[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 36 [1] เสียงเล่าจากสายลม [Part 8]
- Home
- [นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่
- ตอนที่ 36 [1] เสียงเล่าจากสายลม [Part 8]
มาถึงวันที่ 4 ของการเตรียมการ เสียงนกหวีดแจ้งเตือนการเข้ามาใกล้ของเฮล เฟลม กริซลีก็ดังขึ้น
พอได้ยินแบบนั้น ฉันก็รีบคว้าดาบของตัวเอง แล้ววิ่งออกมาข้างนอกทันที
“คุณซาราสะคะ! ฉันก็―――”
“โลเรียจังหลบภัยอยู่ชั้น 2 ที่นี่นี่แหละ! เห็นเฮล เฟลม กริซลีเข้ามาใกล้ ก็เป่านกหวีดเลยนะ!”
“เข้าใจแล้วค่ะ!”
เพราะพวกเราขาดกำลังของนักเก็บสะสมไป พวกเราก็เลยทำการแจกจ่ายนกหวีดให้กับชาวบ้านเอาไว้ ขอให้ทุกคนเป่าแจ้งให้ทุกคนรู้เมื่อพวกเขาเจอเข้ากับเฮล เฟลม กริซลีที่เดินหลงออกมาจากพื้นที่ต่อสู้
ถึงจะมีอันตรายอย่างเรื่องที่ว่าเสียงนกหวีดที่ดังนี่จะไปเรียกพวกมมันมาอีก แต่เราทำอะไรกับเรื่องนั้นไม่ได้เลย เพราะเราไม่มีกองกำลังไปวางไว้ในหมู่บ้านด้วย
พอฉันรีบวิ่งไปถึงพื้นที่ต่อสู้ ที่นั่นก็มีนักเก็บสะสมกับชาวบ้านที่พอมั่นใจในแรงของตัวเองมารวมตัวกันแล้วเรียบร้อย
พวกคุณไอริสที่ไปช่วยเหลือในการสร้างรั้วก็มาถึงกันแล้ว คุณเคทยืนถือธนูอยู่บนส่วนยอดของอาคาร ส่วนคุณไอริสก็ยืนอยู่หน้ารั้ว ปะปนไปกับพวกนักเก็บสะสมคนอื่นๆ
ในคนกลุ่มนั้น ฉันก็เห็นคนที่ค่อนข้างคุ้นเคย และร้องทักทายออกไป
“คุณอังเดร แล้วก็คุณกิลกับคุณเกรย์ด้วย พวกคุณเลือกที่จะอยู่งั้นเหรอคะ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว! พวกข้าปักหลักอยู่ที่หมู่บ้านนี้มานานก่อนซาราสะจังซะอีกนี่?”
“ใช่ๆ ถ้าคนรู้จักกันอยู่ในอันตราย จะหนีไม่ได้หรอกนะ”
“ถ้าเด็กอย่างซาราสะจังพยายามเต็มที่แบบนี้ พวกเราก็ยิ่งต้องทำสิ”
“ไม่ใช่ค่ะ เห็นยังงี้ ฉันก็เป็นผู้ใหญ่แล้วนะคะ… แต่ก็ ขอบคุณค่ะ”
พอฉันขอบคุณพวกเขาอีกครั้ง พวกคุณอังเดรก็ยิ้มกันอย่างเขินๆ
“มันไม่ใช่เรื่องต้องขอบคุณเลยนะ ก็เป็นซาราสะจังไม่ใช่เรอะที่ให้โพชั่น (ยาแปรธาตุ) มาเยอะเลยน่ะ”
“ถึงจะลำบากอยู่บ้าง แต่ถ้าจัดการได้ดี ก็จะถอนทุนได้นะคะ”
นอกจากยารักษาบาดแผลเบื้องต้นแล้ว ยาแก้พิษเองก็จำเป็นเหมือนกัน ปริมาณงานก็เลยงอกออกมาเพิ่มพอสมควรเลย
ตัวยาน้ำนั่นก็ส่วนนึง แต่ที่ลำบากจริงๆ ก็ยังเป็นการทำขวดอยู่ดี
หลังจบเหตุตรงนี้ไป ฉันก็สามารถเก็บขวดกลับมาได้ จากที่ฉันพยายามทำแบบหนักมากๆ แบบที่ไม่จำเป็นต้องทำขวดเพิ่มไปอีกซักพักนึงเลย
ลำบากเหมือนกันนะ
แต่ฉันก็เตรียมให้มากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้แล้ว
ตัวรั้วยังไม่เสร็จดี แต่โดยรอบพื้นที่ต่อสู้ก็แข็งแรงแล้ว และภาชนะทุกอย่างที่เก็บน้ำได้ก็มีน้ำเติมเอาไว้จนเต็ม เตรียมพร้อมรับมือกับไฟเอาไว้แล้ว
เด็กและผู้หญิงอพยพไปอยู่ในอาคารที่แข็งแรงกันแล้ว ต่อให้ถูกบุกโจมตี พวกเขาก็ยังจะได้รับการคุ้มครองเอาไว้อยู่
“นี่ๆ ซาราสะจัง ไม่ใช่แค่พวกอังเดรซักหน่อย พวกเราเองก็ด้วยใช่มั้ยเล่า?”
“โอ้ พวกข้าน่ะ ไม่เหมือนพวกตาขาวที่เพิ่งมาเหยียบที่นี่ได้ไม่ทันไรหรอก!”
“ว่าตามตรงเลยคือ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะมีประโยชน์ขนาดไหนล่ะนะ! ก๊าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ว่าแล้วเชียว นักเก็บสะสมส่วนมากที่ยังเหลืออยู่ ก็เป็นพวกมือเก๋าที่ฉันคุ้นๆ หน้าทั้งนั้นเลย
หลายคนก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น แต่แค่เพราะพวกเขามีประสบการณ์ การประคองสติของพวกเขาจะต่างจากของพวกมือใหม่มากเลย
“ไม่เป็นไรค่ะ! ถ้าใช้รั้วให้เป็นประโยชน์ แล้วก็ยื้อเอาไว้ด้วยคนหลายๆ คนล่ะก็ พวกมันก็เป็นศัตรูที่จัดการได้ค่ะ! พยายามเข้านะคะ!”
“““โอ้!!”””
พอฉันร้องออกไป เสียงตะโกนที่พึ่งพาได้ก็ดังกลับมาจากรอบข้างเลย
…อาเระ? ทำไมเหมือนฉันเป็นคนนำในเรื่องนี้เลยล่ะเนี่ย?
นี่ขนาดฉันเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่อยู่ที่นี่เท่านั้นเอง… อืม นี่คือความไว้ใจที่สังคมมีต่อนักเล่นแร่แปรธาตุสินะ รู้สึกถึงแรงกดดันเลย
แต่อีกแง่ ฉันก็กังวลที่จะปล่อยให้ผู้ใหญ่บ้านเป็นคนจัดการ
ฉันอยากจะให้หน้าที่นี้เป็นของคุณแจสเปอร์หรือคุณอังเดรนะ แต่ตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะ
พอฉันลองใช้เวทตรวจจับตรวจสอบดู ก็ยืนยันได้ว่าพวกเฮล เฟลม กริซลีตรงไปที่ที่พวกเราเอาศิลาเวทไปโปรยแล้ว
―――นี่ มันจะเยอะไปหน่อยหรือเปล่าเนี่ย? นับได้ 20 ตัวเลย
แต่ ในสถานการณ์แบบนี้ ฉันต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว
“ทุกคนคะ! พวกมันจะมาแล้วค่ะ! ระวังตัวกันด้วยนะคะ!”
จากนั้น ไม่นานเกินรอ ฝูงเฮล เฟลม กริซลีก็โผล่ออกมาจากป่ากัน
เริ่มจากตัวแรกสุด จากนั้นก็มีอีกตัวนึงตามมา แล้วก็อีกตัว…
พื้นที่ต่อสู้ถูกล้อมเอาไว้ด้วยรั้วที่แข็งแรงเป็นพื้นที่ครึ่งวงกลม และตรงใจกลางก็วางศิลาเวทที่อัดด้วยพลังเวทธาตุไฟเอาไว้ แต่พวกมันเหมือนจะมุ่งความสนใจมาที่พวกเราที่ยืนกันอยู่นอกรั้วพร้อมอาวุธครบมือมากกว่า
“โอ้ยๆ… มันตัวใหญ่ขนาดนั้นเลยเรอะ…”
ใครซักคนพูดออกมาแบบนั้น
ขนาดตัวของเฮล เฟลม กริซลีไม่ได้ต่างจากตัวที่ฉันฆ่าไปเมื่อไม่กี่วันก่อนเท่าไหร่นัก แต่มันก็ยังตัวใหญ่กว่าหมีปกติแบบสุดๆ ไปเลยอยู่ดี
ไม่ต้องพูดถึงชาวบ้านเลยนะ ขนาดนักเก็บสะสมที่ได้เจอมันเป็นครั้งแรกเอง มันก็ยังเป็นภัยคุกคามอย่างเพียงพอเลย
บางที อาจจะรู้สึกถึงกลิ่นของความกลัวนิดๆ โชยมาจากทางนี้ก็ได้ หนึ่งในตัวที่เดินนำหน้ามาก่อนถึงได้คำรามออกมา *โฮกกกกกก!!* ก่อนจะวิ่งเข้าใส่มาพร้อมๆ กันเลย
ท่าไม่ดีแล้วสิ
ตัวรั้วน่ะไม่ได้อ่อนแอขนาดที่จะพังจากการถูกโถมใส่แค่ครั้งเดียว แต่ถ้าเกิดกลัวเกินกว่าจะสวนโจมตี ไม่นานมันต้องพังแน่
สิ่งที่ทำได้ตอนนี้―――ตัดกำลังใจของพวกมันซะก่อน!
“{ฟอร์ซ บุลเล็ต (กระสุนพลัง)} !”
เฮล เฟลม กริซลีที่ก้มหน้าก้มตาวิ่งถลาเข้ามา ก็กระแทกเข้ากับเวทมนตร์ไปเต็มๆ หน้า
ขยี้จมูกของมันตรงส่วนปลายจมูกเลย
กรามของเฮล เฟลม กริซลีดีดเปิดออก การก้าวเท้าของมันช้าลงทีละนิด
แต่เวทมนตร์ที่บดจมูกของมันได้เนี่ย มันใช้ซัดชายวัยผู้ใหญ่ทั่วๆ ไปกระเด็นได้เลยนะ…
ตกใจนิดๆ เหมือนกันแฮะ
บางที ฉันน่าจะต้องฝึกเวทมนตร์สำหรับโจมตีไว้ซักหน่อยแล้วสิ
แต่ นั่นต้องเป็นเรื่องหลังจากผ่านเรื่องตรงหน้านี่ไปก่อนล่ะนะ
ฉันก้าวไปข้างหน้า ชักดาบของตัวเองออกมา แล้วในเวลาเดียวกัน ก็ฟันลงมาที่คอของเฮล เฟลม กริซลี
*ฉึบ*
ขาดหมดจดในดาบเดียว
ดาบที่ฉันได้มาจากอาจารย์ ฟันหัวมันฉับได้โดยไม่มีแรงต้านเลยซักนิด
แล้ว หัวที่ขาดออกมา และส่วนลำตัวของมันก็กลิ้งถลาไปกับพื้นตามแรงเฉื่อยจากการวิ่งของมัน เข้าไปกระแทกที่รั้วดัง *ตุบ* แล้วก็หยุดนิ่ง
ก่อนที่เลือดปริมาณมากก็ไหลพุ่งออกมาจากส่วนหน้าตัดตามมา
“…ว้าว”
ถึงฉันจะใช้พลังเวทเสริมแกร่งให้ร่างกายของตัวเองไปด้วยก็เถอะ แต่ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดนี่ก็ทำให้ฉันหลุดปากออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจเลย
ไม่สิ คือฉันก็ตั้งใจจะฟันคอของมันนะ แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะขาดง่ายขนาดนี้น่ะสิ
สมกับที่เป็นดาบของอาจารย์เลย ไม่ใช่เล่นๆ เลยนะเนี่ย
ไม่ใช่แค่ฝั่งนี้นะ ขนาดฝั่งของเฮล เฟลม กริซลีก็ยังหยุดเคลื่อนไหวกันหมด
“อ- อื้ม! ศัตรูสามารถถูกจัดการได้! โจมตีเข้าไปได้เลยไม่ต้องกลัวค่ะ!”
พอฉันเคลียร์ลำคอตัวเองให้โล่ง แล้วตะโกนออกไป ก้อนหินและลูกธนูก็เริ่มพุ่งลอยออกมาจากทางนักเก็บสะสมและชาวบ้าน ฝั่งนั้นเองก็ออกมาจากป่าทีละตัวๆ เรื่อยๆ เหมือนเป็นการตอบโต้กับสิ่งนี้เลย
การโจมตีบางส่วนก็ได้ผลอยู่นะ จะทำให้มันชะงักไปบ้างก็ไม่แปลกเลย
―――อ๊ะ ยอดเลย นั่น คุณเคทสินะ
ลูกธนูถูกเล็งยิงใส่จุดตายอย่างแม่นยำเลยล่ะ
ถึงขนาดมีบางดอกพุ่งใส่ตาของมันได้เลย… ลูกตาเนี่ยขายได้ราคาดีด้วยน้า
ไม่สิ สำคัญกว่าคือตอนนี้ต้องรอดชีวิตไปให้ได้ก่อน ฉันรู้น่า
พวกศัตรูบางตัวก็พ่นไฟออกมาแล้ว แต่รั้วที่ชื้นแบบนี้น่ะไม่ติดไฟได้ง่ายๆ หรอกนะ แถมใครที่ต่อสู้ไม่ได้ก็คอยสาดน้ำใส่มันเอาไว้ด้วย เพราะงั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้มากเท่าไหร่
“หย้า! คนสองสามคนก็ฆ่ามันได้แล้ว! ใครตระหนกขึ้นมา ก็ใช้ประโยชน์จากรั้วซะ!”
คนตะโกนบอกเมื่อกี้ คือคุณอังเดร
พร้อมๆ กับตัวนึงที่ล้มลงไปแล้วจากฝีมือของพวกคุณกิล
ฉันเองก็ลำบากอยู่เหมือนกัน แต่เพราะช่วงเอื้อมที่สั้นจากลักษณะร่างกายของฉันเอง ผลของพื้นที่ที่ฉันเคลื่อนไหวได้มันลดลงไปเรื่อยๆ จากจำนวนศัตรูที่เพิ่มขึ้น แล้วก็การช่วยสนับสนุนคนที่เสี่ยงอันตราย ฉันก็เลยฆ่าเพิ่มไปได้แค่ 3 ตัวเอง
แถมมันยังไม่ได้ตายทันทีแบบครั้งแรกด้วย การหลบและผลักแขนที่เหวี่ยงไปทั่วของมันก่อนจะตายกลับไปเนี่ยก็ทำเอาเหนื่อยเหมือนกัน
ฉันไม่มี! ความอึดนะ!
ยิ่งกว่านั้น การเคลื่อนไหวก็ยิ่งถูกจำกัดลงไปจากซากที่กลิ้งไปมาอยู่ตามพื้น หลังจากที่ฆ่าตัวที่ 5 ลงไปได้ ในที่สุด ฉันก็ตัดสินใจถอยมาข้างหลังรั้ว
“คุณอังเดร สถานการณ์เป็นยังไงบ้างคะ?”
“ไม่รู้สิ พวกข้าจัดการไปได้สองนะ แต่―――”
“ล้มไปครึ่งนึงแล้วค่ะ!”
คุณเคทตะโกนบอกพวกเราลงมาจากบนหลังคาว่ายังงั้น
เพราะความสูงของฉัน ฉันก็เลยไม่สามารถมองเห็นรอบข้างได้ แบบนี้ก็ช่วยได้มากเลยล่ะ
“ขอบคุณค่ะ! จนถึงตอนนี้ก็ไปได้สวยนะคะ แต่ว่า…”
“อ่า รั้วชักจะแย่แล้วด้วยสิ”
ความเสียหายที่สะสม บวกกับพวกซากที่นอนเกลื่อนอยู่หน้ารั้ว
มันเกะกะขวางทาง แล้วก็ทำให้การต่อสู้โดยใช้รั้วเป็นโล่ป้องกันก็ยิ่งยากขึ้นด้วย
“บางที ฉันน่าจะต้องใช้รั้ว 2 ชั้นนะคะ”
“เวลาก็ไม่มีนี่ ถ้าไปทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ แบบนั้น บางทีรั้วก็อาจจะพังไปแล้วก็-―――”
*ครืนนนน!*
เสียงคำรามดังก้องไปทั่วบริเวณพร้อมๆ กับแผ่นไม้ที่แตกกระจาย ยังกับว่าคำพูดของคุณอังเดรไปลั่นไกให้มันเกิดขึ้นยังไงยังงั้น
ในเวลาเดียวกัน คุณไอริสก็กลิ้งตัวมาทางเรา เหมือนว่าเธอจะกระเด็นมาเลยนะ
เหนือไปข้างหน้านั่น มีเฮล เฟลม กริซลีตัวเขื่องเป็นพิเศษเลย
*ตึง*
พอมันยืนด้วยขา 2 ข้าง มันก็สูงกว่าฉันเกือบ 2 เท่า แค่แขนมันข้างเดียวก็หนายิ่งกว่ารอบเอวของฉันซะอีก
คุณเคทยิงธนูใส่เจ้าตัวนั้นแล้ว แต่มันก็ใช้แขนปัดทิ้งไปง่ายๆ ยังกับว่ามันเป็นแค่กิ่งไม้เลย
“ขออภัยค่ะ! ที่ไม่สามารถยั้งมันเอาไว้ได้!”
“คุณไอริสคะ ดาบเล่มนั้น…”
“อ่า เพิ่งหักไปเองค่ะ”
ตอนนี้ ดาบที่คุณไอริสเก็บกลับมาจากในป่า ส่วนปลายมันหักออกไปประมาณ 1 ใน 3 แล้ว
แถมยังมีรอยแตกและฉักขาดหลายจุดตามชุดเกราะและเสื้อผ้าที่คุณไอริสสวมอยู่ด้วย
ฉันให้โพชั่นเธอไว้เยอะประมาณนึง เธอก็เลยไม่ได้มีแผลแล้ว แต่คราบเลือดที่ติดตามตัวก็บอกพวกเราให้รู้ว่าความเข้มข้นของการต่อสู้มันหนักขนาดไหน
“นี่ เป็นตัวจ่าฝูงงั้นสินะคะ?”
“ดูเหมือนจะเป็นยังงั้นนะ เจ้านี่ พวกข้า 3 คนคงเอาไม่อยู่แน่”
“มาช่วยกันทุกคนเลยแล้วกันค่ะ”
“ฉ- ฉันด้วย-! ―――อะ ดาบมัน”
“ใช้นี่สิ ของสำรองของข้าเอง”
“เป็นพระคุณยิ่งค่ะ!”
ฉันขอให้คนอื่นๆ ถอยไป ก่อนที่พวกเรา 5 คนล้อมรอบเจ้าตัวจ่าฝูงเอาไว้ มีพวกคุณอังเดร แล้วก็ฉันกับคุณไอริสที่ยืมดาบสำรองจากคุณอังเดรมาใช้
เจ้าตัวจ่าฝูงหยุดเคลื่อนไหว เหมือนกับว่ามันระแวงพวกเราอยู่ แล้วพวกเราก็มองตากันและกัน
*ปรี๊ด―! ปรี๊ด―! ปรี๊ด―!*
ทันใดนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงนกหวีดดังขึ้น
3 ครั้ง เสียงเตือนการบุกรุกดังลอยมาจากที่อื่น
“―――! คุณอังเดร ทุกคน ช่วยไปได้มั้ยคะ?”
“ให้ไปจะดีเหรอคะ!?”
“ดูเหมือนว่าพวกคุณอังเดรจะเป็นแค่กลุ่มเดียวที่สามารถรับมือมันได้ แล้วฉันก็แยกไปจากตรงนี้… ไม่ได้เลยด้วยค่ะ”
คงเห็นว่าฉันจะเป็นคนแรกที่ตายได้ในการโดนตะปบแค่ครั้งเดียว ฉันถึงรู้สึกได้เลยว่าความสนใจของตัวจ่าฝูงแทบจะมุ่งมาสนใจอยู่ที่ฉันคนเดียว
ขนาดที่ว่าถ้าฉันไป มันคงจะตามฉันมาด้วยยังงั้นเลย
“คงงั้นนะ เข้าใจแล้ว จะรีบกลับมาทันทีเลย! โอ้ย! พวกเอ็ง! อย่าให้พวกมันทำร้ายซาราสะจังได้เชียว!”
“““โอ้!!”””
สิ้นคำของคุณอังเดร พวกนักเก็บสะสมคนอื่นๆ ก็ตอบเขาด้วยเสียงร้องอย่างหึกเหิม
แต่ว่า ความช่วยเหลือแบบแปลกๆ แบบนี้ ออกจะอันตรายหน่อยๆ นะ
“ต้องขอรบกวนด้วยแล้วค่ะ ฝากด้วยนะคะ”
“ได้เลย! พวกเอ็ง! อย่าปล่อยให้พวกหมีตัวอื่นเข้ามาใกล้ได้ล่ะ!”
หลังจากพูดทิ้งท้ายไว้แบบนั้น พวกคุณอังเดรก็วิ่งไปในทางที่ได้ยินเสียงนกหวีดดังออกมา
TN: หมี หมี หมีเต็มไปหมดเลย~