[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 50 [2] พัฒนาสินค้าใหม่ [Part 2]
เช้าวันต่อมา ระหว่างที่ฉันรอคุณอังเดรมาถึงที่ร้าน ฉันก็ยุ่งอยู่กับการทำใบปลิว
“[ต้องการเขี้ยวของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็ง] แล้วกัน”
เขียนหัวข้อ เพิ่มวิธีการเก็บวัตถุดิบ แล้วก็สถานที่ที่สามารถตามหาได้เข้าไป
เพราะดูเหมือนพวกคุณไอริสก็จะไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน
เสร็จแล้วฉันก็เอามันติดที่กระดาบข่าว ยืนมองมัน แล้วก็คิดขึ้นมานิดหน่อย
ของที่แปะอยู่บนนี้เนี่ย มีแค่คำประกาศเตือนเรื่องเจ้านักเล่นแร่แปรธาตุไร้ยางอายคนนั้น กับใบปลิวที่ฉันเพิ่งทำเมื่อกี้นี้เอง
ไม่ได้มีเวลาทำอะไรเยอะด้วยสิ ทิ้งเอาไว้แบบนี้ไปก่อนแล้วกัน…
“อยากได้อะไรเพิ่มอีกหรือเปล่านะ? อืม… [ต้องการสไปทเวิร์มเต็มตัว]”
“เอาไว้ใช้ทำอะไรเหรอคะ?”
โลเรียจังมองใบปลิวที่ฉันทำมาจากข้างๆ ก่อนจะทำออกมาอย่างสนใจ ฉันก็คิดอยู่ซักพักนึงก่อนจะตอบ
“ก็มีวิธีใช้หลากหลายอยู่นะ แต่สำหรับตอนนี้ ฉันกำลังคิดเรื่องจะเอามันมาทำเป็นวัตถุดิบสำหรับทำ ‘ผ้าคลุมหน้าไล่แมลง’ ล่ะมั้ง? ฉันว่าจะทำขายให้ชาวนาชาวไร่น่ะ ยาไล่แมลงที่มีขายตอนนี้ค่อนข้างจะแพงอยู่เลยนี่นา”
“อ๋า แบบนั้นก็ดีนะคะ ขนาดฉันไม่ได้ทำงานในสวนขนาดนั้น ฉันยังรำคาญพวกแมลงในหน้าร้อนเลย”
“เพราะมันเป็นแค่ผ้าคลุมหน้า ระยะมันก็เลยแคบหน่อย แต่ก็ถูกกว่าด้วยนะ ฉันก็เลยคิดว่าชาวบ้านน่าจะสามารถจับต้องได้ง่ายกว่า”
ระหว่างที่คุยกับโลเรียจัง ฉันก็เขียนโน้ตเพิ่มเข้าไปในใบปลิวนั้น
“[คำเตือน ถ้าเกิดมีรอยขีดข่วนที่ร่างกายส่วนล่าง ก็ไม่สามารถรับซื้อได้]”
ส่วนที่ฉันต้องการของวัตถุดิบก็คืออวัยวะที่ส่วนท่อนล่างของสไปทเวิร์ม
ถ้าเกิดมีส่วนรอยขีดข่วนตรงนั้น มันก็จะเอาไปใช้ประโยชน์ไม่ได้เลย ถึงการจะเอาแค่ส่วนนั้นออกมาจากป่าให้ได้แบบไร้รอยขีดข่วนมันจะยากก็เถอะ
เพราะงั้น วิธีที่ปลอดภัยที่สุดก็คือ ยกมาด้วยทั้งตัวเลย
มันเป็นหนอนตัวประมาณนิ้วโป้งเท่านั้นเอง เพราะงั้นมันก็ไม่เกะกะอะไรหรอก
ที่อยู่อาศัยของมันก็มีอยู่หลายที่นะ ก็เลยไม่มีมีคำอธิบายอะไรเป็นพิเศษ
คำอธิบายเรื่องรูปร่างหน้าตา… ต้องระบุไว้ด้วยมั้ยนะ
ถ้าเกิดมีใครที่ไม่รู้จักสไปทเวิร์ม เอาหนอนตัวอื่นมาเพราะการอธิบายที่ครึ่งๆ กลางๆ ล่ะก็ คงเป็นปัญหาแน่
ถ้าศึกษาซักหน่อย วัตถุดิบที่เอาเข้ามาขายก็จะเพิ่มขึ้นได้ รายได้ก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเหมือนกัน
“…อื้ม แบบนี้ก็ใช้ได้แล้ว”
แล้วก็มีใบปลิวเรื่องสไปทเวิร์มถูกแปะเข้าไปเพิ่มอีกใบนึง
“มีอะไรอีกหรือเปล่าน้า…?”
ตอนที่ฉันกำลังคิดอยู่ว่ามีวัตถุดิบอะไรบ้างที่สามารถเก็บรวบรวมมาได้ในฤดูนี้ ประตูหน้าร้านก็เปิดออกเสียงดังเลย
“ซาราสะจัง! มาแล้วนะ!”
พอหันกลับไปมอง นอกจากคุณอังเดร, คุณกิล กับคุณเกรย์แล้ว ก็มีพวกคุณไอริสเองเดินตามหลังเข้ามาในร้านด้วย
“อ๊ะ ทุกคนคะ ขอบคุณมากสำหรับความลำบากที่รบกวนในครั้งนี้ด้วยนะคะ”
พอฉันหันไปทักทาย พวกคุณอังเดรก็ยักไหล่ ก่อนจะหัวเราะกัน
“นักเก็บสะสมในหมู่บ้านตอนนี้เนี่ย ไม่มีใครหรอกนะที่จะไม่มาหลังจากที่ซาราสะจังเรียกตัวน่ะ”
“ใช่แล้วๆ นอกจากโพชั่น (ยาแปรธาตุ) ที่มีแล้ว การต่อสู้ครั้งก่อนก็ยังพิสูจน์ความสามารถจริงๆ ของหนูด้วยแล้วนี่”
“เอ๋~ แบบนั้นก็เหมือนกับว่าฉันเป็นคนน่ากลัวเลยนะคะ”
หยุดพูดเรื่องแบบนั้นเถอะน้า ยังกับว่าที่ต้องมานี่ก็เพราะถูกคนที่น่ากลัวเรียกตัวยังงั้นเลย
เพราะฉันเป็นแค่เด็กผู้หญิงน่ารักบอบบางเองนะ―――ฉันเรียกตัวเองแบบนั้นนั่นแหละ
“ไม่ได้น่ากลัวซักหน่อย แต่ก็แข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ”
“พอเถอะค่ะคุณเกรย์ ฉันอยู่แค่ระดับพอสู้ได้เท่านั้นเองนี่คะ? ฉันไม่เหมาะกับงานแบบนั้นหรอกค่ะ”
ถ้าเป็นอาจารย์แล้วเนี่ย ฉันว่าอาจารย์สู้กับอัศวินได้เลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าระดับฉันเนี่ย ฉันคงถูกทำด้วยเหมือนกับเด็กจริงๆ แหงเลย พวกคุณครูที่โรงเรียนก็แข็งแกร่งเหมือนกันสินะ?
“ถ้าซาราสะจังแค่พอสู้ได้ แล้วเราจะเหลืออะไรล่ะเนี่ย ไม่เป็นลูกเจี๊ยบที่สู้อะไรไม่ได้เลยเรอะ?”
“แต่งานของนักเก็บสะสมก็ไม่ใช่การต่อสู้นี่คะ”
อย่างที่ชื่อบอกนั่นแหละ งานหลักก็คือ [เก็บสะสม] ไง ส่วนการต่อสู้นี่ก็เป็นแค่วิธีการนึง
มีวัตถุดิบบางอย่างเหมือนกันที่จะได้มาแค่จากการฆ่าสิ่งมีชีวิตเท่านั้น แต่จุดมุ่งหมายจริงๆ ก็ไม่ใช่การฆ่ามันหรอก
แต่เหมือนคำอ้างของฉันจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากความเห็นส่วนรวมนะ
“…ไม่หรอก ถ้ามองดูแล้วเนี่ย นักเก็บสะสมก็เป็นอาชีพที่ต้องออกต่อสู้อยู่แล้ว จริงมั้ยล่ะ?”
“แบบนี้นี่เอง มาตรฐานของนายท่านผู้จัดการจะต่างออกไปอย่างนั้นสินะคะ อย่างน้อย ฉันเองก็… พอจะสู้ได้อยู่นะคะ จนกระทั่งเมื่อวันก่อนนี่แหละ”
คุณอังเดรตบไหล่ปลอบคุณไอริสช่วงกลางคำที่เธอพูด ที่ตอนนี้เธอก็ห่อไหล่ไปเลย
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ คุณไอริสก็สู้ได้พอแล้วนี่คะ?”
“อ่า ฝีมือของไอริสเองก็ดีเลยนะ ยืดอกไว้เถอะ เคทก็เหมือนกัน”
“นั่นเป็นผลงานที่ทุกคนช่วยกันนะคะ ฉันแค่คอยสนับสนุนเท่านั้นเอง”
“ไม่ๆ ธนูของหนูเคทเนี่ยสุดยอดจริงๆ เลยนะ ว่ามั้ยล่ะ? ฝีมือระดับนั้นน่ะไม่ใช่แค่ดีแล้วนะ”
ใช่เลยล่ะ ฝีมือของคุณเคทน่ะสุดยอดไปเลย ขนาดเฮล เฟลม กริซลีที่วิ่งไปวิ่งมา ยังยิงเข้าตามันได้อย่างแม่นยำเลย
สำหรับคุณไอริสนี่… ก็ไม่ได้อ่อนแอเลยนี่นา เนอะ?
ฉันเองก็ไม่ได้เก่งพอจะมาทำตัวหยิ่ง วิพากษ์วิจารณ์ได้หรอก
“นอกเรื่องไปสินะ ทีนี้ หนูบอกว่ามีอะไรจะถามงั้นเหรอ?”
“จริงด้วยค่ะ พวกคุณอังเดร ทราบอะไรเกี่ยวกับค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งหรือเปล่าคะ?”
“ค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็ง…?”
พอได้ยินคำถามของฉันแล้ว พวกคุณอังเดรก็หันมามองหน้ากัน ก่อนจะเอียงคอ นิ่งคิดกันอยู่ซักพัก จนเหมือนว่าคุณกิลจะนึกอะไรขึ้นมาได้ พร้อมกับดีดนิ้วแล้วชี้ไปที่คุณอังเดร
“อังเดร ใช่ไอ้นั่นรึเปล่า? นั่นไง ที่ถามคุณเดรกมาเมื่อตอนนู้นน่ะ”
“คุณเดรกบอก… อ๋า! ไอ้นั่นเอง! ที่อยู่ในถ้ำทางเหนือสินะ”
พอคุณกิลชี้ขึ้นมา คุณอังเดรก็ตบมือเลย
“นึกอะไรออกแล้วงั้นเหรอคะ? ฉันเดาว่าน่าจะเป็นเจ้านี่สินะคะ…”
ฉันพูดขึ้น พร้อมกับให้ดูใบปลิวที่ฉันเพิ่งแปะประกาศเอาไว้
หลังจากอ่านรายละเอียดของตำแหน่งที่ตั้งกับวิธีการเก็บวัตถุดิบที่เขียนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พวกคุณอังเดรก็พยักหน้าให้
ตามปกติแล้ว รุ่นพี่ก็จะส่งตามความรู้ที่พวกเขามีด้วยการชี้แนะรุ่นน้อง แต่เพราะที่หมู่บ้านนี้ไม่มีนักเล่นแร่แปรธาตุ ความรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบที่ไม่ได้ส่งต่อมานานก็เลยจะขาดหายไป
คงจะไม่มีการทำนอกเรื่องอย่างการไปเก็บสะสมวัตถุดิบที่ขายไม่ออก เพื่อแค่จะสอนกันหรอก
กรณีแบบนั้น ก็ไม่มีทางอื่นนอกจากต้องศึกษาจากหนังสือเอา แต่ปัญหาคือตัวเล่มหนังสือเองก็แพงเหมือนกัน
อื~ม ถ้าฉันซื้อหนังสือแล้วปล่อยให้ยืม… ก็อาจจะโดนขโมยก็ได้ หรือบางที ไปอ่านจากที่ร้านอาจจะดีกว่าหรือเปล่านะ?
ถ้าองค์ความรู้ที่นักเก็บสะสมมีกันเพิ่มขึ้น มันก็ส่งผลดีกับฉันด้วยเหมือนกัน
“…เอ๊ะ? แต่ว่า ค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งเป็นวัตถุดิบที่เก็บได้ง่ายเลยนี่คะ ต่อให้จะไม่ได้ดูแลรักษาอย่างเหมาะสม คุณภาพก็ไม่ได้เสื่อมไปมากขนาดนั้น ฉันนึกว่าพวกมันจะเป็นเป้าหมายในการเก็บสะสมซะอีกนะคะ”
การที่ ‘คุณเดรก’ ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับพวกคุณอังเดรไว้ มันดูไม่สมเหตุสมผลเลยนะ
พอฉันทักขึ้นแบบนั้น คุณอังเดรก็ส่ายหน้าพลางทำสีหน้าขมขื่นเลย
“เปล่าหรอก ข้าก็ได้ยินมาแบบนั้นนั่นแหละ แต่เหมือนว่าคนที่เก็บสะสมเขี้ยวนั่นจะถูกกดราคาน่ะสิ โดนบอกมาว่า ‘เอาไปใช้ไม่ได้’ อย่างน้อย มันดูเหมือนจะมีเกณฑ์วัดอยู่ แต่พวกเราก็แยกความแตกต่างไม่ได้หรอก แถมราคาขายที่ได้ตอนนั้นก็ไม่คุ้มด้วย ก็เลยไม่มีใครไปเก็บมันเลยน่ะสิ”
“เออคือ คนที่เขาเอาไปขายนี่ หรือว่าจะเป็น เจ้าหมอนั่น งั้นเหรอคะ?”
ฉันชี้ไปที่แผ่นใบปลิวเรื่องของนักเล่นแร่แปรธาตุจอมฉ้อฉลนั่น
พอคุณอังเดรมองตามไป ตาเขาก็เบิกกว้าง แถมปากบิดเบี้ยวไปเลย
“ข้าก็ยืนยันไม่ได้หรอก แต่น่าจะเป็นแบบนั้นนะ จากหมู่บ้านนี้ ร้านนั่นมันก็ใกล้สุดแล้ว… นี่หรือว่า หมอนั่นก็โดนต้มมาจนเปื่อยเหมือนกันเรอะ?”
ตอนที่ฉันพยายามยกมือให้คุณอังเดรใจเย็นลงก่อน เพราะตอนนี้ สีหน้าของเขาก็เดือดเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คุณกิลกับคุณเกรย์เองก็จับไหล่คุณอังเดรเอาไว้พลางบอกว่า ‘ใจเยน’ ไปด้วย
พวกคุณไอริสน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่โลเรียจังเองจะกลัวเอานะ ฉันไม่อยากให้เธอต้องเจอความโกรธจัดจนแทบอยากจะฆ่ากันตายเลยน่ะ
“ฉันก็อยากจะตอบว่า ‘ใช่ค่ะ’ อยู่นะคะ แต่ว่า… ฉันเองก็ยืนยันไม่ได้เหมือนกัน”
“งั้นเรอะ?”
ฉันพยักหน้าให้คุณอังเดร ที่ดูเหมือนจะผิดหวังนิดหน่อย
“เออ คือ คุณซาราสะ ขอโทษที่ขัดนะคะ แต่ว่าก่อนอื่นเลยเนี่ย ค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งนี่ เป็นค้างคาวพันธุ์ไหนกันแน่น่ะคะ? ฉันไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย”
“ฉันเองก็ไม่เคยเห็นเหมือนกันค่ะ ถ้าไม่รังเกียจ ช่วยอธิบายเรื่องนี้เพิ่มอีกซักหน่อยได้หรือเปล่าคะ?”
“อ่า โลเรียจังอาจจะไม่รู้จักสินะ พวกมันไม่ค่อยบินเข้ามาถึงหมู่บ้านหรอก พวกคุณเคทเองได้ทราบเอาไว้ก็ไม่เสียหายอะไรด้วย… สรุปง่ายๆ นะคะ”
ค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งเป็นค้างคาวพันธุ์หนึ่งที่อาศัยอยู่ในถ้ำ แล้วก็มีระบบนิเวศที่ค่อนข้างจะพิเศษ
ถ้าถามว่าพิเศษยังไง มันก็คือ [เขี้ยวน้ำแข็ง] ตามชื่อของมันเลย
มันสามารถแช่แข็งเป้าหมายได้ด้วยการใช้เขี้ยวนั่นกัดไปที่เป้าหมาย
แต่ถึงยังงั้น ตามปกติ ค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งก็ไม่ได้โจมตีใส่พวกมนุษย์หรือสัตว์หรอก
สิ่งที่พวกมันใช้เขี้ยวในการแช่แข็งน่ะ คือผลไม้ต่างหาก
พวกมันจะกักตุนพวกผลไม้แช่แข็งเอาไว้ในถ้ำเหมือนการถนอมอาหารเพื่อให้มีชีวิตรอดผ่านฤดูหนาวไปได้
ก็ ถ้าจะบอกว่าพวกมันไม่เป็นอันตราย มันก็ไม่ได้เป็นอันตรายจริงๆ นั่นแหละ แต่ถ้าฝูงของพวกมันเติบโตมากเกินไป ผลไม้ในป่าก็จะหายไป จนส่งผลกับสัตว์อื่นๆ ในป่าได้
“แล้วก็ ราคาขายของเขี้ยวก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการแช่แข็งของมัน ถ้าให้พูดอย่างง่ายๆ ค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งที่อายุต่ำกว่า 5 ปีจะขายไม่ได้ราคาเท่าไหร่เลยค่ะ”
“หรือก็คือ เจ้านั่นที่โดนกดราคามา เอาเขี้ยวของพวกค้างคาวที่เด็กกว่า 5 ขวบไปขายงั้นเรอะ?”
“ไม่ทราบสิคะ ถ้าเอาไปให้คุณเลโอโนร่าก็อาจจะเป็นแบบนั้นนะคะ แต่ถ้ากรณีนี้แล้ว…”
พอฉันพูด ฉันก็ชี้ไปที่แผ่นใบปลิวอันนั้น
“อึ~ม ก็ปักใจไม่ได้หรอกนะ แต่…”
ความไม่พอใจเล็กน้อยก็แสดงออกมาทางสีหน้าของคุณอังเดร แต่เขาก็กอดอกแน่นก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่เพื่อจะทำให้เขาใจเย็นลง
“คุณผู้จัดการ แล้วมีวิธีไหนจะดูอายุได้หรือเปล่าคะ?”
“เอ๊ะ แน่นอนค่ะ ถ้าได้คุ้นเคยแล้วครั้งนึง ต่อให้ไม่ได้เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ ก็สามารถมองออกได้ค่ะ… เพราะมันค่อนข้างจะเป็นเรื่องใหญ่ เราไปศึกษากันในภาคสนามกันเลยดีกว่านะคะ”
“เอ๊ะ? หรือว่า นายท่านผู้จัดการจะออกไปล่างั้นเหรอคะ? ไม่ใช่ว่าฉันมีปัญหากับเรื่องความสามารถหรอกนะคะ…”
“ค่ะ ฉันเองก็จำเป็นต้องใช้เขี้ยวของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งด้วย”
การจะบอกวิธีการแยกให้ออกโดยที่ไม่ได้เห็นของจริงเนี่ยค่อนข้างจะยาก เพราะงั้น ถ้าฉันไปด้วยมันก็จะเร็วกว่า
แถมก็โชคดีจริงๆ ที่มีโลเรียจังคอยช่วยเฝ้าร้านอยู่ด้วย
“คุณอังเดร ช่วยนำทางไปที่ถ้ำนั้นหน่อยได้หรือเปล่าคะ? ฉันบอกวิธีแยกความแตกต่างของค้างคาวได้ แล้ววิธีการแบ่งเขี้ยวที่ได้มาล่ะคะ?”
“ก็นะ มันก็ดีกับพวกข้าด้วย แล้วฉันก็ไม่ปฏิเสธคำร้องขอของซาราสะจังหรอกนะ แต่เรื่องอันตรายนี่… ก็ ไม่รู้สิ พอเห็นซาราสะจังแล้ว ข้าอดโดนดึงให้คิดแบบนั้นไม่ได้เลยแฮะ”
พอพูดไปได้ครึ่งทาง คุณอังเดรก็ยักไหล่พร้อมกับสีหน้าเหนื่อยหน่าย
“ฉันดูเหมือนจะต่อสู้อะไรไม่ได้งั้นสินะคะ?”
“““ไม่ได้มองแบบนั้นเลยซักนิดเลยล่ะ(ค่ะ)”””
อ- โอ้ย ทุกคนพูดพร้อมกันหมดเลย
เห็นแบบนี้ ฉันก็ยังอยู่ระหว่างการฝึกฝนอยู่เลยนะ
พอฉันงอแขนเข้ามา พลางจ้องไปที่พวกคุณอังเดร… หน้าของทุกคนก็ยิ้มกันออกมา
ไม่กล้าคิดเลยว่าเป็นรอยยิ้มแบบไหนกันแน่
“อู่ว”
หรือฉันควรจะเดินไปมาโดยเหน็บดาบติดตัวไว้ด้วยดีนะ? พวกนักเก็บสะสมน่าใหม่จะได้ไม่ดูถูกฉันด้วย
ตอนนี้ ชาวบ้านก็คงจะไม่มองฉันเป็น [คนน่าสงสัย!] แล้วล่ะนะ
“คุณซาราสะ ฉันคิดว่าแบบนี้ก็ดีแล้วนะคะ แค่ว่า…”
“นั่นสิ ดูน่ารักสินะ? ไม่เหมือนว่าจะเป็นนักเก็บสะสมเลย”
“อย่างพวกเรา ถ้าไม่ได้แสดงความสามารถให้ได้เห็นประมาณนึง ก็อาจจะเจอปัญหาก็ได้ค่ะ”
ถ้าเป็นอย่างคุณไอริสหรือคุณเคท จะมีคนไม่ดีเข้ามาตอแยงั้นเหรอเนี่ย
เหมือนอย่างตอนที่คุณไอริสบาดเจ็บสาหัสมาสินะ
แต่ว่า―――
“เป้าหมายของฉันตอนนี้คืออยากจะเป็นแบบอาจารย์ให้ได้นะคะ แต่ว่า…”
ฉันอยากจะเป็นผู้หญิงที่เท่ดูดี แล้วก็พึ่งพาตัวเองได้―――ส่วนเรื่องส่วนสูงนี่ ฉันแทบจะยอมแพ้แล้วล่ะ
“ข้าไม่เคยเห็นอาจารย์ของซาราสะจังเลยนะ แต่ข้าว่าเขาก็คงใช้เวลามานานแหงเลย?”
“นั่นสิ มันไม่ใช่เรื่องที่จะปุบปับทำได้เลยนะ แล้วนี่ จะไปล่ากันตอนไหนดีล่ะ?”
พอได้ยินคำถามของคุณเกรย์ ฉันก็นึกถึงข้อมูลเกี่ยวกับค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งขึ้นมาได้พอดี แล้วก็พูดออกไป
“จริงด้วย ฉันได้ยินมาว่าเตรียมร่มเอาไว้จะดีกว่านะคะ”
“ร่ม?”
“ค่ะ บนเพดานถ้ำจะมีค้างคาวห้อยหัวอยู่จำนวนมากเลยใช่มั้ยคะ? มันก็จะมีของพวกนั้นตกลงมาไงล่ะคะ”
อาจจะเพราะพวกคุณไอริสนึกภาพตามคำอธิบายของฉันออกล่ะมั้ง พวกเธอถึงได้ขมวดคิ้วกันทันทีเลย
ค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งเป็นสัตว์หากินในเวลากลางคืน แล้วก็หลับในเวลากลางวัน ตอนที่เราไปทำการล่านี่แหละ
แล้วระหว่างที่หลับ มันก็ปลดปล่อยไปด้วย
กล่าวคือ ของพวกนั้นก็จะตกลงมานั่นแหละ
จากเหนือศีรษะพวกเราเลย
“ใช่แล้วค่ะ ถ้าฝนตก ทั้งหมดที่ต้องทำก็แค่หาอะไรมาคลุมเท่านั้นเอง”
คุณไอริสกับคุณเคทดูจะมีปัญหากันเลยแฮะ
พอฉันเหลือบสายตาไปมองที่คุณอังเดร เขาก็พยักหน้าด้วยสีหน้าเป็นปกติเลย
“ร่มน่ะเป็นของชั้นดีเลยนะ พวกข้าไม่มีอยู่แล้วล่ะ จริงมั้ย?”
“คนที่จะมีได้ น่าจะมีแต่พ่อค้าแม่ขายที่อาศัยในเมืองหรือขุนนางชนชั้นสูงนะ?”
เป็นแบบนั้นสินะ
ถึงจะพูดยังงั้น ฉันเองก็ไม่มีเหมือนกัน
“ครั้งนี้ไม่เป็นไรค่ะ เพราะเดี๋ยวฉันจะใช้ {แอร์วอลล์ (กำแพงวายุ)} ไว้ด้วย”
เวทมนตร์นี้เอาไว้ปกป้องผู้ร่ายและคนอื่นๆ รอบๆ จากพวกลูกธนูที่บินมาได้
ก็ ถ้าเกิดช่วยกันเอาไว้ไม่ได้ทุกคนล่ะก็ หายนะแน่นอนเลย
[ของหลายๆ อย่าง] นั่นได้กระจัดกระจายแน่
“แต่ว่า ถ้าเกิดอนาคตพวกคุณวางแผนจะเข้าไปอีกล่ะก็ ฉันคิดว่าเตรียมอะไรไว้ซักหน่อยก็จะดีกว่านะคะ เห็นด้วยมั้ยคะ? ต่อให้ไม่ใช่ร่ม ใช้ผ้าคลุมพิเศษหรืออะไรแบบนั้นก็ยังดี…”
“นั่นสิ น่าจะต้องเตรียมอะไรซักอย่างแล้ว พวกข้าไม่อย่างโดนพวกมันขี้ใส่จนเต็มตัวหรอก”
อะ พูดออกมาซะแล้ว
ทั้งที่ฉันเลี่ยงไปใช้คำว่า [ของพวกนั้น] แล้วแท้ๆ
“คงยับเยินจนดูไม่ได้เลยล่ะนะ? แบบนั้นจะเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“อา ถ้าอยู่ในสภาพนั้น ขอร้องว่าอย่าเข้ามาในร้านเลยได้หรือเปล่าคะ? ฉันจะสั่งไม่ให้เข้าออกร้านเลยค่ะ”
พอคุณกิลเสนอขึ้นมาแบบนั้น ฉันก็ตั้งมาตรการป้องกันในทันทีเลย
ถ้าทำงานเป็นนักเก็บสะสมแล้ว จะตัวมอมเลอะเทอะไปบ้างก็ช่วยไม่ได้หรอก แต่ขนาดนั้นมันก็…
“เข้าใจแล้ว ยังไงก็ พวกข้าจะล้างตัวก่อนมาแล้วกัน มีวิธีไหนที่ดีกว่ารึเปล่า?”
“ทำไมไม่ลองคิดอีกทีตอนที่เห็นภาพแล้วล่ะคะ? ฉันคิดว่ามันขึ้นอยู่กับสภาพของถ้ำด้วยนะคะ”
“นั่นสินะ ครั้งนี้ก็ฝากให้เวทมนตร์ของซาราสะจังช่วยจัดการก็แล้วกันนะ”
พอได้ยินเรื่องที่ฉันเสนอ คุณอังเดรก็พยักหน้าเห็นด้วย
TN: ไปเที่ยวถ้ำ ก็อย่าลืมพกร่มไปด้วยนะครับ