[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ - ตอนที่ 86 ความมหัศจรรย์ของพูพู
ไม่มีบันไดให้เดินลง ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าสิ่งก่อสร้างทุกอาคารที่จำเป็นต้องมีบันได ในความเป็นจริงเมื่ออาคารถูกสร้างขึ้นในตอนแรกดูเหมือนว่าไม่เคยมีใครคิดจะเดินลงไปที่นั่น เมื่อเห็นปีศาจอสรพิษที่มีหัวขนาดใหญ่ยื่นออกมาห่างออกไปเพียงร้อยเมตร อีกทั้งสัตว์ประหลาดตัวอื่น ๆ ก็ยังคงวิ่งไปรอบ ๆ เพื่อหาทางออก ทุกคนล้วนมองไปที่ไป๋อี้
“ลงไป!” ไป๋อี้กล่าว
ทุกคนงุนงงเล็กน้อย เข้าใจแล้ว ต้องลงไปสินะ ว่าแต่จะลงไปได้อย่างไร? และแล้วทุกคนก็ทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าไป๋อี้จะลงไปอย่างไร ไป๋อี้มาที่ลิฟต์ซึ่งมีรอยร้าวเกิดความเสียหาย จากนั้นเขาจึงกดปุ่ม ลิฟต์เปิดออกอย่างช้า ๆ แต่ไป๋อี้ก็ไม่ได้เข้าไป เขาเอาแต่มองขึ้นไปตามที่ลิฟต์ขึ้น
นี่หรือว่า!
ทุกคนเดาได้ว่าไป๋อี้จะหาทางลงไปอย่างไร เขาไม่ได้เข้าไปในลิฟต์ แต่อาจจะลงจากสายลิฟต์ จริง ๆ แล้วเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพร่างกายของทุกคนในปัจจุบัน แทนที่จะนั่งอยู่ในลิฟต์ด้วยความกลัวมันจะเป็นการดีกว่าที่จะจับสายเคเบิลลิฟต์แล้วเลื่อนลงตามสาย แต่ก่อนอื่นต้องปล่อยให้กล่องลิฟต์เลื่อนลงมาก่อน มิฉะนั้นในระหว่างการเดินทางกล่องเหล็กขนาดใหญ่เช่นนี้จะหล่นลงมา จากนั้นคงไม่มีใครสามารถจับมันไว้ได้
ไป๋อี้มองไปที่ลิฟต์พลางคิดว่าจะไปอย่างไรดี ถ้ามันเป็นแค่ลิฟต์ที่ชำรุดมันก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับทุกคน
ขณะที่ไป๋อี้คิดเรื่องนี้อยู่ สัตว์ประหลาดหลายตัวก็พุ่งเข้าหาไป๋อี้และทุกคน สัตว์ประหลาดเหล่านี้ไม่รู้จักความเป็นมนุษย์และแน่นอนว่าพวกมันจะไม่ยอมปล่อยไป๋อี้และพวกไป หลังจากที่ได้เห็นไป๋อี้และคนอื่น ๆ สัตว์ประหลาดสี่ห้าตัวที่ไม่มีสติสัมปชัญญะก็กระแทกไปรอบ ๆ หลังจากพินิจพิจารณาเปรียบเทียบดูแล้วก็พบว่าฝ่ายตรงข้ามดูไม่ได้ร้ายกาจอะไร จึงได้โผพุ่งเข้าใส่ทันที
ยุ่งยากจริง ๆ!
เมื่อมองไปที่สัตว์ประหลาดทั้งห้าตัว ไป๋อี้ก็ได้แต่หยุดคิดอยู่ในใจ และจัดการกับสัตว์ประหลาดทั้งห้า ความแข็งแกร่งของพวกเขายังไม่ถึงจุดที่สามารถฆ่าสังหารใครได้ในพริบตาและค่อนข้างต้องใช้พลังงานเยอะในการรับมือจัดการกับตัวคนใดตัวหนึ่ง
วูล์ฟและเฮลัวส์สกัดกั้นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง ส่วนชาร์ไป่และพูพูจัดการอีกตัวหนึ่ง ในขณะที่เมย์ริสและเวอร์เนอร์รับมือกับตัวที่สาม ส่วนไป๋อี้ได้เข้าต่อกรกับสองตัวสุดท้าย ในระหว่างนั้นดวงตาของไป๋อี้กำลังเพ่งมองไปยังสัตว์ประหลาดตัวตรงข้าม ทันใดนั้นรูม่านตาของเขาก็หดตัวลงทันที รูปแบบลวดลายในดวงตาของเขานั้นเบ่งบานสะพรั่ง ซึ่งนั่นดูงดงามมาก
การจำลองตามธรรมชาติ!
ความสับสนและการสะกดจิต!
สัตว์ประหลาดตัวนี้ตกตะลึงอ้าปากที่กำลังจะขย้ำค้างกลางอากาศ หลังจากนั้นไม่นานมันก็หันหัวไปอีกทาง ทันใดนั้นก็ก้มลงไปใช้ปากขย้ำเข้าที่คอของสัตว์อีกตัวข้าง ๆ มัน
เหตุใดจู่ ๆ มันกลับรู้สึกว่าเนื้อของสัตว์ประหลาดที่อยู่ข้าง ๆ น่ากินกว่ากันนะ
หลังจากถูกโจมตีโดย ‘คู่หู’ ของตัวเอง แน่นอนว่าสัตว์ประหลาดอีกตัวไม่ยอมแพ้ มันดิ้นจากการถูกขย้ำทันทีและเริ่มต่อต้าน ทันใดนั้นทั้งสองก็ตะเกียกตะกายต่อสู้กันจนเลือดและเนื้อสาดกระเซ็นไปทั่ว
ในขณะนั้นเอง ไป๋อี้ก็กระโดดขึ้นจากพื้นอย่างกะทันหันด้วยความช่วยเหลือจากแรงส่งของหางชาร์ไป่เขาพลิกตัวกลางอากาศและโผเข้าใส่คู่ต่อสู้ของชาร์ไป่ เมื่อร่างกายของเขาหมุนและลอยเคว้งอยู่ในอากาศดวงตาของไป๋อี้ก็สบกับดวงตาของฝ่ายตรงข้ามที่อยู่บริเวณประตูด้านบน ทันใดที่ดวงตาของทั้งสองสอดประสานกัน การเคลื่อนไหวของสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็เริ่มเฉื่อยชาลงเล็กน้อย จากนั้นหางใหม่ที่เหมือนแมงป่องของชาร์ไป่ก็พุ่งออกมาจากทางด้านหลังของไป๋อี้และกระแทกเข้าที่หัวของสัตว์ประหลาดตัวนั้น
ตอนที่ไป๋อี้โดดลงมาถึงพื้น พูพูได้แต่จ้องมองไปที่ไป๋อี้ ก่อนที่มันจะล้มลงกับพื้นพร้อมกับเสียงดังโครมครามที่ตามมา
เอ๋?
น่าแปลก นี่ฉันสะกดจิตมันอย่างนั้นเหรอ?
ขณะที่ไป๋อี้ยังรู้สึกงงงวยกับภาพตรงหน้า ทันใดนั้นชาร์ไป่ก็ส่งเสียงร้องอย่างดุดันมาจากด้านหลังของเขา จากนั้นไป๋อี้ก็ค้นพบว่าในอีกทางหนึ่งสัตว์ประหลาดที่แต่เดิมดูเหมือนจะทรงพลังนั้นถูกปีศาจอสรพิษยักษ์พันไปรอบ ๆ ตัว จากนั้นก็มีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดมาจากทั่วร่างกาย นั่นเป็นเสียงของกล้ามเนื้อและกระดูกที่ถูกบิดและหักแทบทั้งหมดด้วยพลังอันทรงพลัง จากนั้นหัวของมันก็ถูกปีศาจอสรพิษยักษ์กัดเข้าอย่างรุนแรง ด้วยแรงทึ้งของฟันอันแหลมคมได้บิดหัวที่มีขนาดเท่ากับหัวของรถ ก่อนจะบดและกัดมันอย่างรุนแรง
ปีศาจอสรพิษยักษ์เงยหน้าขึ้นและส่งเสียงคำรามที่ดูดุร้ายและน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก
ในขณะนั้น ทันทีที่พูพูเห็นปีศาจอสรพิษยักษ์ มันก็แกล้งตาย …… แกล้งตายซะอย่างนั้น!
แม้จะรับรู้ได้ถึงความเฉลียวฉลาดของจอมขี้เกียจอย่างพูพูมานานแล้ว แต่เมื่อเห็นหน้าตาท่าทางของมันแล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้องเลิกคิ้ว เจ้านี่แกล้งตายทำไมกัน อย่างไรซะปีศาจอสรพิษยักษ์ก็คงไม่มาทางนี้อยู่แล้ว …… แต่ทว่าเมื่อไป๋อี้หันไปมองอีกทีก็พบว่าปีศาจอสรพิษยักษ์มีท่าทีเหมือนจะถูกดึงดูดมาทางนี้และมันก็เคลื่อนตัวมาทางนี้จริง ๆ
ให้ตายเถอะ พูพูไม่ได้แกล้งตายโดยตั้งใจ แต่มันเจอปีศาจอสรพิษยักษ์มาแต่แรกแล้วอย่างนั้นเหรอ?
ไป๋อี้คิดไม่ถึงว่าทำไมพูพูถึงนำหน้าทุกคนไปหนึ่งก้าวเสมอ นั่นก็เพื่อดูว่าปีศาจอสรพิษยักษ์จะมาหรือไม่นั่นเอง ในเวลานี้จิตใจของไป๋อี้หนักหน่วงขึ้นอย่างมาก จากนั้นเขาก็เริ่มคิดอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับวิธีที่จะจัดการกับปีศาจอสรพิษยักษ์ตัวนี้ ในส่วนของการต่อสู้ของวูล์ฟและคนอื่น ๆ ไป๋อี้ไม่ได้เข้าไปช่วย เขาเอาแต่มองไปมาระหว่างสภาพแวดล้อมโดยรอบและปีศาจอสรพิษยักษ์ตัวนั้น
เร็วเข้า รีบคิดหาทางจัดการมันเร็วเข้า!
ในขณะที่ไป๋อี้ยังคงคิดเรื่องนี้อยู่ ปีศาจอสรพิษยักษ์ตัวนี้ก็ได้คลานไปแล้ว และในขณะนั้นเองมันก็ยกหัวขึ้นสูง ซึ่งเวลานั้นไป๋อี้ก็ยังหัวแล่นไม่พอ เขาไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไรดี
เมื่อปีศาจอสรพิษยักษ์เข้ามาตรงหน้าเขา ความคิดในหัวของไป๋อี้ยังคงว่างเปล่า ให้ตายเถอะ …… ไป๋อี้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งและใช้พลังรูม่าตาจำลองจนสุดกำลังถึงขีดสุด แต่ทว่าปีศาจอสรพิษนั้นไม่มีดวงตา มีเพียงอวัยวะที่ไวต่อแสงอยู่ที่หนวดข้างศีรษะของมันเท่านั้น ไป๋อี้หวังเพียงว่าพลังจากดวงตาของเขาจะเป็นประโยชน์บ้างในเวลานี้
ปีศาจอสรพิษยักษ์หยุดชะงัก มันเงยศีรษะขึ้นและหยุดอยู่อย่างนั้นชั่วขณะ ในขณะที่ไป๋อี้ออกอาการดีใจที่ดูเหมือนว่าพลังจากดวงตาของเขาใช้ได้ผล แต่ทันใดนั้นเองปีศาจอสรพิษยักษ์ก็อ้าปากใหญ่และกัดอย่างดุเดือด คราวนี้ไม่ว่าไป๋อี้จะใช้พลังจากรูม่านตาภาพจำลองอย่างไรก็ไม่มีผลใด ๆ เกิดขึ้น เขาไม่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของปีศาจอสรพิษยักษ์ได้
ทันใดนั้นพูพูที่ทำท่าแกล้งตายอยู่ตรงนั้นก็กลิ้งตัวและวิ่งเร็วกว่าใครเพื่อรีบซ่อนตัวให้เร็วที่สุด แต่เมื่อพูพูวิ่งผ่านชาร์ไป่ มันก็ถูกหางของชาร์ไป่ตวัดเข้าใส่อย่างรุนแรง จนมันกลิ้งกลุกกลักไปตามพื้น หลังจากลุกขึ้นมาพูพูก็มองไปที่ชาร์ไป่ ชาร์ไป่อ้าปากกว้างที่น่ากลัวของมันและส่งเสียงคำรามเบา ๆ ออกมา เมื่อเห็นความดุร้ายของชาร์ไป่ พูพูจึงเดินกลับมาด้วยความกลัวและยืนอยู่ข้างหลังชาร์ไป่ จะเห็นได้ว่าพูพูนั้นหวาดกลัวชาร์ไป่เล็กน้อย หรือว่าชาร์ไป่จะเป็นหัวหน้าของพูพู
ในตอนนี้ไป๋อี้ใช้ดาบคะตะนะแทงตรงหน้าอกของมัน ปีศาจอสรพิษยักษ์ต่อต้านดาบของไป๋อี้ด้วยฟันของมัน จนไป๋อี้ถูกกระแทกกระเด็นออกด้วยพลังมหาศาล
หลังจากที่ไป๋อี้กระเด็นออกไป ชาร์ไป่ก็เข้าต่อกรกับปีศาจอสรพิษยักษ์ทันที ส่วนพูพูนั้นมันลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะตามออกไป แต่มันก็ไม่ได้มีความกระตือรือร้นมากนัก
ในเวลานี้เมื่อเห็นงูปีศาจปรากฏกายขึ้น สัตว์ประหลาดร้ายหลายตัวที่ต้องการจะวิ่งเข้ามาที่นี่ต่างก็พากันวิ่งหนีออกไปไกล แม้ว่าพวกมันจะไม่มีสติสัมปชัญญะมากนัก แต่ด้วยสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความแข็งแกร่งของปีศาจอสรพิษยักษ์และเห็นได้ชัดว่าเป็นประเภทที่พวกมันไม่สามารถต่อกรได้อย่างแน่นอน แม้แต่สัตว์ประหลาดสองตัวที่ยังคงต่อสู้อยู่กับวูล์ฟและเมย์ริสต่างก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ จากนั้นพวกเขาจึงฉวยโอกาสนี้ในการฆ่าพวกมัน
ไป๋อี้กระเด็นไปบนพื้นด้วยแรงผลักอันมหาศาลจนกระแทกเข้ากับกำแพง
วูล์ฟและเฮลัวส์เพิ่งจัดการคู่ต่อสู้ของพวกเขาเสร็จ พวกเขาลุกขึ้นพร้อมกับชาร์ไป่เพื่อต่อสู้กับปีศาจอสรพิษยักษ์ ในตอนนี้ไป๋อี้มองไปที่ลิฟต์ซึ่งประตูถูกเปิดออกพร้อมทั้งกำแพงที่ค่อย ๆ แตกออก และแล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจของเขา แน่นอนว่าการคิดวิธีแก้ปัญหาอะไรก็ตามจะคิดได้ก็ต่อเมื่อมีกรณีฉุกเฉินเกิดขึ้นเสมอ
“ล่อปีศาจอสรพิษยักษ์เข้าไปในลิฟต์แล้วปิดลิฟต์ซะ มันจะต้องถูกขังอยู่ข้างใน จากนั้นมันจะทำลายลิฟต์อย่างแน่นอนและแล้วลิฟต์ก็จะตกลงไป” ไป๋อี้ตะโกนบอกทุกคน อย่างไรก็ตามปีศาจอสรพิษยักษ์ไม่เข้าใจภาษามนุษย์และไป๋อี้ก็พูดเสียงดังมากเพราะเขาไม่กลัวว่ามันจะได้ยิน
คนอื่นเข้าใจได้ในทันทีว่านี่เป็นวิธีการที่เป็นประโยชน์ แต่แนวคิดนั้นไม่ได้หมายความว่าจะสามารถทำได้จริง ๆ
ตอนนี้ทุกคนตกอยู่ในอันตรายจากปีศาจอสรพิษ ช่องทางเดินตรงนี้ไม่ใช่สถานที่กว้างขวางนัก ปีศาจอสรพิษจึงไม่สามารถขยายตัวได้เต็มที่และไม่สามารถเคลื่อนที่เปลี่ยนทิศทางได้ดีนัก ทุกครั้งที่มันหันไปรอบ ๆ มันต้องขยับอย่างช้า ๆ มิฉะนั้นหัวขนาดใหญ่ของมันจะกระแทกกับผนังของทางเดิน และนั่นเป็นช่วงเวลาที่เพียงพอจะให้วูล์ฟและคนอื่น ๆ สามารถหลบหลีกได้
ในขณะนี้ หลังจากที่วูล์ฟและคนอื่น ๆ ขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่สักพัก พวกเขาก็ได้ซ่อนตัวอยู่ตรงกลางร่างของปีศาจอสรพิษ จากนั้นก็เริ่มการโจมตีอย่างเต็มรูปแบบ
บางทีอาจไม่ต้องใช้วิธีของไป๋อี้เพื่อจัดการกับมันก็ได้
เห็นได้ชัดว่าทุกคนนั้นคิดในแง่ดีเกินไป ร่างกายของปีศาจอสรพิษนั้นแข็งมากจนยากที่จะฟาดฟันโจมตีด้วยกำลังของคนเพียงไม่กี่คน มีเพียงง้าวของวูล์ฟเท่านั้นที่สามารถฟันมันได้ แต่ถึงแม้จะสามารถฟันลงไปตามร่างกายของมันได้ ก็เกิดรอยแผลที่ไม่ลึกมากเพียงเท่านั้น
ต่อมา ปีศาจอสรพิษก็ได้เรียนรู้วิธีปรับตัวเช่นกัน แม้ว่ามันจะไม่สามารถหันหัวได้ แต่ร่างกายของมันก็สามารถแกว่งไปมาและเบียดเสียดไปกับทางเดินได้ ทันใดนั้น วูล์ฟที่ยังไม่ทันได้ฟาดฟันกับปีศาจอสรพิษยักษ์ก็ถูกมันโจมตีร่างอันใหญ่โตของเขาจนกระเด้งกระดอนออกมาเสียก่อน จากนั้นร่างของเขาก็พุ่งไปชนกับทางเดินบริเวณนั้น ก่อนที่วูล์ฟจะหลบเลี่ยงได้ร่างของปีศาจอสรพิษก็บีบแทรกตัวเข้ามาถึงตัวของเขาแล้วลากไปชิดกับกำแพง วูล์ฟไม่มีความคิดที่จะยกง้าวขึ้นมาเพราะเขารู้สึกได้ว่ากระดูกของเขาแหลกละเอียด
ไม่ใช่แค่สัมผัสได้ถึงกระดูกของวูล์ฟเท่านั้นที่แหลกละเอียด แต่รวมไปถึงผนังของทางเดินด้วยที่เริ่มแตกร้าวอย่างต่อเนื่อง
ปีศาจอสรพิษดูเหมือนจะก้าวร้าวและกำลังสนุก เจ้านี่ไม่สามารถฆ่าให้ตายได้อีกทั้งมันยังทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ กำแพงที่ค่อนข้างหนาทึบของทางเดินทั้งหมดเริ่มแตกร้าวในทันใด ซึ่งกำแพงทั้งหมดนี้ล้วนถูกปีศาจอสรพิษทำลายทั้งสิ้น
ไป๋อี้กำลังมองหาโม่โม่ และพบว่าโม่โม่นั่งยอง ๆ อยู่อย่างระมัดระวังที่มุมกำแพงทางเดิน ดูเหมือนว่าโม่โม่จะปลอดภัยดีภายใต้การโจมตีของปีศาจอสรพิษ อย่างไรก็ตามนั่นเป็นเพียงแค่ชั่วขณะหนึ่ง
ทุกคนหลบหลีกอย่างยากลำบาก ในขณะเดียวกันก็คิดได้ว่าอาจจะต้องใช้วิธีของไป๋อี้จริง ๆ