบูรณ์แล้ว
“ไม่มีที่ให้หนีแล้ว ตายอยู่นี่แหละ”
[มึงนั่นแหละตายซะ! รุมมันเลย!]
โจรสลัดทั้งหมดเล็งอาวุธมาที่กฤษณะและยิงใส่พร้อมๆ กัน เหมือนว่าจะตัดสินใจรุมยิงผมให้ได้ก่อน ผมเลยเร่งความเร็วเลี่ยงลำแสงหลากสีที่โปรยปรายมาหาอย่างรวดเร็วจากนั้นก็หักเลี้ยวเพื่อนสลัดเหล่าโจรสลัดที่ไล่มาทิ้ง
“ว๊ายยยยย”
เสียง AI แจ้งเตือนดังขึ้นมาว่ากำลังถูกโจมตี และโฮโลแกรมของยานก็แสดงจุดที่โล่โดนโจมตีให้เห็น
เราโดนยิง มิมิที่เห็นข้อมูลตรงนั้นก็กรีดร้องราวกับโลกกำลังจะถึงจุดจบ ต่างกับผมที่ยังใจเย็นอยู่
เราโดนยิงแน่ๆ แต่ว่าความเสียหายพึ่งเกิดที่โล่ชั้นแรกจากทั้งหมดสามชั้น เรายังเหลืออีกสองชั้น แล้วด้วยความเร็วระดับนี้ ต่อให้โดนทะลวงโล่ชั้นสองได้แล้วค่อยใช้ชิลด์เซลล์ยังฟื้นฟูทันเลย แถมต่อให้โดนทะลวงโล่ทั้งสามชั้น ก็ยังมีเกราะอันแข็งแกร่งอยู่ดี เพราะงั้นถึงไม่ถึงเวลาลนลานหรอกนะ
เพราะผมใช้สมาธิไปกับการหลบทำให้โจมตีไม่ได้ แต่เพราะพวกโจรสลัดเอาแต่โจมตีผมอย่างสิ้นหวังเลยทำให้เหล่าทหารรับจ้างเองก็ไม่พลาดโอกาสนี้
[ยี๊ฮ่า! บุฟเฟ่โว้ย!]
[ดูเหมือนพวกเราจะโดนดูถูกอยู่สินะ]
[ไทฟูน ฟ๊อกทู ฟ๊อกทู!]
[เฮอริเคน ฟ๊อกทู ฟ๊อกทู!]
ยานทหารรับจ้างที่ต้องป้องกันมาจนถึงตอนนี้ก็เปลี่ยนมาเป็นฝั่งบุกทันทีและทำลายยานโจรสลัดไล่ไปทีละลำ ผมเองก็ไม่ได้อยากโดนยิงอยู่ฝ่ายเดียวเลยหาโอกาสสวนกลับไปด้วยการยิงปืนเลเซอร์ใส่และจมยานโจรสลัดไปทีละลำ
ช๊อตกันเป็นอาวุธที่แรงก็จริง แต่ยิ่งยิงก็ยิ่งแพงนะ ใช้แค่ปืนเลเซอร์ยังไงก็ถูกกว่า ถ้าอยากทำเงินเยอะๆ ยิ่งใช้แค่ปืนเลเซอร์ก็ยิ่งดี
และแค่ไม่ถึงสิบห้านาที สถานการณ์ก็กลับตาลปัตรเป็นยานโจรสลัดทั้งหมดในพื้นที่ถูกทำลายไปทั้งหมด
[เอเรียเคลียร์ พวกเราชนะแล้ว]
[ก่อนหน้านี้ก็ไม่แน่ใจว่าจะต้องทำยังไงต่อดี แต่พอเจ้าแขนมาช่วยทุกอย่างก็พลิกไปเลย]
[ทำได้ดีมากเจ้าแขน]
เหมือนว่าชื่อเล่นผมจะกลายเป็น ‘เจ้าแขน’ ไปแล้ว ไม่เท่เลยนะ… ไม่สิ คิดย้อนดีๆ แล้วก็ถือเป็นชื่อเล่นที่น่าสนใจได้อยู่
“เดี๋ยวฉันจะไปพื้นที่ถัดไปแล้ว โชคดีล่ะ”
[อื้ม นายด้วย แล้วก็สาวโอเปอเรเตอร์ก็ด้วยนะ]
“ค-ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
[เชี้ย เสียงน่ารักชิบ ต้องน่ารักแหงๆ]
[เพราะว่าเป็นงี้ไง เอ็งถึงยังเวอร์จิ้นอยู่]
[ไม่เวอร์จิ้นว้อย!]
เหมือนว่าเรื่องคุยเล่นแนวๆ นี้ก็มีที่โลกนี้เหมือนกันสินะ… รู้สึกคิดถึงขึ้นมาเลยน๊า
ระหว่างที่เร่งเครื่องไปสนามรบถัดไป ก็เจอยานลำนึงที่สะดุดสายตา
“ยานสีขาว… อัลม่า?”
“คุณอัลม่ากำลังสู้อยู่เหรอคะ”
“ใช่แล้ว ไปกันเถอะ”
เส้นแสงถี่ยิบบินข้ามหัวไป โอ๊ะ แย่แล้ว อัลม่ากำลังเจอกับยานขนาดกลางประเภทยานคุ้มกันที่ใช้อาวุธประเภทปืนเลเซอร์ฉายแสงที่รู้กันในชื่อ ‘เจอโรบี’
เฮฟวี่เลเซอร์แคนน่อนที่กฤษณะใช้น่ะเป็นปืนเลเซอร์ประเภทที่เรียกว่าพัลซ์เลเซอร์ ที่จะยิงใส่ยานศัตรูด้วยด้วยเลเซอร์ความแร่งสูงอย่างต่อเนื่องในเวลาสั้นๆ
ส่วนอีกอันคือปืนเลเซอร์แบบฉายแสงที่เรียกกันว่า ‘เจอโรบี’ เป็นปืนเลเซอร์ที่ปล่อยลำแสงความร้อนอย่างต่อเนื่องใส่เป้าหมายโดยตั้งเป้าที่ให้ตัวยานไหม้หรือร้อนจัดจนทำงานผิดปกติ ซึ่งมันมีทฤษฏีที่มาที่ไปของชื่อ ‘เจอโรบี’ อยู่หลายแบบ แต่โดยไอเดียพื้นฐานเลยคือการผสมกันระหว่างพุ่งและบีม ซึ่งจะแปลได้ว่า ‘Gero Beam’ ก็เลยย่อเหลือแค่ ‘Gerobi’ หรือก็คือปืนเลเซอร์ที่จะยิงอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญในตอนนี้เลย ถ้าไม่รีบช่วยอัลม่าล่ะต้องเกิดเรื่องที่ย้อนกลับไปไม่ได้แน่ๆ ผมเลยรีบเร่งยานมุ่งไปหาทันที
[หวาา ทำไม!? ทำไมคุมไม่ได้ล่ะ——อิย๊าาาาาาาา!?]
ผมตัดสินใจหยุดแล้วเว้นระยะ เพราะเหมือนว่าจะโชคร้ายไปไม่ทันซะแล้ว
[โว้ว! ทำอะไรน่ะเครื่องขาว?! มันจะชนฉันเอานะ—— เห้ อย่าพุ่งมาทางนี้นะ!]
ยานสีขาวของอัลม่าพุ่งไปมาด้วยความเร็วอันบ้าคลั่ง ตอนนี้หยุดไม่อยู่แล้ว
“ท-ท่านฮิโระคะ นั่นจะเป็นอะไรไหมคะ?”
“เป็นแน่ๆ ถ้าเป็นแบบนั้นไปแล้วก็จะคุมไม่ได้ไปเรื่อยๆ จนระเบิดนั่นแหละ”
[ไม่น๊าาาาาาา!? เดี๋ยวสิ อะไรกันเล่า—–อิย๊าาาาาา!?]
จากที่เห็นเหมือนว่ายัยนั่นจะไม่รู้เรื่องฟังก์ชั่นคลั่งของเฟอรารี่ลำนั้น… อัลม่าไม่ใช่เซียนที่รู้แล้วยังใช้ แต่เป็นยัยโง่ที่ซื้อมาเพราะดูแค่สเปคล้วนๆ
“เอ่อ อือ ไม่เข้าไปช่วยเหรอคะ?”
“หมดทางช่วยแล้ว… ความเร็วระดับนี้ ถ้าเข้าใกล้ก็ชนกันระเบิดแหง”
“เอ๊ะ ไม่จริงน่ะ… คุณอัลม่า คุณอัลม่าคะ…!”
“ไม่หรอก ค๊อกพิทของยานลำนั้นน่าจะทนเป็นพิเศษเลยแหละ—ควรจะเป็นงั้นนะ เพราะงั้นไม่คิดว่ายัยนั่นจะตายหรอก ถ้าระเบิดก็แค่ไปตามเก็บค๊อกพิทมา—”
ในวินาทีนั้นยานขาวของอัลม่าก็ทะลวงวงล้อมของสลัดอวกาศและพุ่งผิดทิศผิดทางออกไปราวกับเป็นดาวหาง
ผมระวังตัวอยู่ เผื่อไว้ว่าอาจจะพุ่งมาทางนี้ แต่ก็ไม่เป็นแบบนั้น กลับกันทิศทางที่ไปมีหน่วยของกองทัพอยู่… เดี๋ยวสิ ทางนั้นมัน…
[อ๊าาาา?! หลบไป หลบป๊ายยย!]
[โว้ว!? พุ่งใส่กันแบบนี้เลยเหรอ!?]
[ยิงสกัด… เดี๋ยวนะ ทหารรับจ้างนี่—– หวาาาาาาา?!]
ยานของอัลมาพุ่งเข้าชนกับยานประจัญบานของกองทัพจนตัวเองพังเลยหยุดทำงาน บล๊อกค๊อกพิทก็ดูยังทนดีอยู่ ถ้าโชคดีอาจจะไม่มีแม้แต่แผลเลย แต่ปัญหาคือยานประจัญบานที่โดนชนก็เสียหายหนักอยู่… ฮึ่มมม จะโดนเรียกค่าซ่อมเท่าไรกันนะ?
“อื้อ… เอาไงต่อดีคะ?”
“น่าเสียดาย ฉันทำอะไรไม่ได้หรอก… ไปตั้งใจทำงานกัน”
“ค-ค่ะ”
เพราะการคลั่งของยานอัลม่า ขบวนก็เลยพัง ผมเลยโดดลงไปกลางวงโจรที่กำลังเอ๋อแล้วยิงปืนช๊อตกันกับเลเซอร์ใส่ ถึงจะดูโหดร้ายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ ผมภาวนาให้อัลม่าปลอดภัยพลางทำงานต่อ นั่นแหละ
HorrorDay : ดาวหางแดงแรงสามเท่า แต่ดาวหางขาวตอนนี้หยุดไม่อยู่ไปซะแล้ว
kloy1002 : สะ-สมเป็นอัลม่า ไม่ผิดหว้งเลยนะคะ…
{ไทยพาณิชย์ นางสาว ทยาธร อนันต์มานะ 162-246448-2}
สนับสนุนเป็นกำลังใจให้แก่เอลฟ์อวกาศโชคร้ายได้ แต่เงินที่ได้ไปไม่ถึงเอลฟ์อวกาศนะคะ :p
ขอบคุณสำหรับการอ่านจนถึงตรงนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่คะ