[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ - ตอนที่ 77 หาทางออก
“ไนท์อยู่ไหม?” ไป๋อี้พูดลอย ๆ ขึ้นมาในห้องที่ว่างเปล่า
“สวัสดี เรียกหาไนท์ มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
“ฉันมีคำถามอยากจะถามเธอตอนนี้สักหน่อยน่ะไนท์”
“มีอะไรเหรอ?”
“หงฉี่ฮว๋า เธอเป็นอะไรไป” ไป๋อี้ถามอย่างกังวลใจ แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะตกอยู่ในภวังค์และได้ยินลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเธอ แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้เลยว่าเธอเป็นอะไร
“เธอตายแล้ว”
“อย่างนั้นสินะ …. ขอบคุณนะ” ไป๋อี้พูดด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ หลังจากนั้นเขาก็เงียบลงด้วยความรู้สึกที่จมดิ่ง อันที่จริงคนอื่น ๆ พวกเขารับรู้เรื่องนี้มาสักพักแล้ว แต่ดูราวเหมือนกับว่าทุกคนนั้นจงใจที่จะปิดบังไป๋อี้ มีแค่เพียงแค่ไนท์เท่านั้นที่ไม่รู้ว่าการปิดบังคืออะไร
“ช่วยบอกกับคนอื่น ๆ ให้เตรียมตัวสำหรับการประชุมด้วยนะ”
“โอเค”
“ตอนนี้สถานการณ์ภายนอกเป็นอย่างไรบ้าง” หลังจากที่ไป๋อี้นิ่งเงียบไปสักพัก เขาก็เรียกทุกคนมารวมตัวกันทันทีและได้เริ่มถามทุกคนเกี่ยวกับสถานการณ์ภายนอก ในตอนนี้ดวงตาทั้งสองข้างของไป๋อี้ถูกพันด้วยผ้าพันแผลสีขาว โดยภายใต้ผ้าพันแผลนั้นมียาขี้ผึ้งที่เมย์ริสได้ผสมตัวยาไว้ให้เพื่อทำให้ดวงตาของไป๋อี้ค่อย ๆ ดีขึ้น
“ฉันยังไม่รู้เลยว่าในช่วงเวลานี้ฉันจะสามารถช่วยทุกคนให้รอดพ้นจากภัยอันตรายได้อย่างไร และอันที่จริงแล้วชาร์ไป่เองก็เพิ่งจะรอดพ้นจากอันตรายจนกระทั่งเมื่อวานนี้” เมย์ริสอธิบาย
“เป็นแบบนี้นี่เอง ไนท์ยังอยู่ไหม?” ไป๋อี้พูดลอย ๆ ขึ้นมา
“สวัสดี ไนท์อยู่นี่ เรียกหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอ” เสียงของไนท์ได้ดังขึ้นอีกครั้งทันที เมื่อกล่าวถึงสถาบันวิจัยสามารถพูดได้เลยว่าแต่ละชั้นของสถานที่แห่งนี้ล้วนเป็นฐานลับของไนท์ ไม่มีใครสามารถหลบเลี่ยงการสอดส่องของเธอได้
“สัตว์กลายพันธ์ด้านนอกยังมีอีกกี่ชนิดและมีการแบ่งแยกเป็นอย่างไร รบกวนแสดงผลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้ฉันดูหน่อย” ไป๋อี้กล่าว
.“แต่ว่าตอนนี้ตาของคุณมองไม่เห็นไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่สำคัญหรอก แค่ทำให้คนอื่นเข้าใจมากขึ้นก็พอแล้ว” ไป๋อี้พูดพร้อมกับส่ายหัว
“โอเค!”
สถาบันวิจัยแห่งนี้ก่อสร้างแบบรังผึ้งที่มีตัวอ่อนกระจายอยู่ทุกหัวระแหง โดยสามารถเรียกได้ว่าเป็นห้องกักกัน ซึ่งตรงกลางเป็นเสาจำลองภูมิประเทศเสมือนจริง ส่วนด้านบนแบ่งออกเป็นชั้น ๆ และมีการจำลองลักษณะภูมิประเทศที่แตกต่างกัน ต่อมาได้นำร่างทดลองที่แตกต่างกันเพื่อมาต่อสู้กันเอง เนื่องด้วยต้องการทดสอบความแข็งแกร่งของพวกมัน สถานที่ที่พวกคุณอยู่ตอนนี้ อยู่บนชั้นที่หนึ่งของรังผึ้งแห่งแรก ที่มีร่างทดลองกว่า 400 ชนิดซึ่งอยู่เหนือห้องกักขังที่เชื่อมกับทางเดินวงเวียนนี้
เนื่องจากพวกมันถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อสามวันก่อน ร่างทดลองเหล่านี้เลยออกมาฆ่ากันเอง ตัวที่รอดชีวิตตอนนี้มี 37 ตัว ส่วนตัวอื่น ๆ พวกมันได้กลายเป็นอาหารของร่างทดลองที่รอดชีวิตไปทั้งหมดแล้ว
ไนท์อธิบาย ทันใดนั้นเองบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ได้แสดงให้เห็นสัตว์กลายพันธ์ที่รอดชีวิตทั้ง 37 ตัว สัตว์กลายพันธุ์ทั้ง 37 ตัวนี้พวกมันมีไอคิวที่ไม่สูงมากนัก แต่ก็ใช่ว่าพวกมันจะโง่ไปซะทีเดียว หลังจากที่พวกมันได้ต่อสู้กันอย่างโหดเหี้ยมไร้สติและกินอาหารกันอย่างอิ่มหนำสำราญแล้ว พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะระมัดระวังตัวเองจากพวกเดียวกันและนึกไม่ถึงเลยว่าพวกมันจะกลับไปยังสถานที่กักกันของตัวเองหลังจากนั้นก็ปักหลักรักษาอาณาบริเวณของตัวเองอย่างเหนียวแน่น
“ถ้าหากว่าสัตว์กลายพันธุ์ตายทั้งหมด เธอจะสามารถเปิดประตูได้ไหม?” ไป๋อี้ถามขึ้น
“ไม่ได้!” ไนท์พูดขึ้นพร้อมทั้งส่ายหัว
“ทำไมล่ะ หน้าที่ของเธอคือไม่ปล่อยให้สัตว์ประหลาดเหล่านี้หลุดออกไปไม่ใช่เหรอ ถ้าหากว่าพวกมันตายไปหมดแล้ว ทำไมถึงยังเปิดประตูไม่ได้อีก?” เมย์ริสก็ได้ถามขึ้นเช่นกัน
“เสียใจด้วย ตอนที่โนเอลทำโปรแกรมระบบการควบคุมของประตูใหญ่พังเป็นครั้งที่สองนั้น เขาใช้วิธีการที่รุนแรงและอันที่จริงฉันไม่สามารถควบคุมประตูได้อีกต่อไป ดังนั้นแม้ว่าตอนนี้พวกคุณจะสามารถฆ่าสัตว์กลายพันธุ์ได้ทั้งหมด 37 ตัว แต่ฉันก็ไม่สามารถที่จะเปิดประตูให้พวกคุณได้หรอกนะ”
ทุกคนเมื่อได้ยินดังนั้นพวกเขารู้สึกคับแค้นใจเป็นอย่างมาก เวลานี้ไม่มีอะไรสามารถเปรียบเทียบกับความกังวลใจของพวกเขาได้เลย เป็นที่เข้าใจว่าโนเอลได้วางเดิมพันทั้งหมดเสี่ยงวัดดวงครั้งสุดท้ายในการเปิดประตู แต่ขณะเดียวกันนี่เป็นวิธีการทำลายความหวังของทุกคนเช่นกัน
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราสามารถออกไปโดยใช้ทางผ่านของท่อระบายน้ำไฟฟ้าได้ไหม?” ไป๋อี้พูดขึ้น
“น่าเสียดาย สถานที่ทดลองแห่งนี้ภายในมีระแบบป้องกันที่ได้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ พวกคุณสามารถเข้าไปในท่อระบายน้ำได้อย่างแน่นอน แต่ถ้ายึดตามการคำนวณในหลักความเป็นจริงของฉันแล้วความน่าจะเป็นที่คุณจะตายอยู่ข้างในมีมากถึง 99 เปอร์เซ็นต์ ระบบป้องกันภายในที่นั่นไม่ได้ด้อยไปกว่าที่นี่เลย แต่ว่า ……. ร่างแม่แบบทดลองอยู่ที่สถาบันวิจัยแห่งนี้” ไนท์กล่าวขึ้นอย่างลำพองใจ
ร่างแม่แบบทดลองอยู่ที่สถาบันวิจัย!
ทุกคนเข้าใจในทันทีว่า สถาบันวิจัยแห่งนี้อาจจะไม่ใช่สถาบันที่ใหญ่ที่สุด แต่เป็นสถานที่ที่สำคัญที่สุดอย่างแน่นอน แต่ว่าพวกเขาอาจจะต้องถูกขังอยู่ที่นี่จนตายเลยใช่ไหม
“ไนท์ สุดท้ายแล้วพวกเราจะมีทางออกที่สามารถออกไปได้ไหม?” ไป๋อี้ถามไนท์อย่างตรงไปตรงมา
“มีสิ!” ไนท์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตอบคำถามของไป๋อี้ ถ้าไนท์ไม่มีจิตสำนึกของตัวเองมากพอล่ะก็ เธออาจจะไม่ตอบคำถามข้อนี้ของไป๋อี้อย่างแน่นอน
“ต้องทำอย่างไร?” ตอนนี้ทุกคนเกิดความรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที
“ต้องย้อนกลับไปที่โปรแกรมซึ่งกำลังควบคุมฉันอยู่ หลังจากนั้นก็ทำการปิดอุปกรณ์หลักของฉัน
“สามารถอธิบายให้ฉันฟังอีกสักหน่อยได้ไหม?”
“ได้! โดยปกติแล้ว ถ้าพวกคุณปิดอุปกรณ์หลักของฉัน สถาบันวิจัยแห่งนี้ก็จะถูกปิดตายอย่างสมบูรณ์ ประตูทุก ๆ บานของที่นี่จะไม่สามารถเปิดออกได้และในที่สุดสถาบันวิจัยแห่งนี้ก็จะแปรสภาพเป็นกรงขังที่ขังพวกคุณไว้ตลอดกาล โดยเหตุที่ว่าสถาบันวิจัยแห่งนี้โครงสร้างภายในอาจจะดูธรรมดาทั่วไป แต่ด้านนอกทั้งหมดได้สร้างจากวัสดุพิเศษ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ถ้าหากพวกคุณจะทำการขุดเจาะมันเพื่อหนีออกไป ไม่สิ ไม่ใช่ว่าไม่สามารถทำได้ ฉันเพิ่งคำนวณคร่าว ๆ ตามพลังของคุณและเครื่องมือก่อสร้างภายในอาคารแห่งนี้ คาดว่าคุณอาจจะเจาะทะลุออกไปได้ในอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้า ไนท์พูดขึ้นด้วยความเห็นอกเห็นใจ”
“ถึงอย่างไรก็ตามด็อกเตอร์หวังได้ติดตั้งโปรแกรมย้อนกลับไว้ให้ฉันแล้ว ตราบใดที่โปรแกรมนี้เริ่มต้นขึ้น และอุปกรณ์หลักของฉันถูกปิด ประตูทางออกทั้งสถาบันวิจัยแห่งนี้ก็จะถูกเปิดออกทั้งหมด” ไนท์กล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ
สีหน้าของไป๋อี้และคนอื่นค่อย ๆ ถอดสี ประตูทุกบานถูกเปิดออกและนั่นเหมือนจะเป็นวิธีที่จะทำให้ทุกคนสามารถออกไปได้ แต่ในขณะเดียวกันสัตว์ประหลาดทั้งหลายก็สามารถออกมาได้อีกเช่นกัน
“แล้วสัตว์กลายพันธุ์พวกนั้นล่ะ” เฮลัวส์ถามขึ้นอย่างหวาดระแวง
“ใช่ พวกมันจะออกมาได้ทั้งหมดอย่างแน่นอน”
ดูเหมือนว่าในตอนนี้ทุกคนทำท่าจะถอดใจกันจริง ๆ แล้ว
ไป๋อี้หายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้งจากนั้นจึงใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ “ถ้าเป็นแบบนี้ก็ต้องลองดูสักตั้ง!”
……
ไป๋อี้พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังเท่าไรนัก แต่ทว่ามันกลับทำให้หัวใจของทุกคนเต้นระรัว และหลังจากนั้นก็ได้มีกลิ่นอายของเลือดนักสู้เพื่อความอยู่รอดลอยแผ่ขึ้นมารอบ ๆ ตัวของพวกเขา และแน่นอนว่าพวกเขาไม่ยอมที่จะถูกขังอยู่ในสถานที่แห่งนี้ไปจนตายถึงแม้ว่ามันจะทำให้สัตว์กลายพันธุ์หนีออกไปได้ทั้งหมด แต่เพื่อเอาชีวิตรอดพวกเขาก็ต้องพยายามต่อไป ในตอนนี้ทุกคนต่างไม่ได้นึกถึงด็อกเตอร์หวังอีกแล้ว เพราะเหตุใดโปรแกรมย้อนกลับนี้จึงหลงเหลืออยู่ในโปรแกรมของไนท์ แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรนี่คือวิธีสุดท้ายที่จะทำให้ทุกคนได้ออกไปจากที่นี่
“ไนท์ เธอสามารถแสดงแผนที่สามมิติของสถาบันวิจัยแห่งนี้ได้ไหม?” ไป๋อี้ถามขึ้น
ทันทีที่ไป๋อี้ถามจบ ไนท์ก็ได้แสดงแผนที่สามมิติของสถาบันวิจัยแห่งนี้ทั้งหมดบนหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยได้แสดงในรูปแบบของตารางสามมิติ ไป๋อี้ได้ยินเมย์ริสที่อยู่ข้าง ๆ ถอนหายใจอย่างท้อแท้และไม่นานเมย์ริสก็รีบอธิบายให้ไป๋อี้ฟัง
“สถาบันวิจัยแห่งนี้ใหญ่กว่าที่คิดไว้จริง ๆ ในความเป็นจริงแล้วที่ที่พวกเราอยู่นั้นเป็นเพียงชั้นแรกของรังผึ้งเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีรังผึ้งอีกสี่รังในทิศทางอื่น ๆ และในแต่ละรังมีทั้งหมดเก้าชั้นอีกด้วย ดังนั้นจึงมีสถานกักกันสัตว์กลายพันธุ์ถึง …… 104,232 ตัว” เมย์ริสกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของตัวเอง
“มันช่างเยอะอะไรอย่างนี้?”
“เปล่าเลย มีสัตว์กลายพันธุ์ขนาดใหญ่เพียงแค่ 17,544 ตัว แต่ว่าด้านในยังมีกลุ่มสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่อยู่ร่วมกันอีกด้วย ตัวอย่างเช่น ฝูงผึ้งและฝูงมด แม้ว่าสัตว์ชนิดนี้จะมีจำนวนไม่มากเท่าไรนัก แต่ว่าสำหรับพวกคุณในตอนนี้แล้วกล่าวได้ว่ามากเลยทีเดียว และแน่นอนว่านั่นเป็นตัวอันตรายที่สุดสำหรับพวกคุณ”
“ทำไมสิ่งก่อสร้างที่นี่ถึงใช้ต้นแบบโครงสร้างมาจากรังผึ้งล่ะ เลียนแบบหนังเรื่อง Resident Evil เหรอ?” อยู่ ๆ วูลฟ์ก็ถามคำถามที่ไม่น่าถามขึ้นมา ซึ่งคนอื่น ๆ ไม่รู้จะตอบยังไงเกี่ยวกับแนวคิดแบบนี้ของเขา แต่ไนท์ก็ได้ตอบคำถามนี้อย่างจริงจัง
“แน่นอนว่าไม่ใช่ เดิมทีสถาบันวิจัยแห่งนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่อยู่บนภูเขารัวเปฮู ซึ่งสถานที่ที่พวกคุณจะได้เข้าไปนั้นไม่มีเป้าหมายตายตัวสำหรับการแข่งขันคัดเลือกร่างต้นแบบการทดลอง หลังจากได้ค้นพบสถาบันวิจัยแห่งนี้โดยบังเอิญ จึงได้เริ่มก่อสร้างที่นี่ขึ้น เนื่องจากเดิมทีมันถูกสร้างขึ้นบนภูเขาไฟดังนั้นจึงจำเป็นต้องแยกออกมาเป็นสองส่วนและจำเป็นต้องมีรถกระเช้าไฟฟ้าเพื่อเป็นทางที่ทะลุไปมาระหว่างกัน และรังผึ้งยังเป็นรูปแบบการก่อสร้างที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการกักขังร่างที่ใช้ในการทดลอง มันไม่ใช่การเลียนแบบ Resident Evil หรืออะไรทั้งนั้น” ไนท์อธิบาย ตอนนี้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ทำการแสดงภาพในสิ่งที่ไนท์พูดอย่างต่อเนื่อง
“และยิ่งไปกว่านั้นด้านในของสถาบันวิจัยที่เหมือนกับหนังเรื่อง Resident Evil เป็นเพียงแค่ชื่อที่เรียกว่ารังผึ้งเท่านั้นเอง แต่ในความเป็นจริงมันแตกต่างจากรังผึ้งจริงมาก” ไนท์เปรยขึ้นมา
“อย่างนี้นี่เอง ฉันจำไม่ค่อยได้ ฮ่า ๆๆๆ” วูลฟ์หัวเราะพลางเกาหัวแก้เขินไปด้วย
ไป๋อี้ไม่ได้ขัดขวางการถามคำถามที่ไร้สาระของวูลฟ์ จริง ๆ แล้วพวกเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสถาบันวิจัยแห่งนี้ แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญเท่าไรนัก แต่ก็ไม่ได้ส่งผลเสียอะไรหากได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติม ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ไป๋อี้เองก็ไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไรนัก เขาไม่สามารถหยุดคิดถึงหงฉี่ฮว๋าได้เลย แม้เขาว่าจะพยายามลืมสักเท่าไรก็ตาม
“ไนท์ อุปกรณ์หลักของเธออยู่ที่ไหน?” ไป๋อี้ถอนหายใจเบา ๆ พลางรวบรวมสมาธิ
“อยู่ที่นี่!” ไนท์ได้ปรากฏอยู่ตรงกลาง ณ ที่แห่งที่ห้าของรังผึ้ง มันเป็นอาคารที่ตั้งโดดเดี่ยวอยู่ที่นั่นเพียงแห่งเดียว คาดว่าผู้คนคงจะรู้ซึ้งถึงความสำคัญของสมองกลปัญญาประดิษฐ์ในที่แห่งนั้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากตอนนี้ไป๋อี้ไม่สามารถมองเห็นได้ ดังนั้นเมย์ริสและคนอื่น ๆ จึงได้อธิบายสถานการณ์ทั่วไปให้ไป๋อี้ฟัง
“งั้นฉันขอถือโอกาสบอกคุณเลยแล้วกัน ถึงแม้ฉันจะบอกตำแหน่งเกี่ยวกับอุปกรณ์หลักให้พวกคุณได้รับรู้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะสามารถปิดระบบป้องกันได้ กล่าวคือ แม้ว่าพวกคุณจะผ่านเข้ามา ฉันก็จะโจมตีคุณเหมือนเดิมและขัดขวางไม่ให้พวกคุณเข้ามาได้” ไนท์พูดขึ้น ทุกคนที่เดิมทีนึกว่าพวกเขาเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันก็ต้องรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“แต่มันแปลกจริง ๆ ที่คุณจะทำแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าคุณเห็นด้วยกับพวกเรา แต่ก็ต้องคอยมาขัดขวางพวกเราอีก” เมย์ริสพูดขึ้น
“แล้วจะทำอย่างไรได้อีกล่ะ ตอนนี้ฉันเป็นเพียงแค่สมองกลเท่านั้น ฉันต้องปฏิบัติตามหน้าที่ที่มนุษย์คนก่อนได้ตั้งโปรแกรมเอาไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะซันไชน์พี่สาวของฉันถูกด็อกเตอร์หวังพรากไปจึงทำให้เกิดช่องโหว่ขนาดใหญ่ในขอบเขตอำนาจที่ฉันได้รับในตอนนี้แล้วล่ะก็ พวกคุณคงจะไม่สามารถเข้ามาได้แน่นอน อีกทั้งการจะให้ฉันบอกข้อมูลพวกนี้กับพวกคุณนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย” ไนท์พูดขึ้น
“ไนท์ เธอสามารถบอกพวกเราถึงวิธีการโจมตี รวมทั้งกลวิธีการโจมตีของแต่ละโหมดในการป้องกันของคุณได้ไหม?” ไป๋อี้ถามขึ้นอีกครั้ง
“แน่นอน! ” ไนท์พูดอย่างเบิกบานใจ
ไนท์ที่อยู่ที่นั่นได้เผยให้เห็นรูปแบบการโจมตีโดยใช้อาวุธ ความเสียหาย และขีดจำกัดของพลังในการโจมตีของเธอทั้งหมด ในขณะที่คนอื่น ๆ กำลังปรึกษากันว่าจะมีวิธีการใดที่ทำให้สามารถผ่านออกไปจากที่นี่และถึงที่หมายอย่างปลอดภัย และเวอร์เนอร์ที่เดิมทีเขาเป็นคนค่อนข้างขี้อายก็รีบบอกอย่างกระตือรือร้นเกี่ยวกับวิธีที่จะฝ่าเข้าไปในสถานที่แห่งนั้น แต่ว่าวิธีการเหล่านั้นถึงจะฟังอย่างไรก็ยังคงรู้สึกแปลก ๆ อยู่ดี
“ทำไมฉันถึงมีความรู้สึกว่าได้เห็นตัวเองกำลังเล่นเกมอยู่เลยตอนนี้ มันเหมือนกับรู้ว่ามีด่านทดสอบข้างหน้า หลังจากนั้นพวกเราก็จะต้องปรึกษากันเพื่อที่จะสามารถผ่านด่านนี้ไปให้ได้” วูฟล์พูดอย่างสงสัย จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ฟังแล้วดูแปลก ๆ เพราะว่าเวอร์เนอร์ได้มองเห็นเรื่องนี้เป็นแค่เกมเกมหนึ่งเท่านั้น
“นายพูดถูก แต่นี่เป็นเกมที่มีเพียงชีวิตเดียว และเมื่อทำผิดพลาดขึ้นมา มันจะไม่มีโอกาสเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง” ไป๋อี้กล่าว
เมื่อทุกคนได้ฟังที่ไป๋อี้พูดเช่นนี้ ความรู้สึกที่ตื้นเต้นก็สงบลงในที่สุด
ไป๋อี้ถอนหายใจเล็กน้อยทำให้การสนทนาที่ยุ่งเหยิงของคนอื่น ๆ ค่อย ๆ สงบลงและทุกคนได้มองไปที่ไป๋อี้อย่างจริงจัง แม้ว่าไป๋อี้จะตาบอด แต่ตอนนี้เขาก็ยังคงเป็นกระดูกสันหลัง เป็นหลักแกนนำของทุกคน
“ไนท์ เธอบอกข้อมูลเหล่านี้ให้เราฟังโดยละเอียดหน่อยสิ” ไป๋อี้พูด
“Hi ว่ามาเลย!” ไนท์ตอบคำถามอย่างน่ารัก
“แผนที่ แผนที่ของสถาบันทั้งหมด, ที่ตั้งของอุปกรณ์หลักของคุณ, ที่กักกันของสัตว์กลายพันธ์และสภาพการณ์โดยละเอียดของสัตว์กลายพันธ์ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ข้อมูลโดยละเอียดของตัวยา PrototyDrug ที่คุณกล่าวถึงก่อนหน้านี้ซึ่งยังคงรูปแบบเดิมไว้ และยังมีข้อมูลของแหล่งข้อมูลที่คุณคิดว่าสำคัญของนักวิจัยก่อนหน้านี้ที่หนีออกไป มีสถานที่ชั้นไหนบ้างในสถาบันวิจัยแห่งนี้ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ นอกจากนี้งานวิจัยของสถาบันวิจัยแห่งนี้มันคืออะไรกันแน่ ระดับของสัตว์กลายพันธุ์พวกนั้นมีความเปลี่ยนเป็นอย่างไรระดับไหนบ้าง เช่น LV1-1 คือระยะหิวโหยตะกละตะกลาม LV1-2 เป็นระยะดุร้ายรุนแรง …… แท้ที่จริงแล้วความหมายของมันคืออะไรกันแน่ และสุดท้ายนี้ช่วยเราวิเคราะห์เส้นทางที่สามารถออกจากที่นี่หลังจากที่พวกเราได้ปิดระบบของเธอไปแล้ว”
“แต่ไนท์ไม่ใช่คนใช้นะ” หลังจากที่ได้ฟังความต้องการของไป๋อี้ที่ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ไนท์ก็ได้ระเบิดความฉุนเฉียวออกมา