[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 85 [3] เก็บน้ำผึ้งและผลที่ได้ [Part 6]
- Home
- [นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่
- ตอนที่ 85 [3] เก็บน้ำผึ้งและผลที่ได้ [Part 6]
“เอ้า! ฮึบ!”
“งื้อ! ย้า! กึก!”
เช้าวันต่อมา ฉันกับตุณไอริสก็อยู่ระหว่างการฝึกดาบกันตั้งแต่เช้าตรู่ก่อนที่อากาศจะร้อน
ถ้าเทียบกับแค่ทักษะดาบเฉยๆ ฉันก็ชนะแหละ แต่ถ้าเทียบกันที่แรงกายล้วนๆ ดูจากร่างกายที่ต่างกัน คุณไอริสก็จะเป็นฝ่ายชนะนะ
แต่ ในการต่อสู้จริงน่ะ ฉันที่สามารถใช้การเสริมแกร่งร่างกายได้จะเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบอย่างมากเลย
จากความสามารถของฉันแล้ว การจะได้ทั้งพละกำลังและความคล่องตัวที่เหนือกว่าคุณไอริสก็เป็นเรื่องที่แน่นอนเลยล่ะ
แถมในการต่อสู้จริง ฉันมีทั้งดาบคุณภาพสูงที่ได้จากอาจารย์ ทั้งใช้เวทมนตร์ได้ด้วย เทียบกันไม่ได้หรอก
“ตรงนั้น!”
“ฮึก!!”
ดาบของฉันที่ฟาดขึ้นถูกเบี่ยงออก แล้วดาบในมือของคุณไอริสก็ลอยกระเด็นหลุดมือเธอไป
สายตาของคุณไอริสมองไปตามดาบที่กลิ้งไปกับพื้นพร้อมเสียงโคล้งเคล้ง ทันทีที่ฉันชี้ดาบไปที่เธอ ไม่นาน เธอก็หยุดเคลื่อนไหว ถอนหายใจออกเฮือกใหญ่ แล้วก็ผ่อนคลายความเกร็งของร่างกายลง
“เฮ้อ… ว่าแล้วเชียว ฉันเทียบนายท่านผู้จัดการไม่ได้จริงๆ ด้วยค่ะ”
“ความทนของร่างกายกับพละกำลังของคุณดูจะลดลงไปนิดหน่อยนะคะ ความเฉียบคมในการเคลื่อนไหวก็ลดลงไปด้วย ฉันคิดว่าเมื่อสัปดาห์ก่อน คุณไอริสก็ไม่ได้ทำดาบหลุดมือด้วยใช่มั้ยคะ?”
ถ้ามองแบบวิชาดาบเมื่อตอนที่เรียนในวิทยาลัย ทักษะวิชาดาบของคุณไอริสก็น่าจะอยู่ประมาณระดับกลางนะ
เธอไม่ได้อ่อนแอนะ แค่ว่าถึงจะเป็นนี้ การจะเทียบกับฉันที่อยู่ในอันดับท็อปของห้อง ฝีมือของเธอก็เลยด้อยกว่าเท่านั้นเอง
ด้วยทักษะของฉันนี่ เทียบกับระดับทั่วๆ ไปแล้วจะเป็นอย่างไรนะ… สงสัยจัง?
ฉันชนะคุณครูที่วิทยาลัยไม่ได้อยู่แล้ว แถมฉันยังอยู่ในระดับที่อาจารย์รับมือฉันได้แบบสบายๆ เลยอีกต่างหาก
ฉันคิดว่าตัวเองคงจะไม่แพ้ให้พวกโจรแถวๆ นี้หรอก แต่ฉันก็คงไม่แข็งแรงไปกว่าพวกทหารที่เขาฝึกร่างกายกันเป็นประจำทุกวันหรอก? มั้งนะ
เรื่องแบบนี้มันวัดออกมาเป็นตัวเลขไม่ได้ล่ะนะ
ที่เมืองหลวงก็มีแม้กระทั่งของอย่างการแข่งขันศิลปะการต่อสู้เลยนะ แต่ฉันไม่มีโอกาสได้เข้าไปร่วมหรอก
ถึงรางวัลใหญ่มันจะล่อตาล่อใจมากเลยก็เถอะ แต่ฉันไม่เคยมีความคิดว่าตัวเองจะชนะได้จริงๆ หรอก กลับกัน ถ้าฉันบาดเจ็บมาจนต้องขาดเรียนล่ะก็ นี่แหละเรื่องใหญ่เลย
ถ้าไม่ได้หนังสือรับรองการเล่นแร่แปรธาตุมาล่ะก็ ต่อให้จะเก็บเงินได้ก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี
“การมีช่วงเวลาพักฟื้นแบบนี้ดูจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องสินะคะ เยี่ยมไปเลยค่ะที่อาการหายดีกลับเป็นปกติได้ในเวลาไม่กี่วันเอง”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณไอริสยังอายุน้อยอยู่เลย ถ้าต้องการ ทางเรามีโพชั่น (ยาแปรธาตุ) สำหรับอาการแบบนี้ขายอยู่นะคะ”
“ไม่ล่ะค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อเสนอนะคะ แต่จะจ่ายเงินเพิ่มเพื่อร่นระยะพักฟื้นให้สั้นลงมันก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรได้มากขนาดนั้น เคทล่ะ อาการเป็นยังไงบ้าง?”
“กำลังกายหายไปแบบเห็นได้ชัดเลยล่ะ แรงที่ดึงสายธนูเองก็ลดลงไปเหมือนกัน”
คุณเคทสะบัดมือข้างที่เพิ่งใช้ยิงธนูใส่เป้าไป ก่อนจะโบกมือตอบให้พวกเราพร้อมกับส่ายหน้า
จากที่ฉันมองนี่ เธอก็ดูจะยิงเข้าเป้าได้ดีเลยนะ แต่เธอคงรู้สึกว่าฝีมือจะตกลงไประดับนึงล่ะมั้ง
ก็นะ ปวดท้องมากจนต้องนอนติดเตียงอยู่ 2-3 วันแบบนั้น ไม่มีทางที่จะไม่มีอะไรบกพร่องลงไปเลยอยู่แล้วล่ะนะ
ตรงข้ามเลยต่างหาก หลังจากที่ร่างกายฟื้นมาแล้วยังสามารถขยับตัวได้มากขนาดนี้ จะไม่เรียกว่าร่างกายทั้ง 2 คนผ่านการฝึกมาอย่างดีเป็นประจำเลยจะให้เรียกว่ายังไงล่ะ?
“ถ้าอย่างนั้น วันนี้พวกคุณจะเน้นไปที่การออกกำลังกายเบาๆ ดีมั้ยล่ะคะ? เน้นไปที่การฟื้นตัวโดยเร็วแทนที่จะฝึกอย่างหนักน่ะค่ะ”
“อ่า ก็จริงนะ แบบนี้เองก็อาจจะทำให้นายท่านผู้จัดการรู้สึกไม่ดีด้วย”
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอกค่ะ ฉันเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุนะคะ———ฉันยังสงสัยอยู่เลยค่ะว่าทำไมตัวเองต้องมาจริงจังกับการฝึกดาบด้วย?”
น่าสงสัยจริงๆ เลยเนอะ
วิชาดาบสำหรับฉันแล้วเนี่ย มันก็เป็นแค่ช่องทางการทำเงินเท่านั้นเอง
“นี่คือผลเสี-… ไม่สิ ถือเป็นเรื่องดีเลยกับการมีอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมสินะคะ”
“เรื่องดี… ก็น่าจะใช่นะคะ ฉันได้ดาบดีๆ มา แถมได้รับการฝึกมาด้วย”
“พวกฉันได้คุณผู้จัดการช่วยเอา่ไว้นะคะ? พวกชาวบ้านในหมู่บ้านเองก็เหมือนกัน เรื่องที่ว่าหมู่บ้านแห่งนี้ยังสงบสุขอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ ก็ต้องขอบคุณคุณผู้จัดการเลยนะคะ”
“ถ้าพวกคุณพูดถึงขนาดนั้น ไม่ฝึกหนักก็คงจะไม่ได้แล้วสินะคะ…”
ตราบใดที่ฉันยังอยู่ที่หมู่บ้านนี้ ก็ไม่มีอะไรที่รับประกันได้เลยว่าเหตุการณ์แบบในตอนนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 2 น่ะ
ตอนนี้ไม่มีทางเลือกตัดหางปล่อยพวกชาวบ้านทิ้งอยู่แล้ว การถูกลากไปตกกระไดพลอยโจนก็คงจะเลี่ยงไม่ได้แล้วล่ะ
“เช่นนั้น ก็ขอฝากด้วยนะคะ นายท่านผู้จัดการ ในฐานะเพื่อนร่วมชายคา แล้วก็ในฐานะครูผู้ฝึกดาบให้ด้วย”
“ฉันไม่มีฝีมือพอจะถูกเรียกว่า ‘ครู’ ได้หรอกนะคะ”
เรียกคนไม่มีประสบการณ์อย่างฉันว่า ‘ครู’ น่ะ ออกจะเยินยอกันไปหน่อยนะ
ฉันคิดอยู่แบบนั้นพลางปัดดาบของคุณไอริสที่พุ่งเข้ามา แล้วก็ฝึกต่ออยู่แบบนั้นจนถึงเกือบๆ ช่วงเที่ยงวันเลย
ตอนคุณเอรินแวะมาหาฉัน ยังกับว่าเธอวางแผนไว้แล้วเลยล่ะ ตอนนี้เป็นช่วงเที่ยงวัน หลังมื้อกลางวันพอดีเลย
ถ้าจะมาช่วงที่กำลังเล่นแร่แปรธาตุอยู่ก็คงดีเลยล่ะ แต่บางทีเธออาจจะเล็งวันที่หลังจากคุณไอริสกับคุณเคทหายดีเอาไว้แล้วก็ได้
ดูมันจะไม่ใช่บทสนทนาที่สามารถจบลงได้ง่ายๆ ที่ส่วนหน้าร้าน ฉันก็เลยนำเธอเข้าไปนั่งที่ห้องอาหารแทน
ไม่ใช่ที่ที่เหมาะจะรับแขกเท่าไหร่ ทนๆ เอาแล้วกันนะคะ
บ้านนี้ไม่มีห้องรับแขกนี่นา จริงมั้ยล่ะ? บ้านก็หลังเล็กๆ อย่างที่เห็นนี่แหละ
เพราะฉันฝากให้โลเรียจังดูแลส่วนหน้าร้าน นอกจากฉันกับคุณเอรินแล้ว คนที่อยู่ที่นี่ด้วยก็มีคุณไอริสกับคุณเคท รวมเป็นกลุ่ม 4 คน
“ซาระสะจัง ขอบคุณนะที่วันนี้ให้เวลากับฉันด้วย”
“ไม่หรอกค่ะ ไม่ใช่ปัญหาอะไรใหญ่โตเลย… มาที่นี่มีธุระอะไรงั้นเหรอคะ?”
“ใช่ อาจจะพูดยากหน่อย แต่ฉันอยากจะยื่นคำร้องขอเรื่องงานให้สำหรับทุกคนหน่อยได้หรือเปล่า?”
“งาน? ไม่ใช่แค่ฉัน แต่รวมถึงพวกคุณไอริสด้วย นี่เกี่ยวข้องกับการเล่นแร่แปรธาตุด้วยงั้นเหรอคะ?”
“ถูกต้องตามนั้นเลย อีกอย่าง ฉันไปถามพวกคุณอังเดรกับกลุ่มของเขามาแล้ว พวกเขาตอบมาว่าถ้าทุกคนตรงนี้รับงานด้วย พวกเขาก็เอาด้วยเหมือนกัน”
จากบรรดานักเก็บสะสมในหมู่บ้าน ก็มี 2 กลุ่มนี้นี่แหละที่อยู่ในระดับสูงที่สุดแล้ว
แถมยังเป็นงานที่ต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขาด้วย… คงจะเป็นเรื่องที่ลำบากน่าดูเลยสินะ งานนี้น่ะ
“พูดตามตรง ก็อยากปฏิเสธนะคะ”
“ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไป อย่างน้อยช่วยฟังเรื่องนี้ก่อนได้หรือเปล่า?”
ฟังเรื่องดูแล้วมันอาจจะทำให้ปฏิเสธยากเข้าไปใหญ่เลยเนี่ยสิ ไม่อยากฟังเท่าไหร่เลย
พอเห็นฉันทำสีหน้าไม่เต็มใจ กำลังคิดอยู่แบบนั้น คุณเคทก็หัวเราะคิกคักขึ้นมา ก่อนจะเข้ามาแทรกเพื่อไกล่เกลี่ยสถานการณ์ตอนนี้
“น่าๆ คุณผู้จัดการคะ คิดซะว่าเป็นเรื่องที่คุณเอรินที่เป็นผู้แทนผู้ใหญ่บ้านเลยก็ได้ ต่อให้คุณจะไม่ฟังเรื่องนี้ตอนนี้ ไม่คิดว่ามันจะมีผลอะไรกับการที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านนี้งั้นเหรอคะ? บางที เราอาจจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมฟังแต่โดยดีก็ได้นะคะ?”
“…เป็นเรื่องแบบนั้นเหรอคะ?”
“ใช่ เป็นเรื่องแบบนั้นเลยล่ะ”
พอฉันถามอีกรอบ คุณเอรินก็ยิ้มแห้งๆ สีหน้าลำบากใจ ก่อนจะพยักหน้ายืนยันมา
เห็นแบบนี้ ฉันก็นั่งหลับตากอดอกอยู่พักนึง
“…เข้าใจแล้วค่ะ เชิญเล่าเรื่องที่ว่านี้ได้เลย”
พอฉันคิดในใจแล้วว่า ‘ยอมแต่โดยดี’ ฉันก็พยักหน้ายอมรับ
อย่างการคลุ้มคลั่งของเฮล เฟลม กริซลีที่เพิ่งเกิดไปไม่นานนี้
ด้วยความช่วยเหลือจากทั้งชาวบ้านและนักเก็บสะสม สถานการณ์ก็เลยถูกดึงมาอยู่ในการควบคุมจนได้โดยที่ไม่ได้มีความเสียหายอะไรมากมายนัก แต่สาเหตุของเหตุการณ์นั้น เราก็ยังไม่รู้เลย
ถึงเราจะพอคาดเดาเอาโดยยึดจากเหตุการณ์ในอดีตได้ก็ตาม ตราบใดที่ยังไม่ได้ยืนยัน มันก็เป็นเรื่องจำเป็นอยู่แล้วล่ะที่จำเป็นจะต้องทำการสืบค้นหาด้วย
ผู้ใหญ่บ้านก็เข้าใจเรื่องนี้นะ เขารายงานเรื่องนี้และร้องขอให้ทำการสืบค้นจากเจ้าครองที่แล้ว
ในช่วงเหตุการณ์การคลุ้มคลั่ง ก็ไม่มีความช่วยเหลืออะไรถูกส่งมาเลย แต่พิจารณาจากช่วงเวลาด้วยแล้วนี่ เรื่องที่ความช่วยเหลือไม่ถูกส่งมานั่นมันก็คงช่วยไม่ได้หรอก แต่ฉันก็หวังว่าอย่างน้อยการสืบค้นสาเหตุก็น่าจะทำหลังจากเหตุการณ์ผ่านพ้นไปซักหน่อยก็ยังดี
แต่ ถึงจะรอแล้วรอเล่า คำตอบที่ได้ก็คือ [ถ้าไม่มีอะไรเสียหาย งั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่ จ่ายภาษีเต็มจำนวนตามเดิมซะด้วยล่ะ]
ไม่มีเงินชดเชยความเสียหาย ไม่มีทหารถูกส่งมา ไม่มีการสืบค้นอะไรเลยซักอย่าง
กลับกันเลย เขาเขียนอะไรซักอย่างแบบว่า [ไม่ใช่ว่าได้เงินกอบโกยมาจากวัตถุดิบของเฮล เฟลม กริซลีด้วยนี่? ถ้าได้เงินมา ก็ขึ้นค่าภาษี] หรืออะไรแบบนั้นมาด้วยล่ะนะ
TN: นี่เป็นแค่เรื่องแต่งเรื่องสมมติเนอะ นักการเมืองแบบนี้น่ะ เรื่องแบบนี้ไม่มีจริงซักหน่อย 5555555!
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r