[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 38 [1] Epilogue
“อูย~~ โลเรียจัง~ ขอน้ำ หน่อยนะ~~”
“ค่าๆ รอเดี๋ยวนะคะ”
วันต่อมา หลังจากที่ชาวบ้านกับนักเก็บสะสมช่วยกันรับมือกับเฮล เฟลม กริซลีได้แล้ว ฉันก็นอนอยู่บนเตียงอยู่คนเดียวเลย
ถึงยังงั้น ก็ไม่ใช่ว่าฉันบาดเจ็บตรงไหนนะ
แค่ปวดกล้ามเนื้อเท่านั้นเอง
แต่ว่า มันเจ็บไปทั่วทั้งตัวเลยเนี่ยแหละ
ลำบากมากๆ เลย
แน่นอนว่าฉันทำได้ในภาพรวมเลยนะ แต่ปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดก็ เจ้า 2 ตัวสุดท้ายแหงอยู่แล้ว
การฝืนเสริมแกร่งร่างกายของฉันด้วยพลังเวทปริมาณมากมันเป็นไปไม่ได้กับร่างกายของฉันเลย
นี่ไงล่ะ ผลที่เกิดขึ้น
เพราะอะไรที่เกิดมันก็เกิดไปแล้ว ใช้โพชั่น (ยาแปรธาตุ) ทั่วๆ ไปรักษาไม่ได้ด้วย แต่จะเอาโพชั่นแพงๆ ที่รักษาอาการได้มันก็เปล่าประโยชน์
เพราะงั้น ก็นี่แหละ
ตอนนั้น หลังจากที่ฉันจัดการเก็บเฉพาะชิ้นส่วนวัตถุดิบของเฮล เฟลม กริซลีที่จำเป็นต้องรีบจัดการในทันที แต่หลังจากนั้น ร่างกายของฉันมันก็ปวดแปล๊บไปทั่วทั้งตัว แสดงว่าฉันทำได้ฉิวเฉียดจริงๆ
ฉันทำมันได้ด้วยความอึดล้วนๆ เลยล่ะ!
ถ้าฉันไม่ทำมันล่ะก็ มันจะส่งผลกับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม กับเงินรางวัลที่แจกจ่ายให้กับทุกคนที่พยายามอย่างหนักน่ะสิ
―――ใช่ ซ่อมแซม
ฉันไปตามเก็บแล้วก็กำจัดเฮล เฟลม กริซลีส่วนใหญ่ไปแล้ว แต่ก็มีเฮล เฟลม กริซลี 3 ตัวที่พวกคุณอังเดรต้องไปเผชิญหน้าด้วย
คุณอังเดรกับคนอื่นๆ ใช้ประโยชน์จากบ้านว่างๆ ที่สำรองไว้ให้นักเก็บสะสมเช่าอยู่ แล้วก็ฆ่าพวกมันทั้ง 3 ตัวได้สำเร็จด้วย แต่ก็ต้องแลกกับบ้านที่กำแพงเสียหายไป 2-3 หลัง, บ้านที่เสียหายหนักอีก 1 หลัง แล้วก็บ้านที่โดนไฟไหม้ไปอีก 1 หลัง ความเสียหายค่อนข้างเยอะเลย
แต่ ความจริงก็คือ บ้านที่เสียหายหนักที่สุดก็คือบ้านของฉันเอง
นอกจากตัวรั้วแล้ว ที่เสียหายก็ยังมีสวนสมุนไพรระดับสูง ประตูหลังบ้าน แล้วก็กำแพงอีก
ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือกำแพงที่ถูกพังไปนี่แหละ
ในบ้านของฉันมี [การฝังตราประทับ] เอาไว้ด้วย เพราะงั้น ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมกำแพงที่มีสิ่งนี้รวมไปด้วย มันจะคนละเรื่องกับค่าใช้จ่ายในการซ่อมกำแพงธรรมดาแบบสุดๆ เลย…
ฉันได้ยินว่าทางหมู่บ้านจะช่วยจ่ายค่าซ่อมบ้านของฉันกับบ้านหลังอื่นๆ ที่กำแพงเสียหายไปด้วยเหมือนกัน แต่ฉันให้พวกเขาจ่ายเต็มจำนวนไม่ได้หรอก เพราะงั้น นี่ก็อาจจะต้องเข้าเนื้อกันหน่อย
จะว่าไป เหมือนสาเหตุที่มีเฮล เฟลม กริซลีมาที่บ้านของฉัน อาจจะเป็นเพราะเมื่อตอนที่ฉันทำศิลาเวทเพื่อล่อพวกมันก็ได้
ตอนนั้น ฉันก็ขนทั้งหมดออกไปจากบ้านแล้ว แต่เพราะมันถูกบดเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วขนออกไป จะมีหล่นไปบ้างตลอดทางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ไล่ตั้งแต่ประตูหลังบ้าน สวนหลังบ้าน ประตูรั้ว ไปจนถึงในป่าน่ะ
หรือก็คือ… อื้อ เป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่ทันได้คิดถึงเรื่องนี้จริงๆ
“คุณซาราสะคะ ขอโทษที่ให้รอนะคะ”
“ขอบใจน้า~ อุ เจ็บจัง…”
“อะ ให้ฉันช่วยนะคะ”
ตอนที่ฉันพยายามพยุงตัวลุกขึ้นไปดื่มน้ำที่โลเรียจังไปเอามาให้ ฉันก็รู้สึกถึงความเจ็บแปล๊บที่วิ่งพล่านไปตามร่างกายเลย
โลเรียจังที่นั่งลงบนเตียงก็ช่วยพยุงตัวฉันขึ้นให้
“ขอโทษนะ”
“เรื่องแค่นี้เอง ไม่ต้องคิดมากแบบนั้นหรอกค่ะ เป็นเพราะคุณซาราสะเลยนะคะ หมู่บ้านของพวกฉันถึงได้ปลอดภัยดี”
“เพราะทุกคนช่วยพยายามกันนั่นแหละ ฉันว่าเหตุผลที่ยังมีนักเก็บสะสมอีกหลายคนที่ยังอยู่ที่นี่ ก็เพราะชาวบ้านทุกคนดีกับพวกเขาอยู่เสมอเลยด้วย”
อย่างพวกคุณอังเดรที่ไม่ได้ลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่ ก็ไม่ได้มีความจำเป็นที่พวกเขาต้องออกตัวช่วยปกป้องหมู่บ้านนี้เลย
ถึงยังงั้น พวกเขาก็เลือกที่จะอยู่ เพราะพวกเขาไม่สามารถทิ้งชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ไปได้ สิ่งที่ทำให้พวกเขาคิดและตัดสินใจแบบนั้น ก็คงเป็นเพราะสิ่งที่พวกเขาได้รับมาโดยตลอดแน่เลย
อย่างเหตุผลที่ฉันอยากจะพยายามให้เต็มที่ ก็เพราะโลเรียจังด้วย
“โลเรียจังเองก็ กลัวใช่มั้ยล่ะ?”
“ก็กลัวอยู่บ้างค่ะ แต่ว่า แป๊บเดียวเอง คุณซาราะก็มาถึงแล้ว แถมกำแพงบ้านก็แข็งแรงพอควรเลยค่ะ”
“เพราะมี [การฝังตราประทับ] เอาไว้น่ะ มันแข็งแกร่งพอที่แรงของคนก็พังไม่ไหวหรอก แต่ว่า”
ขนาดนั้น ก็ยังต้านแรงของเฮล เฟลม กริซลีไม่ไหว
ก็นะ ท่อนแขนหนาขนาดนั้นนี่เนอะ
“แต่ ต้องขอบคุณคุณซาราสะเลยนะคะ ถึงได้ไม่มีใครเจ็บสาหัสกันเลย ฉันได้ยินหลายคนเลยค่ะที่บอกว่าถ้าไม่มีโพชั่นก็คงตายไปแล้ว”
“อา งั้นเหรอ ดีจังที่พยายามเต็มที่ อื้อ โลเรียจังเองก็ช่วยฉันด้วยเหมือนกันนี่”
ฉันต้องตัดเวลานอนทิ้ง เพื่ออยู่ทำโพชั่นเลยนะ
โดยเฉพาะเรื่องพิษเนี่ย ถ้าไม่ใช้โพชั่นก็ไม่มีทางรับมืออื่นเลย ดีจังที่ฉันทำเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า
จากที่แจกจ่ายของพวกนั้นออกไปเยอะ ผลสุดท้ายก็จบลงโดยไม่มีความสูญเสีญของผู้คนเลย
แม้แต่คนที่บาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ ก็ใช้โพชั่นรักษาได้ เพราะงั้น คนที่ขยับไม่ได้เลยวันนี้ ก็คงมีแค่ฉันคนเดียวนี่แหละ
น่าสมเพชตัวเองนิดๆ นะเนี่ย
แต่ก็ ช่วยไม่ได้ล่ะนะ แต่ไหนแต่ไร ฉันก็เป็นสายบุ๋นนี่นา
ฉันเอนตัวลงกลับไปนอนอีกรอบนึง โดยมีโลเรียจังช่วยประคองตัวเอาไว้
“ฟู่ว… แต่ ให้คนที่เด็กกว่ามาคอยดูแลแบบนี้ก็น่าอายนิดๆ เหมือนกันนะ”
“เรื่องนั้นน่ะ ไม่เห็นต้องคิดมากเลยนี่คะ―――”
“ถ้าอย่างนั้น ให้ฉันช่วยเองนะคะ!”
คนที่เปิดประตูดังปัง แล้วพุ่งเข้ามาในห้องพร้อมคำพูดนั้นก็คือคุณไอริส ที่น่าจะช่วยทำความสะอาดหลังการต่อสู้ในหมู่บ้านได้ผ่านไป
ถ้าให้พูดก็ อย่างน้อย เธอก็แข็งแรงกระปรี้กระเปร่าดีเลยนะ
ดูไม่เหมือนคนที่เกือบตายเมื่อไม่กี่วันก่อนเลย
“คุณไอริส ทำงานของคุณเสร็จแล้วเหรอคะ?”
“อึก ก- ก็นะ”
พอโลเรียจังถามออกไปแบบนั้น คุณไอริสก็ตอบพลางหลบสายตาไปแวบนึง แต่ก็ถูกปฏิเสธทันทีจากคุณเคทที่เดินตามหลังมา
“จะมา ‘ก็นะ’ อะไรกันล่ะ ซุ่มซ่ามเกินไปก็เลยโดนไล่ออกมาไม่ใช่เหรอ”
“อูว… ก็ช่วยไม่ได้นี่นา ฉันไม่ถนัดงานแบบนี้นี่”
พอคุณเคทเอาความจริงออกมาเปิดเผย คุณไอริสก็บุ้ยปากเลย
พูดถึงเรื่องที่เธอทำ ดูท่าทางจะเป็นการชำแหละเฮล เฟลม กริซลีสินะ
แสดงว่าการทำความสะอาดและจัดการกับรั้วที่ไม่จำเป็น กับชิ้นส่วนของบ้านที่เสียหายในเช้าวันนี้จะเสร็จเร็วสินะ นั่นก็เลยเป็นเรื่องที่ทำหลังจากนั้น
แต่ว่า เฮล เฟลม กริซลีเนี่ย นอกจากจะตัวใหญ่แล้ว ก็ยังมีเยอะด้วย
ไปๆ มาๆ ก็มีทั้งหมด 28 ตัวเลย
ชาวบ้านทุกคนก็ร่วมด้วยช่วยกันในการจัดการชำแหละลอกหนังเก็บเนื้อออกมา โดยการนำของพรานอย่างคุณแจสเปอร์
ดูเหมือนคุณไอริสเองก็เข้าไปร่วมกับงานนั้นด้วยนะ แต่… ก็อย่างที่คุณเคทว่านั่นแหละ ‘ถ้าคุณไอริสไปร่วมทำงานนั้นด้วย มูลค่าอาจจะตกลงไปก็ได้’
ก็ มันต้องใช้ความสามารถพอควรเลยนะในการลอกหนังออกมา
เรื่องนั้นก็คงช่วยไม่ได้หรอก
“เคทเองก็กลับมาด้วยเหมือนกันนี่นา”
“เพราะฉันทำส่วนของฉันเสร็จแล้วไง”
เรื่องที่คุณเคทรับหน้าที่ทำก็คือนำเนื้อไปหมักเกลือนะ
ถ้าทำแบบนี้ ก็จะสามารถยืดอายุการเก็บรักษาออกไปได้ระดับนึง ขึ้นกับการใช้ภาชนะเก็บอย่างถังด้วย
แต่ว่า เนื้อของเฮล เฟลม กริซลีนี่ เอามาทำอาหารได้ด้วยเหรอ?
เพราะมันเอามาใช้เป็นวัตถุดิบเล่นแร่แปรธาตุไม่ได้ ฉันก็เลยไม่รู้เรื่องนั้นเท่าไหร่
“ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากเมื่อวานนี้นะคะ คุณเคท ฝีมือธนูสุดยอดยิ่งกว่าที่ฉันคิดซะอีก แถมการสังเกตการณ์จากที่สูงก็ช่วยได้มากเลยล่ะค่ะ”
“ครั้งนี้ก็เพราะได้เตรียมรับมือล่วงหน้าด้วยค่ะ แล้วฉันก็รักษาจุดเล็งยิงของตัวเองไว้ได้ด้วย เมื่อตอนที่ไอริสถูกโจมตี ถ้าเกิดเจ้าพวกนั้นไม่ได้มัวแต่พูดคุยกับพวกเราแบบไร้สาระ พวกเราก็คงไม่ถูกโจมตีแบบกะทันหันหรอกค่ะ…”
“ฮะฮะฮะ… เหนื่อยหน่อยนะคะกับเรื่องนั้น”
“ค่ะ เป็นความจริงเลย แต่ว่า พวกมันคงจะไม่กลับมาอีกแล้วนะคะ แต่ว่าครั้งนี้ คุณผู้จัดการก็มีปัญหาเรื่องเงินด้วยใช่มั้ยคะ?”
“ช่วยไม่ได้นะคะ เพราะเรื่องที่สำคัญกว่าคือต้องฆ่ามันให้ได้ซะก่อน”
ถ้าโจมตีแบบเลี่ยงจุดสำคัญจนตายเองเนี่ย มันเป็นการจัดการจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังที่แย่มากเลยนะ
มันไม่ใช่เรื่องของการหาเงินอีกต่อไปแล้ว
“คุณไอริส ได้แก้แค้นแล้วเป็นยังไงบ้างคะ?”
“ก็นะ ถึงจะน่าผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่สามารถฆ่ามันได้เพียงลำพัง แต่ก็ฆ่าไปได้มากทีเดียวเลยค่ะ! …ถึงผลสุดท้าย ยังต้องสละดาบของฉันไปด้วย อือ…”
ในตอนแรก คุณไอริสก็พูดด้วยท่าทางภูมิใจในชัยชนะ แต่อาจจะเพราะนึกเรื่องที่เธอเสียดาบไปขึ้นมาได้พอดีล่ะมั้ง สีหน้าของเธอก็เลยมืดมนลงไปซะยังงั้น
หลังจบการต่อสู้ เธอก็เก็บปลายดาบที่หักนั้นมา ล้างทำความสะอาดเป็นอย่างดีเลยก่อนจะเก็บเอาไว้ แสดงว่ามันคงจะเป็นดาบที่เธอมีความชอบใจบางอย่างอยู่แน่เลย
“น่าๆ ไอริส จากเรื่องนี้ก็จะได้เงินรางวัลด้วย ก็จะได้ซื้อดาบใหม่มาใช้ได้ใช่มั้ยล่ะ?”
“เรื่องนั้นมันก็ใช่อยู่! แต่ดาบเล่มนี้เป็นดาบของฉันนะ!”
“จะยึดติดอยู่กับของที่พังไปแล้วมันไม่มีประโยชน์หรอก จริงมั้ยล่ะ? หรือเธอจะใช้ๆ ไปงั้นเหรอ? ดาบที่หักไปแล้วเล่มนั้นน่ะ”
คุณเคทยักไหล่ สื่อออกมาว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก ทำเอาคุณไอริสสีหน้าแข็งค้างไปเลย
“เปล่าซักหน่อย ฉันก็เข้าใจนะว่าการจะซ่อมดาบน่ะมันยาก”
“งั้น คำตอบก็เป็นอันตกลงแล้วนะ จริงๆ ดาบก็ไม่ได้แพงขนาดนั้นด้วย”
“อึม รู้อยู่แล้วล่ะน่า แต่ ฉันจะพูดยังงั้นก็คงไม่ได้หรอก”
“โธ่! ทั้ง 2 คนคะ! คุณซาราสะต้องพักผ่อนนะคะ! หยุดทะเลาะกันซักทีสิ!”
“เปล่านะ แต่ว่า”
คุณไอริส ตกลงไม่ได้มาช่วยดูแลเฝ้าไข้ฉันเหรอ?
เอาเถอะ ฉันไม่สนใจเรื่องนั้นแล้วล่ะ
รู้สึกจะคึกคักกันนิดหน่อย แต่อย่างน้อยก็ดีกว่านอนอยู่เงียบๆ คนเดียวเยอะเลยล่ะนะ
―――อื้อ บางที การมาที่หมู่บ้านนี้ อาจจะเป็นการเลือกที่ถูกต้องก็ได้นะ
ฉันฟังความสนุกสนานของทั้ง 3 คน พลางมุดตัวเข้าไปในผ้านวมเพื่อพักฟื้นร่างกาย
TN: โลเรียจัง น่าร้าก~