[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 77 [2] Epilogue
ตั้งแต่ที่โย้ค บาร์ออกไปจากหมู่บ้าน นี่ก็ผ่านมาได้สัปดาห์นึงแล้ว
หลังจากที่ไปเก็บกวาดมาเรียบร้อย ฉันก็กำลังจิบน้ำชายามบ่ายอยู่กับโลเรียจังแล้วก็คนอื่นๆ อยู่
พร้อมกับเอร็ดอร่อยไปกับขนมหวานฝีมือคุณมาเรียที่อาจารย์ส่งมาให้ฉันไปด้วย
ขนมแสนอร่อยที่หาไม่ได้ในละแวกนี้เนี่ย ได้คำชมจากทุกคนยกใหญ่เลยล่ะ
แต่ว่า ยั้งๆ มือกันซักหน่อยก็ดีนะ? ฉันเองก็ไม่ค่อยได้ทานของแบบนี้เท่าไหร่เหมือนกัน
“ในที่สุด พวกเราก็ได้ผ่อนคลายกันซักทีนะ”
“นั่นสิค้า~ แต่ว่า คุณซาราุสะคะ?”
“หือ?”
“ขนาดก่อนที่พ่อค้าคนนั้นจะมา เรื่องมันก็วุ่นวายมากเลย จริงมั้ยคะ? อย่างหลังจากที่คุณซาราสะมาถึงที่นี่ได้ไม่นาน ฝูงเฮล เฟลม กริซลีก็โผล่ออกมาจากป่ากันด้วย”
“…ปฏิเสธไม่ได้เลยแฮะ ฉันอยากแค่จะฝึกการแปรธาตุเท่านั้นเอง แค่นั้นสำหรับฉันก็พอแล้วล่ะ”
ตอนที่ฉันถอนหายใจดัง ‘เฮ้อ’ คุณไอริสก็หยิบขนมอีกชิ้นนึงเข้าปากก่อนจะชี้จุดนึงขึ้นมาพร้อมกับยิ้มกว้าง
“ไม่ใช่ว่าเป็นนายท่านผู้จัดการเองเหรอคะ ที่เลือกจะชนกับพ่อค้าคนนั้นตรงๆ เลยน่ะ?”
“แล้วหลังจากนั้น ทั้ง 3 คนเองก็ยกมือร่วมด้วยกันหมดเป็นเอกฉันท์เลยไม่ใช่หรือไงคะ”
“มันก็จริง แต่ว่า… ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจที่ทำเลยใช่มั้ยล่ะคะ?”
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ถ้ามองดูโดยสุทธิแล้วนี่ ฉันยังได้กำไรมากกว่าอีกด้วยนะคะ”
“ฉันไม่รู้ว่ามันมากแค่ไหนนะคะ แต่ว่า… คุณผู้จัดการก็ทำเงินจากสถานการณ์ในครั้งนี้ได้มากเลยนี่นา? คุณคงไม่ได้เอาเขี้ยวที่รับซื้อมาจากพ่อค้าคนนั้นไปใช้ในแบบที่บอกเขาไปด้วย ฉันเข้าใจถูกหรือเปล่าคะ?”
ระหว่างที่คุณเคทหัวเราะหึๆ พร้อมกับยิ้มมุมปากไปด้วย โลเรียจังผู้แสนซื่อก็ตกใจจนตาเบิกกว้างเลย
“เอ๊ะ? นั่นเป็นเรื่องโกหกงั้นเหรอคะ?”
“ไม่ได้โกหกหรอก มันมีวิธีในการแปรรูปพวกมันไปเป็นศิลาเวทอยู่จริงๆ”
แต่ว่า วิธีการแบบนั้นน่ะมันไม่ได้คุ้มค่าเลย
เขี้ยวของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งที่มีคุณสมบัติพิเศษในการแผ่ความเย็นแท้ๆ กลับจะถูกถอนคุณสมบัติอันเป็นประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของมันอย่าง [แผ่ความเย็น] ออกไป จนได้ออกมาเป็นแค่ศิลาเวทเอนกประสงค์ธรรมดาๆ เท่านั้นเอง
ถ้าจะพูดให้เห็นภาพล่ะก็ มันเหมือนกับว่า ‘เราต้องการน้ำ เราก็เลยละลายน้ำแข็ง แล้วก็ได้น้ำออกมาแล้ว’
การจะละลายน้ำแข็งก็จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่าย แล้วถ้าเราจะเอาศิลาเวทนั้นไปใช้สร้างอาร์ติแฟกต์ (อุปกรณ์แปรธาตุ) อย่างหมวกเย็นฉ่ำล่ะก็ ต้นทุนของมันก็ยิ่งทวีคูณเข้าไปอีก
เป็นการผลาญเงินได้แบบสุดๆ เลยล่ะ
เพราะฉะนั้น สำหรับเขี้ยวของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งน่ะ การใช้งานมันทั้งๆ แบบนี้นี่แหละคือการใช้งานมันแบบพื้นฐานเลย
ปัญหาก็คือว่า ประโยชน์ใช้สอยของมันไม่ได้มีมากมายขนาดนั้น แล้วก็ไม่มีใครที่ฉันจะเอาไปขายให้ได้ด้วย กลายเป็นว่าสุดท้าย ฉันก็เลยส่งเขี้ยวปริมาณนึงเลยไปให้อาจารย์จนได้
ถ้าเป็นเมืองหลวงที่ไกลจากที่นี่อยู่มากโขแบบนี้ ก็น่าจะขายได้เยอะพอควรเลยล่ะ
แล้วฉันก็ส่งผลไม้แช่แข็งที่ไปเก็บมาจากในถ้ำค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งแทบทุกผลไปให้อาจารย์ด้วยเลย ไม่นาน อาจารย์ก็ส่งเหล้ามาเยอะเลย กับเหรียญทองอีกถุงนึง แถมยังมีขนมหวานฝีมือคุณมาเรียส่งมาด้วย
ในนั้นก็มีเครื่องดื่มคุณภาพดีๆ เยอะเลยนะ ถึงส่วนใหญ่จะถูกพวกคุณอังเดรเอากลับไปแล้วล่ะ แถมดูจะดีใจกันสุดๆ เลย
“หรือก็คือ ทำเงินได้มากเลยสินะคะ?”
“ก็ไม่ปฏิเสธค่ะ”
ล่าพวกค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งมาเยอะเกินไปแบบนี้นี่ ประเมินค่าไม่ได้เลยแฮะ
ขายเขี้ยวออกไป เงินก็ไหลเข้ามาเป็นกอบเป็นกำ บวกขึ้นไปจากราคาตลาดอีกหลายเปอร์เซ็นต์เลย
แถมได้ซื้อเขี้ยวมาในราคาที่ต่ำแสนต่ำเลยอีกต่างหาก
กดราคารับซื้อของเขี้ยวค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งลง แล้วก็เอาไปขายต่อให้อาจารย์ในราคาที่ต่ำกว่าตลาดอีก 2-3 เปอร์เซ็นต์
พูดโดยสรุปเลยคือ เงินที่ฉันหาได้น่ะ มากในแบบที่ไม่เคยหาได้มาก่อนเลยล่ะ
“แล้วนี่ เงินพวกนี้ คุณจะเอาไปใช้ทำอะไรเหรอคะ?”
“ก็ ฉันเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ แผนที่วางเอาไว้คือจะเอาไปซื้อวัตถุดิบนั่นแหละค่ะ แต่ว่า… เงินส่วนมาก ฉันจะปล่อยกู้ไปแล้วนะคะ”
“ปล่อยกู้?”
“ก้อนนึงให้คุณดีรัลค่ะ ดูเหมือน เรียวกังของคุณดีรัลกำลังจะทำการก่อสร้างแต่งเติมนะคะ”
“แบบนี้เอง… เอ๊ะ? เงินก้อนนั้นมาจากนายท่านผู้จัดการเองเหรอคะ!?”
“ใช่ค่ะ ครั้งนี้ ฉันได้ความช่วยเหลือจากนักเก็บสะสมหลายคนเลย ฉันก็ต้องตอบแทนคืนให้ซักหน่อย”
สำหรับคนที่เข้ามาช่วยเหลือฉัน ฉันก็จ่ายค่าค่าแรงรายวันกับค่าตอบแทน สำหรับการช่วยเหลือจากคนอื่นๆ ฉันก็ขอตอบแทนด้วยการขยายเรียวกังก็แล้วกันนะ
ห้องทุกห้องในเรียวกังถูกจองเต็มหมดเลย นักเก็บสะสมหลายๆ คนต่างก็ถกเรื่องปัญหานี้กันอยู่ในโรงอาหาร แถมพวกเขายังดูเครียดกันจนทานอะไรไม่ลงเลยด้วย พวกเราก็เลยตัดสินใจลงทุนเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้กัน
จริงๆ ตอนแรกฉันก็ตั้งใจจะออกเงินต่อเติมเองเลยนะ แต่คุณดีรัลปฏิเสธเสียงแข็งเลยว่า ‘ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก!’ ฉันก็เลยให้เป็นเงินกู้แทน
ปล่อยกู้แบบไม่มีดอกเบี้ย แล้วก็ให้พวกเขาจ่ายคืนด้วยกำไรที่ได้จากส่วนอาคารที่ต่อเติมใหม่
“อีกก้อนนึงก็ใช้ช่วยนักเล่นแร่แปรธาตุที่ตกเป็นเหยื่อของโย้ค”
แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องยากที่ฉันจะจัดการด้วยตัวคนเดียว เพราะแบบนั้น คุณเลโอโนร่าที่ได้ประโยชน์มาจากเรื่องนี้เหมือนกับก็เลยมาช่วยกันรวมเงินใช้หนี้ที่โย้คเป็นเจ้าหนี้อยู่จนหมดเลย
ดูเหมือนเขาจะไม่ตายด้วย ในตอนที่เส้นตายการชดใช้หนี้ของเขาเข้ามาใกล้ เขาติดต่อเจรจาเป็นบ้าเป็นหลังจนใช้หนี้หมดได้… น่าจะเป็นแบบนั้นนะ
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะฉันไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ตอนที่คุณเลโอโนร่ากับคุณฟิริโอเน่กลับมาจากการเจรจา ทั้ง 2 คนก็ยิ้มกันกว้างเลย
สรุปแล้วนี่ ฉันอยากรู้จัง… นี่เขาจะรอดมาได้แบบครบ 32 ปลอดภัยดีหรือเปล่า?
คุณเลโอโนร่าพูดอะไรอย่าง ‘อาจจะมีอะไรหายไปบ้างซักนิดซักหน่อยน้า~’ ด้วยสิ
“อย่างนั้นเหรอคะ แสดงว่า ร้านนี้ก็ไม่มีเงินมากขนาดนั้นแล้วน่ะสิคะ? โล่งอกไปที ฉันกลัวว่าพื้นร้านอาจจะยุบลงไปเลยก็ได้”
สำหรับโลเรียจังแล้วนี่ ดูเหมือนเรื่องที่สำคัญสำหรับเธอคือการที่ว่าจะ [ใช้เงิน] ยังไงสินะ เธอถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแบบนั้นน่ะ
“โลเรียจัง ที่พูดเกินไปขนาดนั้นมันก็―――”
“ไม่ได้เกินไปซักหน่อยนะคะ! ฉันยังไม่กล้าเดินเฉียดเข้าไปใกล้ห้องที่เก็บเงินเอาไว้เลยด้วยซ้ำนะคะ!”
ขนาดแค่ส่วนนึง โลเรียจังยังหงายหลังล้มตึงเลยนี่นา
…นี่ถ้าเธอได้เห็นเงินส่วนใหญ่เข้านี่ เธอจะเป็นยังไงนะ?
“คุณผู้จัดการเป็นคนอ่อนโยนจังเลยนะคะ ฉันเองก็สงสัยคนพวกนั้นเหมือนกัน แต่ฉันก็ไม่คิดว่าคุณผู้จัดการจะควักเงินตัวเองจ่ายให้พวกเขาด้วย”
“ฉันเองก็เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุมือใหม่เหมือนกันนี่คะ เพราะแบบนั้น ฉันก็เลยอดเอาตัวเองเขาไปเทียบด้วยไม่ได้เลย”
ตกใจเลยล่ะที่ไปเจอว่าคนที่ตกเป็นเหยื่อมีเยอะกว่าที่ฉันคิดซะอีก
“แต่ว่า [มือใหม่] ที่พูดถึงนี่ก็อายุมากกว่าคุณผู้จัดการหมดเลยไม่ใช่เหรอคะ?”
“ก็ ใช่นะคะ อายุมากกว่าคุณเคทด้วยเหมือนกัน นั่นก็เพราะพวกเขาเปิดร้านกันแล้วด้วยนั่นแหละค่ะ”
นอกจากฉันล่ะนะที่เปิดร้านใหม่เลยตั้งแต่ตอนที่เรียนจบออกจากวิทยาลัยเลย
ตามปกติแล้ว เราจะต้องไปฝึกงานที่ร้านอื่นก่อนอีกซัก 2-3 ปี ถึงจะเก็บเงินพอจะเปิดร้านเล่นแร่เป็นของตัวเองได้
“แต่ฉันก็ไม่ได้เสียอะไรเลยไม่ใช่เหรอคะ? เท่านี้ นักเล่นแร่แปรธาตุพวกนั้นก็ติดหนี้ฉันกับคุณเลโอโนร่าแล้ว ฮุฮุฮุ…”
“อ๊ะ รอยยิ้มชั่วร้ายอีกแล้ว…”
“ไม่เป็นไรหรอกโลเรีย ฉันไม่คิดว่าคราวนี้มันจะแย่อะไรขนาดนั้นหรอก”
“นั่นสิ ก็นี่คือคุณผู้จัดการนี่นา”
พอได้ยินคำพูดของโลเรียจังแบบนั้น คุณไอริสกับคุณเคทก็ยักไหล่ยิ้มแห้งๆ กันทั้งคู่เลย
“เอ๋~ ไม่ใช่แบบนั้นซักหน่อย จริงมั้ยล่ะคะ? ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็จะต้องให้พวกเขาจ่ายหนี้ทั้งหมดให้เรียบร้อย แล้วในบางสถานการณ์ ฉันก็ยังขอความร่วมมือหรือความช่วยเหลือจากคนกลุ่มนี้ได้ด้วย”
“แบบนี้เอง? อัตราดอกเบี้ยคิดเท่าไหร่เหรอคะ?”
“…ในตอนนี้ ก็ยังไม่คิดนะคะ”
ต่อให้จะร้องห่มร้องไห้ไปเพราะว่าไม่มีเงิน ยังไงก็ไม่ทำให้ได้เงินมาซักแรร์อยู่ดีนี่ จริงมั้ย?
พวกเขาต้องผ่านอะไรต่อมิอะไรมาเยอะเลยล่ะ กว่าจะมาถึงตอนนี้
“จะไปขอให้นักเล่นแร่แปรธาตุมือใหม่ช่วยทำอะไรที่เกินตัว ก็ไม่สามารถทำได้ตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอคะ? แถมนายท่านผู้จัดการเอง หากเกิดเข้าตาจนจริงๆ ก็ยังสามารถติดต่ออาจารย์ได้ด้วยนี่นา?”
“…ก็ใช่นะคะ แต่”
ฉันเองก็พยายามจะไม่เสียนักเล่นแร่แปรธาตุที่อยู่ในละแวกนี้ไปนี่นา
“โล่งอกไปที สมกับเป็นคุณซาราสะเลยค่ะ”
เห็นรอยยิ้มที่เป็นประกายของโลเรียจังแบบนั้น ฉันก็ไม่พูดอะไร ทำแค่เอาแก้วชาขึ้นมาบังหน้าของตัวเองเอาไว้เท่านั้นเอง
TN: มีคนเขินเด็กด้วยแหละ ^^
คนเขาดูออกนะ ซาราสะจัง~
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r