[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ - ตอนที่ 75 สูญสิ้นความหวัง!
ดวงตาของไป๋อี้คือการเลียนแบบผีเสื้อ สีสันเตือนภัยและสีสันพรางตัวเป็นความสามารถที่โดดเด่นที่สุด
ถ้าหากคนธรรมดาทั่วไปเห็นงูพิษหลากสี 99% หัวใจของพวกเขาจะหดตัวและตกใจอย่างแน่นอน นี่คือการสื่อความที่ถ่ายทอดผ่านรูปร่างและสีของงู …… มันคือคำเตือน! อย่างไรก็ตามข้อความเตือนของไป๋อี้ที่ส่งผ่านสายตาของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าและมันยังส่งผลให้ฝ่ายตรงข้ามต้อง ‘ตกตะลึง’
หากต้องยกตัวอย่างก็คล้ายกับที่คนทั่วไปเรียกว่า ‘หวาดกลัว’
นอกจากนี้ดวงตาของไป๋อี้ยังมีเอฟเฟกต์สีที่สร้าง “ความสับสน” เช่นเดียวกับที่มนุษย์มักจะมองข้ามบางสิ่งโดยไม่ทันได้ระวังในบางสถานการณ์
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นการเลียนแบบสีสันเตือนหรือสีสันพรางตัวต่างก็มีบทบาทที่แฝงอยู่ นั่นเพื่อต้องการให้สิ่งมีชีวิตอื่นเห็น จากนั้นจึงจะเกิดผลลัพธ์ตามมา หากใช้ในสถานการณ์ปกติแล้วจะไม่ได้เกิดผลกระทบอะไรมากมายนัก
ดวงตาของไป๋อี้อาจจะดูเหมือนไม่มีอะไรพิเศษมากนัก แต่ทว่าการเลียนแบบสีสันเตือนภัยและสีสันพรางตัวต่างทำงานอย่างสอดประสานกันผ่านปรสิตจากเซลล์ดัดแปลง จากนั้นจึงสะท้อนออกมาผ่านทางดวงตา อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยนี้เป็นผลสืบเนื่องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพที่สำคัญที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เป็นการสื่อความผ่านสายตาไปสู่สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เพื่อบรรลุผลที่สำคัญที่สุดนั่นคือ “การยับยั้งและสร้างความสับสน!”
นี่คือความสามารถปัจจุบันจากดวงตาของไป๋อี้ …… มันไม่ใช่สิ่งที่ท้าทายเทพเจ้าเหมือนดวงตาวิเศษ แต่เป็นเพียงวิวัฒนาการของรูปแบบสิ่งมีชีวิตที่ยกระดับสูงขึ้นเท่านั้นเอง
……
การสะกดจิต เป็นการใช้การกระทำ สีสัน และเงื่อนไขภายนอกอื่น ๆ เพื่อแสดงให้แก่บุคคลที่จะสะกดจิตปล่อยให้ผู้ถูกสะกดจิตตัดสินใจอย่างอิสระด้วยตนเอง ปล่อยให้พฤติกรรมจากจิตสำนึกอ่อนแอลงหรือความรู้สึกหรือการรับรู้เกิดการบิดเบือนหรือสูญหายไป
ไป๋อี้นึกถึงข้อมูลพื้นฐานง่าย ๆ เกี่ยวกับการสะกดจิตอยู่ในใจ ดูเหมือนว่าเป็นอย่างที่ไนท์พูด การสะกดจิตกับการสร้างความสับสนของเขามีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก แต่ไป๋อี้ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ความสามารถของไป๋อี้ในการยับยั้งและทำให้ฝ่ายตรงข้ามสับสนผ่านดวงตาของเขาเป็นเพียงผลกระทบที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องทำอย่างไรบ้าง
ทว่านี่เป็นเรื่องที่ไป๋อี้จะปฏิเสธไม่ได้เพราะเขาไม่ต้องการให้เพื่อนของเขาติดอยู่ในสถานที่แห่งนี้จากความผิดพลาดของเขาเอง
บทสนทนาระหว่างไป๋อี้และไนท์เมื่อครู่นี้ทุกคนได้ยินชัดเจนผ่านการถ่ายทอดสดทั่วทั้งทางเดินวงเวียนแห่งนี้
เฮลัวส์ถูกผลักอีกครั้งโดยการโจมตีของวูล์ฟโดยไม่มีการตั้งตัวล่วงหน้า เธอมองไปที่ไป๋อี้อย่างคาดหวัง เมย์ริสกอดโม่โม่ไว้เพื่อยับยั้งการบิดไปมาอย่างบ้าคลั่งของโม่โม่และบังคับให้โม่โม่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ พวกเขามองไปที่แผ่นหลังของไป๋อี้อย่างเงียบ ๆ แผ่นหลังที่เป็นความหวังของทุกคน ชายหนุ่มที่อุ้มเด็กทารกไว้ในโรงพยาบาลอย่างกระวนกระวายใจในตอนนั้น ตอนนี้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้วหรือ?
ไป๋อี้เดินช้า ๆ ไปหาวูล์ฟแม้เขาจะหลับตาอยู่
ถึงตอนนี้ไป๋อี้จะมีเลือดอาบและหายใจหอบแรง แต่เขามีความรู้สึกมั่นคงและมีพลัง ไม่เพียงแต่ผู้คนตามทางเดินวงเวียนเท่านั้น แม้แต่ไนท์และร่างแม่แบบทดลองก็เฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของเขาอย่างเงียบ ๆ
ไป๋อี้เงยหน้าขึ้นและหายใจเข้าลึก ๆ
“วูล์ฟ!”
เสียงตะโกนอันแหบแห้งดังก้องอยู่ในโสตประสาทของทุกคนตลอดทางเดินวงเวียน แม้แต่สัตว์ประหลาดที่กำลังกลืนกินซากศพอยู่ต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองตามเสียง หลังจากที่วูล์ฟได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อของเขา เขาก็อดไม่ได้ที่จะหยุดชะงักการกระทำที่บ้าคลั่งของตนแล้วมองไปตามต้นเสียง
ลืมตา!
ไป๋อี้ลืมตาขึ้นทันทีเมื่อวูล์ฟหันศีรษะมามอง มันยากที่จะอธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงในดวงตาของไป๋อี้ ในขณะนี้ดวงตาของเขาเหมือนกับหลุมดำหลากสีซึ่งได้ดึงความคิดของทุกคนเข้าสู่ภวังค์ ขนปุยทั่วร่างกายของไป๋อี้ไหวแม้ไม่มีลมและสีของมันดูเหมือนจะค่อย ๆ บรรจบกันเข้าที่ดวงตาของเขา
ใจเย็น ๆ!
ไป๋อี้ยื่นมือขวาออกไปในอากาศราวกับกำลังปลอบโยนวูล์ฟเบา ๆ เห็นได้ชัดว่ายังมีระยะห่างระหว่างเขาทั้งสองราวเจ็ดหรือแปดเมตร แต่ความบ้าคลั่งในดวงตาของวูล์ฟกลับสงบลงอย่างแท้จริงและสีหน้าน่ากลัวดุดันของเขาก็เริ่มเลือนหายไป ยิ่งไปกว่านั้นท่าทีของวูล์ฟก็ผ่อนคลายมากขึ้นเรื่อย ๆ ผลุบผลับ เสียงวูล์ฟและสัตว์ประหลาดที่อยู่รอบ ๆ ล้มลงกับพื้นทีละคนและเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด
โม่โม่เองก็มองไปยังไป๋อี้จากแผ่นหลังของเขา แววตาของหนูน้อยค่อย ๆ ผ่อนคลายลงและหยุดดิ้นรนไปมาในที่สุด
ไป๋อี้อ้าปากหายใจหอบ หน้าอกของเขารู้สึกหนักมากราวกับเครื่องสูบลมที่รั่วจนไม่สามารถหายใจได้เพียงพอ แต่ถึงอย่างนั้นไป๋อี้ก็ค่อย ๆ หันกลับมาอีกครั้งและเดินไปหาชาร์ไป่ ในเวลานี้ชาร์ไป่เองก็ถูกดึงดูดจากเสียงตะโกนร้องก่อนหน้านี้และกำลังมองไปที่ไป๋อี้
“ชาร์……ไป่!” เสียงของไป๋อี้แผ่วเบาลงอย่างมากในครั้งนี้ ราวกับว่าเขาต้องใช้กำลังทั้งหมดจากร่างกายเพื่อพูดออกมาหนึ่งคำ
ไป๋อี้ลืมตาขึ้นอีกครั้งพลางมองไปที่ชาร์ไป่อย่างเงียบ ๆ เขายื่นมือขวาออกและรอ หลังจากนั้นไม่นานชาร์ไป่ที่ดูเคร่งขรึมพร้อมเลือดที่โชกไปทั้งตัวก็เดินเข้าไปหาไป๋อี้ แต่ก แต่ก แต่ก เสียงฝีเท้าที่ย่างกรายเข้ามาอย่างไม่เร่งรีบนั้นทำให้การเต้นของหัวใจทุกคนเต้นระรัวราวกับกำลังถูกบีบเเน่น
ทันใดนั้นชาร์ไป่ก็อ้าปากขนาดใหญ่ของมัน ทุกคนถึงกับหัวใจกระดอนขึ้นมาถึงลำคอทันที
อย่างไรก็ตามชาร์ไป่กลับแลบลิ้นออกมาและเลียที่มือของไป๋อี้จากนั้นก็ค่อย ๆ นอนลงตรงหน้าเขา
ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก …… แต่ในเวลานี้ไป๋อี้กลับรู้สึกว่าดวงตาของเขามืดสนิทลง อีกทั้งหัวใจของเขาก็เต้นแรงและหยุดเต้นทันที ไป๋อี้ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆ เลือดค่อย ๆ ไหลออกจากดวงตาที่หลับสนิทอยู่ลงมาอาบแก้มของเขาทั้งสองข้าง
เมื่อเห็นวูล์ฟและชาร์ไป่สงบลงเฮลัวส์และเมย์ริสก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและรีบวิ่งออกไปทันที เพื่อเตรียมป้องกันตัวในห้องกักขังตามวิธีการของไป๋อี้ รู้หรือไม่ว่าห้องกักขังเหล่านี้ถูกใช้เพื่อกักขังสัตว์ประหลาด ตราบใดที่ประตูปิดอยู่สัตว์ประหลาดเหล่านั้นจะไม่สามารถเข้ามาได้
หลังจากนำวูล์ฟและชาร์ไป่กลับไปที่ห้องกักกัน เมย์ริสก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นไป๋อี้ยืนแน่นิ่งไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ
ทันใดนั้นเมย์ริสก็รู้สึกใจคอไม่ดีและรีบวิ่งไปที่ ๆ ไป๋อี้ยืนอยู่ จากนั้นก็พบว่าดวงตาของไป๋อี้กำลังปิด โดยมีเลือดค่อย ๆ ไหลออกมา เมย์ริสลองเช็คลมหายใจของไป๋อี้โดยตรง ……! จากนั้นเธอก็วางนิ้วลงบนคอของไป๋อี้อีกครั้ง ยังมีชีพจรอยู่ แต่จากการทดสอบสองครั้งติดต่อกัน สามารถวินิจฉัยได้ว่าชีพจรกำลังอ่อนลงอย่างรวดเร็ว
“เฮลัวส์มาช่วยฉันที!” ทันใดนั้นเมย์ริสก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมา
เฮลัวส์ได้ยินเสียงร้องไห้ของเมย์ริสประกอบกับท่าทางกังวลกระวนกระวาย ทำให้เธอรู้ทันทีว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีแน่ๆ ทันทีที่โยนวูล์ฟเข้าไปเธอก็วิ่งไปตามเสียงของเมย์ริส ทั้งสองวางไป๋อี้นอนราบกับพื้นและหามเขาเข้าไปในห้องกักขัง จากนั้นก็ปิดประตูห้องกักขังทันที
เมย์ริสเปิดชุดปฐมพยาบาลออก เธอหายาคาร์ดิโอโทนิคและฉีดให้ไป๋อี้อย่างรวดเร็ว เธอเริ่มการช่วยเหลือฉุกเฉินทันที แม้ว่าเฮลัวส์จะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ในช่วงของการช่วยเหลือขั้นพื้นฐานนี้เธอยังพอได้เรียนรู้บางอย่างมาบ้างจากเมย์ริสและซาร่า ในขณะที่เริ่มการปฐมพยาบาลวูล์ฟและชาร์ไป่ไปด้วยเช่นกัน
พูพู เวอร์เนอร์ และโม่โม่ล็อกประตู จากนั้นก็เฝ้าประตูกันอย่างเคร่งขรึม ตอนนี้คนในทีมทั้งหมดยังมีทักษะที่เพียงพอในการดำเนินการเรื่องต่าง ๆ มีเพียงสามคนที่มีอาการอ่อนแอกว่าปกติ
ขณะที่ข้างนอกมีสัตว์ประหลาดตายไปมากมาย มีกลิ่นเลือดตลบอบอวลไปทั่วอากาศ ทำให้สัตว์ประหลาดที่เหลือบ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้ชัดว่ามีสัตว์ประหลาดที่ตายไปแล้วมากกว่าครึ่ง ซึ่งเพียงพอที่พวกมันที่เหลือจะกลืนกินเป็นอาหาร แต่การต่อสู้ในลักษณะนี้ไม่มีวี่แววว่าจะหยุดลง ราวกับว่าถ้ามันไม่ได้ฆ่าจนถึงคนสุดท้ายก็จะไม่มีวันเลิกรา
ทุกคนเฝ้าดูเมย์ริสอย่างเงียบ ๆ การปฐมพยาบาลไป๋อี้ดำเนินไปอย่างเงียบเชียบ ทุกคนได้แต่เฝ้าคอย……
แต่ทว่าหลังจากการปฐมพยาบาลเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมง สัญญาณชีพของไป๋อี้ก็อ่อนแอลงและอ่อนแอลงเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง ในที่สุดเมย์ริสก็นอนราบกับพื้นด้วยความสิ้นหวัง ในตอนนี้ทุกคนหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่าง โม่โม่กัดริมฝีปากแล้วยืนข้าง ๆ ไป๋อี้โดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ …… พ่อ!
หรือว่า ไป๋อี้ไม่สามารถยืนหยัดมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ……
……
อีกด้านหนึ่งในเวลานี้ ที่นอกประตูใหญ่ งูหลามสีทองของหยูหานพันอยู่ที่มือซ้ายและลำตัวของหงฉี่ฮว๋า ในทางกลับกันมือซ้ายของหยูหานจับมือขวาของหงฉี่ฮว๋าเอาไว้และค่อย ๆ ใช้แรงกดลงไป ในมือของหงฉี่ฮว๋ามีมีดวิลโลว์ปลายแหลมซึ่งเป็นมีดวิลโลว์เล่มเล็กที่หงฉี่ฮว๋าได้มาจากไป๋อี้
“ขอโทษนะ!” หยูหานพูดด้วยใบหน้าเย็นชาและมือซ้ายของเขาก็ค่อย ๆ ออกแรงกด มีดวิลโลว์เล่มเล็กที่อยู่ในมือของหงฉี่ฮว๋าถูกกดโดยหยูหาน และมันก็ค่อย ๆ แทงเข้าสู่หัวใจของหงฉี่ฮว๋าจนจมลงไปทีละนิด ๆ ซึ่งตอนนี้หนิงเสวี่ยและเบลลิก้าทีน่าไม่ได้อยู่ข้าง ๆ เธอ
ร่างของหงฉี่ฮว๋ากระตุกเล็กน้อย เลือดยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ร่องรอยแห่งความเสียใจและความผิดหวังฉายในดวงตาของเธอ ขอโทษนะลุงไป๋ ภาพของไป๋อี้และโม่โม่ชัดเจนขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ หลับตาลง!
ในเวลานี้ตาขวาของแม่แบบร่างทดองที่เฝ้ามองทุกคนที่ผ่านมาอย่างเงียบ ๆ ก็สว่างขึ้น จากนั้นก็มีเลือดไหลออกมา
หยูหานล็อคหงฉี่ฮว๋าอย่างแน่นหนาและไม่พบความผิดปกติใด ๆ แม้แต่น้อย เวลาผ่านไปชั่วครู่หยูหานก็แน่ใจว่าหงฉี่ฮว๋าตายแล้ว เธอจากไปแล้วอย่างแท้จริง ไม่มีลมหายใจแห่งชีวิตอีกต่อไป
หลังจากนั้นไม่นานหยูหานก็ลุกขึ้นยืนและมองไปที่ร่างของหงฉี่ฮว๋าอย่างเงียบ ๆ สักพัก
จริง ๆ แล้วหยูหานชอบหงฉี่ฮว๋าอย่างมาก เธอเป็นคนที่ไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่งและไม่ถ่อมตัวจนเกินไป มีความภูมิใจในตนเอง เด็ดเดี่ยวไม่ยึดติดกับใคร ไม่หลงระเริง ราวกับลูกพลัมหิมะที่ทะนงตน เธอดึงดูดหยูหานได้อย่างมาก แม้ว่าหงฉี่ฮว๋าจะเป็นสาวสวยอย่างแท้จริง แต่นี่ก็เป็นคุณสมบัติที่เขาชอบเช่นกัน อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดหยูหานก็ได้ฆ่าหงฉี่ฮว๋าไปแล้ว เพราะเขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเขาจะไม่มีวันปราบหงฉี่ฮว๋าลงได้แน่
หยูหานค่อย ๆ หันไปและเดินไปนอกทางเดิน …… ในขณะนี้ หยูหานได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างแท้จริงแล้ว จากเด็กที่มีความสามารถและมีแบบแผนเพียงเล็กน้อยในมหาวิทยาลัยเปลี่ยนแปลงไปสู่ทัศนคติที่กล้าหาญอย่างแท้จริง ……เต็มไปด้วย ความอดทน ความเด็ดเดี่ยวและความเหี้ยมโหด!