[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 69 [2] สงครามธุรกิจและกลเม็ดหลังฉาก [Part 4]
- Home
- [นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่
- ตอนที่ 69 [2] สงครามธุรกิจและกลเม็ดหลังฉาก [Part 4]
“ไว้กลับไปแล้วค่อยกินแล้วกัน ถ้าท้องไส้มาแตกเละเทะอยู่ที่นี่ล่ะก็คงไม่ใช่เรื่องตลกเลยล่ะนะ”
“แต่ถ้าในนี้มันเหม็นอยู่แล้วแบบนี้เนี่ย คนเขาก็แยกกลิ่นขี้แกกับกลิ่นขี้ค้างคาวไม่ออกหรอก ว่ามั้ยหล้า? อุบ ฮ่าฮ่าฮ่า… โทษที”
พอคุณเกลพูดอะไรสัปดนแบบนั้นออกมา ผู้หญิงทุกคนก็หันไปจ้องเขม็งใส่เขากันเป็นตาเดียว จนเขาก็ต้องขอโทษออกมาทันทีเลย
ก็จริงอยู่นะว่ามูลค้างคาวมันก็กองเอาไว้เป็นหย่อมๆ จริง แต่มันก็ดูต่างไปจากเจ้าสิ่งนั้นนี่นา ใช่มั้ยนะ?
“ขอโทษด้วยนะที่เราดูแลหมอนั่นไม่ดีน่ะ”
ตอนที่คุณเกรย์ขอโทษทุกคนอย่างรู้สึกผิด คุณไอริสก็ส่ายหน้าตอบ
“มันไม่ใช่เรื่องของการดูแลหรอกค่ะ แต่เป็นเรื่องนิสัยของกิลใช่มั้ยล่ะคะ? ถ้านิสัยแบบนี้ แสดงว่าผู้หญิงคงจะไม่ค่อยหันมามองเลยสินะคะ?”
“ไอริสจัง! โหดร้ายเกินไปแล้วนะ!”
“ถ้าคิดแบบนั้นล่ะก็ งั้นก็น่าจะหยุดเล่นมุกเพี้ยนๆ พวกนั้น แล้วก็เรียนรู้ที่จะดูดี ดูน่าดึงดูดต่อหน้าผู้หญิงซักหน่อยสิ”
“อุก!”
“ให้ตายเถอะ ทำไมพวกนักเก็บสะสมนี่ถึงได้มีพวกคนที่หยาบคายเยอะจังเลยนะ?”
คุณไอริสกอดอกถอนหายใจออกมาอย่างไม่พอใจนัก ส่วนทางคุณอังเดรก็ยิ้มเฝื่อนๆ
“ก็เพราะว่ามีผู้หญิงไม่ค่อยเยอะด้วยนั่นแหละ พอเจอสาวๆ หน้าตาน่ารักอย่างพวกหนูๆ ไอริสแล้ว หลายๆ คนก็เลยอยากเข้าหาน่ะนะ”
“จริงเหรอคะนั่น?”
“บางที จากพวกเด็กใหม่ 3 คนก็อาจจะมีซัก 1 คนเลยก็ได้มั้งที่จะเดินเข้ามาทักพวกเธอน่ะ?”
พอฉันถามคุณอังเดรดูแล้วนี่ ดูจำนวนจะมากกว่าที่ฉันเดาเอาไว้ซะอีกนะเนี่ย
“เป็นแบบนั้นเหรอคะ?”
คราวนี้ คุณไอริสเป็นคนตอบฉัน
“…น่าอายเหมือนกัน แต่ก็มันก็เยอะจริงๆ นั่นแหละค่ะ ออกจะยุ่งยากซะมากกว่า”
“เพราะเรื่องที่เป็นคนดังน่ะเหรอคะ?”
“ฉันไม่ดีใจหรอกนะคะ อย่างชินจีนิเอง ถ้ามีคนเวียนมาที่ร้านตลอด และก็มาคอยตามตื้อตามจีบอยู่เรื่อยทุกครั้งที่มาเลยนี่ก็ไม่ไหวเหมือนกันใช่มั้ยล่ะคะ?”
“ฉันก็ไม่ชอบเหมือนกันค่ะ―――ถึงจะไม่เคยมีประสบการณ์ก็เถอะ”
ไม่เคยมีซักคนเลยค่ะ!
ก็นะ มันไม่เป็นไรหรอกเพราะยังไม่มีคนเท่ๆ เลยนี่นา!
ฉันไม่เสียดายหรอก!
“ไม่หรอก ไม่มีนักเก็บสะสมคนไหนกล้าจะเข้าไปตอแยกับนักเล่นแร่แปรธาตุหรอกนะ”
“อื้อ ฐานะระหว่างหัวกะทิแนวหน้ากับพวกเราน่ะมันต่างกันแบบฟ้ากับเหวเลยล่ะ ในจุดๆ นี้ พวกไอริสกับคนอื่นๆ ก็เป็นนักเก็บสะสมเหมือนกันด้วย จะบอกว่าเข้าถึงได้ง่ายก็คงได้นะ”
“แบบนี้นี่เอง มันมีเรื่องแบบนั้นด้วยสินะคะ”
นี่มันดีหรือไม่ดีกันแน่นะ ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องกวนใจชิ้นใหญ่ของพวกคุณไอริสเลย แต่สำหรับฉันนี่… อืม เอาไว้ค่อยคิดในอนาคตก็แล้วกัน
ดูเหมือนว่าแม้แต่อาจารย์เองก็ไม่ได้แต่งงานเหมือนกันนี่นา?
“เอาล่ะ พวกข้าเก็บของส่วนใหญ่ที่ดูดีมาแล้ว แต่ทีนี้ พวกเราก็ต้องหาวิธีจะขายพวกมันสินะ จะกินมันเองหมดก็น่าเสียดายแย่เลย…”
“อาจจะเอาไปให้พ่อค้ารายใหญ่ก็ได้นะ”
“ก่อนอื่นเลยเนี่ย พวกเราเก็บมันเอาไว้เองไม่ได้ไม่ใช่เรอะ”
“…คือ ถ้าไม่ติดอะไร จะให้ฉันลองถามจากคอนเนกชั่นของฉันดูมั้ยคะ?”
ฉันอดมองดูพวกคุณอังเดรกำลังปรึกษากันด้วยความกังวลไม่ได้เลย พอฉันเสนอพวกเขาไปแบบนั้น คุณอังเดรก็หันมามองที่ฉันด้วยสายตาแปลกๆ
“หือ? ไม่ใช่ว่าหนูเคยเล่าว่าตัวหนูเองเป็นเด็กกำพร้าเหรอ ชินจีนิ?”
สงสัยจังว่ามันมีเรื่องอะไรหรือเปล่า ถึงฉันจะเป็นเด็กกำพร้าก็เถอะ แต่คุณไอริสก็ช่วยตอบให้ฉันทันทีเลย
“อ๊ะ! แบบนี้เอง! อาจารย์สินะคะ! ถ้าเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับปรมาจารย์ล่ะก็…”
“ค่ะ ฉันขายเองไม่ได้ แต่ถ้าเป็นอาจารย์ล่ะก็ ฉันคิดว่าอาจารย์น่าจะหาทางได้อยู่นะคะ”
ถ้าเป็นเรื่องคอนเนกชั่นล่ะก็ รุ่นพี่ที่โรงเรียนของฉันก็เป็นขุนนางชั้นสูงเหมือนกัน แต่เพราะรุ่นพี่เขาไปอยู่ที่ต่างเมืองในภูมิภาคอื่น เพราะอย่างนั้น ถ้าเอาเรื่องการขนส่งมาร่วมคิดด้วยแล้ว มันก็มีปัญหากับอีกหลายๆ เรื่องเลยล่ะนะ
ตรงจุดๆ นี้น่ะ ฉันกับอาจารย์สามารถส่งทั้งจดหมายทั้งสิ่งของผ่านทางวงเคลื่อนย้ายได้เลย
“แสดงว่า อาจารย์ของชินจีนินี่เป็นระดับปรมาจารย์เลยงั้นเรอะ?”
“ค่ะ ยังไง ฉันก็คิดว่าอาจารย์จะต้องมีคอนเนกชั่นอยู่นะคะ… แต่อาจจะถูกปฏิเสธก็ได้”
ถ้าอาจารย์จะส่งจดหมายตอบกลับมาปฏิเสธฉันว่า ‘ยุ่งยาก’ ฉันก็ไม่แปลกใจหรอก
ต่อให้จะเป็นคำร้องขอจากพวกขุนนางก็ตาม ถ้ามันงานยากเกินไป อาจารย์ของฉันก็ปัดตกไปได้อยู่ดี
“ถ้ายังมีความเป็นไปได้อยู่ ฉันก็อยากจะลองถามดูค่ะ”
“โอ่ว ต่อให้รสชาติของมันจะดีก็เถอะ แต่ถ้าเก็บเอาไว้ไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์นี่”
“จากที่พวกข้ามองแล้วนี่ เหล้าปกติยังเก็บไว้ง่ายกว่าด้วยซ้ำไปนะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ เดี๋ยวฉันจะลองเจรจาไปทางนั้นดูนะคะ”
ที่หมู่บ้านนี้ ถ้าฉันไม่ไปดื่มที่โรงอาหาร ฉันก็จะซื้อเครื่องดื่มมาจากที่ร้านของคุณดาร์นาเอาล่ะนะ
ถ้าลองถามอาจารย์ดูนี่ อาจารย์จะพอหาเครื่องดื่มที่ไม่มีขายในหมู่บ้านนี้มาให้ได้หรือเปล่าน้า?
หลังจากที่พวกเราเก็บผลไม้ออกมาเรียบร้อย เราก็รีบออกมาจากถ้ำกัน ซึ่งตอนนี้ ดวงอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปแล้วเรียบร้อย
ฉันหายใจเข้าลึกๆ อากาศยามค่ำคืนที่สดชื่น แล้วก็เย็นนิดๆ ก็ไหลเข้ามา
“ฟู่ว~~”
ตอนที่ฉันสูดหายใจลึกๆ คุณเคทที่ยืนสูดหายใจเข้าลึกๆ อยู่ข้างๆ ฉันเหมือนกันก็หันมาหาฉัน พลางยิ้มมาให้อย่างเหนื่อยอ่อน
“นี่ประสาทรับกลิ่นของฉันก็แทบจะด้านอยู่แล้วนะคะ แต่นี่มันก็ยังหนักหนาสาหัสอยู่เลย”
“นั่นสิน้า อย่าลืมกำจัดกลิ่นที่ติดทั้งตัวนี่ให้หมดด้วยนะคะ”
ถึงคุณจะไม่รู้สึกเองก็ตาม แต่มั่นใจได้เลยค่ะว่ากลิ่นเหม็นนี่ต้องฝังติดตัวอยู่แน่นอน
ฉันหยิบน้ำยาดับกลิ่นออกมา แล้วก็ฉีด *ฟู่ฟู่ ฟู่ฟู่* กระจายให้ทุกคนเลย
“จะว่าไป เจ้านี่ก็มีวางไว้ที่หน้าโรงอาหารด้วยนี่นา นี่ขายเอาไว้ด้วยเหรอเนี่ย?”
“ใช่ค่ะ ถ้านักเก็บสะสมไม่ซื้อล่ะก็ คุณดีรัลเองก็คงมีปัญหาเหมือนกันค่ะ…”
ถ้าพวกนักเก็บสะสมไม่ยอมใส่ใจเรื่องความลำบากของคนอื่นล่ะก็ เราก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้วิธีการอื่นเท่านั้นเอง
ดังนั้น พวกเราเลยตัดสินใจใช้วิธีจำกัดการเข้าใช้โรงอาหารสำหรับคนที่ไม่ใช้น้ำยากำจัดกลิ่นเอา
แต่ว่า การจะทำให้ทุกคนซื้อน้ำยาดับกลิ่นมาใช้ก็เป็นเรื่องยาก เราก็เลยตัดสินใจใช้วิธีติดตั้งมันเอาไว้ที่ประตูหน้า แล้วทำการเก็บค่าธรรมเนียมในการใช้งานต่อครั้งแทน
ตอนที่ฉันเสนอเรื่องนี้ให้คุณดีรัล เธอก็บอกมาเลยว่า ‘ใครที่มันไม่ยอมใช้ ฉันจะไม่ยอมให้เข้ามาในร้านแน่!’ แล้วการติดตั้งน้ำยาดับกลิ่นเอาไว้ที่หน้าประตูก็เป็นอันตกลงกัน
“นั่นมันก็ช่วยพวกข้าด้วยเหมือนกันนะ ว่าแต่ว่า มันคุ้มเรอะ?”
“อ่า แน่อยู่แล้วสิคะ ว่าติดตัวแดง”
ค่าธรรมเนียมก็คือครั้งละ 3 แรร์
คุณดีรัลบอกว่า ‘ฉันจะคอยจับตาดูเอาไว้อย่างใกล้ชิดเอง!’ เพราะอย่างนั้น ฉันก็ไม่คิดว่าจะมีใครไม่ยอมจ่ายหรอก แต่ฉันก็ยอมให้พวกเขาติดเอาไว้ก่อนได้ แล้วก็ช่วยกระตุ้นพวกเขานิดๆ ล่ะนะ
เพราะกลิ่นมันแรงมาก ถ้าคุณฉีดไป *ฟู่ฟู่ ฟู่ฟู่* แบบนั้นก็ทำเอาติดตัวแดงได้แล้ว
นี่เป็นการสนับสนุนให้กับบรรดานักเก็บสะสมและคุณดีรัล เป็นบริการให้กับสังคมที่อยู่นี่ด้วยล่ะ
ในหมู่บ้านแบบนี้ ความสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อนบ้านน่ะเป็นเรื่องสำคัญมากๆ เลยล่ะนะ
“ทีนี้ ทั้งหมดที่เหลือก็มีแค่กลับบ้านแล้ว… คุณอังเดร อยากเอาผลไม้พวกนี้กลับไปด้วยซักหน่อยมั้ยคะ?”
“นั่น… สิ ก็น่าลองชิมอยู่นะ”
“อา ถ้าเป็นที่เรียวกัง ต่อให้มันทำท้องไส้ปั่นป่วนก็รับมือได้อยู่นะ”
“ฉันคิดว่าพวกคุณไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่ถ้าเห็นว่าอาการไม่ดีจริงๆ ล่ะก็ มาหาที่ร้านฉันได้เสมอเลยนะคะ? ฉันมีโพชั่น (ยาแปรธาตุ) เตรียมไว้ให้แล้วค่ะ เก็บเงินตามปกตินะคะ”
ฉันไม่ให้ฟรีๆ หรอกนะ ก็มันเป็นเรื่องของธุรกิจนี่นา
“น่าๆ ไม่เป็นไรหรอก พวกข้ามันกระเพาะเหล็กกันอยู่แล้ว”
หลังจากว่ามาแบบนั้น พวกคุณอังเดรก็หยิบผลไม้แช่แข็งจากกระเป๋าหนังที่ฉันสะพายอยู่กันไปคนละ 2 ผล แล้วก็ย้ายไปใส่ในกระเป๋าหนังของตัวเองกัน
“เดี๋ยวฉันแช่พวกมันเอาไว้ในตู้แช่แข็งของฉันไว้ก่อนซักพัก ช่วยบอกให้ฉันด้วยนะคะว่าพวกคุณอยากจะจัดการกับพวกมันยังไง―――จะขายหรือจะทานเองก็ได้ค่ะ”
“โอ้ ขอบใจนะ―――อ่า จริงด้วยสิ ถ้าเอาเจ้านี่ไปแบ่งให้คนอื่นๆ ด้วยจะเป็นไรมั้ย? รู้สึกผิดกับชินจีนิเหมือนกันนะที่ต้องลำบากขนกลับไปเก็บให้ด้วยเนี่ย”
“อ่า ฉันไม่ติดใจอะไรนะคะ ฉันเองก็ติดหนี้พวกคุณอังเดรอยู่ด้วย”
พลังเวทที่ต้องใช้ในการรักษาสภาพแช่แข็งแบบนี้มันก็ไม่ได้มากมายอะไร แถมตู้แช่แข็งที่บ้านเองก็ยังโล่งอยู่เลยด้วย
“จะดีเรอะ? พวกข้าไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่เลยนะ…”
“ถ้างั้นก็ เป็นวิธีการขอบใจหนู พวกข้าจะคอยคุมเจ้ากิลจอมซกมกนี่ก็ล่ะนะ”
“ข้าเรอะ!? ถึงข้าจะไม่แย้งในเรื่องที่ว่านั่นก็เถอะน้า”
ได้ยินคุณอังเดรว่าแบบนั้น คุณกิลก็ชี้นิ้วมาที่ตัวเอง ก่อนจะทำท่าทางไม่พอใจแบบแกล้งๆ ออกมา
“ฮุฮุ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ขอขอบคุณด้วยนะคะ”
“ช่วยได้มากเลยล่ะค่ะ ฉันเองก็สนใจมันอยู่บ้างเหมือนกัน ถึงจะไม่ได้ทาน แต่ก็ช่วยเรื่องชดใช้หนี้ให้พวกฉันได้ด้วย”
พวกคุณเคทยิ้มตอบ ก่อนจะพยักหน้าให้ตอบรับความเป็นห่วงของพวกคุณอังเดร
“ถ้าอย่างนั้นก็ สำหรับวันนี้ ขอบคุณมากเลยค่ะ หวังว่าพรุ่งนี้จะเจอกันอีกนะคะ”
“““โอ้!”””
““ค่ะ!””
ตั้งแต่วันรุ่งขึ้นมา พวกนักเก็บสะสมคนอื่นๆ ที่คุณอังเดรไปเกณฑ์มาก็เริ่มมาร่วมด้วยช่วยกันอีกแรงนึง
พวกเราช่วยกันจัดการพวกค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็ง ช่วยกันเก็บเขี้ยวกันมา ในขณะที่คนอื่นๆ ก็ช่วยกันหอบซากค้างคาวออกไปฝังกัน
ในช่วงเวลานี้ของปี การที่จะแค่โยนซากค้างคาวทิ้งไปแล้วปล่อยให้ธรรมชาติเป็นคนจัดการทำความสะอาดเองนี่ออกจากยากไปเสียหน่อย ฉันเลยขอให้พวกเขาช่วยฝังมันให้เรียบร้อยแทน ถึงมันจะเป็นการเพิ่มภาระก็เถอะ
ถ้าปล่อยศพเน่าอยู่เฉยๆ จะสร้างความรบกวนมากกว่าอีกนะ
ถึงพวกเราจะทำแบบประเจิดประเจ้อขนาดนี้ แต่ก็ไม่มีใครมาขัดพวกเราเลย แล้วก็ไม่มีพ่อค้าแม่ขายคนไหนปฏิเสธการรับซื้อจากพวกเราเลยด้วย เรื่องก็เลยดำเนินไปอยู่แบบนี้อีกประมาณสัปดาห์นึง
พอเขี้ยวสะสมมาได้มากประมาณนึงแล้ว กับการที่จำนวนค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งในถ้ำดูลดลงไปถนัดตา นักเก็บสะสมปริศนาหน้าใหม่ผู้สวมหน้ากาก ชินจีนิ ก็เป็นอันต้องถูกบังคับให้เกษียณตัวเองจนได้
TN: ยิ่งอ่าน ยิ่งไม่ค่อยอยากนึกเลยแฮะว่าค้างคาวที่มันอยู่กันในถ้ำนี่มันจะเยอะขนาดไหน บรื๋อ~!
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r