[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 86 [3] เก็บน้ำผึ้งและผลที่ได้ [Part 7]
- Home
- [นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่
- ตอนที่ 86 [3] เก็บน้ำผึ้งและผลที่ได้ [Part 7]
พอได้ยินเรื่องของคุณเอรินแล้ว คุณไอริสก็เดือดขึ้นมาเลย
เธอทุบมือลงกับโต๊ะ ตะโกนเสียงดังลั่น
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงน่ะ! นายท่านผู้จัดการต้องทำงานตัวเป็นเกลียวจนถึงจุดที่ล้มพับไปเลยนะ!”
“อะ ไม่หรอกค่ะ มันเป็นความผิดของฉันเอง”
ถึงต้นเหตุมันจะมาจากเฮล เฟลม กริซลีก็จริง แต่มันก็เป็นการกระทำที่หาเรื่องใส่ตัวซะมากกว่า
ไม่ต้องไปฟื้นฝอนหาตะเข็บหรอกค่ะ
น่าอายจะตายไป
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ! ยังไงการปกป้องประชากรคือหน้าที่ของเจ้าครองที่ นี่มันเป็นการละทิ้งหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างชัดเจนเลย!”
คุณเอรินตอบกลับอาการโกรธเกรี้ยวอย่างเปิดเผยของคุณไอริสด้วยการถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างจนใจ
“ถ้าเรามีเจ้าครองที่แบบนั้นก็คงดี แต่เจ้าครองที่ที่นี่น่ะไม่ได้เป็นแบบนั้น เจ้านั่นสนใจแต่เรื่องเก็บภาษีเท่านั้นแหละ”
“ถึงฉันจะไม่รู้เท่าไหร่ แต่เจ้าครองที่ของที่นี่คือใครเหรอคะ?”
“แถวนี้… หมู่บ้านย็อคกับเมืองเซาว์ท สแตรกนั้นเป็นพื้นที่ส่วนนึงที่อยู่ใต้การปกครองของไวเคานต์เคิร์ก พวกขุนนางที่อยู่แถวๆ นี้เนี่ยเก่งกันมากเลยล่ะ เรื่องการหาเงินเข้ากระเป๋า”
“ถึงจะหาเงินกันได้ แต่ก็ไม่ได้คิดจะเอาเงินพวกนั้นมาทำประโยชน์ให้ประชาชนเลยน่ะนะ!”
“แบบนี้นี่เอง…”
เพราะมีข้อมูลอยู่จำกัด การจะตัดสินความสามารถของเจ้าครองที่คนนี้ก็เลยยังไม่ชัดเจน แต่ถ้าเขารับผิดชอบเซาว์ท สแตรกด้วยล่ะก็ แค่นั้นอย่างเดียวก็บอกได้แล้วล่ะว่าเขามีความสามารถในการหารายได้อยู่พอควรเลย
ถ้ามองแบบนั้น จะคิดแบบนั้นก็เข้าใจได้นะ แทนที่จะลำบากใช้ทั้งเงินใช้ทั้งกำลังพลส่งทหารมาที่หมู่บ้านเล็กๆ อย่างย็อค ปล่อยหมู่บ้านนี้ไปเลยอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าก็ได้
สำหรับคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ มันก็คงเป็นเรื่องที่รับไม่ได้หรอก แต่ถ้าเปรียบเทียบกันระหว่างรายได้ที่จะได้จากภาษีของหมู่บ้านนี้ กับค่าใช้จ่ายในการส่งทหารหลายนายมาทำการสืบสวนที่ทะเลป่าใหญ่ อย่างหลังเนี่ยต้องเสียเยอะกว่าอยู่แล้ว
ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนลึกของทะเลป่าใหญ่ถูกพิจารณาว่าเป็นสถานที่ระดับความอันตรายสูงไปแล้วล่ะ
“เอาเถอะค่ะ ฉันเข้าใจแล้วว่าไวเคานต์เคิร์กคนนี้ไม่ได้เป็นเจ้าครองที่ที่ดี ถ้างั้นแล้ว คำร้องขอของคุณเอรินนี่คืออะไรเหรอคะ? ――― ถึงฉันจะพอเดาได้แล้วก็เถอะ”
“นั่นสินะ ก็อย่างที่ว่าไว้ ถูกต้องแล้ว มันคือการสืบค้นหาสาเหตุของการคลุ้มคลั่งของเฮล เฟลม กริซลีนั่นเอง”
“ว่าแล้วเชียว~ อื~ม…”
ฉันก็สงสารคุณเอริสที่กำลังลำบากอยู่เหมือนกันนะ แต่นี่มันดูไม่ได้เหมือนงานของนักเล่นแร่แปรธาตุเลย ใช่มั้ย? อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่งานที่อยู่ในหลักสูตรที่เราเรียนที่วิทยาลัยล่ะนะ
สำหรับนักเล่นแร่แปรธาตุในหมู่บ้านเล็กๆ แบบนี้ นอกจากพวกเขาจะคาดหวังให้เราทำงานแบบที่หมอทำแล้ว ยังต้องเป็นแม้กระทั่งคนคอยช่วยแก้ปัญหาให้พวกเขาด้วย
ฉันอยากจะเลี่ยงสถานการณ์ตอนนี้จัง ที่ตัวเองดูจะเป็นพนักงานรับจ้างสารพัดเข้าไปเรื่อยๆ แล้วเนี่ย…
คุณเอรินที่เห็นว่าฉันดูลังเลก็หันไปหาคุณไอริส
“แล้วพวกคุณไอริสล่ะ คิดยังไงกันบ้าง?”
“อึม ส่วนตัวแล้ว ฉันก็อยากจะให้ความร่วมมือด้วยนะคะ แต่ว่า…”
คุณไอริสเองก็เลือกคำพูดของเธออย่างระมัดระวัง แล้วหันหน้าไปหาคุณเคท
พอเห็นสายตานั้นแล้ว คุณเคทก็นิ่งคิดอยู่พักนึง ก่อนจะพูดขึ้น
“คุณเอรินคะ ถ้านี่เป็นคำร้องขอ แสดงว่ามีเงินตอบแทนด้วยใช่มั้ยคะ?”
“ใช่แล้ว มีแน่นอน เงินรางวัลจะขึ้นอยู่กับจำนวนวันที่ใช้ในการทำงานสำเร็จ แต่ฉันก็หวังว่าจะจัดสรรจ่ายให้พวกคุณได้ประมาณ 2 เท่าของเงินที่พวกคุณสามารถทำได้ในวันปกตินะ”
เพราะงานนี้ต้องมีการตั้งค่ายค้างแรมแน่ ไม่ต้องสงสัยเลย จะจ่ายให้เท่านี้ก็สมเหตุสมผลแล้วล่ะ
แต่ถ้าเทียบกับความอันตรายแล้วนี่ เงินเท่านี้อาจจะน้อยไปหน่อยนะ
ถึงอย่างนั้น ในบรรดานักเก็บสะสมคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน คุณไอริสกับคุณเคทหาเงินได้ค่อนข้างเยอะเลยนะ พิจารณาจากสถานะการเงินของหมู่บ้านแล้วนี่ การจ่ายเงินประมาณขนาดนี้ก็ดูจะเป็นการบีบคั้นกันมากพอดูเลย
“ถ้าเป็นไปได้ กลับมากันภายในเวลาอาทิตย์นึงก็จะดีมากเลย เรื่องเงินก็ค่อนข้างจะรัดตัวด้วย เพราะงั้น…”
คุณเอรินพูดเสริมมาแบบนั้นด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด ซึ่งคุณไอริสก็พยักหน้าให้อย่างเข้าใจ
“หืม ฉันว่าฉันรับงานนี้ได้นะ แต่เธอว่าไงเคท?”
“ฉันเองก็ไม่ได้ติดอะไรหรอก แต่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าคุณผู้จัดการตกลงรับงานนี้ด้วยนะ พวกเรากันเองน่ะไม่ไหวหรอก พวกเฮล เฟลม กริซลีถูกไล่ออกมาจากถิ่นที่อยู่ของตัวเองใช่มั้ยล่ะ? งั้นพูดอีกอย่างก็คือมีความเสี่ยงที่ว่าเราจะไปเจอกับตัวอะไรที่แข็งแกร่งไล่เลี่ยกัน หรือไม่ก็แข็งแกร่งกว่าเฮล เฟลม กริซลีอีกนะ”
“นั่นสินะ ถ้ามันมีอยู่ตัวเดียว พวกเราก็อาจจะหนีกลับมาได้นะ แต่…”
เพราะเป็นศัตรูที่ยังไม่เข้าใจถึงคุณลักษณะของมันเลย คุณไอริสก็เลยตอบกลับด้วยคำพูดที่เธอเลือกอย่างระวัง พร้อมกับครางเสียงต่ำๆ ในลำคอของเธอพร้อมกับกอดอกแน่น
“คุณเอริน แล้วรางวัลสำหรับคุณผู้จัดการล่ะคะ? พูดตามตรงแล้ว ฉันไม่คิดว่าทางหมู่บ้านจะสามารถจ่ายเงินปริมาณที่พอจะดึงดูดให้คุณผู้จัดการทำงานด้วยได้เลยนะคะ”
พอเห็นคุณเคทเหลือบมามองทางฉันแวบๆ ฉันก็อดยิ้มแห้งๆ ให้ไปไม่ได้เลย
ที่จริง เงินเท่านั้นน่ะไม่น่าสนใจหรอก
ถ้าจะมีคนไหนในหมู่บ้านที่มีเงินมากขนาดนั้น ฉันก็พอคิดได้คร่าวๆ เลยล่ะว่าเขาต้องมีสภาพคล่องทางการเงินยืดหยุ่นแค่ไหน ถ้าพวกเขาอยากจะโน้มน้าวฉันให้ได้ล่ะก็ ทำให้โลเรียจังน้ำตาซึมๆ ยังได้ผลมากกว่าทะเล่อทะล่าจ่ายเงินมาให้ฉันอีกนะ
แน่นอนว่าถ้าทำแบบนั้นจริงเนี่ย จะเป็นการสร้างรอยร้าวใหญ่ระหว่างฉันกับคุณเอรินแน่
“ใช่ แน่นอนว่าฉันคิดถึงเรื่องนั้นไว้แล้ว สำหรับคุณซาราสะ ฉันอยากจะเสนอ [คนดูแลสวนสมุนไพร] ให้ ฟังดูเป็นไงบ้างล่ะ?”
“สวนสมุนไพร…?”
ผู้ใหญ่บ้านเงานี่ใช้เลยนะ ข้อเสนอนี่แม้กระทั่งฉันเองก็ยังคาดไม่ถึงเลย
โดยเฉพาะสวนที่ใหญ่พอๆ กับฟาร์มที่ชาวบ้านในหมู่บ้านนี้มีกันทั่วไปนี่ด้วย
ดูเหมือนพวกเขาจะสร้างสวนไว้ข้างๆ บ้านฉันเลย แล้วตราบใดที่ฉันอยู่ในหมู่บ้านนี้ พวกเขาก็จะให้สวนนี้กับฉันพร้อมกับคนคอยดูแลเลยล่ะ
ฉันเองก็งานค่อนข้างจะยุ่งอยู่ด้วย สวนสมุนไพรหลังบ้านที่โดนพวกเฮล เฟลม กริซลีถล่มมาก็ซ่อมไปได้แค่ครึ่งเดียวเอง เพราะแบบนั้น ข้อเสนอของคุณเอริน สำหรับฉันแล้วก็ค่อนข้างน่าสนใจเลยล่ะ ระหว่างที่ฉันกำลังครุ่นคิดอยู่ คุณเอรินที่เห็นท่าทางการตอบสนองของฉันก็ยิ้มออกมา พร้อมกับชูนิ้วมาให้ 2 นิ้ว
“แต่ มีอยู่ 2 เรื่อง หนึ่งคือ คนที่เราจัดหาให้ไม่มีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรนะ ก็เลยอยากให้คุณซาราสะช่วยสอนวิธีเพาะปลูกสมุนไพรให้พวกเขาด้วย แล้วก็ จะขอแบ่งสมุนไพรที่เก็บเกี่ยวมาได้ซัก 20% ให้คนที่มาทำงานนี้ คิดว่ายังไงบ้างเหรอ?”
โหๆ สมกับเป็นคุณเอรินเลยนะ
ดูเหมือนเธอจะมองถึงรางวัลที่จะเป็นประโยชน์ของทั้งฉันทั้งหมู่บ้านเอาไว้แล้ว
เป็นข้อเสนอที่คิดมาเป็นอย่างดีภายในความเป็นไปได้ของหมู่บ้านนี้เลย
คุณเคทเองก็ดูจะแปลกใจพอควรเลยนะ ก่อนจะอุทานขึ้นมาอย่างชื่นชมด้วยสีหน้าประทับใจ
“…แบบนี้เอง คุณเตรียมคิดถึงเรื่องนี้มาพร้อมเลยนะคะ”
“หือ? หมายความว่ายังไงน่ะ?”
“กล่าวคือ ถ้าสามารถเรียนรู็วิธีการเพาะปลูกสมุนไพรได้ การยกทั้งที่ดินและกำลังคนให้ก็ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อดีค่ะ แถมในอนาคตก็ยังสามารถขยายการเพาะปลูกสมุนไพรออกไปอีกได้ด้วย”
ถึงจะมีหลายเหตุผลเลยที่ทำให้ไม่พบชาวสวนชาวไร่ทำสวนสมุนไพรกันมากเท่าไหร่นัก เรื่องปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมนี่ ในหมู่บ้านนี้ที่อยู่ใกล้กับแหล่งสมุนไพรตามธรรมชาติด้วย เราน่าจะสามารถเอาชนะปัจจัยนั้นได้นะ
แน่นอนว่าการเพาะปลูกสมุนไพรไม่ใช่งานที่ทำให้สำเร็จได้ง่ายๆ แบบไม่ต้องพยายามอะไร แต่หลังจากคิดถึงปัญหาอื่นๆ ด้วยแล้ว ส่วนใหญ่ก็สามารถใช้ความพยายามแก้ได้จากการลงแรงพยายามโดยไม่ต้องพึ่งพาเวทมนตร์เลยนะ
ยิ่งกว่านั้น สมุนไพรยังเป็นสินค้ามูลค่าสูงด้วย ต่อให้จะแหล่งผลิตจะอยู่ในที่ชนบทห่างไกลจากลูกค้าขนาดนี้ก็ตาม พอรวมค่าขนส่งเข้าไปด้วยแล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูงเลยที่จะเป็นธุรกิจสร้างเงินแบบอุตสาหกรรมได้เลย
ถึงอย่างนั้น มันแก็ยังมีปัญหาอยู่ดี
“คุณเอรินคะ อย่างที่ฉันเพิ่งพูดถึงไป สมุนไพรหลายชนิดจำเป็นต้องมีการเตรียมการล่วงหน้า ไม่อย่างนั้น พวกมันจะไม่สามารถเก็บรักษาเอาไว้เป็นระยะเวลานานๆ ได้ค่ะ ฉันสนใจแต่การเตรียมสมุนไพรก่อนเพาะไม่ได้ แล้วถ้าหมู่บ้านนี้ไม่มีนักเล่นแร่แปรธาตุอยู่ล่ะก็ นี่จะไม่สามารถทำเป็นอุตสาหกรรมได้เลย เรื่องนี้ทราบแล้วใข่มั้ยคะ?”
“รู้แล้วล่ะ ฉันมองถึงเรื่องนั้นเอาไว้อยู่แล้ว ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันถึงขั้นเป็นอุตสาหกรรมได้หรอก แล้วในกรณีแบบนั้น ฉันจะเลือกปลูกเป็นสมุนไพรที่สามารถมีอายุการเก็บรักษาได้นานๆ แทนเอา”
อื~ม แบบนั้นก็คงดีนะ
ถ้าเริ่มจากไร่ๆ เดียว การจะตัดสินใจเปลี่ยนแนวทางตามสถานการณ์ก็สามารถทำได้ง่ายด้วย ต่อให้ผลการเพาะปลูกมันจะออกมาได้ไม่ดี ฉันก็ยังช่วยจ่ายเงินให้คนที่มาทำหน้าที่ดูแลสวนสมุนไพรได้อยู่
ถ้าลงทุนลงไปมากๆ ทีเดียวแล้วเกิดอุตสาหกรรมหมู่บ้านล่มไปรวดเดียวล่ะก็ งานนี้จบไม่สวยแน่
สำหรับฉันแล้วเนี่ย ฉันคิดว่าสร้างสวนสมุนไพรเอาที่มุมนึงของไร่ที่นึงก็กำลังดีเลย
พอฉันคิดอยู่อีกซักพัก คุณเอรินที่ดูเหมือนจะจับสีหน้าฉันได้ก็พูดข้อเสนออีกอย่างขึ้นมา
“―――ถ้าฉันจะขออะไรที่ออกจะเสียมารยาทซักหน่อยนี่ จะดีมากเลยถ้าจะช่วยสอนขั้นตอนพื้นฐานที่แม้แต่มือสมัครเล่นก็สามารถจัดการได้ด้วยทีนะ”
“นั่น… สินะคะ ‘แม้แต่มือสมัครเล่น’ นี่อาจจะมากเกินไปหน่อย แต่ถ้าคุณหมายถึง ‘เป็นไปได้สำหรับคนที่ไม่ใช่นักเล่นแร่แปรธาตุ’ ก็ได้ค่ะ ถึงเงื่อนไขขั้นต่ำคือต้องทุ่มเทตั้งใจกับการเรียนรู้เลยก็เถอะ”
“ขอบคุณมากเลย! งั้นนี่แปลว่า เธอตกลงรับงานนี้สินะ!”
“โธ่… ดูเหมือนก็จะเป็นแบบนั้นนะคะ”
คุณเอรินยิ้มกว้างพร้อมกับคว้ามือฉันไว้ ซึ่งฉันก็งึมงำๆ ก่อนจะพยักหน้าตอบ
ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองถูกชักนำอยู่หน่อยๆ แต่ก็ดูเหมือนมันยังอยู่ในขอบเขตที่เพื่อนบ้านช่วยเหลือร่วมมือกันอยู่นะ มันต่างจากตอนที่อยู่ในเมือง การรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันเอาไว้เป็นสิ่งสำคัญเลยล่ะ
“แต่เรื่องการออกเดินทางนี่ ฉันว่าอีกซักพักน่าจะดีกว่านะคะ ฉันมองว่าคุณไอริส คุณเคท กับปาร์ตี้พวกคุณอังเดรยังไม่หายดีเลย”
“ได้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา ขอฝากด้วยนะ”
คุณเอรินยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น ก่อนจะโค้งตัวให้
TN: เกือบลืมเรื่องนี้ไปเลยนะ เจอเรื่องพ่อค้ากังฉินไปจนลืมไปเลยว่าเรื่องหมีก็ยังไม่จบ
ป.ล. ไหนว่าอาชีพนักเล่นแร่แปรธาตุเป็นอาชีพที่คนให้เกียรติกันไง นี่รับจบทุกอย่างเป็นร้านรับจ้างสารพัดแล้วเนี่ย 555
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r