[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 46 [2] ตายแล้วยังเหลือหนัง (& เนื้อ) [Part 6]
- Home
- [นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่
- ตอนที่ 46 [2] ตายแล้วยังเหลือหนัง (& เนื้อ) [Part 6]
“ฟู่ว ตั้งแต่ที่ฉันมาที่หมู่บ้านนี้ ก็เพิ่งได้ดื่มชานี้เป็นครั้งแรก แต่ก็ไม่เลวเลยค่ะ”
“นั่นสินะคะ ยังไง ฉันก็อยากเพลิดเพลินกับชาสีสวยๆ ในแก้วดีๆ ล่ะนะคะ”
พอฉันพูดแบบนั้น โลเรียจังก็มีสีหน้าเขินอายนิดหน่อย
“ขอโทษนะคะ พวกเราไม่มีแก้วสวยๆ ขายเลย…”
โอ๊ะ แก้วใบนี้ ฉันซื้อมาจากโลเรียจังนี่นะ
“อา ฉันไม่ได้โทษอะไรร้านขายของชำหรอกนะ จริงมั้ย? มันเปราะแตกง่าย ขนส่งก็ลำบาก แถมต่อให้เอามาตั้งในร้านที่นี่ก็คงขายไม่ได้หรอก เพราะงั้น มันก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้หรอกนะ อื้อ”
ถ้าเป็นตามบ้านในเมืองหลวงที่พอมีฐานะหน่อย จะใช้แก้วหรือภาชนะดินเผาก็เป็นเรื่องปกติ
แต่ มันทั้งแตกง่าย ทั้งราคาสูงอยู่ประมาณนึง ในกลุ่มชาวบ้านทั่วไปก็เลยไม่นิยมกันเลย
แน่นอนว่า เรื่องนั้นก็ส่งผลกับการเลือกซื้อของเหล่าบรรดาพ่อค้าแม้ขายด้วย แถมในเมืองเองก็ไม่มีโรงผลิตเครื่องแก้วหรือเครื่องปั้นดินเผา ก็เลยแทบไม่มีการนำสินค้าพวกนั้นมาขายเลย
“อื~ม ฉันจะลองทำเองได้มั้ยนะ? เตาหลอมแก้วฉันก็มีอยู่แล้วด้วย”
ในเมื่อฉันใช้เตาหลอมแก้วทำขวดโพชั่น (ยาแปรธาตุ) มาใช้อยู่แล้ว เพราะงั้น เรื่องทำถ้วยแก้วก็ง่ายๆ นั่นแหละ
ต่อให้ทำแตก ก็โยนเข้าเตาไปหลอมใหม่ เพราะงั้น บางที จะมองว่ามันคุ้มค่าดีก็ได้นะ
“เห ก็ดีนะคะ ดื่มจากแก้วก็จะต่างออกไปด้วย… ถ้าเป็นเหล้าดีๆ ล่ะก็นะ”
“เป็นแบบนั้นเหรอคะ?”
“ถึงยังไง บรรยากาศก็เป็นสิ่งที่สำคัญในมื้ออาหารนะ แก้วเคลือบเองก็ดีเหมือนกัน แต่ว่า…”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ห้องทำงานเล่นแร่แปรธาตุของฉันถึงได้ไม่มีเตาเผาเครื่องปั้นอยู่ด้วย
เหตุผลอาจจะเพราะ นั่นละมั้ง
ใต้เตาไฟพลังเวท ก็จะมีที่ว่างเอาไว้สำหรับวางเตาอบพลังเวทด้วย
เตาอบพลังเวทก็เหมือนกับเตาไฟพลังเวทเลย อุปกรณ์แสนสะดวกที่ไม่ต้องใช้เชื้อเพลิง และสามารถปรับอุณหภูมิได้อย่างง่ายดาย
อุณหภูมิก็ปรับได้ตั้งแต่ระดับอุ่นนิดๆ ไปจนถึงระดับร้อนจนไม่ควรเอาไปใช้ทำอาหารเลยล่ะ
―――ใช่ แม้แต่เครื่องปั้นดินเผาก็อาจจะไหม้ได้เลย ขึ้นกับการตั้งค่าเตา
ในหมู่บ้านนี้เองก็ดูจะไม่ได้มีความต้องการซื้อเซรามิกด้วย คงจะใช้ของทดแทนเอานั่นแหละ
“ถ้างั้น ถ้าเราอยากทำ จะทำขึ้นมาเลยมั้ย? โลเรียจังอยากทำได้ด้วยหรือเปล่า?”
“เอ๋!? มันดูยากจังเลยค่ะ…”
“อืม การปั้นภาชนะด้วยแป้นหมุนก็ยากอยู่นะ แต่ถ้าแค่ทำแก้วล่ะก็ ไม่ได้ยากขนาดนั้นหรอก?”
ในการขึ้นรูปแก้วเนี่ย จะต้องระวังเรื่องของอุณหภูมิที่ร้อนจัด แต่ถ้าเกิดเป็นการปั้นภาชนะเซรามิกล่ะก็ มันจะเหมือนการปั้นดินเล่นเลย
พอฉันอธิบายอย่างคร่าวๆ ให้ฟัง โลเรียจังก็เปิดปากออกแบบนิดๆ เหมือนว่าจะยังกังวลอยู่บ้าง
“…คือ ตอนที่จะทำ คุณซาราสะช่วยอยู่ทำด้วยกันหน่อย ได้มั้ยคะ?”
“อื้ม ตอนที่มีเวลา เราก็มาทำด้วยกันนะ”
พอโลเรียจังพูดขอพร้อมเหลือบตามองขึ้นสายตาวิงวอนแบบนั้น ฉันก็ยิ้มให้กลับไป
พอเห็นพวกเราแบบนี้ คุณเคทก็ยกมือขึ้นมานิดๆ
“คือว่า ฉันขอร่วมด้วยได้หรือเปล่าคะ?”
“คุณเคทก็อยากลองทำด้วยเหรอคะ? ได้เลยค่ะ วัตถุดิบราคาก็ถูกด้วย”
“ขอบคุณค่ะ! ถึงจะยังกังวลอยู่หน่อยๆ ก็ตามที―――แต่ว่า คุณเจ้าของร้าน ทำอะไรได้หลากหลายจังเลยนะคะ รู้สึกเหมือนนักเล่นแร่แปรธาตุเลย”
“ก็ฉันเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุนี่คะ การจะเรียนจบมาได้เนี่ย ไม่ใช่แค่เพราะว่ามันยากนะคะ”
“หนักอย่างที่คิดเลยสินะคะ? ฉันเคยได้มาก็แค่ข่าวที่ผู้คนเล่าลือกันเท่านั้นเอง”
“หนักแบบนั้นเลยค่า~ ฉันคิดว่าตอนสอบเข้าน่ะยากแล้ว แต่ต่อให้เข้าเรียนได้แล้ว ถ้าทำเกรดได้ไม่ดี ก็สามารถถูกเชิญออกได้ง่ายๆ เลยนะคะ”
ต้องฝึกหลายๆ ทักษะที่เกี่ยวข้องกับการเล่นแร่แปรธาตุเลย อย่างการขึ้นรูปแก้ว การทำเครื่องปั้นดินเผา หรืองานช่างไม้
ระดับที่จำเป็นต้องทำได้ไม่ต้องสูงขนาดนั้น แต่จะบอกว่า “ทำไม่ได้” เนี่ย ไม่ได้เด็ดขาด
อย่างน้อยที่สุด ก็จะไม่ได้วุฒิจบ นอกเสียจากว่าจะเป็น [เด็กฝึกงานในสายงานนั้นๆ] นะ
พูดอีกอย่างก็คือ โดนไล่ออกจากโรงเรียนนั่นแหละ
ในอีกทางนึง สภาพแวดล้อมก็เตรียมไว้เป็นอย่างดี แม้แต่เด็กกำพร้าอย่างฉันก็ยังได้ฝึกฝนนอกห้องเรียนซ้ำๆ อยู่หลายครั้ง แถมไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายด้วย
ถ้ามองข้ามเรื่องแก้วที่ใช้ซ้ำได้ ของอื่นๆ ก็มีค่าใช้จ่ายเยอะเลยนะ… ขอขอบคุณจากใจจริงเลยค่ะ
“ผลลัพธ์ที่ได้ ก็คือนักเล่นแร่แปรธาตุที่มีความสามารถหลากหลายด้านสินะคะ… ขนาดที่ด้านที่เราถนัดกันก็ยังแพ้เลย?”
“ฮะฮะฮะ… ทางการต้องลงทุนลงไปมากเพื่อฝึกฝนนักเล่นแร่แปรธาตุที่มีหน้ามีตาในสังคม แต่ถ้าเกิดพวกเขาทำงานได้ไม่ดี ก็คงไม่ชอบใจกันใช่มั้ยล่ะคะ?”
“เป็นเรื่องที่คนใหญ่คนโตโน้มน้าวให้คิดแบบนั้น… สินะ? ―――มากเกินกว่าจะให้คนที่ไม่คู่ควรได้รับการปฏิบัติด้วยเป็นอย่างดีจริงๆ”
ยังกับว่าคุณเคทจะนึกอะไรไม่สบอารมณ์ขึ้นมาได้เลย เธอก็เลยส่งเสียงนิดหน่อยเหมือนคลื่นไส้จะอาเจียน
แต่ เธอก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มทันที ราวกับว่าไม่ได้พูดอะไรแบบนั้นเลย
“แต่ว่า เตาไฟพลังเวทเนี่ย สะดวกดีจริงๆ ด้วยนะคะ ถ้าสามารถแบกติดตัวไปได้ด้วย การพักแรมสำหรับนักเก็บสะสมคงจะง่ายขึ้นมากเลย แต่ว่า… คงไม่ได้สินะคะ?”
“เออ… ถ้ามีการเสริมแกร่งร่างกายนะคะ?”
“…แผ่นเหล็ก สินะ”
คุณเคทยังจำความยากลำบากเมื่อตอนที่คุณไอริสขนแผ่นเหล็กไปมาได้อยู่ ก่อนจะยิ้มแหยๆ ให้ฉัน
ถ้าไม่จำเป็นต้องมีกำลังไฟมากขนาดนั้น ก็สามารถทำให้กะทัดรัดมากขึ้นได้นิดหน่อย―――ขนาดของมันสามารถลดลงมาให้เหลือประมาณ 1 ใน 4 ได้ ประมาณนั้น ก็ยังเพียงพอสำหรับการต้มน้ำให้เดือด หรือไม่ก็ใช้ทำอาหารเล็กๆ น้อยๆ ได้อยู่
แต่ว่า ปัญหาก็อยู่ที่ราคานี่แหละ
ขนาดลดลงไปเหลือ 1 ใน 4 ก็จริง แต่ราคาก็ไม่ได้ลดลงไปเหลือ 1 ใน 4 ด้วยเนี่ยสิ
จริงๆ ราคาจะเท่ากันเลย… ไม่ก็ อาจจะสูงกว่าก็ได้นะ?
เวลาและความพยายามที่ใช้ในการวาดวงเวทบนแผ่นเหล็กน่ะยังเหมือนเดิม แถมยิ่งขนาดเล็กลง ความกังวลกดดันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นอีก
“ถ้าทำหล่นตก มันก็แตกเสียหายได้ นอกจากนั้นก็… มีเรื่องราคาด้วยล่ะมั้งคะ? ถ้าเกิดว่ามีกระเป๋าที่มีความสามารถในการลดทอนน้ำหนักกับขยายพื้นที่ความจุอยู่ ก็พอจะใช้งานได้อยู่นะคะ”
“…คุณเจ้าของร้านคะ ถ้าเกิดว่าซื้อของแบบนั้นได้ ก็คงไม่ใช่นักเก็บสะสมแล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
“นั่นสินะค้า~”
ฉันเห็นด้วยกับคุณเคทเลยนะ ที่พูดด้วยความรู้สึกตลก ก่อนจะยิ้มแห้งๆ อีกแล้ว
ก็กระเป๋าใบนี้ของฉันน่ะ ฉันได้มาฟรีเลยนี่นา!
“ถึงยังไง ที่เดียวที่น่าจะซื้อเตาไฟพลังเวทได้ก็น่าจะมีแค่บ้านของคุณดีรัลนะคะ บ้านฉันก็เป็นหนึ่งในบ้านที่มีตังเยอะสุดในหมู่บ้านแล้ว ก็ยังซื้อไม่ได้เลยค่ะ”
“ใช่มั้ยหล้า~”
ฉันพยักหน้าให้โลเรียจังที่ส่ายหัวอย่างไม่มีทางเลือกเลย
แสดงว่า ไม่จำเป็นต้องเอามาเจ้านี่มาตั้งโชว์ในร้านหรอก
“แล้วเรื่อง [ยาแก้พิษเบื้องต้น] ที่ฉันเอามาวางขายเมื่อเร็วๆ นี้เป็นยังไงบ้าง?”
สามารถเอาไปใช้ตอนที่ถูกแมลงมีพิษกัด หรือดื่มตอนที่มีอาการอาหารเป็นพิษก็ได้
โพชั่นนี้มีราคาสมเหตุสมผล แถมยังใช้ได้สะดวกมากๆ เลยด้วย ควรมีติดบ้านเอาไว้ทุกครัวเรือนเลยล่ะ
ฉันทิ้งเอาไว้ที่บ้านเด็กกำพร้าไว้ประมาณนึงเผื่อไว้เลยด้วยนะ
ฉันไม่เคยใช้หรอกนะ
ตัวยาเป็นแบบที่สำหรับใช้ในเด็กทารกและเด็กอ่อน
เพราะถ้าไม่มีกำลังกาย ต่อให้ทานยาไปก็อาจจะตายก็ได้
ฉันคิดว่าชาวบ้านที่มีเงินขึ้นมาอีกหน่อยจากเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาจะซื้อ ฉันก็เลยใช้โอกาสนี้เพิ่มสินค้านี้มาวางในร้าน เพื่อให้มีคนแวะเข้ามาที่ร้านง่ายขึ้นด้วย แต่ว่า…
“ทีละนิดๆ นะคะ เหมือนคุณแม่จะบอกต่อๆ กันไปแล้วล่ะค่ะ แต่ก็ซื้อไว้แค่ขวดนึงติดบ้านเอาไว้เท่านั้นเอง แต่ว่า คนที่แวะมาที่ร้านเป็นครั้งแรกก็เพิ่มขึ้นมานะคะ”
“อูว ขอบใจนะ ฉันฝากคำขอบคุณไปถึงคุณแมรี่ด้วยนะ―――แต่ว่า จริงด้วยสิ มันก็ไม่ใช่อะไรที่จะซื้อกันบ่อยๆ ด้วย”
ระบบส่วนลดจากการเอาขวดโพชั่นมาคืนก็ยังอยู่เหมือนอย่างทุกทีนะ แต่ก็ยังไม่พอให้ดึงมาเป็นของพื้นฐานประจำวันได้
ต่อให้ฉันเพิ่มโอกาสที่มีคนแวะมาที่ร้านได้แล้วก็เถอะ แต่ถ้าไม่มีสินค้าอะไรให้พวกเขาได้ซื้อมันก็ไม่มีความหมายอยู่ดี
“…อืม มาลองคิดดูอีกซักทีแล้วกัน ชาตอนนี้เองก็… อ๊ะ จริงสิ ยังมีขนมหวานที่ฉันซื้อมาจากเซาว์ท สแตรกเมื่อวันก่อนเหลืออยู่บ้าง จะเอามาทานเลยมั้ยคะ? ทั้ง 2 คน”
“จะ ดีเหรอคะ?”
“นานแล้วนะคะเนี่ยที่ไม่ได้ทานของหวาน ขอบคุณนะคะ คุณผู้จัดการ”
“ดีเลยค่ะ~ ฉันอยากทานขนมคู่กับชามากเลย!”
ถ้ามีเรื่องจะต้องใช้สมอง ก็ต้องมีองค์ประกอบ 2 อย่างที่พร้อม : หัวใจและร่างกายไงล่ะ
ฉันใช้ข้ออ้างแบบนั้น ในขณะที่เพลิดเพลินกับงานเลี้ยงน้ำชาด้วยกัน 3 คนอยู่ซักพักนึง
―――ลืมเรียกคุณไอริสไปซะสนิทเลย
จนกระทั่งตอนที่เธอเปิดประตู *แกร็ก* แล้วเดินเข้ามานี่แหละ
“ฟู่ว~ ได้เหงื่อดีเลย นายท่านผู้จัดการคะ ขออนุญาตยืมใช้อ่างอาบน้ำหน่อยน-… คะ!? ท- ทั้ง 3 คนมาทานขนมกันอยู่งั้นเหรอคะ!? ฉ- ฉันถูกกีดกันงั้นเหรอคะ!?”
““อะ””
ทั้งฉัน ทั้งโลเรียจังอุทานออกมาแบบไม่ทันตั้งใจ ในขณะที่คุณเคทยืนตัวสั่น ชี้มาที่ขนมหวานบนโต๊ะไปด้วย
ก็คุณไอริสซ้อมฟันดาบมาตั้งแต่เช้าแล้ว ส่วนทางนี้ไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นงานเลี้ยงน้ำชาไปซะแทน
พอฉันรีบหันไปหาคุณเคท เธอก็ยืนอยู่ตรงนั้น หันไปทางอื่นเหมือนจะหลบสายตา
แถมมืออีกข้าง ยังป้องขนมหวานบนโต๊ะเอาไว้แบบไม่ยี่หระด้วย
แน่นอนว่า คุณไอริสไม่มองข้ามอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว
“ค- เคท! เธอ! จงใจสินะ! บ้าที่สุดเลย! นี่แน! นี่แน!”
“อ๊าาา!”
คุณไอริสเอาขนมทั้งหมดที่คุณเคทเอามือป้องไว้โยนเข้าปากจนหมดเลย
“หวานจัง! อร่อย! ―――อ- อุก!”
“อะ นี่ไง รีบทานเกินไปก็แบบนี้แหละ…”
คุณเคทยิ้มแห้งๆ ก่อนจะยื่นชาให้คุณไอริสที่ขนมกำลังติดคออยู่
เธอรีบคว้าแก้วไป ก่อนรีบดื่มลงไปในรวดเดียว
“ฟิ่ว…”
“เออ ไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ?”
ฉันถามคุณไอริสที่เอามือทุบอกก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ ไปแบบนั้น เธอก็พยักหน้าตอบ
“อุมุ ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ว่านะคะ นายท่านผู้จัดการ ถ้าจะจัดงานเลี้ยงน้ำชาแบบนี้อีก ฉันอยากให้เรียกฉันด้วยนะคะ”
“ขอโทษนะคะ ตอนแรก พวกเราแค่ลองต้มชากันเฉยๆ แล้วก็…”
พอฉันชี้ให้คุณไอริสที่ดูจะบึ้งตึงอยู่นิดหน่อยเห็นเตาไฟพลังเวท เธอก็พยักหน้าอีกครั้งนึง เหมือนจะยอมรับเรื่องนี้ได้แล้วนะ
“นั่นสินะคะ? ―――อา ลองทำดูหน่อยสิคะ แบบนั้น ตอนที่ฉันปรับปรุงต่อไปในอนาคต จะได้ไม่มีปัญหาอะไรด้วยค่ะ”
ฉันนั่งลงข้างคุณเคทพลางพูดไปแบบนั้น ก่อนจะยิ้มให้คุณไอริสที่ยิ้มแหยๆ ตอบกลับมา ก่อนที่เธอจะเดินไปชงชาดู
TN: เมื่อผู้หญิงเพิ่งออกกำลังกายมา ก็อย่าไปตั้งขนมไว้ยั่วสิ 555