[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 61 [2] สินค้าใหม่และคู่แข่งทางการค้า? [Part 6]
- Home
- [นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่
- ตอนที่ 61 [2] สินค้าใหม่และคู่แข่งทางการค้า? [Part 6]
“พ- เพราะว่า ค- โคโระโคโระนี่…”
โลเรียจังถามฉันอีกรอบด้วยสีหน้าจริงจัง ฉันเลยพูดชื่อนั้นอีกรอบโดยที่หน้าแดงขึ้นมานิดหน่อย
“ค- ค่ะ โคโระโคโระ สินะคะ”
“ชื่อนั่นมันยังไงๆ อยู่ใช่มั้ย? นี่เป็นชื่อจริงๆ เลยล่ะนะ ไหนๆ ก็พูดถึงแล้ว มันคืออาร์ติแฟกต์ (อุปกรณ์แปรธาตุ) ที่ติดกับเพลาล้อของรถม้า แล้วก็ขึ้นชื่อในการช่วยให้รถม้าวิ่งได้นิ่มมากๆ เลยล่ะ”
ถ้าให้ลงรายละเอียด มันสามารถวิ่งได้เหมือนกับว่าน้ำหนักของสัมภาระเบาลงไปครึ่งนึงเลย
ม้า 1 ตัวก็จะลากรถม้า 2 คานได้เลย แถมเวลาในการเดินทางก็ลดลงไปได้เยอะเลยด้วย
เป็นอาร์ติแฟกต์ที่ได้รับความนิยมมากๆ เลยล่ะในหมู่คนที่ใช้รถม้าลาก
ข้อเสียก็คือถ้าเกิดไม่ได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ มันก็จะพังเร็วมากๆ เลย
“ฉันไม่คิดว่านั่นจะเป็นปัญหาหรอกค่ะ แต่ว่า… เป็นชื่อที่แปลกจังเลย นะคะ?”
“นั่นสินะ แต่ว่า อาร์ติแฟกต์แบบนั้นก็มีเยอะจนน่าตกใจเลยล่ะ”
ตามปกติ อาร์ติแฟกต์จะถูกตั้งชื่อตามนักเล่นแร่แปรธาตุคนที่สร้างมันขึ้นมาน่ะ
คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็แค่ตั้งชื่อมันตามความสามารถที่มันทำได้แค่นั้นเลย
น้ำยาลดการรับกลิ่น, เตาไฟพลังเวท หรืออะไรแบบนั้น
แค่ได้ยินชื่อก็สามารถเข้าใจการทำงานของมันได้แล้ว เพราะแบบนั้น มันก็เลยเป็นวิธีที่เป็นที่พอใจที่สุดแล้ว แม้แต่กับนักเล่นแร่แปรธาตุคนอื่นๆ เองก็เหมือนกัน
ถุงมือยืดหยุ่นเองก็คล้ายๆ กันนะ แต่เพราะสิ่งที่มันมีเหนือกว่าถุงมือทั่วๆ ไปน่ะมีทั้งความยืดหยุ่นและความคงทน ซึ่งก็สำคัญเหมือนกัน เพราะฉะนั้น สำหรับชิ้นนี้ แค่ชื่อก็อธิบายไม่พอ
อย่างน้อย ฉันว่ามันก็เข้าใจง่ายกว่าถ้าเกิดมันใช้ชื่อว่า [ถุงมือยืดหยุ่นฟันแทงไม่เข้า] หรืออะไรแบบนั้นนะ
แต่ ชิ้นนี้ก็ยังดีกว่านะ
ปัญหาคือพวกคนที่มีความยึดติดกับอะไรแปลกๆ กับพวกคนที่ตั้งชื่อของตามใจโดยไม่คิดหน้าคิดหลังนี่แหละ
ฉันว่าการตั้งชื่อให้มันก็เท่อยู่นะ แต่กับกรณีส่วนใหญ่แล้วเนี่ย ชื่อมันจะไม่ได้บอกอะไรเลยว่าอาร์ติแฟกต์ชิ้นนั้นมันสามารถทำอะไรได้น่ะสิ
ในกรณีที่โชคดีหน่อย ถ้าเป็นคนที่ยังมีสามัญสำนึกอยู่ ชื่อก็จะสอดคล้องกัน แล้วก็อธิบายเข้าใจได้ง่ายต่อจากชื่อของมันมาเลย อย่างเช่น ‘เครื่องจักรผลิตปุ๋ย [ฮาเวสเตอร์]’ แบบนี้
ในอีกด้านนึง ถ้าการตีความไม่เป็นไปตามที่คิดเอาไว้ หลายคนก็จะไม่เข้าใจเลยว่ามันคืออะไรกันแน่
ใช่ เหมือนอย่าง [โคโระโคโระ] นี่ไงล่ะ
“มันถูกกว่าฮาเวสเตอร์นะ แต่ถ้าเป็นเงินเดือนของโลเรียจังแล้วนี่ ก็ยังซื้อไม่ได้หรอกนะ?”
“งั้นเหรอคะ… ฉันต้องพยายามทำงานให้มากกว่านี้แล้วสิคะ ถ้ามีเจ้านี่ล่ะก็ งานของคุณพ่อต้องง่ายขึ้นเยอะแน่ๆ เลย”
“อื้อ ทุ่นแรงได้ค่อนข้างดีเลยนะ”
ฉันคิดว่าคุณดาร์นาเองก็ทำเงินจากหมวกเย็นฉ่ำได้เย็นพอควรอยู่นะ แล้วถ้าให้คุณดาร์นาซื้อเองโดยตรงเลยก็น่าจะดีเหมือนกัน แต่… ในเมื่อโลเรียจังอยากจะซื้อให้เขาเอง งั้นก็หยุดเรื่องนั้นเอาไว้แค่นี้ก็แล้วกัน
“ดีล่ะ โลเรียจัง มาแข่งกันเลยว่าใครจะซื้อของได้ก่อนกันน่ะ!”
คุณเกรทส์พูดขึ้นมาแบบนั้นพร้อมกับสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ส่วนโลเรียจังก็ตอบกลับรอยยิ้มนั้นด้วยรอยยิ้มเหมือนกัน เธอเปิดปากพูดในขณะที่มองกลับไปด้วยสายตาที่เย็นชานิดๆ
“พี่เกรทส์คะ มาแข่งกับเด็กที่อายุน้อยกว่าตัวเองเกือบครึ่งแบบนี้ไม่อายบ้างเหรอคะ?”
“กุอั๊ก!!”
จริงแท้อย่างที่สุดเลยนะนั่น
สมกับเป็นคุณเกรทส์เหมือนกันนะ เขาเป็นคนออกจะดูน่าสงสารอยู่นิดนึง
แต่ก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไรล่ะนะ
“แต่ว่า ฉันก็ไม่เกี่ยงอะไรเรื่องจะแข่งหรอกค่ะ พี่เกรทส์เองก็พยายามเข้าเหมือนกันนะคะ?”
“อ- อา… จะพยายามนะ…”
ตกลงใครโตกว่าใครกันแน่ล่ะเนี่ย
ในระหว่างที่ฉันกำลังรู้สึกแบบนั้น คุณเกรทส์ก็พยักหน้าให้
กลางฤดูร้อน
ในตอนที่ฉันเริ่มจะรู้สึกถึงความร้อนในตัวอาคาร โครงภายนอกของตู้เย็นกับตู้แช่ก็มาถึงร้านซักที
สำหรับคุณเกเบิร์กแล้ว มันก็ช้าอยู่นะ แต่อาจจะเพราะกว่าไม้ที่ฉันสั่งจะส่งมาถึงมันก็นานด้วยเหมือนกันนั่นแหละ
หลังจากที่ส่งมาถึงนี่ ยังเป็นงานที่สุดยอดเหมือนเคยเลยนะ
ไม่มีช่องว่างรอยต่อเลยซักอัน แล้วขนาดก็สร้างมาได้พอดีเป๊ะด้วย
“สมบูรณ์แบบไปเลยนะเนี่ย ไม่ต้องมาปรับแก้อะไรเลย…”
ถึงฉันจะคิดว่า ‘ต้องมาปรับสภาพอะไรมั้ยนะ?’ ก็เถอะ เพราะอย่างวัตถุดิบฉนวนกันความร้อนกับแกนทำความเย็นมันถูกสร้างเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่นี่มันสามารถใส่เข้าไปในที่ของมันได้พอดีเลย
หลังจากนั้น ขั้นตอนทั้งหมดก็เหลือแค่ป้องกันน้ำเข้ากับติดตั้งมันเข้าไปในห้องครัว เท่านี้งานก็เสร็จแล้ว
“สำหรับตอนนี้ ก็เช็คการทำงานของมันก่อน ถ้าเกิดตู้เย็นทำงานได้ดีล่ะก็… มาลองทำน้ำแข็งจากตู้แช่ดูดีกว่า”
งานมันเสร็จได้แบบง่ายจนเกินคาด ฉันก็เลยใช้เวลานี้ทำขนมทานเล่นซักหน่อย
“หั่นผลไม้อบแห้ง เติมน้ำตาลกับน้ำอีกนิดหน่อย…”
ต้มทั้งหมดนั่นในหม้อ พอเนื้อเริ่มข้นเหนียว กลิ่นหอมหวานก็เริ่มอบอวลขึ้นมาแล้ว
โลเรียจังแอบเหลือบมาดูที่ฉันด้วยซักพักนึงเลยล่ะ อาจจะโดนกลิ่นนี้ยั่วยวนมาก็ได้นะ
“คุณซาราสะ…? ได้กลิ่นหอมๆ อะไรด้วย…”
“อื้อ ตอนนี้เรามีตู้แช่ใช้แล้ว ก็เลยคิดว่าทำขนมซักหน่อยก็ดีนะ อยากชิมดูมั้ย?”
“ได้เหรอคะ? ขอด้วยนะคะ!”
ฉันเปิดตู้แช่ออก พลางเหลือบไปมองโลเรียจังที่นั่งลงที่โต๊ะด้วยหน้าตายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลย
“…อือ แข็งใช้ได้เลย”
ถือน้ำแข็งที่เอาออกมาไว้ในมือขวา แล้วก็จานก้นลึกอยู่ในมือซ้าย―――
*ตึ้ง!* สวยเลย…
แท่งน้ำแข็งแตกละเอียดอยู่ในจานก้นลึกใบนี้เรียบร้อย
“―――!? ค- คุณซาราสะคะ! นั่น มันอะไรน่ะคะ!?”
“นี่เหรอ? เวทมนตร์ไงล่ะ ที่อาจารย์ของฉันสอนเอาไว้”
เวทมนตร์สำหรับการทุบน้ำแข็งให้ทั้งละเอียดและได้เนื้อสม่ำเสมอกันมากๆ เลย
มันต้องใช้การควบคุมพลังเวทที่ละเอียดอ่อนพอควร แล้วฉันก็โดนบอกว่า ‘เป็นการฝึกเวทมนตร์ไงล่ะ!’ ตลอดเลยในช่วงฤดูร้อน จนโดนบังคับให้เป็นคนจัดการหลายครั้งเลยด้วย
แต่เทียบกับอาจารย์แล้วเนี่ย หนทางก็ยังอีกยาวไกลเลยล่ะนะ เนื้อของมันยังต่างจากตอนที่อาจารย์ทำเองอยู่เลย
“หลังจากนั้น ก็เทน้ำเชื่อมไปไว้ข้างบนเยอะๆ เท่านี้… น้ำแข็งใสก็เสร็จแล้ว! เอ้า ทานได้เลยจ้า”
“จ- จะกินล่ะนะคะ… เย็นจัง! แล้วก็ หวานด้วย! เพิ่งเคยกินอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรกเลยค่ะ!”
หลังจากทานเข้าไปคำนึง โลเรียจังก็ลืมตาโต ยิ้มกว้างจนแก้มปริทันทีเลย
คนทั่วๆ ไปไม่มีโอกาสได้ทานขนมหวานเย็นๆ แบบนี้กันหรอก
“…อะ นี่ โลเรียจัง น้ำแข็งใสเนี่ย ทานรวดเดียวเลย มันจะอร่อยมากเลยนะ รู้หรือเปล่า?”
“เอ๊ะ แต่ว่า ฉันกินคนเดียวแบบนั้นจะดีเหรอคะ…”
“ไม่เป็นไรๆ เพราะก็ยังมีอยู่อีก ทำน้ำแข็งได้มากเท่าที่ต้องการเลยล่ะ เอาเลยๆ”
โลเรียจังมองดูน้ำแข็งใสอย่างเสียดาย ฉันก็เลยยิ้มให้ ก่อนจะแหย่เธออีกหน่อย
“งั้นเหรอคะ? ถ้างั้น ไม่เกรงใจล่ะนะคะ…”
ฉันมองโลเรียจังกัดน้ำแข็งใสคำใหญ่ โดยที่รอยยิ้มก็ยังไม่หายไปไหน
“―――ฮึ!? งือ~ก! ห- หัวมัน! จี๊ดขึ้นมา! เจ็บจังเลย!?”
“อื้อ ก็แบบนั้นแหละ ถ้าเกิดทานของเย็นๆ เข้าไปรวดเดียวเลย ก็จะเจ็บหัวขึ้นมาแบบนี้ล่ะนะ”
ฉันมองหน้าของโลเรียจังที่เอามือ 2 ข้างของเธอขึ้นมากุมหัวหมุนไปหมุนมา พร้อมกับพยักหน้าให้
ถ้าเกิดไม่ได้มีโอกาสทำแบบนี้เหมือนกันล่ะก็ ฉันก็ไม่ได้รู้เรื่องนี้หรอก
อาจารย์เองก็สอนฉันด้วยวิธีนี้เลยแหละ
“คุณซาราสะค้า!?”
“น่าๆ ถ้าเป็นตอนที่ฉันไม่อยู่ แล้วเธอเจออาการแบบนี้เข้าแล้วเข้าใจผิดว่าตัวเองป่วยหนักขึ้นมาล่ะก็คงน่าสงสารแย่ นี่เป็นเรื่องปกติเลยนะ ไม่ต้องกังวล”
โลเรียจังจ้องมาที่ฉันตาโตเลย ด้วยสีหน้าที่ว่า ‘นั่นน่ะเหรอ!?’ ฉันก็อธิบายเหตุผลให้ฟัง
ฉันไม่ได้จะแกล้งเธอหรือทำอะไรแบบนั้นหรอก จริงๆ นะ…?
“―――งือ… อ๊ะ หายเจ็บแล้ว”
“ใช่แล้วล่ะ ผ่านไปซักพัก อาการเจ็บก็จะหายไปเอง แค่ทานช้าๆ แค่นั้นก็ไม่เป็นไรแล้ว”
“อู่ว~ เจ็บจริงๆ นะคะเนี่ย น่าจะบอกฉันก่อนนะคะ…”
ฉันตอบเธอกลับไป พลางหลบสายตาจากโลเรียจังมานิดหน่อย ที่ตอนนี้เธอมองมาด้วยท่าทางโมโหใหญ่เลย
“เจอแบบนี้ซักครั้งนึงก็ยังไหวอยู่? คิดว่างั้นนะ มันไม่ใช่อะไรที่แค่พูดแล้วจะไม่เข้าใจนี่คะ?”
“ก็คงจะเป็นแบบนั้นนะแต่… ก็ ดีแล้วล่ะ จะขอโทษด้วยขนมหวานอร่อยๆ แล้วกันนะ”
ได้ยินแบบนั้น โลเรียจังก็ร้องตอบว่า ‘ค่า!’ แล้วก็ยื่นชามในมือมาให้ ฉันก็รับมา บดน้ำแข็งจนละเอียดพร้อมกับยิ้มแห้งๆ ออกมา ก่อนจะราดน้ำเชื่อมลงไปอีกเยอะๆ
“ทานแค่พอประมาณนะ ถ้าทานเยอะเกินไปเดี๋ยวจะปวดท้องเอา”
“เข้าใจแล้วค่ะ… อื้ม~! ว่าแล้วเชียว! ทั้งเย็นทั้งอร่อยเลยค่ะ!”
อาจจะเพราะมันหายากด้วย โลเรียจังก็เลยทานมันอย่างมีความสุขเลย ว่าแต่ สำหรับฉันนี่ ถ้วยเดียวจะพอหรือเปล่านะ?
“เอาเป็นว่าตอนนี้ ไปที่ร้านกันเลยดีมั้ย? ปล่อยให้ร้านโล่งเกินไปก็คงจะไม่ดีหรอก”
“อ๊ะ จริงด้วยค่ะ!”
ฉันออกไปที่ส่วนหน้าร้านกับโลเรียจัง ที่ยังถือถ้วยน้ำแข็งใสเอาไว้ในมืออยู่เลย
TN: โกรธแล้วงอนไปเลยก็ได้นะ โลเรียจัง มาแกล้งกันแบบนี้น่ะ
เอ… แต่นางบอกเองแล้วนี่เนอะว่าไม่ได้แกล้ง(?) 555