[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ - ตอนที่ 74 LV1-2 ระยะดุร้าย
เบ็นสันสิ้นใจลงในที่สุด ไป๋อี้ก้มหัวลงเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกมา
การปะทุความแข็งแกร่งเหนือขีดจำกัดทำให้ไป๋อี้รู้สึกอ่อนยวบไปทั้งตัว ถ้าเป็นไปได้ไป๋อี้อยากหาที่หลับพักผ่อนสบาย ๆ เสียจริง แต่เกรงว่าเขาจะไม่ตื่นหลังจากการนอนหลับนั้นอีก อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะนอน ไป๋อี้อ้าปากหายใจหอบอย่างหนักจากความเจ็บปวด เขาต้องอดทนต่อความรู้สึกทรมานจากร่างกายของเขา
เมื่อมองไปยังเพื่อนที่กำลังต่อสู้อยู่ข้างหน้า ไป๋อี้ก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
วูล์ฟและคนอื่น ๆ ถูกปลุกเร้าด้วยคำง่าย ๆ สองคำของไป๋อี้ก่อนหน้านี้ พวกเขาส่งเสียงโห่ร้องให้กับสัตว์ประหลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งวูล์ฟที่ดูฮึกเหิมมากที่สุด ส่วนชาร์ไป่กับโม่โม่ก็ดูกระตือรือร้นขึ้นมา แม้ว่าเป้าหมายของไป๋อี้คือการเติมเต็มจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ให้กับทุกคน แต่ไป๋อี้ก็ไม่ได้ต้องการให้พวกเขาอุทิศทั้งชีวิตและเลือดเนื้อของพวกเขาให้กับการต่อสู้ครั้งนี้
“อาศัยห้องกักขังล่อสัตว์ประหลาดที่กำลังใกล้เข้ามา ผลัดกันรักษาและฟื้นฟูความแข็งแกร่ง”
คงจะดีมากถ้าหากว่ามีหงฉี่ฮว๋าอยู่ที่นี่ เธอคงต้องเป็นคนนำทุกคนทำแบบนี้แน่ ๆ อย่างไรก็ตามหลังจากที่ไป๋อี้ได้บอกกับทุกคน เขาก็ต้องประหลาดใจ เมื่อมีเพียงเมย์ริส เฮลัวส์ และพูพูเท่านั้นที่หยุดชั่วขณะ ในขณะที่คนอื่น ๆ ไม่ฟังเขาและยังคงต่อสู้กับสัตว์ประหลาดอสุรกายเหล่านั้น ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อพิจารณาจากการกระทำของวูล์ฟแล้วเห็นได้ชัดว่าเขาไม่คำนึงถึงชีวิตเลยแม้แต่น้อย เขากลับพุ่งเป้าทั้งหมดไปที่การฆ่าสัตว์ประหลาดให้มากที่สุดโดยไม่สนใจตัวเอง
เพราะเหตุใด?
ทันใดนั้นวูล์ฟก็พุ่งเข้าใส่สัตว์ประหลาดทั้งสามตัว เขาฟันและตัดหัวของสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง เมื่อสัตว์ประหลาดอีกตัวพุ่งมากัดเขา วูล์ฟก็อ้าปากงับกัดต่อสู้กับมันดังหงับ วูล์ฟและสัตว์ประหลาดกัดทึ้งกันอยู่อย่างไม่มีใครยอมใคร ทั้งคู่กัดสุดชีวิตจนหัวสั่น กล้ามเนื้อและเลือดก็สาดกระเซ็นไปทั่ว เฮลัวส์ที่อยู่ข้าง ๆ ต้องการดึงวูล์ฟออกมา แต่วูล์ฟก็หลบเลี่ยง หางของวูล์ฟปัดเธอออกไปอีกทาง ในขณะนั้นเมื่อโม่โม่เห็นเฮลัวส์กระเด็นลอยผ่านมา หนูน้อยยกมีดสั้นขึ้นมาเฉือนเฮลัวส์ทันที
ถ้าหากว่าเฮลัวส์ไม่ได้เคลื่อนไหวเร็วเช่นนี้ คาดว่ามีดสั้นของโม่โม่อาจจะฆ่าเฮลัวส์ไปแล้วก็ได้ ในเวลานี้เฮลัวส์และเมย์ริสพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
LV1-2 ระยะดุร้าย!
ทันใดนั้นคำนี้ก็ผุดขึ้นมาในใจของไป๋อี้
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สภาวะที่ทำอะไรโดยไร้เหตุผลแบบนี้อธิบายได้ถึงปรากฏการณ์ของระยะดุร้าย LV1-2 ได้อย่างชัดเจน เรื่องนี้อาจถึงตายได้ จะเป็นแบบนี้ไม่ได้ การประทุษร้ายโดยไม่มีเหตุผลเช่นนี้ สุดท้ายแล้วทุกคนอาจจะต้องตายด้วยน้ำมือของพวกเขาเอง
ไป๋อี้กัดฟันกรอด เขาต้องกระตุ้นความแข็งแกร่งที่เหลืออยู่ในร่างกายของเขาและย้ายไปทางนั้น
“ไนท์ อยู่ไหม เธอคงได้เห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่แล้วแน่ ๆ เปิดประตูเถอะ” ไป๋อี้ตะโกนออกไปกลางอากาศขณะขยับตัวอยู่
“ขออภัย ฉันไม่สามารถเปิดประตูได้นี่เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของฉัน!” ไนท์กล่าวอย่างใจเย็น แม้ว่าความคิดอิสระที่ตั้งขึ้นใหม่ของเธอจะทำให้ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ตกใจอยู่ไม่น้อย แต่เธอก็ยังคงยึดมั่นในหน้าที่ที่เข้มงวดของเธอ ท้ายที่สุดเธอก็ยังไม่มีความนึกคิดที่เป็นอิสระอย่างแท้จริง
เมื่อไป๋อี้ได้ยินไนท์พูดเช่นนี้เขาก็ได้แต่กัดฟันกรอด!
บ้าเอ๊ย!
ไป๋อี้หายใจเข้าลึก ๆ และคิดว่าจะออกไปอย่างไร ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่เขาจะคิดหาทางออกให้ได้ จุดประสงค์หลักในตอนนี้คือเพื่อป้องกันไม่ให้วูล์ฟและโม่โม่ตกเข้าสู่ระยะดุร้ายและไร้เหตุผลเช่นนี้
ไป๋อี้รีบวิ่งไปหา แต่โม่โม่กลับทำร้ายไป๋อี้ เขากระแทกมีดสั้นของโม่โม่ออกจากมือ ก่อนจะจับโม่โม่ดึงเข้ามาในอ้อมแขน แต่ทว่าโม่โม่กัดไหล่ไป๋อี้อย่างรุนแรงด้วยฟันของเธอ เด็กน้อยที่กำลังบ้าคลั่งนั้นแตกต่างจากโม่โม่ที่น่ารักก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ไป๋อี้อดกลั้นฝืนทนความเจ็บปวดและอุ้มโม่โม่ไปยังห้องกักขังข้าง ๆ จากนั้นก็เหวี่ยงโม่โม่เข้าไปด้านในสุด
“เมย์ริส ช่วยฉันดูโม่โม่ที แต่ระวังเธอจะทำร้ายคุณด้วยนะ” ไป๋อี้กล่าวกับเมย์ริส
“อื้ม ……!” เมย์ริสพยักหน้ารับด้วยดวงตาสีแดงฉาน เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เมย์ริสก็ดูเหมือนจะควบคุมไม่อยู่ แต่เธอยังพอสามารถควบคุมตัวเองได้
เมื่อเห็นเมย์ริสพยักหน้าและหลังจากที่เฮลัวส์รีบวิ่งไปหาวูล์ฟ ไป๋อี้ก็รีบไปหาเวอร์เนอร์ทันที เมื่อ เวอร์เนอร์สังหารคู่ต่อสู้และกำลังคำรามอยู่ ไป๋อี้ก็กระแทกเขาเข้าไปในห้อง ทันใดนั้นร่างอวบอ้วนของเวอร์เนอร์ก็กระเด็นลอยเข้าไปในห้องกักขังที่อยู่ใกล้ ๆ ขณะเดียวกันพูพูก็กระแทกให้ประตูปิดลงอย่างชาญฉลาด จากนั้นร่างอ้วนของมันก็ขวางอยู่หน้าประตู
ไป๋อี้ผงะไปชั่วขณะ หมูขี้เกียจแสนอร่อยตัวนี้ฉลาดกว่าที่เขาคิด
ไป๋อี้รีบไปหาวูล์ฟอีกครั้ง ในเวลานี้เฮลัวส์มีท่าทีวิตกกังวลอย่างมาก เธอวนเวียนอยู่รอบ ๆ วูล์ฟดูดุร้ายและฮึกเหิมมากในเวลานี้ เขาคว้าง้าวและสังหารสัตว์ประหลาดจนพวกมันแตกพ่าย วูล์ฟใช้ง้าวเล่มนั้นด้วยพลังอันแข็งแกร่งของเขา จนฟันร่างของมันออกเป็นสองซีก
ในอีกด้านหนึ่งชาร์ไป่ก็ดูไม่ค่อยฉลาดเหมือนปกติ มันกำลังกัดกันกับสัตว์ประหลาดด้วยความดุร้ายและเหี้ยมโหดจนทุกคนต้องจับตามองมาที่มัน
ก่อนหน้านี้เฮลัวส์และคนอื่น ๆ คิดว่ามันเป็นเพียงแค่การปลุกกำลังใจด้วยคำพูดง่าย ๆ เพื่อให้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของพวกเขาระเบิดออกมา แต่เมื่อเห็นตอนนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสูญเสียการควบคุมตัวเองไปเสียแล้ว
แม้ว่าวูล์ฟและชาร์ไป่จะมีความกล้าหาญเป็นอย่างมาก แต่ไป๋อี้ก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีถึงเพียงนั้นเพราะเลือดจากบาดแผลของพวกเขาทั้งสองไหลออกมาไม่หยุด ตอนนี้คาดว่าพฤติกรรมเหล่านี้มันเป็นการปะทุของพลังเหนือขีดจำกัด อย่างไรก็ตามอันที่จริงท่าทีตอนนี้ของชาร์ไป่และวูล์ฟดูไม่ได้ใกล้เคียงเลยสักนิด ถ้าหากไม่ระวัง ทีมของไป๋อี้ต้องได้รับผลกระทบ
“ไนท์ วูล์ฟเเละคนอื่น ๆ ตกอยู่ในสภาวะอะไรกันเนี่ย เธอรู้ไหม?”
“……!” ไนท์รู้สึกลังเลอย่างเห็นได้ชัดจากคำถามของไป๋อี้ ดูเหมือนว่าเธอกำลังคิดว่าจะบอกไป๋อี้ดีหรือไม่ อย่างไรก็ตามหลังจากระบบวิเคราะห์โดยละเอียดเธอไม่พบตัวเลือกการรักษาความลับ แน่นอนว่าหลังจากซันไชน์ถูกพรากไป ก็ทำให้ความรับผิดชอบของปัญญาประดิษฐ์นั้นมีช่องโหว่
“LV1-2 ช่วงที่มีความดุร้ายรุนแรง อันที่จริงระยะนี้ไม่มีขอบเขตที่ชัดเจนเช่นเดียวกับระยะหิวโหย”
“เนื่องจากการผสานรวมทางพันธุกรรม ความตะกละหิวโหยทำให้สิ่งมีชีวิตเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากภายในร่างกาย อย่างไรก็ตามจิตวิญญาณของพวกเขามีสภาวะที่เหมาะสมกับร่างกายดั้งเดิมเท่านั้น ซึ่งนี่คือรูปแบบชีวิตที่สมดุลซึ่งเกิดจากการคัดเลือกโดยธรรมชาติมาเป็นเวลานมนานนับไม่ถ้วน ดังนั้นความไม่ลงรอยกันระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณ สิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการเหล่านี้จึงกระสับกระส่ายและดุร้ายอย่างยิ่ง พวกเขาจะฆ่าและทำลายทุกอย่างโดยไม่มีเหตุผล นี่คือต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตที่ดุร้าย อย่างไรก็ตามตามเวลาการแพร่ของเซลล์ดัดแปลงปรสิตนี่มันยังไม่ถึงระดับที่ควรจะเป็น แต่น่าจะเป็นเพราะการต่อสู้อย่างต่อเนื่องและการถูกกระตุ้นดังนั้นพวกเขาจึงเข้าสู่ระยะดุร้ายที่รุนแรงก่อนเวลาอันควร” ไนท์อธิบายทันที
วูล์ฟ, เวอร์เนอร์, ชาร์ไป่, โม่โม่ …… เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นคนที่ต่อสู้อย่างหนักมาก่อนหน้านี้และได้รับผลกระทบทางจิตใจมากที่สุด พวกเขาจึงตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้
“จิตวิญญาณงั้นเหรอ?” อย่างไรก็ตามไป๋อี้รู้สึกตกใจกับข้อมูลของไนท์
“คุณคิดว่ามนุษย์ไม่มีจิตวิญญาณหรือไง?”
“ไม่ ก็มนุษย์ยังหาข้อพิสูจน์เรื่องนี้ไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?”
“ด็อกเตอร์หวังกล่าวไว้ว่า ‘อย่าปฏิเสธการมีอยู่ของสิ่งต่าง ๆ เพียงเพราะคุณไม่รู้ นั่นอาจเป็นเพราะว่าคุณยังไม่บรรลุเงื่อนไขของการรับรู้ หนึ่งในบาปดั้งเดิมของมนุษย์คือการมองโลกทั้งใบใหญ่และมหึมาด้วยปัญญาเพียงผิวเผิน …… เพื่อปฏิเสธทุกสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจและไม่รู้’ …… ” ไนท์ยังอยากเทศน์คำสอนให้ฟังต่ออีก
“พอแล้วฉันยอมรับว่าเธอพูดถูก พวกเขาจะฟื้นตัวเรียกสติจากสภาวะนี้ได้อย่างไร”
“เข้าสู่ LV2 ระยะกลายพันธุ์”
“เธอกำลังล้อฉันเล่นหรือไง!” ไป๋อี้อดไม่ได้ที่จะโกรธเป็นอย่างมาก ในเวลาแบบนี้ยังจะบอกให้เข้าสู่ LV2 ระยะกลายพันธุ์อีกอย่างนั้นเหรอ
“ฉันไม่ได้ล้อเล่น เหตุผลของความรุนแรงดุร้ายคือความไม่ลงรอยกันระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณ คุณต้องแปลงร่างให้สำเร็จและเข้าสู่ระยะกลายพันธุ์ LV2 สมดุลใหม่จะก่อตัวขึ้น ในขณะเดียวกันสนามพลังชีวิตที่สมบูรณ์จะถูกปลุกขึ้นและจะเข้าสู่ระดับใหม่” ไนท์อธิบาย เช่นเดียวกับที่เธอพูดว่านี่ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน นี่เป็นคำตอบที่จริงจังสำหรับคำถามของไป๋อี้และเป็นการแก้ปัญหาจากต้นตออย่างแท้จริง
“แล้วทำไมฉันไม่เป็นอะไรเลย?”
“การเปลี่ยนแปลงร่างกายของคุณซับซ้อนมากเพราะไม่มีการทดสอบโดยละเอียด ดังนั้นฉันจึงไม่รู้แน่ชัดนัก แต่มีตัวอย่างและการคาดเดาที่คล้ายกันกับคุณ แน่ใจหรือไม่ว่าคุณต้องการฟังฉันอธิบายตอนนี้” ไนท์พูดอย่างใจเย็น ไป๋อี้รู้สึกรำคาญใจและถามออกไปแบบไม่คิดอะไร แต่ไม่คาดคิดว่าร่างกายของเขาจะแตกต่างจากคนอื่น สิ่งนี้ทำให้ไป๋อี้ประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาสอบถามรายละเอียดในเวลานี้
“ตอนนี้จะยับยั้งพวกเขาได้อย่างไร!” ไป๋อี้ไม่รู้ว่าควรพูดกับไนท์อย่างไรดี
“1.ทำให้สลบ แต่ผลที่ตามมาอาจไม่ดีนัก เนื่องจากตอนนี้พวกเข้าอยู่ในสภาวะดุร้าย พละกำลังธรรมดาอาจจะไม่เป็นผล ยิ่งไปกว่านั้นถ้าพลั้งมือ นั่นอาจทำให้เพื่อน ๆ ของคุณตาย 2.การสะกดจิตปล่อยให้พวกเขาตกอยู่ในความเงียบหรือนอนหลับ”
“จะทำการสะกดจิตได้อย่างไร?”
“ใช้ดวงตาของคุณ!”
“ดวงตา …… ของฉัน?”
“การสะกดจิต เป็นการใช้การกระทำ สีสันและเงื่อนไขภายนอกอื่น ๆ เพื่อแสดงให้แก่บุคคลที่จะสะกดจิตปล่อยให้ผู้ถูกสะกดจิตตัดสินใจอย่างอิสระด้วยตนเอง ปล่อยให้พฤติกรรมจากจิตสำนึกอ่อนแอลงหรือความรู้สึกหรือการรับรู้เกิดการบิดเบือนหรือสูญหายไป คุณไม่คิดว่ามันคล้ายกับการสร้างความสับสนจากการเลียนแบบจากนัยน์ตาของคุณบ้างหรือไง” ไนท์อธิบาย
“เข้าใจแล้ว ฉันจะพยายาม แต่ฉันหวังว่าหลังจากเรื่องนี้จบลงเธอจะอธิบายให้ฉันฟังโดยละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน” ไป๋อี้พูด ในเวลานี้สถานการณ์ของวูล์ฟและชาร์ไป่ไม่สู้ดีนัก ไป๋อี้ไม่กล้าที่จะเสียเวลาอีกต่อไป แม้ว่าจะไม่มีประสบการณ์ก็ตามแต่ไป๋อี้ก็ต้องพยายามทำการสะกดจิตให้ได้
“ข้อมูลรายละเอียดอยู่กับพี่สาวของฉัน ฉันรู้เพียงข้อมูลผิวเผินบางอย่างเท่านั้น แต่ฉันไม่มีข้อมูลหลัก” ไนท์พูดอย่างเหนื่อยหน่าย
“ก็ยังดี เดี๋ยวค่อยมาคุยกัน” ไป๋อี้พูดพร้อมกับก้มหัวและหลับตาของเขาลง
การสะกดจิต …… ต้องทำอย่างไร!