[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ - ตอนที่ 72 เสียงร้องไห้ปลุกจิตวิญญาณ
เบ็นสันถูกดึงเข้ามาและล้มลงที่พื้นอย่างแรง สติสัมปชัญญะของเขาบ่งบอกว่าตกใจมากกับฉากการกบฏของหยูหาน พวกอสุรกายที่อยู่รอบ ๆ ยังคงฉีกและกลืนกินเลือดเนื้อที่เกลื่อนอยู่บนพื้น หลังจากที่พวกมันเห็นรูปร่างขนาดใหญ่ของเบ็นสัน คาดไม่ถึงว่าพวกมันจะไม่ได้เข้าจู่โจมในทันที
วูล์ฟนึกไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้วหยูหานจะดึงจนแขนขวาของเขาขาดออกจากปืนยิงฉมวกอย่างโหดเหี้ยม เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าประตูได้ปิดสนิทไปแล้วอย่างสิ้นเชิง ในใจของวูล์ฟอดไม่ได้ที่จะค่อย ๆ ผ่อนคลายลง จากนั้นจึงจ้องมองไปที่สัตว์ประหลาดที่กำลังกัดแขนซ้ายของเขาอยู่ ด้วยการกัดอย่างบ้าคลั่งนี้ทำให้แขนซ้ายส่วนใหญ่ของวูล์ฟถูกฉีกออกและมันก็กำลังจะกลายเป็นอาหารอันโอชะในปากของสัตว์ประหลาดอสุรกายตัวนี้
“คงอร่อยมากสินะ … อ๊ะ!”
วูล์ฟพูดออกไปอย่างดุร้าย จากนั้นก็หันศีรษะไปมอง ปากของจระเข้ขนาดใหญ่ของเขางับลงทันทีด้วยท่าทางที่โหดเหี้ยม
จระเข้เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่บนโลกที่อยู่สูงสุดของห่วงโซ่อาหาร โดยมันอาศัยแรงกัดที่แข็งแกร่งในการจับเหยื่อกินเป็นอาหาร วูล์ฟกัดลงไปบนส่วนลำคอของอสุรกายตัวนี้อย่างโหดเหี้ยม ฟันที่ยาวสิบกว่าเซนติเมตรเจาะเข้าไปที่ลำคอของอสุรกายอย่างดุร้าย จากนั้นวูล์ฟและอสุรกายตัวนี้ก็ต่อสู้ปลุกปล้ำกันอยู่บนพื้นอย่างดุเดือด เลือดไหลออกมาจากฟันของวูล์ฟอย่างต่อเนื่องอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
เสียงร้องที่เจ็บปวดยังคงส่งเสียงออกมาจากปากของอสุรกายตัวนี้ แต่กระนั้นวูล์ฟก็ไม่ยอมปล่อยปากออก
ในเวลานี้เมย์ริสซึ่งนอนอยู่บนพื้นก็ค่อย ๆ ลุกขึ้น เธอเห็นวูล์ฟและอสุรกายตัวนั้นกำลังกัดกันอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะรีบพุ่งเข้าใส่และเสียบมีดผ่าตัดทั้งสองด้ามเข้าไป จากนั้นก็กดมีดลงอย่างแรง อสุรกายตัวนั้นถูกด้านที่แหลมคมของมีดผ่าตัดทั้งสองเจาะเข้าไปในกะโหลกศีรษะ ในขณะที่มันกำลังจะตายก็ได้ต่อสู้ดิ้นรนอีกเล็กน้อย ก่อนลมหายใจแห่งชีวิตก็ได้ดับสิ้นไป
………………….
“ไอ้เด็กสมควรตายนี่ ปล่อยปากออกไปนะ ไอ้ระยำ ไอ้เลว!” บิลบอมทุบตีศรีษะของเวอร์เนอร์อย่างบ้าคลั่ง แต่ในเวลานี้เวอร์เนอร์นอนหมอบอยู่บนพื้นและกัดน่องของเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ต่อให้บิลบอมทุบตีอย่างไรเขาก็จะไม่ปล่อยเป็นอันขาด บริเวณพื้นมีเลือดและลูกกระสุนนับไม่ถ้วนกระจายอยู่รอบ ๆ ตัวของทั้งคู่ ส่วนมีดของเวอร์เนอร์ก็ยิ่งไม่รู้เลยว่ามันไปอยู่ที่ไหนเสียแล้ว
ไม่ปล่อย ไม่ปล่อยคุณไปเด็ดขาด!
เมื่อเห็นว่าประตูโลหะที่ทั้งหนาและหนักได้ปิดลงอย่างสนิท เวอร์เนอร์ก็ปล่อยปากของเขาออก ในปากเต็มไปด้วยเลือดสด ๆ อีกทั้งฟันสองซี่ของเขาก็หลุดออกมาอีกด้วย แต่ว่าในใจของเวอร์เนอร์นั้นกลับรู้สึกปีติเป็นอย่างมาก … ฮ่า ๆๆ เจ้านี่ออกไปไม่ได้แล้ว ส่วนบิลบอมได้แต่มองไปยังทิศทางที่ประตูปิดลงอย่างหมดหวัง ดวงตาทั้งสองของเขาดูมืดมนอย่างยิ่ง เขาได้แต่เพียงนอนนิ่งอยู่บนพื้นอย่างโง่เขลา แววตาปรากฏสีหน้าที่ไร้ความรู้สึกและจิตวิญญาณ
ในตอนนี้ เจ้าหมูแคระตัวนั้นที่ถูกโจมตีไปเมื่อครู่ได้ยืนขึ้นอย่างโงนเงน จากนั้นก็วิ่งอย่างสุดกำลังมาทางด้านนี้ … เข้าชาร์จ!
บิลบอมตอนนี้สูญเสียสติของตนไปอย่างสิ้นเชิง ทันใดนั้นร่างอ้วนของพูพูก็กระแทกเข้าไปที่ศีรษะของบิลบอม การกระแทกที่รุนแรงทำให้ลำคอของบิลบอมเกิดเป็นรอยบากที่ดูแปลกประหลาดขึ้นมาทันที จากนั้นร่างของเขาก็ลอยไปกระแทกกับแท่นทดสอบและทรุดตัวลงอย่างอ่อนแรง พร้อมกับเลือดที่ค่อย ๆ ไหลออกจากในปากของเขา
มุมปากของบิลบอมเผยอออกอย่างผ่อนคลายเล็กน้อยและในที่สุดเขาก็ยิ้มออกมา
ตาย … ทุกคนจะต้องตายอยู่ที่นี่และกลายเป็นอาหารของสัตว์ประหลาดอสุรกายเหล่านี้
………………
“โม่โม่ …!”
ซาร่าถูกอสุรกายกัดเข้าไปอยู่ในปากของมัน สองมือของเธอใช้ค้ำประตูห้องกักขังด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ด้านหน้าของซาร่าก็คือโม่โม่ที่ล้มลงอยู่บนพื้นพร้อมกับตัวเธอเองที่ถูกกัดโดยอสุรกาย เลือดของซาร่ายังคงไหลออกมาจากร่างอย่างต่อเนื่องและหยดลงบนใบหน้าของโม่โม่ โม่โม่มองซาร่าอย่างอึ้ง ๆ ตั้งแต่จำความได้เธอก็มาเยี่ยมเยียนบ่อย ๆ และเป็นเหมือนกับญาติสนิทหรือพี่สาวแท้ ๆ
ทำไม…ทำไม?
ที่ด้านข้างของสัตว์ประหลาดตัวนี้มีชาร์ไป่ที่กำลังกัดไปที่ท้องของมัน ทุกครั้งที่กัดก็มีเลือดจำนวนมากไหลกระเซ็นออกจากร่างกายและบาดแผลของชาร์ไป่อย่างต่อเนื่อง กัด กัดอย่างบ้าคลั่ง กัดอย่างบ้าระห่ำ ชาร์ไป่ถึงกับดึงส่วนของลำไส้ออกจากท้องของอสุรกายและมุดหัวของมันเข้าไปในท้องของเจ้าอสุรกายตัวนั้น
แต่อสุรกายตัวนี้ดูเหมือนมันจะปัญญาทึ่มมาก แม้แต่ความเจ็บปวดของตัวเองมันก็ไม่รู้สึก เห็นได้ชัดว่ามันกำลังจะตายอยู่แล้วแต่มันยังคงทำสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ต่อไปอย่างไม่เร่งรีบ ปากขนาดใหญ่ของมันออกแรงกัดต่อไป ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงแตกร้าวดังออกมาจากบริเวณส่วนเอวของร่างกายซาร่า ก่อนร่างจะถูกฉีกกระชากออกเป็นสองส่วน
เลือดไหลลงมาจากด้านบนศีรษะและไหลลงไปในดวงตาของโม่โม่ที่กำลังเงยขึ้นมามอง ทั่วทั้งร่างกายของโม่โม่สั่นเทาเล็กน้อย หนูน้อยค่อย ๆ ดึงมีดด้ามนั้นที่พ่อเลือกให้กับเธอออกมา
“อ๊าาาาาาาาา …!”
โม่โม่กรีดร้องขึ้นมาและจ้วงแทงฟาดฟันใส่เจ้าอสุรกายตัวนั้นอย่างบ้าคลั่ง เธอสุ่มแทงไปแบบลวก ๆ หนวดทุกเส้น เลือดเนื้อทุกส่วน ตา ปาก … ในที่สุดโม่โม่ก็กระโดดขึ้นไปบนร่างของมัน ร่างเล็ก ๆ ของเธอนำมีดกระหน่ำแทงเข้าไปในดวงตาของอสุรกายที่ดุร้ายน่ากลัวตัวนี้อย่างดุเดือด แต่ถึงอย่างนั้นสัตว์ประหลาดตัวนี้ก็เหมือนจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ปากของมันค่อย ๆ เคี้ยวและกลืนร่างของซาร่าลงไปจน …… นิ่งสนิท
โม่โม่ยังคงกระหน่ำแทงเจ้าอสุรกายอยู่แบบนี้จนมีดสั้นด้ามนั้นหัก ทันใดนั้นก็เกิดเสียงแคร่กดังขึ้นและใบมีดครึ่งด้ามก็หักเด้งลอยออกมา จากนั้นหนูน้อยจึงนั่งลงบนหัวของอสุรกายด้วยความงุนงง
“ฮือ…ฮือ!” โม่โม่เริ่มส่งเสียงร้องไห้เสียงดังขึ้นมา หนูน้อยร้องออกมาด้วยความอกสั่นขวัญแขวน
โม่โม่ตัวน้อย ดูเหมือนกับว่าหลังจากช่วงเวลานี้ไปหนูน้อยจะรู้ความมากขึ้นมาอีกหน่อย!
หลังจากที่ได้ยินเสียงร้องไห้ของโม่โม่สติที่ล่องลอยของไป๋อี้ก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในทันที จากนั้นไป๋อี้ก็ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นและเห็นคราบเลือดสีแดงฉานอยู่ที่พื้น
เมื่อกี้…?
ไป๋อี้พยุงตัวเองลุกขึ้นมาอย่างช้า ๆ และในขณะเดียวกันในสมองของเขาก็ค่อย ๆ นึกขึ้นได้อย่างแจ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ ฉากก่อนหน้านี้ฉายผ่านความคิดของไป๋อี้ไป ไป๋อี้เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปทางประตูใหญ่ซึ่งปิดสนิทลงไปแล้ว ที่ด้านในประตูเบ็นสันดูเหมือนจะได้รับผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งเขาเองก็รู้สึกท้อแท้เล็กน้อย
ไป๋อี้มองไปทางอื่นอีกครั้ง …… เฮลัวส์ยืนอยู่เงียบ ๆ ที่ด้านหน้าร่างของโนเอล ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่บ้าง วูล์ฟนั่งอยู่ที่ข้าง ๆ ร่างของสัตว์ประหลาดและแขนซ้ายของเขามีบาดแผลขนาดใหญ่ และที่ด้านข้างมีเมย์ริสที่มือกำลังเป็นระวิงไปมาอยู่คนเดียวกับการจัดการกับอาการบาดเจ็บที่ต้องเร่งรักษาอย่างด่วน หนูน้อยเวอร์เนอร์นั่งอยู่บนพื้น ใบหน้าของเขาบวมเหมือนหัวหมูจริง ๆ บวมจนไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้ พูพูนอนหมอบเหมือนจะตายอยู่ข้าง ๆ เวอร์เนอร์และถูกใช้เป็นที่นั่งให้เขา ส่วนด้านของโม่โม่นั้นเดินไปที่อสุรกายอีกตัวหนึ่ง ร่างครึ่งหนึ่งของซาร่าหล่นลงอยู่ที่พื้น โม่โม่นั่งร้องไห้อย่างหนักอยู่บนหัวของเจ้าอสุรกาย ชาร์ไป่ยืนเงียบ ๆ อยู่ที่ด้านข้าง โดยมีบาดแผลขนาดใหญ่ที่ไหล่ซ้ายและดูเหมือนว่าจะมองเห็นไปจนถึงอวัยวะภายใน
ในเวลานี้คนอื่น ๆ ก็มองไปที่ไป๋อี้อย่างเงียบ ๆ ราวกับกำลังรอคอย …… รอคอยอะไรอย่างนั้นเหรอ!
ที่มุมทางเดินวงเวียนนี้มีอสุรกายมากกว่าสิบตัว ห่างออกไปอีกหน่อยสัตว์ประหลาดตัวอื่น ๆ กำลังรวมตัวกันและดูเหมือนว่าจะใช้ที่นี่เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำ อสุรกายเหล่านี้ระมัดระวังตัวหยั่งเชิงเพื่อวางแผนที่จะรอจนกว่าไป๋อี้และพวกกลุ่มเหยื่อเหล่านี้จะสูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้จากนั้นพวกมันจึงจะจับมากิน
ไป๋อี้เงยหน้าขึ้นและจ้องมองท้องฟ้าจำลองที่อยู่เหนือศีรษะของเขา
ท้องฟ้าจำลองนั้นโปร่งใสและบริสุทธิ์อีกทั้งยังมีเหยี่ยวบินสูงอยู่บนท้องฟ้า ว่าแต่พวกเขาจะได้มีโอกาสที่เห็นท้องฟ้าจริง ๆ อีกหรือไม่?
ดวงตาของไป๋อี้ปิดลงอย่างช้า ๆ ของเหลวสีแดงสดค่อย ๆ ไหลออกมาจากหางตาและไหลลงไปตามแก้มของไป๋อี้
“ฆ่ามัน!”
“ฆ่ามันทั้งหมด” ทันใดนั้นไป๋อี้ก็ลืมตาขึ้นและตวาดขึ้นมาอย่างดุร้ายกว่าปกติ จากนั้นก็แทงมีดลงไปที่พื้นอย่างแรงพร้อมกับเสียงดังลั่น ราวกับว่าเสียงนั้นได้ตรงเข้าไปกระแทกที่หัวใจของทุกคนเข้าอย่างจัง
วูล์ฟ, เฮลัวส์, เมย์ริส, เวอร์เนอร์, โม่โม่, ชาร์ไป่ และพูพู ที่ได้ยินเสียงตวาดที่ทั้งเศร้าและน่ากลัวของไป๋อี้นั้น ทันใดหัวใจของพวกเขาทุกคนก็เกิดเข้มแข็งขึ้นมาจากความสิ้นหวังภายในก้นบึ้งของหัวใจ ทุกคนจึงจับอาวุธขึ้นมาอีกครั้งและเผชิญหน้ากับอสุรกายในทางเดินวงเวียนแห่งนี้ทั้งหมด
ในขณะที่กำลังเดินเข้าไปหาอสุรกายเหล่านี้ จู่ ๆ เฮลัวส์ก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา แต่ทันใดนั้นดูเหมือนว่าในไม่ช้าทุกคนที่เดิมทีตกอยู่ในความเงียบและสิ้นหวังก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นและหัวเราะกันอย่างอิสระราวกับติดเชื้อหัวเราะมาจากเฮลัวส์
พวกเราจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ แบบนี้!
พวกเรายังแบกรับความหวังอันหนักอึ้งของผู้อื่นอีกด้วย!
………………
ไนท์ที่เฝ้าดูเหตุการณ์ทุกอย่างผ่านกล้อง พูดตรง ๆ เลยว่าเธอไม่สามารถเข้าใจความคิดของไป๋อี้และพวกเขาได้เลย …… ในเวลาแบบนี้ ทำไมถึงยังหัวเราะกันได้ ส่วนผู้ชมอีกคนนั้น ร่างแม่แบบทดลองเองก็ตกใจเป็นอย่างมาก มากเสียจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว
ร่างแม่แบบทดลองรู้ว่าทั้งหมดนี้เกิดจากความเกลียดชังภายในของเธอที่กระทำการตัดสินใจบ้า ๆ ไปโดยบังเอิญ เดิมทีผู้เป็นร่างแม่แบบทดลองคิดว่ามนุษย์ทุกคนสมควรตาย แต่ตอนนี้เมื่อเห็นกลุ่มคนของไป๋อี้ต่อสู้กันอย่างสิ้นหวัง และมีความแข็งแกร่งอยู่ในความสิ้นหวังเช่นนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะต้องตกตะลึงเป็นอย่างมาก
มนุษย์ สามารถมีพลังมากมายได้เช่นนี้เชียว!
ฉันก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่ง แม้ว่าฉันจะถูกเรียกว่าร่างแม่แบบทดลองโดยนักวิจัยเหล่านั้น แต่ฉันก็ไม่สามารถที่จะแข็งแกร่งได้เท่าพวกคุณ นี่คือหายนะที่ฉันก่อ แต่ฉันไม่มีความมั่นใจจริง ๆ ว่าจะยุติมหาภัยพิบัตินี้ได้ พวกคุณสิที่จะสามารถทำได้!
………………
ไป๋อี้กำลังเผชิญหน้ากับเบ็นสันที่ถูกใช้ปืนยิงฉมวกดึงกลับมา
คนอื่น ๆ ก็เชื่อเช่นกันว่าไป๋อี้สามารถเอาชนะเบ็นสันได้ ถึงจะเห็นได้ชัดว่าไป๋อี้อยู่ในระดับ LV1-1 และยีนพื้นฐานของการผสานรวมเพียงชนิดเดียวก็คือผีเสื้อก็ตาม แต่คนอื่น ๆ ก็เชื่อว่าไป๋อี้สามารถทำได้
เบ็นสันเองยังตกใจกับเสียงตวาดที่เศร้าและน่ากลัวของไป๋อี้ ในตอนนี้เมื่อเห็นไป๋อี้เดินเข้ามาหา เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความน่าเกรงขาม เขาถอยหลังกลับไป หลังจากที่ถอยออกไปทันใดนั้นเบ็นสันก็เริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง คนที่อยู่ตรงข้ามเขานั้นก็เป็นคนที่เพิ่งจะรวมเซลล์ดัดแปลงเข้าและยีนที่ผสานรวมก็เป็นเพียงยีนของผีเสื้อที่อ่อนแอเท่านั้น มีอะไรที่จะต้องกลัวกัน
ว่าแต่ เขาไม่เกรงกลัวจริง ๆ เหรอ?
ไป๋อี้คว้ามีดตรงที่มีความยาวกว่าหนึ่งเมตรไว้ในมือแล้วค่อย ๆ เดินไปหาเบ็นสัน โดยมีซากศพ รอยเลือด และร่างสัตว์ประหลาดตามพื้นที่อยู่รอบ ๆ ถูกทิ้งไว้กลายเป็นฉากหลัง