ขณะที่กลุ่มของไป๋อี้กำลังพักอยู่ภายในห้องปฏิบัติการขนาดเล็กแห่งนี้ชั่วคราว หยูหานและหนิงเสวี่ยทั้งสองคนก็อยู่ภายในชั้นบนของสถาบันวิจัยเพื่อค้นหาสิ่งของที่พอจะมีประโยชน์ เบลลิก้าทีน่าได้ลากร่างกายของตนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสออกจากสถาบันวิจัยด้วยความยากลำบาก เมื่อเบลลิก้าต้องจากไป เธอรู้สึกโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง และในกลุ่มคนเหล่านี้เธอโทษว่าเป็นความผิดของตนเอง
เกิดอะไรขึ้นในนั้นกัน ในช่วงเวลานั้นเองไนท์ได้เกิดสูญเสียความสามารถในการตรวจสอบภายในชั้นบนของสถานบันวิจัยไป ดังนั้นเธอเองก็ไม่แน่ใจนักว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงแม้ว่าจะจะลองตรวจสอบอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าการเชื่อมต่อนั้นจะไม่มีความเสถียรมากเท่าไหร่ แม้แต่ระบบป้องกันก็ไม่สามารถเปิดใช้งานได้ หลังจากนั้นอำนาจที่แท้จริงของไนท์ก็คือการควบคุมอยู่เพียงข้างล่างเท่านั้น เธอจึงสามารถรู้ได้เพียงแค่สถานการณ์ทั่วไปว่าหยูหานและหนิงเสวี่ยอยู่ข้างบนเพื่อค้นหาสิ่งของที่มีประโยชน์บางอย่าง
สิ่งที่ได้รับการยืนยันนั้นคือหยูหานได้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ ท่าทางของเขาได้แปรเปลี่ยนเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูงและไร้ความปราณีอย่างถึงที่สุด
ดวงตาทั้งสองข้างของไป๋อี้นั้นไม่สามารถมองเห็นได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงฟังคนอื่นเล่าเรื่องสถานการณ์ของหยูหานอย่างเงียบ ๆ ทุกคนต่างกังวลว่าไป๋อี้จะโกรธเรื่องของหยูหาน แต่ทุกคนกลับคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่ไป๋อี้ได้ฟังเรื่องราวของหยูหานแล้วนั้น กลับมีเพียงความสงบนิ่งเท่านั้น ความสงบนิ่งที่ไม่แสดงอะไรออกมาให้เห็น นั่นทำให้ทุกคนรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย แม้แต่โม่โม่ก็ยังอยู่ห่างจากไป๋อี้อย่างระมัดระวัง
……….
สองสามวันต่อจากนั้น ทุกคนต่างถามไนท์อีกครั้งอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับข้อมูลบางอย่างที่เกี่ยวข้อง ถ้าพูดถึงก่อนหน้านี้สองถึงสามวันก่อนพวกเขาได้เรียนรู้ข้อมูลและทำความเข้าใจโดยสังเขป จากนั้นไม่กี่วันต่อมา ทุกคนก็อ่านข้อมูลที่ไนท์ให้มาอย่างละเอียด ซึ่งทุกคนได้จดจำและเข้าใจข้อมูลทุกอย่างโดยละเอียดแล้ว
นอกเหนือจากการเรียนรู้อย่างรอบคอบจากไนท์แล้ว ทุกคนยังต้องฟื้นฟูตัวเองจากอาการบาดเจ็บอย่างจริงจังและพยายามเพิ่มศักยภาพของตนเองในระยะเวลาอันสั้นนี้
เจ็ดวันหลังจากนั้น ไป๋อี้ก็ได้ถอดผ้าพันแผลออก แต่การมองเห็นของเขาก็ยังไม่หายดี ความสามารถในการมองเห็นของเขายังคงเหมือนกับการมองเห็นของคนทั่วไปในช่วงเวลากลางคืน เขาสามารถมองเห็นเพียงแค่เงาสะท้อนสลัวๆ เพียงเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม แบบนี้ก็ถือว่าดีกว่าเมื่อก่อนที่มีแต่ความมืดสนิทเพียงเท่านั้น ดังนั้นจึงนับว่าอาการดีขึ้นมากแล้ว และนั่นก็เป็นสิ่งสำคัญที่มอบความหวังให้กับทุกคน เหมือนกับที่เมย์ริสพูดไว้ว่าสาเหตุที่ไป๋อี้กลายเป็นคนตาบอดมาจากการที่เขาใช้สายตาทั้งสองข้างมากเกินไป แต่หลังจากที่ได้พักผ่อนและฟื้นตัว การมองเห็นก็ค่อย ๆ กลับคืนมาได้
ที่นี่คือสถานที่วิจัยที่ไว้ใช้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ข้างในมีอุปกรณ์ไม่มาก แม้กระทั่งของกินก็มีเพียงแค่สัตว์ประหลาดเหล่านั้นที่ได้รับการผสมผสานยีนทางพันธุกรรมแล้วตายเกลื่อนอยู่รอบ ๆ ทางเดินข้างนอก
หลังจากผ่านมาหนึ่งสัปดาห์ศพที่อยู่ข้างนอกได้ถูกร่างทดลองที่เหลือทั้ง 37 ตัว กินจนไม่เหลืออะไรเลย แน่นอนว่า อาหารของไป๋อี้และคนอื่น ๆ นั้นก็ไม่มีเช่นเดียวกัน ในความเป็นจริงแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีแต่ก็ไม่สามารถกินได้ เพียงแค่ได้กลิ่นก็เหม็นตลบอบอวลแล้ว แต่อย่างไรก็ตามยังคงมีร่างทดลองที่เหลืออยู่อีก 37 ตัว ซึ่งทั้งหมดนั่นจะกลายเป็นอาหารสำรองของพวกไป๋อี้ในที่สุด
ไป๋อี้ยังไม่ได้รีบร้อนจะออกไปจากที่นี่ สำหรับตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีสถานที่ไหนปลอดภัยไปมากกว่าที่นี่อีกแล้ว และในครั้งนี้เขาได้นำอุปกรณ์ควบคุมของไนท์ออกมาด้วย และสิ่งที่พวกเขาจะต้องเผชิญหน้าก็คือร่างทดลองที่นับไม่ถ้วนเหล่านี้ ก่อนหน้านี้กลุ่มของไป๋อี้จะต้องเตรียมสิ่งของทุกอย่างให้พร้อมและสมบูรณ์แบบ ไม่เพียงแค่อาวุธเท่านั้น ยังรวมไปถึงสภาพร่างกายของพวกเขาด้วย ในขณะเดียวกันยิ่งอยู่ที่นี่นานมากเท่าไหร่ ร่างทดลองเหล่านี้ก็จะยิ่งหิวโหยและจะยิ่งทำให้พวกมันอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ โอกาสที่พวกเขาจะสามารถออกไปได้นั้นก็ยิ่งมีมากขึ้นไปอีก
2020.06.01 เวลาผ่านไปกว่าสองเดือนนับตั้งแต่การแพร่กระจายของเซลล์ดัดแปลงจากร่างแม่แบบทดลองและเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่พวกไป๋อี้และคนอื่น ๆ ได้เข้ามาในสถาบันวิจัยแห่งนี้ ร่างทดลองที่เหลือทั้ง 37 ตัวตอนนี้เหลือเพียงแค่ 4 ตัวเท่านั้น เนื่องจากพวกไป๋อี้ได้ตามล่าและฆ่าที่ละตัวเพื่อนำมาเป็นอาหารในช่วงเวลานี้
การมองเห็นจากดวงตาทั้งสองข้างของไป๋อี้นั้นได้ฟื้นตัวกลับมาในระดับการมองเห็นของคนปกติแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังคงมีแสงสลัว ๆ อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคมากนัก
ในครั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงของทุกคนนั้น ไม่สามารถที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ทุกคนล้วนถูกผสมผสานยีนทางพันธุกรรมกับสิ่งมีชีวิตหลากหลาย แต่รู้ไว้เถอะว่า การต่อสู้ที่นองเลือดในครั้งที่ผ่านมาทุกๆคนได้สัมผัสกับสัตว์ประหลาดมากกว่า 9 ตัวขึ้นไป และได้ถูกผสานยีนทางพันธุกรรมกับพวกมันอย่างสมบรูณ์แบบ
1.วูล์ฟ —— 1.สุนัข 2.โคเนื้อ 3.จระเข้ 4.แร้ง 5.มด 6 ……….
เบื้องหลังของการผสานยีนทางพันธุกรรมของวูลฟ์ไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าทั้งหมดมีอะไรบ้างและไม่สามารถแจกแจงออกมาได้ แต่ตอนนี้วูล์ฟสูงถึง 4 เมตร ร่างกายมีความแข็งแกร่งและอ้วนเป็นอย่างมาก เขามีหางขนาดใหญ่ และข้างหลังยังมีปีกคู่หนึ่งที่งอกออกมา แต่อย่างไรก็ตามปีกคู่นี้มีขนาดเพียงครึ่งเมตรเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับร่างกายในปัจจุบันของวูล์ฟ ทั้งหมดนั้นจึงดูเหมือนของเด็กเล่นโดยสิ้นเชิง ร่างกายของวูล์ฟในตอนนี้มองแล้วรู้สึกเหมือนมังกรอ้วนชนิดหนึ่งของตะวันตก แน่นอนว่ามังกรอ้วนนั้นไม่สามารถบินได้
ด้วยเหตุนี้ วูล์ฟจึงยังไม่ตาย
2.เฮลัวส์ —— 1.ยุง 2.มด 3.แมว 4.ตั๊กแตนตำข้าว
เฮลัวส์มีความสูงราวสองเมตรกว่า ๆ มีดวงตาสองคู่ เมื่อมองขึ้นไปทำให้ดูน่ากลัวและน่าขนลุกเป็นอย่างมาก ลิ้นของเธอยังสามารถยืดหยุ่นออกมาได้อีกด้วย ปากมีรูปแบบคล้ายกับยุง มีความเหนียวคงทนและแข็งแกร่งที่ไม่สามารถหาที่เปรียบได้ นอกจากนี้ ข้างหลังของเฮลัวส์ยังมีปีกใสหนึ่งคู่ที่สามารถบินได้ แต่อย่างไรก็ตามตัวเธอเองยังไม่ชำนาญและคล่องแคล่วในการใช้ปีกมากนัก ซึ่งดูเหมือนสถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะแก่การฝึกบินสักเท่าไหร่
เฮลัวส์และวูล์ฟได้ออกมายืนยันความสัมพันธ์คู่รักของพวกเขาอย่างเป็นทางการ แม้ว่าตอนนี้พวกเขาทั้งสองจะเป็นสัตว์ประหลาด แต่ดูเหมือนว่าทั่งคู่กลับไม่ปฏิเสธซึ่งกันและกัน รวมถึงไม่แบ่งแยก ในทางตรงกันข้ามพวกเขากลับดึงดูดซึ่งกันและกันราวกับสีและกาว
แต่ไป๋อี้กลับกังวลมากกว่า เพราะเธออาจจะไม่สามารถทนความอยากที่จะกินวูล์ฟได้
จะไม่พูดถึงปากที่มีท่อดูดเหมือนยุง มีครั้งหนึ่งตอนที่ทั้งสองเป็นคู่รักกันแล้ว เคียวที่แขนข้างซ้ายของเฮลัวส์ที่เกิดจากการผสานยีนทางพันธุกรรมกับตั๊กแตนตำข้าวเกือบจะตัดผ่าครึ่งตรงช่วงเอวของวูล์ฟ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าผิวหนังที่มีความแข็งแกร่งและหนาของวูล์ฟในตอนนี้ คาดว่าเขาคงตายและอยู่ในท้องของเฮลัวส์ไปแล้ว หลังจากเรื่องนั้นมา เฮลัวส์ก็ยังคงมีความรู้สึกอย่างหนึ่งที่ยังไม่ได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่
“เมื่อตั๊กแตนตำข้าวตัวเมียจะมีเพศสัมพันธ์ มักจะมีนิสัยที่อยากจะฆ่าตั๊กแตนตัวผู้!”
หลังจากที่ไนท์ได้อธิบาย ทุกคน ๆ จึงเพิ่งจะเข้าใจสาเหตุ ในตอนแรกการผสานยีนทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตอื่นจะไม่เพียงแค่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย แต่ยังรวมไปถึงนิสัยใจคออีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าวูล์ฟจะไม่ได้เอาเรื่องนี้มาใส่ใจนัก และดูราวกับว่าเป็นเรื่องสนุกมากอีกด้วย สำหรับพวกเขาทั้งสองคนการกระตุ้นชนิดนี้นำมาซึ่งความซาดิสท์ ไป๋อี้และเมย์ริสก็เลยขี้เกียจที่จะพูดอะไรมากความ
3.เมย์ริส —— 1.ผึ้ง 2.มด 3.นกฮัมมิ่งเบิร์ด 4……….
เมย์ริสผสานยีนทางพันธุกรรมกับสัตว์สองถึงสามชนิดที่บินได้ แต่คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วเธอจะไม่มีปีก แต่กลับมีแขนอีกสองข้างเติบโตงอกออกมา ซึ่งทั้งสองแขนงอกออกมาทางด้านขวาทั้งคู่ นอกเหนือจากนี้แล้วดูเหมือนว่าเมย์ริสจะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก แน่นอนว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้มากมายอะไรเมื่อเทียบกับวูล์ฟและเฮลัวส์
ในขณะนี้ เมย์ริสสามารถใช้มือทั้งหมดของเธอผ่าตัดได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งมีดผ่าตัดได้กลายเป็นอาวุธหลักของตัวเธอไปแล้ว
4. เวอร์เนอร์ —— 1.หมูแคระ 2.โคเนื้อ 3.มด 4.นกฮัมมิ่งเบิร์ด 5. แมว 6……….
เวอร์เนอร์ตอนนี้และก่อนหน้านี้ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงที่มากนัก ตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อนเขาก็มีความสูง 2 เมตร หลังจากนั้นก็ดูเหมือนว่าความสูงจะหยุดเติบโตแล้ว และเปลี่ยนเป็นการพัฒนาในระดับแนวนอนแทน นั่นทำให้เขามีรูปร่างอ้วนมาก แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเขาจะอ้วนฉุแต่ทว่าพลังและความคล่องแคล่วของเวอร์เนอร์กลับดีมาก ๆ
5. ชาร์ไป่ —— 1. ตัวทาก 2.มด 3. นกฮัมมิ่งเบิร์ด 4. กิ้งก่า 5………
การเปลี่ยนแปลงของชาร์ไป่เกิดขึ้นมากทีเดียว ตอนนี้ร่างกายของมันยาวเกือบ 3 เมตร มันดูสูงใหญ่และดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง รอบ ๆ ขาทั้ง 4 ข้างเต็มไปด้วยเกล็ดหลากสีและลามไปถึงอุ้งเท้าทั้ง 4 ของมัน ในขณะที่ร่างกายส่วนบนดูแล้วราวกับว่ากล้ามเนื้อจะระเบิดออกมา กระดูกสะบักข้างซ้ายที่เดิมทีนั้นถูกกัดจนเป็นรูขนาดใหญ่ แต่คาดไม่ถึงว่ากระดูกจะงอกยาวออกมาข้างนอก ซึ่งเป็นกระดูกสีขาวที่งอกออกมายาวกว่าครึ่งหนึ่งของลำตัวของมัน ส่วนหางของชาร์ไป่กลายเป็นหางของแมงป่องและที่ปลายหางแหลมของมันก็มีสีสันสดเป็นพิเศษ
6. พูพู —— 1. โคเนื้อ 2. มด 3……….
มันผสานยีนทางพันธุกรรมกับอะไรนั้นไม่สามารถคาดเดาหรือแจกแจงออกมาได้ รู้เพียงแค่ว่ามันยังคงดูเหมือนหมูตัวหนึ่ง เพียงแต่ร่างกายของมันอ้วนฉุจนผิดปกติ และมีความเหนียวยืดหยุ่นเป็นพิเศษ ถ้าง้าวของวูล์ฟฟันลงที่ร่างกายของพูพูก็คาดว่ามันคงจะไม่สามารถฟันเข้าได้ แต่ว่าพลังอันแข็งแกร่งนั้นจะทำได้เพียงแรงส่งให้พูพูลอยออกไปราวกับลูกชิ้นเนื้อกลมเด้ง
พูพูไม่ได้ให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงของตัวเองเลย มันเพียงแค่ดีใจมากที่ได้ติดตามไป๋อี้และคนอื่น ๆ นอกนั้นมันก็ไม่รู้อะไรแม้แต่น้อย ลักษณะของมันมีความโดดเด่นจนถูกคนอื่น ๆ เรียกว่า “ซุปเปอร์ลูกชิ้นเนื้อ”
7. ไป๋อี้ —— 1. ผีเสื้อ
8. โม่โม่ —— 1. ผีเสื้อ
ไป๋อี้และโม่โม่มีเพียงแค่การผสานยีนทางพันธุกรรมกับผีเสื้อเพียงเท่านั้น ตอนนี้ทั้งสองคนดูเหมือนหนอนผีเสื้อหลากสีสองตัวตัวเล็กและตัวใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามอาจจะกล่าวได้ว่าสีสันบนร่างกายของโม่โม่นั้นจะมีสีอ่อนกว่า
ตอนนี้ดวงตาทั้งสองข้างของไป๋อี้กลับมามองเห็นเป็นปกติแล้ว แต่ว่ามีครั้งหนึ่งตอนที่ไป๋อี้ต้องการใช้พลังจากดวงตาทั้งสองข้างของเขา วงกลมเส้นหลากสีจะปรากฏขึ้นรอบ ๆ ดวงตาอย่างรวดเร็ว ทุกคนสามารถเห็นได้ว่าลวดลายที่เป็นวงกลมในดวงตาของเขานี้น่าจะเป็นลวดลายสีที่กลืนหายไปจากมือและเท้าของไป๋อี้ ดูเหมือนว่าดวงตาของไป๋อี้จะดูดซับสีสันเตือนภัยบนร่างกายเข้าสู่ดวงตาของเขาแทนและนั่นทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่และมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
การเปลี่ยนแปลงของโม่โม่คือที่ดวงตาทั้งสองข้าง ซึ่งนั่นก็ตรงตามความคาดหมายของทุกคน กล่าวคือการผสานรวมยีนทั้งหมดของทั้งสองคนคือยีนทางพันธุกรรมของผีเสื้อ
แต่อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนภายในดวงตาของโม่โม่และไป๋อี้นั้นต่างกันออกไป รูม่านตาของโม่โม่ค่อย ๆ จางหายไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ดวงตาทั้งสองที่ไร้ซึ่งรูม่านตานั้นดูน่ากลัวตั้งแต่แรกเห็น แต่เมื่อคุ้นชินแล้วกลับรู้สึกว่าเธอน่ารักมาก ๆ ทว่าช่างน่าเสียดายที่นอกจากการเปลี่ยนแปลงของลักษณะภายนอกแล้ว โม่โม่ยังไม่แสดงความสามารถพิเศษอื่น ๆ ออกมา
นี่ก็คือความเปลี่ยนแปลงของทุกคนในช่วง 1 เดือนกว่าที่ผ่านมา
“ไป๋อี้ คุณต้องรีบลงมือ” ทันใดนั้นเสียงของไนท์ก็ดังขึ้น
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“ร่างแม่แบบทดลองบอกว่าเธอไม่ไหวแล้ว คุณต้องลงมืออย่างรวดเร็ว” ไนท์อธิบาย ในครั้งนี้ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ต่างก็รู้ว่าร่างกายของแม่แบบทดลองยังมีชีวิตอยู่ และดูเหมือนว่าร่างแม่แบบทดลองต้องการพบหน้าไป๋อี้และเพื่อน ๆ ในขณะเดียวกันไป๋อี้และเพื่อน ๆ เองก็มีข้อสงสัยเกี่ยวกับร่างแม่แบบทดลองเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วร่างแม่แบบทดลองที่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงยังดำรงอยู่ได้อย่างไร?
“เข้าใจแล้ว” ไป๋อี้พยักหน้าเล็กน้อย
ในตอนนี้แบบแผนเส้นทางโดยละเอียดได้ถูกกำหนดออกมาแล้วอย่างรวดเร็ว ตอนนี้สิ่งที่ทุกคนรอคอยอยู่ก็คือการดำเนินการตามแผน หลังจากได้ยินเสียงของไป๋อี้ ทุกคนก็ตั้งจิตอย่างมุ่งมั่นและแน่วแน่ พวกเขาอยู่ภายในสถาบันวิจัยแห่งนี้มา 1 เดือนกว่าแล้ว และในที่สุดพวกเขาก็จะได้ออกไปจากที่นี่สักที
MANGA DISCUSSION