[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 53 [2] พัฒนาสินค้าใหม่ [Part 4]
―――พวกเราเริ่มเดินลึกเข้าไปในถ้ำอย่างคึกคักกันมาประมาณ 2 ชั่วโมงแล้ว
พวกเรายังไปไม่ถึงจุดที่ลึกที่สุดของถ้ำค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งเลยด้วยซ้ำ
มันไม่เกี่ยวหรอกว่าถ้ำนี่มันจะลึกขนาดไหน พวกค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งมันไปไม่ได้ไกลหรอก… พอคิดถึงเรื่องการเดินช้าๆ ของพวกเราแล้ว นี่มันไม่ลึกไปหน่อยเหรอ?
แถมดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวด้วยที่คิดแบบนั้น คุณไอริสเองก็เรียกฉันด้วยสีหน้าสะอิดสะเอียนนิดหน่อย
“นี่ นายท่านผู้จัดการคะ นี่ยังลึกไม่พออีกเหรอคะ?”
“ก็ นั่นสินะคะ ก็คงเป็นเรื่องโกหกที่ว่าการที่ยังเข้าไปไม่ถึงจุดลึกสุดของถ้ำมันไม่กวนใจฉันเลย แต่ขนาดตัวประมาณนี้ก็พอแล้วล่ะ”
ถ้ามาถึงประมาณตรงนี้ ค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งที่บนเพดานก็มีขนาดอย่างต่ำๆ ประมาณ 30 เซนติเมตรแล้ว
ตัวใหญ่ๆ ก็เกิน 40 เซนติเมตรเข้าไปแล้ว ความสามารถในการทำความเย็นของเขี้ยวของพวกมันต้องสูงประมาณนึงเลยแน่นอน
“ตรงนี้พวกข้าก็ดูออกเหมือนกันนะ ตัวใหญ่จริงๆ ด้วย”
“นายท่านผู้จัดการคะ ถ้าฉันล่าค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งทั้งหมดนี่ได้ จะปลดหนี้ได้เลยหรือเปล่――”
“ไม่ได้ค่ะ แต่ก็ลดลงไปได้ประมาณนึงนะคะ”
“นั่นสินะคะ เฮ้อ… ชีวิตของไอริสนี่ราคาแพงจังเลยนะ”
“ย- อย่าพูดแบบนั้นสิ…”
คุณไอริสไหล่ตกอย่างผิดหวัง แต่มันก็เป็นเรื่องจริงนี่นา เพราะงั้นก็ล้มเลิกความคิดนั้นเถอะนะคะ
นั่นน่ะ เป็นโพชั่น (ยาแปรธาตุ) ที่แพงเกินไปที่จะให้ฟรีๆ ได้นี่นา
“แต่ว่านา หนูไอริสนี่ก็ยังโชคดีเหมือนกันนี่นะ? คนที่ให้เงินนักเก็บสะสมยืมเนี่ยไม่ได้มีเยอะหรอกนะจริงมั้ย? แถมนั่นน่ะ พวกหนูๆ ก็เพิ่งจะได้เจอกันเลยด้วยไม่ใช่เรอะ?”
“จริงด้วยสินะ ตามปกติ คงไม่ถึงขนาดเอาโพชั่นราคาแพงแบบนั้นมาช่วยหรอก”
“คุณอังเดรกับคุณเกรย์ดูจะเข้าใจดีเลยนะคะ อา~ ขอโทษนะคะ นายท่านผู้จัดการ”
พอคุณไอริสก้มโค้งหัวให้แบบเขินๆ ฉันก็ส่ายหน้าให้
“ไม่หรอกค่ะ ไม่เลย ถึงฉันจะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ ฉันก็ซื้อโพชั่นนั่นไม่ไหวเหมือนกัน เพราะงั้น มันก็ช่วยไม่ได้หรอกค่ะ”
“เป็นแบบนั้นเหรอค――หือ? ถ้าอย่างนั้น แล้วทำไมถึงมีโพชั่นนั่นอยู่ในร้านได้ล่ะคะ?”
“เป็นของขวัญอำลาของอาจารย์ค่ะ”
“กุอั๊ก! ห- ให้ฉันใช้ของที่สำคัญแบบน――”
“ไม่ต้องกังวลอะไรหรอกนะคะ เทียบกับชีวิตของคุณไอริสแล้ว มันก็เป็นแค่ของถูกๆ เท่านั้นแหละ”
ฉันส่ายหัวให้คุณไอริสที่เอามือกุมแน่นอยู่ตรงหน้าอกแล้วตอนนี้
อีกอย่าง ฉันก็ยังได้เงินจ่ายคืนด้วยนี่นา
“โ――โอ มีแสงแห่งเทพธิดาแผ่ออกมาจากนายท่านผู้จัดการเลยค่ะ…”
“ไม่ใช่แล้วค่ะ อย่าเอามาของแบบนั้นใส่ที่ฉันแบบนั้นสิคะ”
“ไม่ค่ะ! ฉันเห็นจริงๆ นะคะ! นายท่านผู้จัดการ! ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เลยค่ะ!”
“…ค่ะ พยายามเข้านะคะ สำหรับตอนนี้ เริ่มจากล่าพวกค้างคาวข้างบนนั่นก่อนเลยค่ะ”
“โอ้! ให้เป็นหน้าที่ฉันเองค่ะ!!”
คุณไอริสตอบกลับคำพูดของฉันอย่างจริงจัง แต่พอเธอเงยหน้าขึ้นไปมองที่เพดาน แล้วนิ่งเงียบอยู่ซักพัก เธอก็ก้มหน้าลงมองพื้นอย่างผิดหวังเลย
“…ขอโทษนะ เคท ฉันนี่ไร้ประโยชน์จริงๆ ด้วย”
“ก็ไม่มีวิธีจะโจมตีพวกมันนี่นา ฉันจะช่วยพยายามเต็มที่เผื่อส่วนของไอริสด้วยแล้วกันนะ”
“สมกับที่เป็นเคทจริงๆ! พึ่งพาได้เสมอเลย!”
คุณเคทยิ้มแห้งๆ ให้คุณไอริสที่กลับมายิ้มแย้มอีกครั้งแล้วในทันทีเลย พลางตบไหล่เธอเบาๆ
“สภาพตอนนี้ไม่มีปัญหา คุณผู้จัดการ โจมตีไปตามปกติเลยจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ?”
“ทำได้ตามปกติเลยค่ะ แค่ระวัง พยายามโจมตีให้ได้แบบนัดเดียวตายก็พอ ถ้าเกิดไปทำให้ฝูงมันตื่นตกใจล่ะก็ ตอนที่พวกมันบินไปทั่วเนี่ย มันจะเป็นเรื่องยุ่งยากเลยล่ะค่ะ”
“โจมตีแบบนัดเดียวตายเหรอ… ยากเหมือนกันนะคะ ฉันเล็งที่หัวไม่ได้ด้วยสิ…”
“ถ้าเขี้ยวหักไปก็เปล่าประโยชน์เลยค่ะ ถ้ามันลงมาอยู่ที่ระยะที่พวกคุณอังเดรเอื้อมถึง ก็ช่วยใช้หอกทีนะคะ”
“อื้ม ถ้าอย่างนั้น ฉันจะตามเก็บอย่างเต็มที่เลยค่ะ! ได้เสมอเลย!”
“งั้นเหรอคะ? งั้นก็เริ่มได้เลยค่ะ”
ฉันใช้เวทมนตร์ คุณเคทใช้ธนู คุณอังเดรกับคุณเกรย์ใช้หอก ส่วนอีก 2 คนก็ช่วยกันเก็บรวบรวมค้างคาวมารวมเอาไว้
ในฝ่ายที่ทำการโจมตี อาวุธประเภทยิงอย่างคุณเคทค่อนข้างลำบากนิดหน่อย
“อ๊ะ!”
ฝีมือสุดยอดจริงๆ ด้วย สอยค้างคาวร่วงลงมาได้ตั้ง 5 ตัวแล้ว ถึงเพิ่งจะยิงพลาดดอกแรกน่ะ
ค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งที่ไม่ตายในดอกเดียวก็ตกลงมาที่พื้น พลางเริ่มส่งเสียงโวยวาย พวกค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งตัวอื่นๆ ที่เกาะอยู่บนเพดานก็เริ่มบินไปทั่วแล้วด้วย
“ขอโทษค่ะ!”
“ไม่เลย แค่ฆ่ามันไปได้ 5 ตัวนี่ก็สุดยอดแล้วล่ะนะ โอ้ย กิล มาเร็ว พวกมันลงมาในระยะที่ดาบเอื้อมถึงแล้ว”
“รับทราบ!”
ฉันบีบระยะของ {แอร์วอลล์ (กำแพงวายุ)} เข้ามาให้แคบลงนิดหน่อย พวกค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งก็จะบินเฉียดเข้ามาข้างๆ ได้
จากที่คุณอังเดรสังเกตเห็น คุณกิลก็เข้ามาร่วมในการจัดการค้างคาวด้วยอีกแรง
คุณไอริสก็เข้ามาร่วมด้วยเหมือนกัน แปะมือกับคุณเคทที่เปลี่ยนไปทำหน้าที่เก็บรวบรวมแทน
เอาเถอะ พวกค้างคาวนี่บินกันมั่วเลยนะเนี่ย
การถูกบังคับให้ยิงธนูในสถานการณ์แบบนี้ล่ะก็ ถ้าเกิดฝีมือไม่ดีจริง เผลอๆ ลูกธนูอาจจะตกลงมาปักเพื่อนร่วมทางก็ได้นะ การตัดสินใจแบบนั้นไม่ได้ผิดพลาดเลย
แล้ว ผ่านไปซักพักนึง
ภาพของพวกค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งก็หายไปจากบริเวณโดยรอบแล้วพร้อมกับเสียงพึ่บๆ เหลือเอาไว้แต่ซากของพวกมันนอนเกลื่อนอยู่บนพื้น
“ฟู่ว ต่างจากที่ฉันคิดเอาไว้นิดหน่อย แต่ดูเหมือนว่าจะเก็บมาได้จำนวนพอควรเลยนะคะ เท่านี้ก็พอแล้วค่ะ”
“นั่นสิ มันมีขีดจำกัดอยู่ด้วยล่ะนะว่าพวกเราขนกันได้แค่ไหนน่ะ”
อย่างที่คุณอังเดรพูดเลย เกือบไปเหมือนกัน แต่ฉันก็เก็บมาได้ทุกอย่างเลยนะ
พวกเราช่วยกันแบกถุงหนังที่เต็มไปด้วยซากค้างคาว พร้อมกับเดินกลับมาตามทางที่พวกเรามากัน
2-3 ชั่วโมงผ่านไป หลังจากที่เราใช้สมาธิเพ่งประสาทไปกับการเดินผ่านพื้นลื่นๆ
ในที่สุด พวกเราก็เริ่มมองเห็นแสงจากภายนอกแล้ว―――พวกเราเหยียบบนพื้นดินนอกถ้ำจนได้
“ฟิ่ว… ดูเหมือน พวกเราจะรอดมาจากภัยพิบัตินั่นมาจนได้นะคะ”
“จริงด้วยค่ะ นี่ถ้าหากว่าเกิดลื่นล้ม จนหน้าลงจุ่มไปทั้งมูลทั้งซากมันบนพื้นเนี่ย… ไม่อยากจะคิดถึงสภาพเลย”
พวกเราพยักหน้าเห็นด้วยกับคุณไอริสที่ยังตัวสั่น พลางวางถุงหนังที่พวกเราแบกขึ้นหลังมากันลงกับพื้น ก่อนจะสูดอากาศบริสุทธิ์ภายนอกจนเต็มปอด
อยากจนพักแบบนี้ก่อนอีกซักพักจัง แต่โชคร้ายที่พวกเราไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น ก่อนที่อาทิตย์จะตกดินน่ะ
“เอาล่ะ จากนี้จะยุ่งนิดหน่อย แต่มารวบรวมเขี้ยวกันที่นี่เลยดีกว่าค่ะ จะแบกซากมันกลับไปถึงบ้านก็มีแต่จะเกะกะเปล่าๆ”
“จริงด้วยสิ หักมันได้ตามปกติเลยใช่ไหมคะ?”
“ค่ะ แค่ระวัง หักมันตั้งแต่ที่รากฟันจากข้างในเลยก็พอ อ๊ะ ขอให้ตรวจสอบด้วยนะคะว่าสวมถุงมือหนังกันเป็นอย่างดีแล้วใช่หรือเปล่า? ถ้ายังไม่อยากนิ้วด้วนกันไปซะก่อนนะคะ”
“น- แน่นอนอยู่แล้วค่ะ อย่างว่า จะให้เพิ่มหนี้ไปมากกว่านี้อีกมันก็…”
ฉันพยักหน้าให้คุณไอริสที่พูดตอบอย่างรีบเร่ง
“ค่ะ ฉันจะไม่พูดถึงขนาดว่าหนี้จะเพิ่มเป็น 2 เท่าเลยถ้าเกิดต้องฟื้นฟูให้นิ้วงอกใหม่หรอกนะคะ แต่ก็คงเพิ่มมาอีกประมาณ 2-3% อยู่”
เพราะโพชั่นในการงอกอวัยวะใหม่น่ะมันแพงมากๆ เลยนี่นา
“อุก ต้องระวังดีๆ… เคท มีถุงมือที่หนากว่านี้หรือเปล่า?”
“ฉันมีแบบที่เอาไว้หยิบของที่ค่อนข้างอันตรายอยู่นะ ใช้นี่สิ”
พวกคุณไอริสจะสวมถุงมือเอาไว้ตลอดเพื่อปกป้องมือของพวกเธอเอง แบบที่นักเก็บสะสมจะใช้กันอยู่แล้ว แต่ที่เธอมักจะสวมก็เป็นถุงมือแบบที่ยืดหยุ่น เพื่อจะได้หยิบจับอาวุธได้สะดวก
ทั้ง 2 คนถอดถุงมือที่สวมอยู่ออก ก่อนจะเปลี่ยนกับถุงมือที่พวกเธอเอาออกมาจากกระเป๋าเก็บของของตัวเอง
พอหันดูอีกทาง พวกคุณอังเดรเองก็เหมือนกัน ตรงนี้ดูเหมือนจะมีแต่นักเก็บสะสมที่มีฝีมือกันเลยนะเนี่ย
ฉันเหรอ? ฉันน่ะไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
ถึงจะบาง แต่เขี้ยวของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งก็ทะลุมาไม่ได้หรอก
แน่นอนว่ามันคืออาร์ติแฟกต์ (อุปกรณ์แปรธาตุ) ราคามาตรฐานอยู่ที่ 3,200 แรร์
เพราะฉันต้องสร้างเอาไว้ครั้งนึง ก็เลยมีของแบบนี้วางเรียงอยู่ในโกดังด้วย
ถึงฉันจะไม่ค่อยมีเงิน แต่ฉันก็ชอบที่จะใช้ของที่เพิ่มความสะดวกสบายให้ตัวเองนะ
ถ้าปล่อยมันทิ้งไว้ให้ฝุ่นจับอยู่ในโกดัง มันก็ไร้ประโยชน์น่ะสิ
“หือ? ซาราสะจัง ถุงมือนั่นดูบางๆ นะ จะไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
แถมถ้าเอามาใช้ ก็จะได้มีโอกาสได้เอามาโฆษณาแบบนี้ด้วยไงล่ะ จริงมั้ย?
“ค่ะ นี่คืออาร์ติแฟกต์ที่เรียกว่า [ถุงมือยืดหยุ่น] เพราะงั้น มันก็แข็งแรงมากพอถึงขนาดที่ว่ามีดเล็กก็ยังตัดไม่ขาดเลย และก็อย่างที่ชื่อบอกเลยค่ะ มันยืดหยุ่นดีเลย ทำให้สะดวกกับการทำงานละเอียดด้วย คิดว่ายังไงบ้างคะ?”
“โห… ขอลองยืมใช้ดูหน่อยได้มั้ย?”
“เอ๊ะ ฉันไม่เกี่ยงหรอกค่ะ ลองใส่ที่มือดูนะคะ”
พอฉันถอดถุงมือของตัวเองแล้วยื่นให้คุณเกรย์ที่มีท่าทางสนใจ ตอนแรกเขาก็มองไปที่ถุงมือที่เล็กกว่ามือของตัวเองแบบงงๆ ก่อนจะค่อยๆ สอดมือของตัวเองเข้าไปในถุงมือข้างนึง แล้วเขาก็ตาเบิกโพลงเลย
“ใส่มือเข้าไปได้แบบไม่มีปัญหาเลย! แถม ไม่ทำให้การเคลื่อนไหวติดขัดเลยด้วย!?”
“ความยืดหยุ่นและความหนาที่ไม่ไปขัดขวางการเคลื่อนไหวที่ละเอียดอ่อนของปลายนิ้วเลย นี่ก็คือทั้งหมดของถุงมือนี้เลยค่ะ แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ค่อนข้างแข็งแรงอยู่ ฉันก็เลยจะใช้มันตอนที่เล่นแร่แปรธาตุไปด้วย เพราะการเล่นแร่แปรธาตุเนี่ยก็มีความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บเยอะพอควรเลย เห็นด้วยมั้ยคะ?”
พูดให้ถูกกว่าคือ ถุงมือคู่ที่ฉันใช้ในการทำงานเล่นแร่แปรธาตุเนี่ยจะมีระดับสูงกว่านี้อยู่ขั้นนึงนะ
มันคือ [ถุงมือบางยืดหยุ่น] ที่เขียนไว้ในสารานุกรมแปรธาตุบทที่ 4
ก็อย่างที่ชื่อบอกนั่นแหละ มันก็คือถุงมือยืดหยุ่นที่แค่บางกว่าเท่านั้นเอง
“ข้อเสียก็คือ เพื่อใช้อาร์ติแฟกต์ชิ้นนี้ มันจะกินพลังเวทปริมาณเล็กน้อยไปด้วย แต่ก็…”
“ไม่หรอก นี่อยู่ในระดับที่แทบไม่รู้สึกเลยไม่ใช่เรอะ? อย่างน้อย ข้าก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยนะ”
พอคุณเกรย์ปรบมือชอบใจออกมาแบบนั้น คุณกิลที่มองอยู่อย่างสงสัยก็ลองเอาถุงมืออีกข้างไปสวมดูบ้างอีกคน
“เจ้าของบางๆ นี่กันเขี้ยวของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งได้ใช่มั้ย? ―――จะว่าไป มันราคาเท่าไหร่ล่ะเนี่ย?”
“ก็ 3 พัน… 8 ร้อยแรร์ค่ะ ก็พอคาดหวังว่ามันจะขายออกได้อยู่นะคะ แต่”
3,200 แรร์น่ะคือราคามาตรฐานเวลาขายในเมืองหลวง
ก็ขึ้นอยู่กับว่าขายได้มากแค่ไหน แต่ถ้าคิดถึงเรื่องที่ต้องสั่งวัตถุดิบที่จำเป็นมาด้วยแล้ว ในหมู่บ้านนี้ ขนาดราคา 3,800 แรร์นี่ก็ยังหมิ่นเหม่อยู่เลยนะ
ถ้าขายออกแค่คู่เดียวเนี่ยติดตัวแดงแน่นอน ถ้าขายได้ซัก 10 คู่ก็พอจะเท่าทุนอยู่ล่ะมั้ง?
ถึงยังไง ค่าขนส่งเนี่ยก็ไม่ใช่ถูกๆ เลยนะ
กรณีของฉันเนี่ย จะแอบใช้วิธีขอให้อาจารย์ช่วยก็ได้นั่นแหละ แต่ว่า… สุดท้าย มันก็คือการใช้พลังเวทของฉันกับอาจารย์มาแทนค่าขนส่งเท่านั้นเอง เพราะงั้นก็ควรคิดเรื่องที่จะสามารถซื้อของตามปกติได้เอาไว้น่าจะดีกว่า
“3,800 เหรอ ถ้าเพื่อซื้อความปลอดภัยแล้วเนี่ย… ก็คุ้มค่าที่จะเก็บไปคิดอยู่นะ”
“ที่ร้านพร้อมรับคำสั่งซื้อตลอดเวลาใช่มั้ย? ถ้าสั่งซื้อพร้อมๆ กันเป็นกลุ่มเนี่ย พอจะมีส่วนลดให้ได้รึเปล่า?”
“อื~ม อาจจะขึ้นกับคำสั่งซื้อที่เข้ามานะคะ โชคดีเลยที่ตอนนี้หลายๆ คนก็มีเงินในกระเป๋ากันด้วย แค่ลองยกเป็นตัวอย่างนะคะ อีกอย่าง เขี้ยวของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งค่ะ ถ้ามีเจ้านี่อยู่ก็รู้สึกปลอดภัยล่ะก็…”
ระหว่างที่คุณอังเดรกำลังคำนวณเรื่องพวกนี้อยู่ การเก็บเขี้ยวก็ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แล้วเมื่อ 1 ชั่วโมงผ่านไป ถุงหนังทุกใบก็ว่างเปล่าแล้ว เหลือไว้แต่กองเขี้ยวเล็กๆ อยู่ตรงนี้แทน
เพราะมันมีค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งหลายตัวเหมือนกันที่แก่กว่าที่ฉันคิดเอาไว้ เขี้ยวหลายซี่ก็เลยเป็นสีน้ำเงินเข้มจนดูเหมือนเป็นอัญมณี สวยพอควรเลยล่ะ
ราคาขายของพวกมันก็สูงอย่างเลี่ยงไม่ได้ด้วย แค่ที่ได้จากวันนี้วันเดียวก็ซื้อถุงมือยืดหยุ่นได้สบายๆ เลยนะ
“เออ แบ่งให้ทุกคนเลยจะดีเหรอคะ?”
ถ้าเขี้ยวแก่ขนาดนี้ ต่อให้แบ่งกันไปเท่าๆ กัน ก็พอจะเอาไปทำตู้เย็นหรือตู้แช่เลยนะ
พอฉันเสนอไปแบบนั้น พวกคุณอังเดรก็หันไปมองหน้ากัน
“พวกข้าก็ดีใจนะ แต่จะดีเหรอ?”
“ไม่ว่าจะมองยังไง ซาราสะจังก็เป็นคนที่ลงแรงมากที่สุดเลยนี่?”
“เรื่องนั้น ก็เป็นค่านำทางไงคะ”
“แบบนี้เอง แย่เลยเนอะ แต่ถึงยังงั้น พวกข้าก็เอาไปขายให้ซาราสะจังอยู่ดีนั่นแหละ ไว้ค่อยเอาเงินมาให้ทีหลังได้รึเปล่าล่ะ?”
“อะ จริงด้วย ถ้างั้น เดี๋ยวฉันจ่ายให้ทุกคนตอนไปถึงที่ร้านนะคะ พวกคุณไอริสล่ะคะ…”
“ส่วนของพวกเราทั้งหมดนี่ก็… อะ ไม่สิ ไว้จะขอปรึกษาเรื่องการจ่ายหนี้คืนหน่อยนะคะ”
“ขอโทษนะคะ ไม่ค่อยมีเวลาได้ทำแบบนั้นเลย…”
ฉันส่ายหน้าตอบว่า ‘ไม่มีปัญหาค่ะ’ ให้คุณเคทกับคุณไอริสที่พยายามขอโทษฉันกัน
“ได้ค่ะ เข้าใจแล้ว แต่ว่า ไม่ต้องฝืนตัวเองมากนักนะคะ? ถ้าเกิดหักดิบแบบแปลกๆ ไปเลย ฉันเกรงว่าเดี๋ยวจะบาดเจ็บกัน”
รายได้ของพวกคุณไอริสมาจากแค่กำไรจากการขายวัตถุดิบเท่านั้นเอง
พูดอีกอย่างก็คือ ฉันที่เป็นคนรับซื้อน่ะ ไม่มีทางไปยึดเงินของพวกเธอมาชดใช้หนี้จนหมดได้หรอก
พวกเธอก็เริ่มมีอาหารทานกันดีแล้วด้วย แต่ฉันก็ยังเป็นห่วงอยู่หน่อยๆ อยู่ดีนั่นแหละ
“คุณผู้จัดการ… ขอบคุณมากนะคะ”
“ไม่เลยค่ะ ถ้าพวกคุณไอริสตาย ก็ไม่มีใครจ่ายหนี้สิคะ”
ตอนที่ฉันพูดตอบไปแบบติดตลก พวกคุณไอริสก็พยักหนักหงึกๆ พร้อมกับรอยยิ้มแหยๆ
“จะระวังมากๆ เลยค่ะ จนกว่าจะจ่ายหนี้ กับตอบแทนความเมตตาของนายท่านเจ้าของร้านจนหมดได้”
“ค่า ราคาของชีวิตเนี่ย ต้องทดแทนกันยาวๆ เลยสินะคะ?”
ฉันพูดแบบนั้นพร้อมกับยิ้มแฉ่งให้
TN: เนียนขายของยังกับแว่นกันแสงสีฟ้ายี่ห้อหนึ่ง 555