[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ - ตอนที่ 79 2.31%
“ข้อมูลที่ได้จากร่างทดลองชุดที่หนึ่งอย่างนั้นเหรอ?” ทันใดนั้นเมย์ริสก็จับประเด็นสำคัญที่ไนท์พูดได้
“การทดลองกับมนุษย์และร่างทดลองโดยการผสานยีนทางชีววิทยาอื่น ๆ บางคนไม่ได้สูญเสียสติสัมปชัญญะไปอย่างสิ้นเชิงในระยะดุร้าย แต่หลังจากเข้าสู่ระยะหลับใหล LV1-3 พวกเขาได้นำข้อมูลที่สำคัญที่สุดมายืนยันกับสถาบันวิจัย นั่นคือการดำรงอยู่ของจิตวิญญาณ” ไนท์กล่าวอย่างสงบและไม่แยแสนัก
เนื่องจากได้ฟังความลับเหล่านี้ บางคนถึงกับตื่นเต้นราวกับถูกเทราดด้วยน้ำเย็น
สิ่งเหล่านี้ล้วนสรุปได้จากหัวข้อการทดลองจำนวนนับไม่ถ้วน พระเจ้ารู้ดีว่าความมืดที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังสิ่งนี้เป็นอย่างไร หมายเลขประจำของของร่างแม่ทดลองคือ NO.310000137 ทันใดนั้นทุกคนก็รู้สึกว่าเข้าใจความหมายของตัวเลขนี้ขึ้นมา
……
“ถ้าอย่างนั้นเรามาต่อกันเถอะ” เมื่อเห็นว่าบรรยากาศช่างเงียบสงัด ไนท์ก็อดไม่ได้ที่จะพูดต่อ ดูเหมือนตอนนี้ทุกคนไม่ได้มีความตื่นเต้นหรือความอยากรู้อยากเห็นเรื่องที่กล่าวมาข้างต้น แต่พวกเขาฟังคำอธิบายของไนท์ด้วยความรู้สึกที่หนักหน่วงที่แตกต่างกันออกไป
“ในช่วงที่เข้าสู่ระยะดุร้าย LV1-2 ความขัดแย้งระหว่างร่างกายกับจิตวิญญาณจะค่อย ๆ รุนแรงขึ้นและทุกครั้งที่มันปะทุขึ้น อาการก็จะเหมือนกับพวกคุณก่อนหน้านี้ พวกคุณจะเสียสติและรู้จักเพียงสัญชาตญาณแห่งการฆ่า ในสองสามครั้งแรกอาจจะเป็นการง่ายกว่าที่จะได้สติกลับมา แต่ถ้าพวกคุณไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองได้ มันก็ง่ายที่จะสูญเสียความคิดและกลายเป็นสัตว์ร้ายขึ้นมาจริง ๆ สำหรับการทดลองในมนุษย์สามารถควบคุมความรู้สึกตัวเองได้หลังจากเข้าสู่ระยะหลับใหลระดับ LV1-3 มากกว่าหนึ่งในสิบ ส่วนที่เหลือก็ ……” ไนท์กล่าวพร้อมทั้งระบุข้อมูลเพิ่มเติม
ไป๋อี้และเพื่อน ๆ มีสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ถ้าพวกเขาเข้าสู่สภาวะไร้เหตุผลหลาย ๆ ครั้งติดต่อกันพวกเขาอาจกลายเป็นสัตว์ประหลาดอย่างสมบูรณ์อย่างนั้นหรือ?
“ไม่มีทางแก้ปัญหาเรื่องนี้เหรอ?” เฮลัวส์ถามด้วยความกังวลทันที
“เมื่อครู่ฉันก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทั้งสามวิธี แต่วิธีแรกไม่เหมาะที่จะเอามาใช้ ส่วนวิธีที่สองและสามสามารถระงับอาการรุนแรงได้ในระดับหนึ่ง แต่พวกคุณต้องรู้ว่าทั้งสองอย่างนี้เป็นวิธีที่เพิ่งถูกค้นพบและไม่มีผลชี้ขาดแน่ชัด” ไนท์มองไปที่วูล์ฟ, เวอร์เนอร์, ชาร์ไป่ และโม่โม่อย่างเพ่งเล็งและเคร่งขรึม
ทั้งสี่คนมองไปยังไนท์อย่างงงงวย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจถึงความร้ายแรงของมัน
หัวคิดของวูล์ฟนั้นคิดได้แต่เรื่องเรียบง่าย ในขณะที่เวอร์เนอร์และโม่โม่ยังเป็นเพียงแค่เด็กเท่านั้น ส่วนชาร์ไป่นั้นจะคาดหวังให้มันฉลาดเหมือนมนุษย์อย่างนั้นหรือ เมื่อเห็นพวกเขาไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย ไนท์ก็อดไม่ได้ที่จะตะคอกด้วยสีหน้าไม่สบายใจ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาตกใจแต่อย่างใด เมื่อเห็นท่าทีของไนท์เด็กหญิงตัวน้อย เฮลัวส์ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ เห็นได้ชัดว่าแม้ว่าเธอจะเป็นปัญญาประดิษฐ์แต่เธอกลับดูน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งกว่ามนุษย์จริง ๆ เสียอีก
“เข้าเรื่องต่อ!” ไนท์เขินที่ถูกเฮลัวส์หัวเราะ
“เหตุผลของความรุนแรงคือความแตกต่างระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณ ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เร็วเกินไป แต่จิตวิญญาณกลับไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงมากนัก อย่างไรก็ตามชีวิตและร่างกายอยู่กับเราไปชั่วชีวิต ดังนั้นหลังจากการกลายพันธุ์แล้วจิตวิญญาณก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปและกลายเป็นร่างกายและจิตวิญญาณใหม่ที่สอดประสานกัน กระบวนการนี้เกิดขึ้นในระยะดุร้ายเช่นกัน แต่จิตวิญญาณเป็นแนวคิดใหม่สำหรับสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสัมผัสหรือรับรู้ได้ ดังนั้นจะทำอย่างไรให้จิตวิญญาณเกิดการปรับตัวไปตามจังหวะการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย แม้แต่ในสถาบันวิจัยก็เพิ่งค้นพบเพียงวิธีเดียว” ไนท์ยังคงอธิบายต่อไป
“วิธีอะไร?” ทุกคนถามด้วยความอยากรู้
“การหลับใหล!”
“หลับใหล?”
“ใช่ การหลับใหล การนอนหลับทางชีววิทยาเป็นสภาวะที่มหัศจรรย์มากจริง ๆ ในสภาวะการนอนหลับแต่ละคนจะปรับตัวโดยอัตโนมัติ ในสภาวะการหลับใหลอัตราการเติบโตของจิตวิญญาณจะค่อนข้างคงที่และรวดเร็ว การเข้าสู่ LV1-2 ระยะดุร้ายก็จะสั้นลงเช่นกัน ยิ่งสภาพการนอนหลับดีขึ้นการเติบโตของจิตวิญญาณก็จะดีขึ้นตามไปด้วย และนี่ก็เป็นกฎที่พบได้ในสัตว์จำพวกขี้เซา” ไนท์อธิบาย
LV1-3:
ระยะหลับใหล เมื่อจำนวนการผสานรวมของยีนถึงขีดจำกัดสูงสุด การเข้าสู่สภาวะหลับใหลจะทำให้รูปแบบทางกายภาพคงที่ส่งผลให้จิตวิญญาณเติบโตขึ้น เพื่อปรับสมดุลให้เข้ากับร่างกาย ในขั้นตอนนี้สิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการจะมีอาการง่วงเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นช่วงที่เข้าสู่เวลาแห่งการหลับใหล
“ฉันได้บอกไปแล้วว่าการยืนยันว่าจิตวิญญาณมีอยู่จริงนั้นอยู่ในช่วงหลับใหล LV1-3 อันที่จริงในขั้นตอนนี้สิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการจะรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของจิตวิญญาณโดยสัญชาตญาณและในขณะเดียวกันก็รู้ว่าพวกเขาควรทำอะไรต่อไป ร่างกายและจิตวิญญาณจะกลับมาสมดุลกันอีกครั้ง ดังนั้นเพื่อให้ร่างกายและจิตวิญญาณกลับมาสมดุลกันอีกครั้งจำเป็นต้องมีการสอดประสานกันอย่างต่อเนื่อง การสอดประสานเช่นนี้จะได้ผลดีที่สุดในสภาวะของการนอนหลับโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะหลับลึก เช่น การหลับลึก ทารกในครรภ์ และการทำสมาธิ”
“สิ่งนี้ไม่ได้ถูกค้นพบโดยใคร ในความเป็นจริงเมื่อคุณไปถึงขั้นนั้นสัญชาตญาณทางชีววิทยาของคุณจะบอกคุณว่าต้องทำอย่างไร”
“มันง่ายเหมือนตอนที่ง่วงและหลับไปอย่างนั้นหรือ!”
“ใช่ มันง่ายเหมือนตอนง่วงอยากนอน นี่คือสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิต ในช่วงที่ง่วงจะรับรู้ได้ถึงจิตโดยสัญชาตญาณ ทำให้ร่างกายและจิตวิญญาณปรับสมดุลสอดประสานกัน” ไนท์พยักหน้า
“นอกเหนือจากเวลากินอาหารตามปกติแล้วระยะหลับใหลมักจะหลับในเวลาอื่น ซึ่งไม่เป็นอันตรายมากนัก แต่ … !” ทันใดนั้นไนท์ก็เน้นเสียงของเธอสูงขึ้น
“ถึงจะเข้าสู่ระยะหลับใหล แต่สภาพการนอนหลับของสิ่งมีชีวิตมักจะหลับไม่สนิทและเป็นเรื่องยากมากที่จะเข้าสู่การหลับลึก การถูกปลุกให้ตื่นนั้นเป็นเรื่องง่ายมาก เหมือนกับฝันร้ายในระยะสั้น มันเป็นผลที่มาจากความไม่สอดประสานกันของจิตวิญญาณและร่างกาย ดังนั้นใครที่ปลุกคนที่อยู่ในสภาวะหลับใหลตื่นออกจากความฝันจะ ……. ถูกโกรธเป็นอย่างมาก” ไนท์อธิบาย
“ถ้าหนูปลุกใครสักคนจากสภาวะหลับใหล จะเกิดอะไรขึ้น?” โม่โม่ถามอย่างไม่เข้าใจนัก
“โม่โม่ก็ลองดูสิ” ไนท์หยุดไปชั่วขณะพร้อมทั้งส่งยิ้มให้โม่โม่
เวอร์เนอร์ที่เห็นรูปลักษณ์จำลองภายนอกของไนท์นั้นช่างงดงาม แต่กลับรู้สึกว่าไนท์มีเขาปีศาจขนาดเล็กงอกขึ้นมาอย่างฉับพลัน โม่โม่งุนงงอยู่ชั่วขณะและรีบวิ่งไปข้างหลังไป๋อี้ หนูน้อยจับแขนเสื้อของไป๋อี้เอาไว้และชะโงกศีรษะเล็ก ๆ ของเธอออกมาอย่างเงียบ ๆ พลางจ้องมองไปยังไนท์อย่างระมัดระวัง คนอื่น ๆ หัวเราะกับภาพที่ได้เห็น อย่างไรก็ตามคงคาดเดาได้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าสู่ระยะหลับใหล ซึ่งการถูกคนอื่นปลุก …… การถูกรบกวนความฝัน นั่นทำให้เกิดอารมณ์ที่กล่าวได้ว่าอาจฆ่าทั้งครอบครัวของคนที่มาปลุกได้เลยทีเดียว
ไนท์เองก็งงงวยอยู่พักหนึ่ง เธอเพียงแค่แกล้งหยอกโม่โม่เท่านั้น แต่เธอคิดไม่ถึงว่าโม่โม่จะมีมุมมองที่ต่างออกไปเช่นนี้
หึ น่าเสียดายจริง ๆ ที่ฉันไม่สามารถออกมาได้ ไม่เช่นนั้นฉันจะต้องจับใบหน้าอ้วนฉุของหนูน้อยแล้วถูไปมา ไนท์ชูกำปั้นเล็ก ๆ ของเธอขึ้นในโปรแกรม
“งั้นเรามาคุยกันต่อเถอะ——การเปลี่ยนรูป”
“เดี๋ยวก่อน ในช่วงที่เข้าสู่ระยะหลับใหล ไม่มีกฎที่ต้องทำเหมือนกับช่วงที่เข้าสู่ระยะดุร้ายเหรอ เช่นการปรุงยาหรือการฝึกจิตวิญญาณ” เมย์ริสถาม
“บางทีก็อาจจะมีนะ แต่ยังไม่ถูกค้นพบในสถาบันวิจัย เมื่อวันที่ 07 กรกฎาคม 2014 ร่างแม่แบบทดลองเพิ่งถูกคัดเลือกมาได้ ซึ่งความเป็นจริงแล้วในปี 2017 ร่างทดลองรุ่นแรกเพิ่งเข้าสู่ระยะหลับใหลและวันนี้คือวันที่ 29 เมษายน 2020 อันที่จริงสถาบันวิจัยแห่งนี้เพิ่งทำการวิจัยเพียงไม่กี่ปีก่อนที่พวกคุณจะค้นพบ ดังนั้นจะสามารถระบุข้อมูลที่ชัดเจนทุกอย่างได้อย่างไร” ไนท์อธิบายอย่างละเอียดและกระชับเหมือนกับระบบคอมพิวเตอร์จริง ๆ
ทุกคนเข้าใจได้ในทันที จากนั้นเมย์ริสก็นั่งลงอีกครั้ง ดูเหมือนว่าแม้จะได้ข้อมูลมาจากไนท์ แต่นั่นก็เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของงานวิจัยที่ทำการสำรวจอยู่ในขณะนี้และไม่มีใครรู้ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงในอนาคต ดังนั้นทุกคนจึงต้องคอยสำรวจตัวเองอยู่เสมอ
“นี่คือกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางชีววิทยาเชิงวิวัฒนาการ แม้ว่านักวิจัยจะกำหนดไว้หลายระดับคือระยะหิวโหย LV1-1 ระยะดุร้าย LV1-2 และระยะหลับใหล LV1-3 อันที่จริงการเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพนั้นเป็นกระบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไป จึงไม่มีขอบเขตที่ชัดเจนระหว่างช่วงเวลาทั้งสามระยะ เข้าใจไหม?” ไนท์มองไปที่ทุกคน
“ในเมื่อตอนนี้พวกคุณเข้าใจแล้ว ถ้าเช่นนั้นเราจะพูดถึงการเปลี่ยนรูปเป็นขั้นต่อไป!” หลังจากเห็นทุกคนพยักหน้าไนท์ก็เริ่มพูดต่อ
◆【การเปลี่ยนรูป】
การเปลี่ยนรูป เป็นรูปแบบความสมดุลใหม่ที่ร่างกายและจิตวิญญาณสอดประสานกันในระดับหนึ่งแล้ว
หลังจากที่สิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการเข้าสู่ระยะหลับใหลจะสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของจิตวิญญาณเป็นครั้งแรกและในเวลาเดียวกันจะเริ่มสอดประสานโดยอัตโนมัติ หลังจากเข้าสู่ระยะหลับใหลเป็นระยะเวลาหนึ่งจะเริ่มเกิดการเปลี่ยนรูป
“จากนั้นล่ะ?” ทุกคนอดไม่ได้ที่จะถามต่อเมื่อเห็นว่าไนท์อธิบายอย่างคลุมเครือ
“จากนั้นอะไร?”
“ก็การเปลี่ยนรูปไง”
“พวกคุณยังต้องการให้ฉันบอกวิธีการเปลี่ยนรูปอีกเหรอ ฉันบอกแล้วไงว่าทางสถาบันวิจัยเองก็ยังไม่ได้ศึกษาอย่างละเอียด อืม …… ฉันคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ด็อกเตอร์หวังกล่าวโดยบังเอิญว่ามันอาจจะคล้ายกับเค้าโครงจากนวนิยายเรื่องยาอายุวัฒนะ ตอนนี้เรายังไม่เข้าใจกระบวนการทั้งหมด หลังจากผ่านไปร่างกายและจิตวิญญาณก็จะถึงจุดสมดุลใหม่และเข้าสู่ดินแดนใหม่” ไนท์กล่าวอย่างไม่แยแส
เมื่อทุกคนได้ยินคำอธิบายของไนท์ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี
“หลังจากการเปลี่ยนรูปจะเข้าสู่ขั้นระยะกลายพันธุ์ LV2 ในปัจจุบันมีเพียงสองประเด็นพื้นฐานเกี่ยวกับความเข้าใจของระยะกลายพันธุ์ คือ 1.สนามพลังชีวิตที่สมบูรณ์ถูกสร้างขึ้นในร่างกายซึ่งสามารถระดมพลังพิเศษในร่างกายได้อย่างแข็งขัน 2.ในขั้นตอนนี้ ร่างกาย จิตวิญญาณและพลังงานพิเศษจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา” ไนท์พูดอย่างจริงจัง ทุกคนกำลังเพ่งเล็งให้ความสนใจแต่ไนท์ก็ไม่มีอะไรจะพูดต่อแล้ว
ทุกคนรออยู่นานก่อนที่จะตระหนักได้ว่าไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมหรือเอกสารการวิจัยในสถาบันวิจัยแห่งนี้แล้ว ข้อมูลมีเพียงแค่นั้น
อย่างไรก็ตามแม้จะมีข้อมูลเท่านี้ แต่ว่าทุกคนก็ใช้เวลานานพอสมควรในการทำความเข้าใจ ไนท์เพียงแค่อธิบายธรรมดา ๆ แต่ข้อมูลรายละเอียดที่แท้จริงนั้นยังมีมากกว่านั้น
“ไนท์ ช่วยจัดเรียงข้อมูลโดยละเอียดให้พวกเขาอ่านและจดจำที” ไป๋อี้พูดกับไนท์
“Hi~ ไม่มีปัญหา” ไนท์พยักหน้ารับ
……
“คำถามสุดท้าย สิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาการแล้วจำนวนเท่าใดที่มีเซลล์ดัดแปลงปรสิตแฝงอยู่จนสามารถไปถึงระยะกลายพันธุ์ LV2 ได้ภายใต้สถานการณ์ปกติ” ทันใดนั้นไป๋อี้ก็ถามคำถามขึ้นมาอีกครั้งราวกับว่าเขานึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หลังจากได้ยินคำถามทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นใจ
สถาบันวิจัยอุทยานตองการิโรมีจำนวนผู้เข้ารับการทดลองในรอบ 6 ปีคือ 143,211 คน ซึ่งเสียชีวิต 36,547 คน จำนวนผู้ทดลองในสถาบันปัจจุบันคือ 104,232 คนและอีก 234 คนเสียชีวิตเนื่องจากผสานรวมยีนอย่างกะทันหัน ……” ไนท์รายงานข้อมูลชุดใหญ่ทันที ทุกคนฟังแล้วมึนหัวแต่ไนท์ก็ได้สรุปในตอนท้าย
“ความน่าจะเป็นที่จะเข้าสู่ LV2 ได้สำเร็จคือ 2.31% ความน่าจะเป็นของการเสียชีวิตคือ 14.17% และความน่าจะเป็นของกลายพันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์คือ 80.28% ที่เหลือกลายเป็นสิ่งบกพร่องและ …… อุบัติเหตุต่าง ๆ”
ตอนนี้ในใจของทุกคนมีเพียงตัวเลขเดียวที่พวกเขาให้ความสนใจ …… 2.31%!