[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 68 [2] สงครามธุรกิจและกลเม็ดหลังฉาก [Part 3]
- Home
- [นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่
- ตอนที่ 68 [2] สงครามธุรกิจและกลเม็ดหลังฉาก [Part 3]
สำหรับตอนนี้ พวกเราตัดสินใจเลือกมุมๆ นึงเป็นเหมือนพื้นที่สำหรับกองซากค้างคาว แล้วหลังจากที่รวมซากพวกมันเอาไว้ตรงนั้นเรียบร้อยแล้ว พวกเราแล้วก็เริ่มหักเขี้ยวกัน
ตอนแรก พวกเราก็คุยเล่นกันนะ แต่ซักพัก พวกเราก็หมดความตั้งใจจะคุยกัน ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาทำงานกันแบบเงียบๆ อยู่แบบนั้น
ซากค้างคาวที่เคยกองเอาไว้อย่างเรียบร้อยอยู่ข้างๆ ตอนนี้พวกเราก็โยนมันออกไปแรงขึ้นจนกลายเป็นกองสุมๆ มั่วๆ ไปแล้ว
“…ไม่เห็นจุดหมายปลายทางเลย นี่มันอะไรกันเนี่ย?”
“อะฮะฮะ… มันก็เยอะไปนิดนึงนะคะ”
มันเป็นแค่งานง่ายๆ แต่ก็เพราะแบบนั้น มันก็เป็นงานง่ายๆ ที่ต้องทำจนเอียนเลย
ถึงจะมีการบ่นกระปิดกระปอยกันเป็นพักๆ แต่ก็ไม่มีใครหยุดมือเลย ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไป―――
และในที่สุด ตัวสุดท้ายก็ถูกโยนขึ้นไปด้านบนสุดของภูเขาจนได้
“จบสักที―――!!”
คุณไอริสตะโกนขึ้นมาทันทีเลย
คนอื่นๆ ไม่ได้ร้องออกมาแบบนั้น แต่ทุกคนก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะยิ้มออกมากัน
“ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากนะคะ คุณเคท”
“คุณผู้จัดการ――― อ๊ะ ชินจีนิก็เหมือนกันนะคะ”
“ฮะฮะ ฉันว่าเวลาป่านนี้ไม่มีใครแล้วล่ะค่ะ ไม่เป็นไร”
“เยอะกว่าที่คิดเยอะเลยนะ ได้มาขนาดไหนกันล่ะเนี่ย?”
“นั่นสิน้า… ของขนาดนี้ ฉันเลิกนับไปตั้งแต่กลางทางแล้วล่ะ”
“ฉันก็เหมือนกันค่ะ น่าเบื่อสุดๆ ไปเลย”
ฉันกับคุณไอริสเอียงหัวไปพร้อมกันให้กับคำถามนั้นของคุณอังเดร
คุณเกรย์ที่ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าภูเขาลูกนั้นก็หันกลับมาหาฉัน ก่อนจะเปิดปากพูด
“น่าจะหลายพันนะ ชินจีนิ พรุ่งนี้ข้าควรเรียกคนมาเท่าไหร่ดีล่ะ?”
“หลายพัน… ถ้าแบบนั้นก็ต้องช่วยกันขนหลายสิบเที่ยวเลยล่ะค่ะ”
ฉันต้องจ่ายค่าจ้างให้แบบสมน้ำสมเนื้อด้วย หรือบางที อาจจะจำกัดไว้แค่บางส่วนดีนะ?
“สำหรับทุกคนที่ไว้ใจได้ ก็อยากจะให้ทำงานด้วยนะคะ ฉันจะแต่งตัวแบบนี้เพื่อปกปิดตัวตนเอาไว้เผื่อมีใครมาเจอก็แล้วกัน”
พอฉันพูดแบบนั้น พวกคุณอังเดรก็หันมามองหน้ากัน ก่อนจะถอนหายใจ
“ก็น้า ไม่มีใครที่เขาดูไม่ออกหรอกนะ ต่อให้จะเป็นพวกคนแก่ๆ ก็เถอะ”
“พอเริ่มการต่อสู้ แค่นั้นก็รู้แล้วล่ะ ในหมู่บ้านนี้ ไม่มีนักเก็บสะสมคนไหนใช้เวทมนตร์ได้หรอกนะ”
“อาเระ…? ความแตกแล้วเหรอคะเนี่ย?”
ทุกคนพยักหน้าตอบกันรัวๆ
“ทั้งๆ ที่เตรียมตัวมาแท้ๆ…”
“แน่นอน หนูทั้งปิดหน้าปิดตาตัวเองตั้งแต่ปากทางเข้าถ้ำ ทั้งไม่ให้เรียกชื่อหนูด้วยนี่?”
“ใช่ๆ ถ้าเป็นพวกนักเก็บสะสมหน้าใหม่ ก็คงดูไม่ออกหรอก”
อ่า แสดงว่ามือเก๋าทุกคนก็ดูออกหมดเลยสินะเนี่ย
พวกนักเก็บสะสมมือเก๋าทุกคนดูจะกลั้นขำกันตอนที่ฉันพูดว่า ‘ไปกันเถอะค่ะ’ ด้วยนี่นา
“―――น่า มันก็ดีแล้วนี่คะ ฉันทำแบบนี้ต่อไปนั่นแหละ แล้ว ครั้งนี้เองก็แบ่งเขี้ยวที่ได้ออกเท่าๆ กันด้วยดีมั้ยคะ?”
พอฉันเสนอไปแบบนั้น พวกคุณอังเดรก็ส่ายหน้าตอบ
“ไม่ได้หรอก ถ้าพวกข้าเอาไปเยอะขนาดนั้น คนอื่นๆ ก็อิจฉากันจนตาลุกเป็นไฟแน่”
“ใช่ๆ แค่มากกว่าที่พวกข้าหาได้ตามปกตินิดๆ หน่อยๆ ก็เกินพอแล้วล่ะ เนอะ?”
“อ้า นี่ที่รอดปลอดภัยยังไม่ตาย ก็เพราะเวทมนตร์ของชินจีนินั่นแหละ”
“งั้นเหรอคะ? แต่ว่า ถ้าว่าแบบนั้นก็ ขอบคุณมากนะคะ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไป ก็ต้องจ่ายเงินค่าจ้างให้คนที่มาช่วยขนซากค้างคาวพวกนี้ด้วย”
นอกจากงานช่วยแบกช่วยขนแล้ว ฉันก็อยากให้พวกเขาช่วยเอาเขี้ยวไปขายด้วย ก็อยากจะได้เงินมาช่วยในจุดนั้นนั่นแหละ
ก็น้า ใส่หน้ากากแบบนี้ด้วย แล้วขนเขี้ยวมาเยอะขนาดนี้เลยด้วยเนี่ย ยังไงก็น่าสงสัยสุดๆ ไปเลย
“แล้วพวกคุณไอริสจะเอายังไงดีล่ะคะ?”
“อูว สถานการณ์แบบนี้แล้ว จะพูดว่าแบ่งไว้เป็นส่วนๆ ทีก็คงไม่ได้ใช่มั้ยล่ะคะ”
“เอ งั้นเอาตามทางคุณอังเดรเลยนะคะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ ถ้างั้น สักประมาณ 3 เท่าจากปริมาณที่พวกคุณเอามาขายตามปกติดีมั้ยคะ? วันนี้เราก็ทำงานกันนานเลยด้วย”
“พอแล้วล่ะ แต่ว่า วันนี้ทิ้งซากค้างคาวเอาไว้แบบนี้เลยคงไม่เป็นไรนะ? ด้วยแรงที่พวกข้าเหลือตอนนี้ คงแบกสัมภาระหนักขนาดนั้นเดินไปอีกหลายชั่วโมงไม่ไหวหรอก…”
“ค่ะ ไม่เป็นไรแน่นอน”
เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกเราก็ได้กำลังคนมาเพียบแล้วล่ะ
“ทีนี้ กับกองผลไม้นี่… มีใครอยากจะเก็บกลับไปมั้ยคะ?”
ฉันถามพลางชี้ไปที่กองผลไม้ที่เป็นต้นตอของ [เดธมาร์ชปราบปราม & เก็บเขี้ยว] เมื่อครู่นี้
สายตาของทุกคนจ้องไปที่มัน ก่อนจะเลื่อนไปที่คุณกิล
เมื่อเห็นว่าความเงียบสื่อความหมายแฝงเอาไว้ในสายตาเหล่านั้น คุณกิลก็ยกมือขึ้นมาข้างนึงพร้อมกับหัวเราะลั่น สีหน้าดูจะอายอยู่นิดๆ
“อ่า อืม ขอถามหน่อยแล้วกันนะ? ซาราสะจัง ไปแตะมันตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ย?”
“ค่ะ สำหรับตอนนี้ ฉันคิดว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้พวกค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งก็น่าจะกลับมาเกาะกันตรงนี้แล้วล่ะค่ะ เพราะอย่างนั้น ป่านนั้นก็คงจะมาหยิบไปไม่ได้แล้ว”
พอส่วนในสุดของถ้ำมันโล่งไปแล้ว พวกค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งที่เด็กกว่าที่เคยอยู่ใกล้กับปากทางเข้าถ้ำกว่าก็จะขยับเข้ามาอยู่กันในส่วนที่ลึกกว่าของถ้ำแทน
ถ้าเข้าไปยุ่มย่ามอีกในสภาพแบบนั้นล่ะก็ โศกนาฏกรรม (?) แบบในวันนี้ก็จะเกิดขึ้นอีกรอบน่ะสิ
“…เอาเรื่องว่าจะกินมั้ยออกไปก่อนละกัน จะเก็บไปดีมั้ยเนี่ย? มันขายได้ราคาดีเลยสินะ?”
“แล้วจะมีคนซื้อมั้ยเนี่ยสิ? แต่ว่า การจะขนส่งมันก็ยากอยู่นะ ถ้าน้ำแข็งมันละลายไปก่อน มันก็จะเสียมูลค่าไปอีก”
พอคุณอังเดรได้ยินการพูดคุยพวกนั้น เขาก็ร้อง “เอ๊ะ?” ขึ้นมา ก่อนจะหันมามองที่ฉัน
“แบบนี้นี่ สำหรับนักเก็บสะสมธรรมดาๆ มันก็เป็นไปไม่ได้เลยไม่ใช่เรอะ?”
“―――ที่ร้านของเรา มีอาร์ติแฟกต์ (อุปกรณ์แปรธาตุ) สะดวกสบายที่เรียกว่า [ตู้แช่แข็ง] ขายอยู่นะคะ”
แต่ก็นะ สำหรับคนที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ตู้แช่แข็ง การจะคงสภาพเอาไว้ก็จะเป็นงานยากเลยล่ะ
“แล้วราคาที่ขายได้มันขนาดไหนกันล่ะนั่นน่ะ?”
พอคุณอังเดรถามย้ำมาแบบนั้น ฉันก็คิดอยู่ก่อนซักพักก่อนจะตอบกลับไป
“…ถ้าเกิดมีใครรับซื้อไปล่ะก็นะคะ?”
“ว่าแล้วเชียว!”
คุณอังเดรร้องออกมาพร้อมกับเอามือตีหน้าผากตัวเองเลย
แต่ว่า มันเป็นวัตถุดิบที่จัดเก็บยากจริงๆ นั่นแหละ
นอกจากจะต้องทิ้งไว้ในที่เย็นตลอดเวลาแล้ว คนที่สนใจจะซื้อก็ยังจำกัดอีกต่างหาก
เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ขายให้พ่อค้ารายใหญ่หรือพวกขุนนางชนชั้นสูงล่ะก็ มันก็ทำเงินให้ไม่ได้หรอก
“จะว่าไป ถ้าเป็นชินจีนิก็เอากลับบ้านไปได้ไม่ใช่เหรอ?”
“ค่ะ ฉันทำแบบนั้นได้ เรื่องการคงสภาพเอาไว้… ก็พอรักษาไว้ได้ซักพักนึงนะคะ”
“อ๋า ตู้แช่ที่นายท่านผู้จัดการสร้างเอาไวัก็แทบจะโล่งอยู่แล้วด้วยนี่คะ งั้นนี่ก็พอดีเลย!”
“…ค่ะ เป็นแบบนั้นเลย”
คุณไอริสพูดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มสดใส ส่วนทางฉันก็ตอบกลับไปด้วยท่าทางลำบากใจนิดหน่อย
ฉันสร้างตู้แช่แข็งเอาไว้ก็จริง แต่โลเรียจังบอกว่า [i]‘มันเอาไว้ใช้ทำอะไรเหรอคะ? ฉันไม่รู้เลย’[/i] ตอนนี้ ฉันก็เลยเอาไว้ใช้แค่ทำน้ำแข็งกับแช่เครื่องดื่มเฉยๆ เท่านั้นเอง
จนถึงตอนนี้ ต่อให้ไม่ใช้มันก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่นี่มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ
“คนทั่วๆ ไปไม่เคยมีประสบการณ์ใช้งานตู้แช่แข็งมาก่อนหรอกค่ะ”
“นั่นสิน้า ทั้งๆ ที่มันมีประโยชน์ในการถนอมรักษาเนื้อแท้ๆ…”
“ชินจีนิ ชาวบ้านทั่วๆ ไปเขาซื้อเนื้อมาเยอะขนาดถึงกับต้องเอาไปถนอมไว้เลยไม่ได้หรอกนะ”
“นั่นสิน้า เข้าใจแล้วค่ะ”
ฉันทำได้แค่พยักหน้าตอบสิ่งที่คุณเคทกับคุณอังเดรบอก
ในหมู่บ้านนี้มีคุณแจสเปอร์คนเดียวที่เป็นนายพราน เพราะแบบนั้น ชาวบ้านก็ไม่มีทางจะหาเนื้อมาได้เยอะพอที่จะต้องหาวิธีเก็บรักษาเอาไว้นานๆ อยู่แล้ว นอกเสียจากกรณีพิเศษอย่างเมื่อตอนเฮล เฟลม กริซลีเท่านั้นแหละ
กรณีของบ้านพวกเรา บางครั้งคุณเคทก็ล่าสัตว์กลับมาบ้าง ฉันเลยคิดว่าบางทีมันก็มีประโยชน์ใช้สอยได้ดี แต่สำหรับคนทั่วๆ ไป มันคงจะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยเลยสินะ
“ในหน้าร้อนแบบนี้ น้ำแข็งนี่มันก็ดีเหมือนกันนะ แต่จะซื้อไปเพื่อจุดประสงค์แบบนั้นมันก็ดูออกจะฟุ่มเฟือยไปซักหน่อย”
“คุณอังเดร อยากซื้อผลไม้แช่แข็งพวกนี้ไปแช่เก็บรักษามั้ยคะ?”
“ถ้าหาคนมาซื้อไม่ได้ มันก็ไม่ได้เงินกลับไปอยู่ดีไม่ใช่เรอะ?”
“ก็ใช่ค่ะ”
พอฉันตอบไปตามตรง คุณอังเดรก็ยักไหล่พลางยิ้มแหยๆ ออกมา
“คงไม่เอาไปขายล่ะนะ หนูคิดว่าพวกข้านักเก็บสะสมต๊อกต๋อยจะไปมีช่องทางข้องแวะอะไรกับพวกขุนนางมั้ยล่ะ? แล้วพวกหนูๆ ไอริสล่ะจะเอายังไง?”
“…ฉันเองก็ คงลำบากเหมือนกันค่ะ”
คุณไอริสนิ่งเงียบอยู่ซักพัก แล้วก็อย่างที่เธอบอกเลย เธอส่ายหัวด้วยสีหน้าลำบากใจ
“นั่นสินะ ก็ พวกเราควรจะลองเพลิดเพลินกับมันดูนะ แต่ว่า…”
“ต้องเป็นคนกล้าหาญขนาดไหนกันน่ะคะที่ขนาดในสถานการณ์แบบนี้ คุณยังกล้าจะกินมันอีกน่ะ คุณอังเดร”
“เปล่าซักหน่อย ข้าเองก็ยังลังเลอยู่เหมือนกันนะรู้มั้ย?”
“ว่าแต่ว่า มันอร่อยรึเปล่า? น่าสนใจเหมือนกันนะ”
“ว่ากันว่าเป็นรสชาติแบบที่หาอะไรที่เคยกินมาก่อนมาเทียบได้ยากเลยนะคะ”
สมกับเป็นนักเก็บสะสมผู้มีประสบการณ์เลยนะเนี่ย พลังใจแข็งแกร่งใช้ได้เลย
ถ้าเป็นฉัน ฉันไม่คิดจะกินผลไม้ที่ซุกเอาไว้ข้างในกองของเสียของเน่าแบบนี้หรอก…
“เอาเป็นว่า มาลองเก็บกันไปก่อนแล้วกันค่ะ มาคุยเรื่องพวกนั้นที่นี่มันก็เสียเวลาเปล่าๆ นะคะ”
“นั่นสินะ เฮ่ กิล เกรย์ เอาเลย”
““รับทราบ””
พอพวกเขา 3 คนเริ่มรื้อกองผลไม้เน่าๆ ออก กลิ่นหอมหวานก็เริ่มจะพุ่งแหวกออกมาเตะจมูกพวกเราจากกองผลไม้เน่าเสียนั่นแล้ว
ภาพที่ฉันเห็นมันก็ปัดความอยากอาหารของฉันทิ้งไปได้หมดเลยนะ แต่ก็เกินคาดเลยล่ะ ผลไม้ที่อยู่ใต้กองนั้นยังถูกแช่แข็งเอาไว้นั่น เห็นแวบแรกก็ดูปกติดีนะ
“…นี่มัน เป็นไปได้ด้วยเหรอเนี่ย?”
“อ่า ดูแล้วเหมือนบางอันจะยังกินได้ด้วยนะนั่น”
คุณอังเดรดูจะดีใจนิดๆ ในขณะที่เขาหยิบพวกผลไม้ที่ดูดีขึ้นมาประมาณนึง ก่อนจะใส่พวกมันเข้าไปในกระเป๋าหนังของเขาเอง
ดูแล้วมันจะมีเยอะกว่าที่ฉันคิดเยอะเลยนะ แต่ว่า… ก็ แบบนี้ก็คงดีแล้วล่ะ
“เรื่องที่ว่ามันยังดีหรือเปล่า ฉันจะปล่อยให้พวกคุณเป็นคนตัดสินใจกันเองเลยนะคะ? ―――อา ไม่สิ ถ้าพวกคุณจะช่วยเพิ่มยอดขายโพชั่น (ยาแปรธาตุ) ของฉันเพื่อช่วยรักษาอาการปวดท้องนี่ ฉันก็ไม่เกี่ยงนะคะ”
ไหนเมื่อมันเป็นเรื่องของซื้อของขาย ฉันก็ว่ามันไม่เป็นไรหรอก… แต่คนที่กล้ากินมันเป็นคนแรกนี่ต้องกล้าสุดๆ ไปเลยนะ
TN: เราจะรู้ได้ยังไงล่ะ ว่าอะไรกินได้กินไม่ได้…
แน่นอน ต้องมีคนแรกเสมอยังไงหล้า 555
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r