[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 52 [2] พัฒนาสินค้าใหม่ [Part 3]
“โห~ ถ้ำนี้สินะ ใหญ่จริงๆ ด้วย”
ด้วยการนำทางของพวกคุณอังเดร พวกเราก็มาถึงที่หมายได้อย่างไร้ปัญหาเลย
พอเงยหน้ามองดูที่ปากทางเข้าถ้ำที่กว้างเกือบ 20 เมตร และก็สูงเกือบ 10 เมตรแล้ว คุณไอริสก็อุทานออกมาเลย
“อยู่ใกล้เหมือนกันนะ ถ้าแบบนี้ เราก็มาเองได้ไม่ยากหรอก แต่… ปัญหาคือ จะล่าพวกมันได้หรือเปล่า งั้นสินะ”
“มันไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น เพราะงั้นไม่มีปัญหาแน่ค่ะ ถ้าพวกมันรุมโจมตีกันมาในทีเดียวก็อันตรายจริงๆ แต่ตามปกติ พวกมันก็ไม่โจมตีใส่หรอก… ตามปกตินะคะ”
“ตามปกติ?”
พอคุณไอริสเอียงคอถามกลับมา ฉันก็พยักหน้าตอบให้
“ถ้าเกิดพวกค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งโดนล่าไปนิดหน่อย พวกมันมักเลือกที่จะหนีไปมากกว่าค่ะ แต่ถ้าเกิดคุณไปปิดทางเข้าถ้ำหรือพยายามจะกวาดล้างพวกมันล่ะก็ พวกมันก็จะโถมโจมตีใส่อย่างเอาเป็นเอาตายเลย”
พวกมันเป็นแค่ศัตรูพืชของสวนผลไม้เท่านั้นเอง จะพยายามไล่มันไปก็ได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเกิดไม่ได้เตรียมกำลังรบเอาไว้ให้เพียงพอเผชิญหน้ากับพวกมันล่ะก็ ได้เจอการโจมตีสวนกลับแบบเจ็บๆ แน่นอน
“ในอดีต ก็เคยมีผู้เสียชีวิตเพราะทั่วทั้งร่างกายถูกแช่แข็งมาแล้วนะคะ”
“อ- โอ่… แม้แต่พวกค้างคาวเองก็จะประมาทไม่ได้เลยงั้นสินะ”
พวกคุณอังเดรถึงกับพูดอะไรไม่ออก แถมมีสีหน้าเงียบๆ กันไปเลย
“ครั้งนี้ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พวกเราล่ามันแค่นิดเดียวก็จบงานแล้ว”
ฉันใช้ {แอร์วอลล์ (กำแพงวายุ)} คลุมทุกคนเอาไว้ แล้วก็ก้าวเดินเข้าไปในถ้ำ และทันใดนั้น กลิ่นฉุนรุนแรงก็โชยเข้ามาเตะจมูกเลย
แรงขนาดที่ว่า คุณไอริสกับคุณเคทหน้านิ่ว เอามือขึ้นมาปิดหน้ากันเลย
“อื้ม! อึก! เหม็นจังเลย!”
ก็เหม็นจริงๆ นะ พวกนั้นทั้งหมดนั่นแหละ
“อ- เอ้ แบบนี้มันก็… คุณอังเดรกับคนอื่นๆ… ก็ ทุกคนเป็นนักเก็บสะสมกันอยู่แล้ว คงไม่มีปัญหาอะไร คุณผู้จัดการไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ?”
คุณเคทมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าเป็นห่วง ในขณะที่มีเสียงประท้วงว่า ‘อะไรล่ะนั่น!?’ ของคุณอังเดรลอยมาด้วย
“มันก็เหม็นจริงๆ นะคะ แต่เพราะในการเล่นแร่แปรธาตุก็ต้องจัดการกับวัตถุดิบที่มีกลิ่นแรงอยู่แล้ว เราก็จะมีวิธีการในการรับมือกับพวกมันอยู่ค่ะ อีกอย่าง ตอนนี้ ฉันก็ใช้น้ำยาลดการรับกลิ่นอยู่ด้วย”
“ข- ขี้โกงมากเลยค่ะ! นายท่านผู้จัดการ! ฉันขอด้วยสิคะ!”
“มีราคาพอประมาณเหมือนกันนะคะ? จะดีเหรอ?”
พอฉันตอบให้แบบยิ้มๆ พวกคุณไอริสก็พูดอะไรไม่ออกกันเลย
“อื้อ!”
“น- หนี้มันก็…”
“ล้อเล่นค่ะ ฉันให้ใช้ก็ได้ แค่ครั้งนี้นะคะ ใช่ค่ะ ดมเลย”
ฉันเอาขวดเล็กๆ ออกมา เปิดฝา แล้วก็ยื่นให้พวกคุณไอริส ทั้ง 2 คนก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ทันทีเลย พวกเธอสูดหายใจเข้าทางจมูก แล้วก็ลืมตาออกกว้าง
“ไม่มีกลิ่นแล้ว! ถึงจะไม่ได้หมดขนาดนั้น แต่ก็ดีขึ้นเยอะเลย!”
“เอ ไม่มีจริงด้วย!”
“มันเป็นโพชั่น (ยาแปรธาตุ) ที่จะกำจัดกลิ่นที่เกินกว่าระดับหนึ่งออกไป ถ้าป้องกันไม่ให้ได้กลิ่นอะไรเลยมันจะอันตรายค่ะ”
ประสาทรับกลิ่นน่ะสำคัญมากในการตรวจจับอันตราย อย่างกลิ่นไหม้หรือกลิ่นอะไรแปลกๆ
เพราะแบบนั้น มันถึงได้กำจัดแค่ที่ ‘เกินกว่าระดับหนึ่ง’ ไป แต่นั่นก็เป็นเหตุผลที่มันเป็นโพชั่นด้วยเหมือนกัน และจุดนั้นก็คือจุดที่มีราคาล่ะนะ
ถ้าแค่ทำให้ประสาทรับกลิ่นชาไปเลยเนี่ย ง่ายกว่ากันเยอะเลย
“ฉันให้ใช้แบบฟรีๆ ไม่ได้ทุกครั้งนะคะ เพราะฉะนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกคุณจะอดทนเอาหรือว่าจะเพิ่มหนี้ขึ้นไปก็เท่านั้นเอง”
“อูว… ไม่ต้องกังวลค่ะ”
“ไม่มีอะไรที่อดทนไม่ไหวหรอกค่ะ”
“คุณอังเดรกับคนอื่นๆ จะใช้ด้วยมั้ยคะ?”
“ไม่ล่ะ พวกข้าไหวอยู่”
“ก็ เป็นเรื่องของระดับความอดทนสินะคะ นักเก็บสะสมบางคนก็เป็นพวก ‘อาบน้ำครั้งสุดท้ายไปตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย!’ นี่นา”
“ไม่มีคนทำตัวอุบาทว์ขนาดนั้นหรอกน่า!? …อย่างน้อยก็ สำหรับนักเก็บสะสมในหมู่บ้านนี้ล่ะนะ”
เอ๊ะ แล้วพวกที่อยู่นอกหมู่บ้านนี้ล่ะ…?
ไม่อยากให้นักเก็บสะสมประเภทนั้นเข้ามาในร้านเลยแฮะ
ถ้ามีใครที่หนักขนาดถ้ำนี้เลยล่ะก็ ฉันจะสั่งห้ามคนๆ นั้นเข้าออกร้านอย่างไม่ลังเลแน่นอน
แบบนั้น น่าสงสารโลเรียจังที่ต้องคอยดูแลร้านน่ะเกินไปนะ
“ก็ ไว้ตอนที่มีนักเก็บสะสมที่เนื้อตัวสกปรกเข้ามา ฉันจะเอาไว้คิดอีกทีแล้วกันค่ะ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ลองเงยหน้ามองข้างบนดูสิคะ”
“ข้างบน-… อุหวา!”
พอโดนนิ้วชี้ของฉันนำสายตาขึ้นไป คุณไอริสที่เงยหน้าตามอย่างไม่คิดอะไรก็ร้องออกมาเลย
คุณอังเดรกันคนอื่นๆ ก็อึ้งจนอ้าปากค้างเลยเหมือนกัน
“เจ้าพวกนั้น… เยอะขนาดนี้เลยเรอะ…”
ค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งเกาะอยู่กันแน่นจนมองไม่เห็นเพดานถ้ำเลย
เป็นก้อนขนๆ กองก่ายกันจนเรื่องจะนับเนี่ยเป็นไปไม่ได้เลยล่ะ
“ล- แล้วจะมองหาตัวที่โตเกิน 5 ปีจากกลุ่มก้อนนั้นยังไงล่ะเนี่ย? คุณผู้จัดการ มันเป็นไปไม่ได้เลยหรือเปล่าคะ?”
“ลำบากนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเป็นไปไม่ได้หรอกนะคะ อย่างเช่น… ตัวนั้น”
พอพูดแบบนั้นแล้ว ฉันก็ใช้เวทมนตร์ยิงใส่ค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งตัวนึง
พอมันตกลงมาที่พื้นแล้ว ฉันก็ไปเก็บมันขึ้นมา โชว์ให้พวกคุณอังเดรดู แต่ทุกคนกลับเอียงคอสงสัยกันหมดเลย
“…เปล่าหรอก คือ ซาราสะจัง เมื่อกี้นี้ใช้อะไรโจมตีไปเนี่ย?”
“พลังเวทปริมาณนึงค่ะ เล็งพลังเวทปริมาณนึงไปที่ค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งแล้วก็ยิง”
“ไม่ใช่! นั่นมันเป็นไปไม่ได้แล้ว! พวกข้ายังไม่รู้สึกถึงอะไรซักอย่างเลยนะ!”
คุณกิลปฏิเสธคำตอบของฉันที่ตอบอย่างสงบนิ่งแบบรุนแรงเลย คนอื่นๆ เองก็พยักหน้าหงึกๆ ตามกันด้วย
“ค่ะ ฉันเข้าใจค่ะ ขอให้มองข้ามเรื่องที่ประเมินวิธีการนี้แล้วกันนะคะ อย่างแรกก็ขนาดลำตัวเลยค่ะ มันจะตัวใหญ่กว่าตัวอื่นๆ อยู่ มองออกหรือเปล่าคะ?”
พวกคุณอังเดรเทียบระหว่างค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งตัวที่ฉันถือไว้ด้วยมือข้างนึง กับค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งที่เกาะกันอยู่บนเพดาน… เหมือนจะยังมองไม่ออกกันงั้นสินะ?
“…เหมือนมันจะตัวเล็กกว่าอยู่นิดนึง”
“ไม่สิ นี่มันแทบจะไม่ต่างกันเลยไม่ใช่เรอะ? ไม่เข้าใจเลยแฮะ?”
“ไกลขนาดนี้มองไม่ออกเลย…”
ค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งตัวที่ฉันล่ามา วัดจากปลายเท้าถึงบนหัวก็ตัวประมาณ 20 เซนติเมตร
ตัวอื่นๆ ที่เกาะอยู่บนเพดานส่วนใหญ่ก็จะตัวเล็กกว่าตัวนี้
คนที่พอจะเข้าใจได้คร่าวๆ แล้ว มีคุณเคทคนนึง แล้วก็ อาจจะมีคุณกิลด้วยหรือเปล่านะ?
เพราะความสามารถในการสังเกตของคุณเคทหรือเปล่านะ? ยังไงเธอก็ใช้ธนูเป็นอาวุธหลักด้วยนี่นา
“งั้น เรื่องรูปร่างภายนอกเอาไว้ก่อนแล้วกันค่ะ ต่อมาก็คือการจำแนกพวกมันด้วยเขี้ยวนะคะ”
ฉันอ้าปากของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งออก เผยให้เห็นเขี้ยวคู่ยาวประมาณ 2 เซนติเมตร
ตามชื่อ [เขี้ยวน้ำแข็ง] เลย เทียบกับความยาวของลำตัวมันด้วยแล้ว ก็ค่อนข้างใหญ่อยู่นะ
“เริ่มจากสีเลยค่ะ ยิ่งสีเข้มมาก ก็แปลว่ามันยิ่งแก่มากไปด้วย”
“โห~ สีสวยจังเลย…”
“ตัวนี้มันยังสีจางอยู่ แต่ถ้าเป็นตัวที่แก่เกิน 10 ปีล่ะก็ เขี้ยวจะเป็นสีน้ำเงินแก่ ยิ่งสวยกว่านี้อีกนะคะ”
ฉันถอยออกมาจากคุณไอริสที่ยื่นมือพยายามจะเข้าไปแตะที่เขี้ยวนั่นด้วยความสนใจ ก่อนจะพูดต่อ
“แล้วก็ยังมีความสามารถในการให้ความเย็นอยู่ด้วย ถ้าเกิดไปจับตัวมันด้วยมือเปล่าๆ ล่ะก็ มันก็เย็นจัดเกินกว่าจะสัมผัสกับมันตรงๆ ได้เลย คุ้มค่ามากๆ เลยล่ะค่ะ”
“โฮะโห”
ฉันหยิบถุงมือออกมาใส่เบาๆ พร้อมๆ กับที่ขยับเอาค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งออกห่างจากคุณไอริสที่พยายามจะลองแตะเขี้ยวนั่นดูอีกรอบนึง
เธอหันมามองที่ฉันด้วยสีหน้าผิดหวัง แต่ฉันก็ส่ายหน้าตอบ
“ลองเอาอะไรซักอย่างมาแตะที่เขี้ยวนี่ดูก็ได้นะคะ นั่นสิน้า ถ้าเกิดเป็นตัวที่แก่เกิน 5 ปี นิ้วก็จะถูกแช่แข็งได้ในเวลาไม่กี่วินาทีได้เลย คุณไอริสจะลองแตะดูมั้ยคะ?”
“ม- ไม่ล่ะค- ค่า!”
คุณไอริสส่ายหน้า แล้วก็รีบเอาถุงมือกลับมาใส่อีกรอบ
อืม ถอดถุงมือออกมาในระหว่างการอธิบายแบบนี้ไม่อันตรายเหรอ?
ขนาดในคาบเรียนการเล่นแร่แปรธาตุ ยังห้ามการเดินเข้าไปใกล้ระหว่างทำการทดลองเลยนะ
เป็นกฎเหล็กเลยล่ะที่ห้ามแตะอะไรก็ตามจนกว่าจะได้รับอนุญาต
“สุดท้ายคือ ลองดูที่ส่วนฐานเขี้ยวตรงนี้ดูสิคะ มองเห็นส่วนที่เป็นเหมือนลวดลายหรือเปล่า?”
พวกคุณอังเดรมองไปตรงที่ฉันโชว์ให้ดูอย่างสงสัย ส่วนคุณไอริสก็แอบเหลือบมองอยู่เกร็งๆ
“…มัน มืดจนมองไม่เห็นเลยน่ะสิ”
“อะ นั่นสินะคะ {ไลท์ (แสงสว่าง)}”
เพื่อจะได้ไม่ไปรบกวนพวกค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งมากเกินไป ฉันเลยสร้างแสงจางๆ ขึ้นมา ก่อนจะให้ทุกคนดูเขี้ยวนั่นอีกรอบนึง
“อึมๆ มันมีลายอยู่จริงๆ ด้วย มันคือเส้นอายุงั้นเหรอ?”
“ถูกต้องค่ะ อย่างตัวนี้ มีอยู่ 5 เส้น ก็แสดงว่าอายุ 6 ปี”
“เข้าใจแล้ว แบบนี้ แม้แต่ฉันเองก็แยกออกนะ”
“ทีนี้ ที่เหลือที่ต้องทำก็คือหักเขี้ยว 2 ข้างนี้ออก แล้วเก็บกลับไปค่ะ จับพวกมันเอาไว้ให้ดีไม่ให้มันปักกับขอบ แล้วก็ดันเข้าไปด้านใน เท่านี้มันก็จะหักออกมาได้ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ”
ระหว่างที่ฉันพูดก็ *ป็อก ป็อก* เขี้ยวก็หักออกมา แล้วก็โยนพวกมันเข้าไปในถุงหนังที่ฉันเอามาด้วย
“ส่วนที่เหลือไม่มีประโยชน์แล้วค่ะ ทิ้งไปได้เลย แต่ ถ้าเป็นไปได้ เอาไปทิ้งข้างนอกถ้ำจะดีกว่านะคะ ถ้าปล่อยให้มันเน่าอยู่ในถ้ำนี้ การกลับมาในครั้งต่อไปจะเป็นปัญหาได้ค่ะ”
ตรงนี้น่ะยังง่ายอยู่เพราะเรายังเห็นปากทางเข้าถ้ำได้
จับขามันไว้ แล้วก็เหวี่ยงฟิ่ว ซากค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งก็จะหายเข้าไปในเงาไม้ในป่าแล้ว
“ก็ดูง่ายนะ แต่การประเมินอายุนี่ก็ยากเหมือนกัน มีอะไรเหรอ เคท?”
“ฉันยังไม่รู้เลยนะว่าสามารถแยกได้ด้วยความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้น่ะ…”
คุณไอริสถามคุณเคทไป เธอก็เอียงคอด้วยสีหน้าบึ้งๆ
“กิล นายล่ะ?”
“ไม่ไหว แถมการโจมตีของเราก็ไปไม่ถึงตั้งแต่แรกแล้วนี่ พวกเราใช้หอกนะ”
เพื่อจะไปล่าค้างคาว พวกคุณอังเดรก็เลยเอาหอกแบบประกอบมา แต่พวกมันก็เอื้อมไม่ถึงเพดานสูง 10 เมตรนั่นอยู่ดี
“จะล่าพวกมันด้วยธนูก็เป็นวิธีนึงค่ะ แต่โดยปกติแล้ว ในถ้ำแบบนี้ ค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งที่ยิ่งอยู่หลังๆ ถ้ำก็จะยิ่งแก่นะคะ แน่นอนว่า มันก็จะขายได้ราคาดีกว่าด้วย”
“…หือ? งั้น ถ้าไปล่าส่วนที่ลึกสุดในถ้ำ ก็ไม่ต้องไปห่วงเรื่องอายุของค้างคาวเลยงั้นสินะ?”
“มีค้างคาวอายุเท่านี้อยู่ที่ปากทางเข้าถ้ำด้วย นั่นก็คงเป็นสำหรับตอนนี้นี่แหละค่ะ”
“สำหรับตอนนี้… อ๊ะ งี้เอง ถ้าเราล่าพวกที่อยู่ลึกข้างในถ้ำไปแล้ว พวกตัวเด็กๆ ที่อยู่กันหน้าปากถ้ำมันก็จะขยับเข้าไปข้างในแทนแบบนั้นสินะ?”
คุณอังเดรคิดอยู่ซักพัก แล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ถูกต้องค่ะ เพราะงั้น การแยกแยะความแตกต่างของพวกมันให้ได้ก็ไม่เสียเปล่าหรอกนะคะ”
“ก็จริงนะ ถึงงั้นก็เถอะ มันดูเป็นไปไม่ได้สำหรับข้าเลยนะ…”
“ขอให้พยายามให้เต็มที่ก็แล้วกันนะคะ”
“ก็นะ เห้ย กิล พยายามเข้าล่ะ”
“ข้าน่ะเรอะ!? เอาเถอะ ข้าจะทำให้เต็มที่ละกัน… ถ้าพวกตัวที่มันเด็กกว่า 5 ขวบมันเริ่มอยู่ลึกข้างใน ปล่อยให้มันโตจะไม่ดีกว่าเรอะ”
ฉันเห็นด้วยกับคุณกิลที่ยักไหล่ให้แบบเขินๆ
“นั่นสินะคะ ว่าตามตรง จำนวนของมันมากกว่าที่ฉันเดาว่าเยอะเลย เพราะงั้น ต่อให้ล่ามันทั้งหมด ฉันก็ซื้อไม่ไหวหรอกค่ะ แล้วฉันก็อยากได้เขี้ยวของตัวที่อายุแก่ๆ ซักหน่อยด้วย”
ที่ปากทางเข้ายังมีอยู่กันมากขนาดนี้ บางที อาจจะเพราะไม่มีใครมาล่ามันมานานแล้วล่ะมั้ง
จำนวนของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งที่อาศัยอยู่ทั้งถ้ำนี่คงจะเยอะมากจนจินตนาการไม่ออกแน่เลย
ถ้าล้างพวกมันไปนี่ จะทำราคาตลาดของเขี้ยวของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งตกลงหรือเปล่านะ?
“งั้น ไปล่าตรงจุดที่ลึกที่สุดของถ้ำกันเถอะค่ะ! ต้องได้กลับมาเต็มไม้เต็มมือแน่นอนเลย!”
TN: นึกถึงพวกงูพิษบางพันธุ์เลยแฮะ ขนาดตายไปแล้วพิษที่เขี้ยวก็ยังไม่หายไปไหน