(นิยายแปล) อวกาศต่างโลก - ตอนที่ - เอลฟ์?! เอลฟ์งั้นเหรอ?!
“โฮ่……”
โคโลนี่ค้าขายที่ผมอยู่ตอนนี้มีชื่อว่า เทอร์เมนไพรม์ เป็นโคโลนี่ทรงทอรัส… ไม่สิ บางทีเรียกทรงโดนัทน่าจะเข้าใจง่ายกว่า เป็นโคโลนี่ทรงโดนัท
โคโลนี่จะหมุนตลอดเวลา แล้วใช้แรงหนีศูนย์กลางในการสร้างแรงโน้มถ่วงจำลอง แล้วด้วยที่ว่าแรงโน้มถ่วงนั้นเกิดจากแรงหนีศูนย์กลางส่วนนอกของวงโดนัทจึงกลายเป็นพื้นไป
“อื้มม ค่อนข้างแจ่มเลยนะเนี่ย”
มองไกลออกไปจะเห็นพื้นค่อยๆ สูงไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ และพอมองฟ้าก็จะเห็นหลังคาที่ทำจากวัสดุที่เหมือนกับแก้วอยู่ไกลๆ และเหนือกว่านั้นขึ้นไปอีกจะเป็นอวกาศและจุดรวมที่อยู่ตรงกลางของโคโลนี่ทรงโดนัท จากพื้นเองก็จะมีลิฟท์ที่ตั้งเป็นช่วงๆ มุ่งตรงไปยังจุดรวม เหมือนเส้นที่ล้อจักรยาน
พอคิดถึงหน้าตาของลิฟท์กับจุดรวมที่ตรงกลางของโดนัทแล้ว ถ้าพูดอธิบายโคโลนี่นี้น่าจะเรียกว่าทรงล้อจักรยานมากกว่าโดนัทแหละ
“อื้ม เอาล่ะ”
ตอนนี้เพลินทิวทัศน์ของโคโลนี่มาพอละ เลยตัดสินใจเปลี่ยนมาเดินเรื่อยเปื่อย ซึ่งคนรอบๆ ก็มองผมด้วยสายตาแปลกๆ แต่ให้ทำไงได้ ทุกอย่างที่เห็นมันใหม่สำหรับผมไปหมดเลยนี่หน่า
ว่ากันว่าแสดงออกมากๆ ว่าเป็นนักท่องเที่ยวน่ะไม่ใช่เรื่องดี เพราะความปลอดภัยของโคโลนี่นี้อยู่ในระดับ “ทั่วไป” ถ้าเทียบพื้นฐานความปลอดภัยของโลกนี้กับที่ที่ผมเคยอยู่อย่างญี่ปุ่น ญี่ปุ่นคงเรียกได้ว่า “ดีที่สุด” ล่ะนะ พิสูจน์ได้จากการที่ให้ผมที่เป็นคนนอกพกปืนเลเซอร์ได้นี่ก็เป็นเข็มวัดความปลอดภัยของโคโลนี่นี้ได้เป็นอย่างดีแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่ที่ยอมให้คนนอกอย่างผมเข้าได้น่ะ ถูกเรียกว่าเขตสามไม่เชิงเป็นสลัม แต่เป็นพื้นที่ความปลอยภัยต่ำซะมากกว่า ไม่ได้อยากอยู่นานนักหรอก แต่ให้ทำไงได้ล่ะ?
ซึ่งมันก็มีคนที่ให้บรรยากาศหยาบคายมองมาทางผมอยู่บ้าง – พูดตรงๆ ก็พวกอันธพาลนั่นแหละ – แต่พอเห็นปืนเลเซอร์ที่ผมห้อยไว้กับตัวก็หายเข้าหลังตรอกไปพร้อมหน้าเซ็งๆ อย่างที่คิดวิธีอวดปืนนี่ใช้ได้ผลดีอยู่
“ไฮ้ พ่อเด็กใหม่ ปืนดีนี่หน่า”
ในตอนที่ชมตัวเองเรื่องผลลัพธ์ของปืนเลเซอร์อยู่ในใจก็ได้ยืนเสียงเรียกจากด้านหลัง
พอหันกลับมามองก็ได้เห็นสาวสวยผมเงินยืนอยู่ตรงนั้น ให้พูดยังไงดี เป็นคนที่สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลย องค์ประกอบใบหน้าจัดเรียงมาอย่างสวยงามประกอบกับผมบ๊อบสีเงินสว่างเป็นประกาย แล้วก็ถึงจะแบนแต่ก็หุ่นดีไม่ได้รู้สึกว่ารูปร่างบอบบางแต่อย่างใด
ที่เด่นสุดก็เป็นหูแหลมที่โผลพ้นผมสีเงินออกมา เอลฟ์เหรอ? เอลฟ์ในอวกาศ? คิดมาตลอดว่าเป็นแนววิทยาศาสตร์ แต่จู่ๆ ก็กลายเป็นแฟนตาซีซะงั้น จำไม่เห็นได้ว่ามีแบบนี้ในสเตลล่าร์ออนไลน์ด้วย…
ไม่สิ พอคิดดีๆ แล้วเรื่องหูแหลม เอเลี่ยนที่รูปร่างคล้ายมนุษย์ในโลกไซไฟก็มีออกจะบ่อยนี่หน่า? ไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิดเยอะซะหน่อย
แล้วส่วนชุด… ว่าไงดี? เหมือนชุดทหารแต่แย่กว่าหน่อย
ถึงจะเป็นเอลฟ์ ก็ไม่ได้ใส่ชุดเปิดผิว หรือกระโปรงพลิ้วๆ แต่อย่างใด กลับกันคือใส่กางเกงที่ดูลุยๆ เหมือนผมนี่แหละ เสื้อยืดเรียบๆ กับแจ๊คเก็ตลุยๆ แล้วซองปืนคาดเอวที่น่าเป็นปืนเลเซอร์เหมือนกันแต่กระบอกเล็กกว่าผม
“อยู่ดีๆ มาจ้องกันอย่างงี้ มีอะไรรึเปล่า?”
“เปล่า ก็แค่ถ้าอยู่ๆ มีคนแปลกหน้ามาทักก็ต้องระแวงไว้ก่อน ปกตินิ”
“เอาเถอะ ว่าไงก็ว่ากัน แต่ฉันไม่ใช่คนน่าสงสัยหรอกนะ ดูก็รู้ใช่มะ? เราเป็นทหารรับจ้างเหมือนกันไง!”
พูดจบ เอลฟ์ผมเงินที่ดูเหมือนทหารรับจ้างก็ยืดอกยิ้มภูมิใจ แต่ปริมาณหน้าอกนี่… ฮ่าฮ่าฮ่า ดูไม่น่าภูมิใจเท่าไรนะ ไม่ใช่ว่าไม่มีเลยหรอก แต่เหมือนนี่จะเป็นไทม์ไลน์เอลฟ์อกแบนรึเปล่านะ? ไม่สิ ตัดสินจากการเห็นเอลฟ์อวกาศโชคร้ายคนเดียวก็ดูจะไวไปหน่อย
“นี่ มองตรงไหนกันน่ะ?”
เอลฟ์อวกาศโชคร้ายสัมผัสได้ถึงสายตาของผม เลยซ่อนอกน้อยๆ ด้วยแขนทั้งสองข้างแล้วส่งสายตาไม่พอใจมาให้
“มองเธอยืดอกน้อยๆ ด้วยความภูมิใจน่ะ มีปัญหาอะไรไง๊?”
“มีอะไรงั้นเหรอ? ไม่มีอะไน นายนี่เป็นมือใหม่ที่ร่าเริงจริงนะ”
เอลฟ์อวกาศโชคร้ายจ้องและยิ้มดุมาให้ ถ้าทำให้โกรธน่าจะอันตราย ยังไงอีกฝ่ายก็มีปืนเลเซอร์เหมือนกัน
“ไงก็เถอะ รู้ได้ไงว่าตูมือใหม่? มีป้ายบอกไง๊?”
“ก่อนอื่นเลย หยุดพูดเก๊กไร้สาระที ฟังแล้วขนลุก”
“เข้าใจแล้ว ไงต่อ?”
“อย่างแรก เห็นชัดเจนว่านายน่ะเป็นทหารรับจ้างทั้งหน้าตาทั้งปืนข้างตัวนั่นอีก”
“อย่างนี้นี่เอง”
ก็จริง พอดูดีๆ แล้ว ไม่มีผู้อาศัยอื่นที่ใส่กางเกงหรือแจ๊คเก็ตที่ดูทนๆ เหมือนผมหรือเอลฟ์อวกาศโชคร้ายตรงหน้าเลย ทุกคนจะใส่ชุดที่ดูสบายๆ ไม่ใช่ผ้าหนาปึกแบบเรา พอคิดดูก็เห็นว่าชุดเรานี่เด่นจากคนอื่นขนาดไหน
“แถมนายยังมองอยากรู้อยากเห็นไปทั่วอีก แถมยังสายตามองชมโคโลนี่นั่นอีกใช่มะ? อันนี้คือพฤติกรรมเด่นๆ ของคนที่ไม่เคยออกจากถื่นตัวเองเท่านั้นแหละ”
“อย่างนี้นี่เอง คุณเอลฟ์อวกาศโชคร้ายนี่ฉลาดจริงๆ”
“นายพูดว่าอะไรนะ?”
“ไงก็เถอะ คุณรุ่นพี่ทหารรับจ้างสุดฉลาดอยากได้อะไรงั้นเหรอ?”
เป็นชั่วขณะที่สัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าเลย แสดงว่าพูดความจริงเรืองนมเล็กนี่อันตรายสินะ ต้องระวังซะแล้วสิ
“…ฮึ่ม เอาเถอะชั่งมันแล้วกัน อย่างที่เห็น ฉันแค่เบื่อน่ะ”
“หือ?”
“เห็นชัดๆ ว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยน่ะเคลื่อนไหวแปลกๆ แต่ดันไม่มีประกาศอะไรเลย ฉันก็เลยเบื่อ และมันน่าจะดูงี่เง่ามากถ้าออกจากโคโลนี่เพราะมันจะเกิดอะไรสักอย่างขึ้น แต่ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจด้วย ก็เลยเบื่อ”
“… แล้ว?”
“ตอนที่คิดเรื่อยเปื่อยแบบนั้นก็เห็น ‘มือใหม่’ หนุ่มน้อยที่ดูเป็นแบบนั้นเดินไปมาอยู่ เลยคิดว่าจะเข้ามาแกล้งเล่นซะหน่อย”
“อย่างนี้นี่เอง”
ก็เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ แต่เพราะว่าไหนๆ ก็อุตส่าห์เข้ามาคุยด้วยแล้ว งั้นก็ขอใช้ประโยชน์หน่อยแล้วกัน ผมได้ข้อมูล ทางนั้นได้ฆ่าเวลาแก้เบื่อ วิน-วินกันทั้งคู่
“งั้นเพื่อฆ่าเวลา ช่วยพาฉันไปที่ที่ซื้ออาหารหน่อยได้ไหมคุณรุ่นพี่”
“หืมม ไงดีน๊า? ร้านอาหารไม่ขายแอลกอฮอร์ซะด้วยสิ เลยไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไร”
“แอลกอฮอร์? แอลกอฮอร์…”
คิดๆ แล้ว ยังมีลังเหล้ากลั่นที่เอามาจากยานโจรสลัดอยู่ในคลังยานนี่หน่า ขายได้เงินไม่เยอะ แถมผมเองก็ไม่ดื่ม… นี่น่าเหมาะแก่การใช้พอดี
“ที่คลังยานมีเหล้ากลั่นที่ยึดมาจากโจรสลัดอยู่บ้างพอดี”
“หือ? แล้ว?”
“ถ้ายอมพาไปร้านของชำจะแบ่งให้ แล้วก็ถ้ารุ่นพี่ช่วยให้คำแนะนำกับตอบเรื่องที่สงสัยให้จะขอบคุณมากเลย”
“หืมมมม…”
เอลฟ์อวกาศโชคร้ายเอียงคอคิดอยู่สักพักก็พยักหน้ารับ
“เยี่ยมเลย น่าจะช่วยฆ่าเวลาให้ได้ แถมได้เหล้าด้วย ไม่แย่เลยจริงๆ เดี๋ยวจะสอนเรื่องที่ทหารรับจ้างควรรู้ให้เอง ยังไงก็เป็น [รุ่นพี่] นี่หน่า!”
เอลฟ์อวกาศโชคร้ายย้ำเรื่องที่ตัวเองเป็นรุ่นพี่บ่อยแปลกๆ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเรื่องที่เธอจะทำตัวเหมือนรุ่นพี่หรอก ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้นี่หน่า แถมยังเป็นสาวสวยที่ท่าที่ตอบรับน่าสนุกด้วยนี่หน่า
“โอเค โอเค งั้นก็ถือว่าตกลงกันสำเร็จ อื้มม เอาเป็นส่งของทางเทอมินอลละกัน เอา ID มาสิ จะได้ลงทะเยียนได้”
“ได้สิ แต่ถ้าทำอะไรน่ารำคาญบล๊อกนะ”
เราทั้งคู่เอาเทอมินัลข้อมูลพกพาออกมาแล้วแลกเปลี่ยน ID ติดต่อกัน เหมือนว่าเธอจะชื่อ อัลม่า แลกเปลี่ยน ID แล้วก็ต่อด้วยจัดการส่งของจากยานนึงไปอีกยานนึง
“หืมม ฮิโระ ชื่อง่ายจังเลยนะ” (ฮิโระ เขียนด้วย JP – ヒロね)
“ช่างฉันเถอะน่า ชื่อเธอเองก็ง่ายนะอัลม่า” (อัลม่า เขียนด้วย JP – てエルマ)
“ตัวอักษรฉันเยอะกว่าตัวนึงนะ”
“ก็ใช่แหละ”
ทำไมสาวๆ นี่ชอบเอาชนะจังนะ? ไม่รู้เพราะอะไรตอนผมยอมแพ้เธอก็ยิ้มภูมิใจใส่ หรือเป็นพวกขี้เหงาที่อยากได้คนสนใจกันนะ
ผมทำเรื่องส่งคอนเทนเนอร์เหล้ากลั่นจากคลังยานไปให้ยานอัลม่าผ่านทางเทอมินัลซึ่ง ซึ่งก็ได้รับการตอบรับทันที แล้วคอนเทนเนอร์ก็ถูกส่งไปยังยานของอัลม่า
“นี่ส่งของยังไงกันนะ?”
“ไม่รู้หรอกเหรอ? โรงจอดน่ะจะให้เราเข้าถึงระบบขนส่งภายในโคโลนี่ได้ ซึ่งเราก็รับส่งของกันผ่านทางระบบขนส่งนี่แหละ”
“โอ้ เข้าใจละ”
ก็คือว่าในยุคอวกาศนี้น่ะขนของขึ้นลงจากคลังยานทั้งหมดจะเป็นระบบอัตโนมัติ ขนของด้วยมือน่ะเลิกใช้กันไปนานแล้ว
“เป็นทหารรับจ้างมานานแค่ไหนแล้วเหรออัลม่า?”
“ห้าปี ที่นี่ห้าปีนี่ก็นับว่าเป็นมือฉมังแล้วด้วย”
“โฮ่ อย่างงั้นเหรอ?”
มีประสบการณ์การเป็นทหารรับจ้างมาแล้วห้าปีก็หมายถึงว่าเป็นทหารรับจ้างมาตั้งแต่ก่อนสเตลล่าออนไลน์จะปล่อยซะอีก ในอีกแง่ก็คือเป็นรุ่นพี่ของจริง แถมเป็นระดับทวดของเราเลยด้วย
“อย่างนี้นี่เอง เป็นรุ่นพี่จริงๆด้วยสินะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
“จู่ๆ ก็เคารพกันเฉย? เอาเถอะ เคารพผู้อาวุโสก็เป็นเรื่องดี”
“ผู้อาวุโส?”
“ฉันอายุ 53 ปีแล้วนะรู้ไหม?”
“… แต่ยังดูเด็กอยู่เลยนะ?”
ไม่ว่ามองจากมุมไหนก็อายุไม่น่าเกินยี่สิบ
“อายุขัยพวกฉันน่ะนานกว่ามนุษย์อย่างพวกนาย พวกนายน่ะอายุจะยืนแค่ไหนก็ได้แค่ราวๆ 150 ปี แต่ขั้นต่ำของพวกฉันคือ 500 เลยนะ”
“อย่างนี้นี่เอง ความต่างของเผ่าพันธุ์สินะ… เป็นทหารรับจ้างมาแล้วห้าปี หมายความว่าเริ่มทำงานทหารรับจ้างตอน 48 แล้วก่อนหน้านั้นใช้ชีวิตมาแบบไหนเหรอ?”
“ง- ไงก็เถอะ!? ไม่ควรล้วงอดีตของทหารรับจ้างนะ!”
อัลม่าตอบคำถามของผมด้วยท่าทางตื่นตระหนก ชี้นิ้วมาทางผมพลางพูดไปด้วย เหมือนจะเป็นหัวข้อที่เจ้าตัวไม่อยากพูดถึงเท่าไร ผมเลยยกมือยอมแพ้ให้กับคนตรงหน้าที่กำลังโมโหอยู่
“โอเคๆ จะหยุดแค่นี้แล้วกัน ขอโทษทีแค่สงสัยน่ะ แต่รู้ไหมว่าไอ้ท่าทางร้อนรนแบบนั้นมันเป็นการบอกอ้อมๆ ว่าไม่สบายใจที่ถูกถามน่ะ?”
“งื้อออ… ข-เข้าใจก็ดีแล้ว”
เหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่อยากพูดถึงจริงๆ แฮะ ถ้ายุ่มย่ามเจอไปน่าจะโกรธแหง เพราะงั้นไม่แตะโดยไม่ระวังจะดีกว่า
พออัลม่าใจเย็นลงแล้วเริ่มออกเดินต่อ ผมก็เดินไปข้างๆ แล้วถามเธอเกี่ยวกับเรื่องทหารรับจ้าง ด้วยความที่ความประทับใจของผมที่มีต่อเธอคือเอลฟ์อวกาศที่น่าผิดหวังผมเลยแอบสงสัยว่าเธอจะตอบอะไรที่มันแปลกๆ รึเปล่า แต่เนื้อหาที่ได้กลับมากลับแน่นมากๆ
“ตอนที่รับงานน่ะ รับผ่านกิลด์ทหารรับจ้างตลอดดีกว่า โดยเฉพาะถ้าอยากจะเลี่ยงปัญหาน่ะนะ”
“กิลด์ทหารรับจ้างเหรอ คิดๆ ดูแล้วฉันเองก็ต้องไปลงทะเบียนนี่หน่า”
“หา? เป็นมือใหม่ไม่พอยังผิดกฏหมายอีกเหรอ!? ก่อนไปซื้อข้าว ไปลงทะเบียนทหารรับจ้างก่อนเลยนะ!”
“อ่า ครับ ขอโทษที”
ผมโดนลากชายเสื้อไปด้วยแรงที่เยอะจนไม่น่าเชื่อ กลับไปทางที่เราพึ่งมากัน ดูเหมือนว่ากิลด์ทหารรับจ้างจะตั้งอยู่ใกล้ๆ กับลิฟท์ที่อยู่แถวๆ โรงจอดยาน อัลม่าบ่นด้วยความไม่พอใจใส่ผมว่ามันเป็นเรื่องอันตรายแค่ไหนกับการเป็นทหารรับจ้างที่ไม่มีใบรับรอง
เจ้าตัวบอกว่าทหารรับจ้างที่ไม่ได้ลงทะเบียนกับกิลด์ทหารรับจ้างน่ะก็เป็นแค่โจรที่ไม่มีค่าหัวเท่านั้นแหละ บางที่นี่ถึงขั้นเข้าท่าเรือไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“โลกมันโหดร้ายจัง”
“แน่นอนสิย๊ะ! ถ้ามีคนผ่านทางมาแต่ไม่ได้สังกัดองค์กรณ์ไหนเลยแต่ดันอยู่บนยานที่สร้างความเสียหายกับโคโลนี่ไม่ก็สถานีได้อย่างหนักจากการยิงทีเดียวน่ะ มีใครจะไม่กังวลบ้างห๊ะ! อยู่รอดมาจนถึงตอนนี้ได้ยังไงกันห๊ะ?!”
“แบบ สถานการ์มันอธิบายยากจนจะให้ฟังก็น้ำตาจะไหล จะเล่าก็น้ำตาจะไหลอะ”
ระหว่างที่ผมว่าแบบนั้นอัลม่าก็ลากผมมาถึงออฟฟิศของกิลด์ทหารรับจ้าง เดี๋ยวไว้อธิบายสถานการณ์อีกทีคราวหน้าละกัน
จะว่าไป ตึกนี่ดูดีกว่ากิลด์ทหารรับจ้างที่คิดไว้เป็นร้อยเท่าเลยน๊า
พื้นทำด้วยวัสดุสะท้อนแสงที่ไม่รู้จัก แล้วยังติดไฟจนสว่างสดใสด้วย เก้าอี้นุ่มที่ไม่มีพนักพิงที่น่าจะมีไว้สำหรับนั่งรอจำนวนมากวางเรียงราย ด้านหลังถัดไปคือเคาท์เตอร์จำนวนมาก
แล้วก็มีบอร์ดข้อมูลห้อยไว้จากเพดานตรงแต่ละเคาท์เตอร์ด้วย คนดูไม่เยอะเท่าไร กิจการไม่ดีสินะ?
“เหมือนสำนักงานรัฐมากกว่ากิลด์ทหารรับจ้างอีกแฮะ”
“เหมือนกันนั่นแหละ มาเร็วแผนกต้อนรับอยู่ตรงโน้น”
“คร๊าบคุณพี่สาว”
แล้วรุ่นพี่อัลม่าก็ลากผมไปที่โต๊ะรับรอง
HorrorDay: จริงๆ แล้วช่วงต้นของตอนนี้ฮิโระจะแทนตัวเองว่า Ore ซึ่งจริงๆ มันควรจะไปทาง ข้า/กู แต่ขออนุญาตทิ้งไว้เป็น ฉัน นะครับ
แล้วก็ Colony ทางคนอ่านคิดว่าอยากให้แปลเป็น อาณานิคมไปเลย หรือเป็นโคโลนี่ดีกว่า?
{ไทยพาณิชย์ นางสาว ทยาธร อนันต์มานะ 162-246448-2}
สนับสนุนเป็นกำลังใจหรือจะเป็นค่าชานมไข่มุกให้คนแปล หรือจะเป็นค่าเหนื่อยไปซื้อชานมก็ได้ทั้งนั้นคะ
ขอบคุณสำหรับการอ่านจนถึงตรงนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่คะ