[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 48 [2] ตายแล้วยังเหลือหนัง (& เนื้อ) [Part 8]
- Home
- [นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่
- ตอนที่ 48 [2] ตายแล้วยังเหลือหนัง (& เนื้อ) [Part 8]
วันรุ่งขึ้น ตอนที่โรงอาหารค่อนข้างโล่งอยู่ ฉันก็เอาเตาไฟพลังเวทออกไปส่ง
เพราะฉันไม่มีรถเข็น ฉันก็เลยแบกเตา 2 อันขึ้นหลังเอา
คุณไอริสกับคุณเคทก็พูดกับฉันอยู่นะ อย่าง “ให้ฉันช่วยยกมั้ยคะ?” หรือ “คุณผู้จัดการ จะไม่ล้มไปก่อนใช่มั้ยคะ?” แต่ฉันก็บอกพวกเธอว่าไม่มีปัญหา แล้วก็พวกเธอ 2 คนออกไปทำงานกันได้เลย
ของมันเกิน 100 กิโลกรัมไปได้แบบง่ายๆ เลย แต่ก็ใช่ว่าฉันจะยกไม่ได้หรอกนะ
ถึงจะอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน แต่ระยะห่างระหว่างบ้านก็ค่อนข้างไกลอยู่เหมือนกันนะ
ฉันก็นึกถึงเรื่องเช่ารถเข็นมาอยู่นะ แต่ถ้ามันตกลงมาล่ะก็ ของได้เสียหายแน่ แถมฉันก็กลัวเรื่องถนนเป็นหลุมเป็นบ่อนี่ด้วย
แต่… มันก็หนักอยู่นิดนึงจริงๆ นะ
ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝันที่ฉันเสียสมาธิ แล้วการเสริมแกร่งร่างกายหายไปล่ะก็ ฉันถูกทับแบนแน่นอนเลย
ฉันใช้เวลา 10 นาที ในการเดินไปให้ถึงที่ ภายใต้สถานการณ์กดดันแบบนั้น
ระหว่างทาง ก็มีชาวบ้านหลายคนถามฉันอยู่นะว่า “นั่นอะไรน่ะ!? ซาราสะจัง!” หรือ “ห- ให้ช่วยยกมั้ย?” อยู่นะ แต่ถ้าเกิดถือไม่ระวัง มันจะเป็นอันตรายได้ ฉันก็เลยปฏิเสธไปพร้อมยิ้มให้แบบเกร็งๆ จนในที่สุด ก็เดินไปถึงโรงอาหารที่หมายได้โดยสวัสดิภาพ
“อรุณสวัสดิ์ค่า~ คุณดีรัลคะ ของมาส่งแล้วค่า”
“อรุณ- ซ- ซาราสะจัง? รีบวางเอาไว้ตรงนี้ก่อนเลยเร็วเข้า!”
ฉันฟังคำพูดของคุณดีรัลที่พูดออกมาอย่างร้อนรน ในขณะที่ชี้ไปที่โต๊ะว่างๆ ตัวนึง ก่อนที่ฉันจะวางเตาไฟพลังเวทที่แบกมาด้วยลงบนนั้นอย่างระมัดระวัง
เสียงโต๊ะลั่นเอี๊ยดอ๊าด แถมมีเสียงร้าวดังออกมาด้วย หลังฉันก็รู้สึกเบาขึ้นเหมือนกัน
“ฟู่ว~~ เหนื่อยนิดๆ เหมือนกันนะเนี่ย…”
ฉันหายใจลึกๆ พลางเช็ดเหงื่อของตัวเอง ส่วนคุณดีรัลก็เอามือเท้าเอว มองที่ฉันด้วยสีหน้าประหลาดใจนิดหน่อย
“ซาราสะจัง ถ้าเธอเรียกชั้นซะก่อน ชั้นจะได้ส่งคนไปช่วยขนด้วยนะ นี่ชั้นยังได้ส่วนลดมาด้วยอีกไม่ใช่เหรอ!”
“ไม่ได้หรอกค่า~ ในเมื่อฉันรับคำสั่งมาแล้ว ก็ต้องเอาไปส่งให้เรียบร้อยสิคะ”
แถม เจ้านี่ก็เป็นของแพงด้วย เกิดทำเสียหายไประหว่างขนล่ะก็ คนที่ถือมาน่าสงสารแย่เลย
“แล้ว เตาพวกนี้ เอาไว้ตรงไหนดีล่ะคะ?”
“เอาน่าๆ ไหนๆ ก็จะให้หนูช่วยสอนวิธีใช้ให้อยู่แล้ว เดี๋ยวชั้นไปตั้งเองก็ได้ วางไปไว้ตรงที่ใช้ปกติได้เลยใช่มั้ย?”
ตอนที่ฉันชี้ไปที่เตาไฟพลังเวทที่วางอยู่บนโต๊ะ คุณดีรัลก็พูดกลับมาแบบสบายๆ แต่ว่า…
“ไม่เป็นไรเหรอคะ? เตานี่หนักอยู่นะคะ? บางที คุณดีรัลน่าจะ”
“อะฮะฮะ เจ้านั่นน่ะ ดูหนักน่าดูเลยน้า”
คุณดีรัลหัวเราะออกมา อาจจะคิดว่าคำพูดที่เป็นกังวลของฉัน เป็นแค่การพูดเล่นล่ะมั้ง…
“ไม่ใช่ค่ะ จริงๆ นะคะ ลองยกดูหน่อยมั้ยคะ? มันหนักมากจริงๆ ไม่งั้นจะเจ็บหลังเอานะคะ?”
ฉันหลบส่วนหน้าโต๊ะที่วางเตาไฟพลังเวทเอาไว้ให้คุณดีรัล พร้อมกับคำเตือนอย่างเพียงพอแล้ว
เธอคงคิดว่าไม่เป็นไร เพราะฉันเองก็ยกมาถึงที่นี่ได้ล่ะมั้ง แต่ว่า… น่ากังวลจัง ฉันเตรียมให้พร้อมช่วยพยุงเธอเอาไว้ก่อนดีกว่า
“เอาล่ะ…! หือ? หืม!?”
คุณดีรัลพยายามจะยกเตาทั้ง 2 อันขึ้น แต่มันก็ไม่ขยับเลยซักนิดเดียว
“หนักใช่มั้ยล่ะคะ? ถ้าเอาทั้ง 2 เตาวางไว้ด้วยกันแบบนี้ ก็เกิน 100 กิโลกรัมไปได้ง่ายๆ เลยนะคะ?”
“หา!? หนักขนาดนั้นเลยเหรอ!?”
“ใช่ค่ะ ฉันก็คิดไว้แล้วล่ะค่ะว่าคุณดีรัลจะยกไม่ขึ้น”
“นั่นสินะ…… ดั๊ด! ออกมานี่หน่อย!”
พอคุณดีรัลตะโกนไปทางหลังร้าน คุณดัดลีย์ก็ชะเง้อออกมาจากห้องครัว
เขาก็คือสามีของคุณดีรัล และเป็นคนที่รับผิดชอบอาหารอร่อยๆ ของโรงอาหารนี้ไงล่ะ เขาดูจะเป็นคนใจดีอ่อนโยนนะ แต่เขาค่อนข้างเป็นคนเงียบๆ แล้วฉันก็แทบไม่เคยคุยกับเขาเลย
“อ่า ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันยกให้เอง”
ฉันบอกให้คุณดัดลีย์ที่กำลังจะเดินมาตรงนี้หยุดก่อน ก่อนที่ฉันจะยกเตาขึ้นมา
“เอ๋!? ซาราสะจัง… ยกมาที่นี่เลยนี่เนอะ”
“ก็ เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุนี่คะ พวกเราเสริมแกร่งร่างกายได้ คุณดัดลีย์คะ ขอเข้าไปในครัวหน่อยได้หรือเปล่าคะ?”
หลังจากที่คุณดัดลีย์พยักหน้าอนุญาตให้แล้ว ฉันก็ยกเตาเข้าไปในครัวเลย
“เออ จะตั้งไว้ตรงไหนดีค่ะ…”
เพราะฉันเพิ่งเคยเข้ามาในครัวเป็นครั้งแรก ระหว่างที่ฉันมองไปรอบๆ คุณดัดลีย์ก็ชี้ไปที่ข้างหลังห้อง
ตรงนั้น มีเตาถ่าน 2 เตาแบบที่ใหญ่กว่าใช้ในครัวเรือนตั้งเอาไว้อยู่ แต่ตอนนี้ไฟก็ถูกดับไปแล้ว อาจจะเพราะตอนนี้เป็นเวลาที่ลูกค้ามีน้อยล่ะมั้ง
พอฉันหันไปหาคุณดัดลีย์ เขาก็พยักหน้าให้ทันทีเลย พลางยกหม้อกับขาตั้งที่อยู่เหนือเตาออกไป พร้อมกับเอาไม้แผ่นหนาที่วางพิงอยู่ข้างๆ มาปิดรูเอาไว้
“ซาราสะจัง รบกวนหน่อยนะ ช่วยเอาทั้ง 2 อันวางไว้ข้างๆ กันตรงนี้ที?”
“ได้ค่ะ เอาล่ะ!”
เพราะว่ามันเอาไว้ใช้วางหม้อขนาดใหญ่อยู่แล้ว ก็เลยมีที่พอสำหรับวางเตาไฟพลังเวท 2 อันได้
ฉันวางเตาอันแรกลง ก่อนจะเอาเตาอีกอันนึงวางไว้ข้างๆ กัน
“ฟิ่ว~”
ส่งของเรียบร้อยแล้วตอนนี้ ทีนี้ ก็แค่ตรวจสอบการทำงาน
“เหนื่อยหน่อยนะ อะฮ่าฮ่า”
“ขอบคุณสำหรับการอุดหนุนครั้งนี้ค่ะ ทีนี้ ก็จะอธิบายวิธีการใช้งานนะคะ”
ถึงจะว่าแบบนั้น แต่เตาไฟพลังเวทน่ะใช้งานง่ายมากๆ เลยนะ ไม่นาน คุณดัดลีย์ก็ใช้ได้คล่องแล้ว เขาลองเขาหม้อใส่น้ำจนเต็มวางไว้บนเตา ก่อนจะลองปรับอุณหภูมิเพิ่มขึ้นลดลงดู ก่อนจะพยักหน้าให้กับผลลัพธ์ที่ได้
“ปรับความร้อนได้สะดวกดีเลยนะ ถ้าเป็นไม้ฟืนเนี่ย ยุ่งยากกว่านี้เยอะเลย”
“ในการปรับความร้อนจาก [สูง] ไป [ต่ำ] จะใช้เวลาเล็กน้อยนะคะ เพราะต้องรอให้แผ่นเหล็กเย็นลงซะก่อน”
มันเป็นจุดที่ยากหน่อยที่ลดความร้อนลงทันทีไม่ได้ ถ้าเกิดว่าอาหารมันเริ่มจะไหม้แล้วน่ะสิ
ถ้าเกิดเป็นแบบที่ใช้ตามครัวเรือน ก็แค่เอาหม้อออกจากเตาก็พอ แต่พอเป็นแบบที่ใช้ในเชิงพาณิชย์แล้ว หม้อใหญ่ขนาดนั้นมันก็…
“ไม่มีปัญหาเลย ถ้างั้น ตั้งค่าเอาไว้ที่ [ต่ำ] ก่อนที่จะต้องลดไฟซักพักนึงก็ได้แล้วสินะ? ถ้าใช้จนชินก็ไม่เป็นไรแล้ว เนอะ ดั๊ด?”
หลังจากที่คุณดัดลีย์ถูกถาม ถึงจะยังเงียบอยู่เหมือนเดิมก็เถอะ แต่เขาก็พยักหน้าตอบอย่างดีใจเลยล่ะนะ
นี่คุณจะไม่พูดอะไรเลยจริงๆ เหรอคะ คุณดัดลีย์
พอจับคู่กับคนที่พูดเก่งอย่างคุณดีรัลแล้ว ก็สมดุลดีเหมือนกันแฮะ
ไหนๆ ก็ว่าแล้วเนี่ย การปรับความร้อนของเตาที่ใช้ไม้ฟืนเนี่ย จะใช้วิธีเอาฟืนที่ไหม้อยู่ออกมาน่ะ
แต่ เรื่องตรงนั้นก็เป็นส่วนของผู้เชี่ยวชาญแล้วล่ะนะ
ตามบ้านทั่วๆ ไป ถ้าเกิดอาหารจะไหม้ ก็จะมีวิธีอย่างเอาอาหารออกมาจากแหล่งความร้อน หรือทำอาหารต้มที่ความร้อนไม่ได้ส่งผลมากขนาดนั้นก็ได้
ที่บ้านเด็กกำพร้า อาหารส่วนใหญ่ที่พวกเราทานก็จะมีอยู่แค่ 2 อย่าง ซุปกับขนมปัง
เราก็ใส่วัตถุดิบลงไปต้มในหม้อ แต่ก็ไม่ได้อร่อยอะไรหรอก เพราะพวกเราก็ทำกันเองนั่นแหละ
เทียบกันแล้ว อาหารของโลเรียจัง ที่ยังซุ่มซ่ามอยู่บ้างเนี่ย ก็ยังมี [การย่าง] นอกจาก [การต้ม] แล้วนะ แถมยังอร่อยด้วยเหมือนกัน
เธอพัฒนาทักษะของตัวเองขึ้นเรื่อยๆ เลย ยึดจากคู่มือทำอาหารที่ฉันให้เธอไปเมื่อวันก่อนน่ะ
“เอาล่ะ ซาราสะจัง เราได้รับของแล้วเรียบร้อย นี่ก็เงินค่าของนะจ๊ะ ลองตรวจดูนะว่าครบมั้ย?”
“อะ ค่ะ”
ระหว่างที่ฉันกำลังนึกถึงอาหารแย่ๆ ที่เคยทานก่อนหน้านี้ แล้วแอบร้องไห้อยู่ในใจ คุณดีรัลก็ยื่นถุงหนังที่มีเหรียญกระทบกันดังกรุ๊งกริ๊งมาให้ฉัน
ฉันรับถุงหนักๆ นั่นมา ก่อนจะขอยืมโต๊ะ แล้วเริ่มนับเงินในถุงนั้น
ราคาสินค้าอยู่ที่ 270,000 แรร์ เพราะงั้น จำนวนเหรียญต่ำสุดก็จะเป็นเหรียญทองใหญ่ 2 เหรียญ กับเหรียญทอง 7 เหรียญ
แต่ว่า เหรียญทองใหญ่น่ะแทบไม่มีการหมุนเวียนใช้ในการซื้อขายปกติเลย ส่วนเหรียญทองเอง ในโรงอาหารของชาวบ้านทั่วๆ ไปแบบนี้ก็หายากเหมือนกัน
เพราะงั้น ที่กองอยู่บนโต๊ะส่วนใหญ่ก็จะเป็นเหรียญเงินกับเหรียญเงินเล็กซะมากกว่า
“―――ค่า ได้รับเงินครบถ้วนแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับการอุดหนุนในครั้งนี้นะคะ”
“เยี่ยม ช่วยได้เยอะเลยนะ แถมยังได้ซื้อในราคาที่ถูกกว่าที่คิดด้วย ทีนี้ อะไรๆ ก็ง่ายขึ้นแน่ งานผ่าฟืนน่ะ หนักมากเอาการเลยล่ะ…”
ระหว่างที่คุณดีรัลกำลังพูดออกมาอย่างจริงจัง คุณดัดลีย์ที่กำลังใช้เตาไฟพลังเวททำอาหารทันทีเองก็พยักหน้าใหญ่เลยเหมือนกัน
ถึงฉันจะไม่รู้หรอกว่าโรงอาหารขนาดนี้ ปีๆ นึงจะใช้ไม้ฟืนเยอะขนาดไหน แต่ก็จินตนาการได้ไม่ยากเลยล่ะว่ามันต้องไม่ใช่น้อยๆ แน่นอน
ถ้าต้องผ่ากันเองล่ะก็… อ่า แบบนี้นี่เอง
อาจจะเพราะแบบนี้ล่ะมั้ง? แขนของคุณดีรัลถึงได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดีแบบนี้น่ะ
“ฉันก็คิดว่ามันสะดวกดีนะคะ แต่ปัญหาคือ นอกจากคุณดีรัลแล้ว มันดูไม่น่าจะขายออกเลยน่ะสิคะ”
“ก็เพราะหมู่บ้านนี้ล่ะนะ แต่เพราะเรื่องเมื่อตอนนั้น พวกเราก็มีเงินในกระเป๋ากัน พอจะขายได้มั้ย? ของที่ไม่ได้แพงเกินไป แต่ก็ช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้นได้น่ะ”
“ก็อาจจะนะคะ ไว้ฉันจะลองคิดดูค่ะ”
สินค้าสำหรับชาวบ้านที่จะเอามาวางในร้านงั้นเหรอ ต้องไปลองคิดหาจัดการซักหน่อยแล้วสิ
ว่าแล้วเชียว การมีสินค้าหลายๆ อย่างมาตั้งเอาไว้มันก็ดีกว่าล่ะนะ
แต่ พอเป็นเรื่องในหมู่บ้านนี้ด้วยแล้ว ฉันก็อยากคิดถึงเรื่องเงินของพวกเขาด้วย
ถ้าเอาแต่เก็บเงินอย่างเดียวเลย อาจจะเป็นผลเสียกับการพัฒนาขึ้นของหมู่บ้านก็ได้…
“ถ้าหาอะไรดีๆ มาขายได้แล้ว ก็บอกให้รู้กันด้วยนะ ถ้าชั้นซื้อไหว ก็จะอุดหนุนกันแน่นอน!”
“ได้ค่ะ ถึงตอนนั้น ก็ขอฝากด้วยนะคะ”
ฉันเอามือลูบท้อง ก่อนจะบอกลาคุณดีรัลที่พูดทิ้งท้ายเอาไว้แบบนั้น ก่อนจะหันหน้าเดินกลับไปที่ร้าน
TN: จะเห็นได้นะครับว่าเตาถ่าน (竈 : kamado) จะมีรูสำหรับใส่อุปกรณ์ทำอาหารอยู่ อย่างที่เห็นในรูปเลย
เพราะงั้น ถ้าไม่เอาแผ่นไม้มาวางไว้ให้เป็นฐานมั่นคงซะก่อน เดี๋ยวเกิดเตาไฟราคาแสนแพงเกิดพลิกร่วงลงพื้นล่ะก็ แย่แน่ครับ