[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ - ตอนที่ 55 เมืองเทามารูนุย
“แต่ครั้งนี้นายทำได้ดีมากแม้ว่ามันจะเป็นการจับพลัดจับผลูตีถูกก็ตาม แต่ก็โชคดีที่นายจับเจ้าสิ่งนี้ได้ ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นอันตรายมากจริง ๆ ถ้าปล่อยให้มันแอบซุ่มอยู่แบบนี้” ไป๋อี้พูด
“ไป๋อี้ ควรเก็บเจ้านี่ไว้เป็นอาหารไหม?” วูล์ฟถาม
ไป๋อี้มองไปที่กล้ามเนื้อของกิ้งก่าตัวนี้อย่างใกล้ชิด มันเป็นสีแดงสด ไป๋อี้จึงลองปรับดูมุมอื่น ๆ หลังจากสะท้อนกับดวงอาทิตย์ ทันใดนั้นเขาก็เห็นแสงเรืองรองจากของเหลวสีม่วงลาเวนเดอร์ที่เอ่อออกมา แน่นอนว่าเนื้อสัตว์สามารถกินได้ และดูเหมือนว่ายังมีคุณค่าทางโภชนาการที่สูงอยู่มาก อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าวิธีการแปรรูปเหมือนอาหารธรรมดาคงใช้ไม่ได้กับสิ่งนี้ มิฉะนั้นอาจโดนพิษของมันจนตายได้
“ไม่ล่ะ เจ้านี่มีพิษ ถ้าเป็นช่วงปกติฉันอาจจะยังสนใจที่จะพยายามจัดการกับมันเพื่อเอาสารพิษเหล่านี้ออก แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาที่จะทำอย่างนั้น” ไป๋อี้ตอบกลับ เขาหยิบดาบคะตะนะขึ้นมาและหมุนกิ้งก่าหนามดูรอบ ๆ จากนั้นก็ผ่าช่องท้องออกมา สุดท้ายเขาก็เลือกอวัยวะภายในหลายชนิดและชิ้นเนื้อออกมาประมาณหนึ่งเมตร
“นายบอกว่าจะไม่กินมันไม่ใช่เหรอ?”
“แน่นอนว่ากินเจ้านี่ไม่ได้ แต่ฉันอยากจะลองศึกษาดูวิธีที่จะจัดการกับเจ้านี่และทำให้สารพิษของมันเป็นกลาง ไม่มีใครรู้ว่าเราจะต้องเจอกับอะไรในอนาคต บางทีในยามที่เราขาดแคลนอาหาร อย่างน้อยเราอาจจะนำมันมาประทังความหิวได้เมื่อจำเป็น จำไว้ให้ดีว่าเวลาที่จะเลือกอาหารอย่าหยิบผิดเด็ดขาด” ไป๋อี้พูดกับทุกคน
“ตกลง” ทุกคนพยักหน้าแล้วดูไป๋อี้เอาเนื้อของกิ้งก่าหนามตัวนี้ใส่ถังเหล็ก
ไป๋อี้กลับมาหาโม่โม่เมื่อพบว่าร่างกายของโม่โม่ยังคงสั่นสะท้าน หนูน้อยดึงมีดสั้นออกมาและกำมันไว้ในมืออย่างแน่นหนา มือเล็ก ๆ ของโม่โม่ซีดลงเนื่องจากใช้แรงมากเกินไป เมื่อเห็นไป๋อี้เข้ามาโม่โม่ก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่เขาทันที สายตาที่หนูน้อยมองไป๋อี้เต็มไปด้วยความกลัวและเสียขวัญ
ไป๋อี้คุกเข่าลงแล้วลูบใบหน้าเล็ก ๆ ของโม่โม่เบา ๆ พร้อมรอยยิ้ม
ภายใต้การปลอบโยนของไป๋อี้ ร่างกายที่สั่นสะท้านของโม่โม่ก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง จนในที่สุดรูม่านตาที่ดูพร่ามัวเล็กน้อยก็ค่อย ๆ กลับมาโฟกัสอย่างช้า ๆ จากนั้นหนูน้อยก็เหวี่ยงตัวเข้าไปในอ้อมแขนของไป๋อี้และน้ำตาไหลออกมาเสียงดัง ไป๋อี้เกือบจะถูกแทงด้วยมีดของโม่โม่โดยที่หนูน้อยไม่ทันได้คำนึงว่าเป็นศัตรูหรือไป๋อี้ หลังจากจับมีดของโม่โม่เอาไว้อย่างระมัดระวัง ไป๋อี้ก็ตบหลังโม่โม่เบา ๆ
“โอ๋ ร้องไห้ออกมาเท่าที่หนูต้องการเลยนะ”
ไป๋อี้เน้นย้ำเสมอในช่วงนี้ว่านิวซีแลนด์กลายเป็นประเทศที่อันตรายมากและทุกคนต้องเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับอันตรายได้ทุกเมื่อ ต้องรู้ไว้ว่าเมื่อเผชิญกับอันตราย คนเดียวที่สามารถปกป้องตัวเองได้ในนาทีสุดท้ายคือตัวคุณเอง นี่เป็นครั้งแรกที่โม่โม่เผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่ดุร้ายเช่นนี้ โม่โม่จำคำพูดของไป๋อี้ได้และเธอนำมาปรับใช้ได้ดีโดยการดึงมีดสั้นออกมาเพื่อจะป้องกันตัว แต่อย่าลืมว่าตอนนี้โม่โม่เพิ่งอายุเพียงแค่สี่ขวบเท่านั้นเอง
“ไป๋อี้ ……!” วูล์ฟและมาร์ตินต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไป๋อี้ส่ายหัวใส่พวกเขา
ไป๋อี้ไม่ได้โกรธ แต่เขาก็ดีใจเล็กน้อยหลังจากที่โม่โม่ทำตามขั้นตอนที่เขาสอนไว้ได้ทุกเมื่อ แม้ว่าครั้งนี้จะตื่นเต้นไปสักเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ หลังจากที่โม่โม่สงบสติอารมณ์ลงไป๋อี้ก็พาโม่โม่ไปข้าง ๆ ชาร์ไป่ ตอนนี้ความสูงของชาร์ไป่ขณะยืนสูงถึงหนึ่งเมตร นั่นทำให้มันดูน่าเกรงขามมาก
ไป๋อี้เห็นคราบเลือดบนอุ้งเท้าขวาของชาร์ไป่ แต่มันไม่ใช่เลือดของชาร์ไป่ มันเป็นอุ้งเท้าที่ตะปบจมูกตอนที่กิ้งก่าหนามเพิ่งขึ้นมาจากน้ำ
ตอนนี้ยีนที่ชาร์ไป่ได้ผสานรวมด้วยคือ 1. ตัวทาก, 2.มด, 3.นกฮัมมิ่งเบิร์ด ซึ่งเป็นยีนที่ไป๋อี้เลือกให้ ชาร์ไป่ผสานรวมกับยีนเหล่านั้น และตอนนี้คาดว่าชาร์ไป่กำลังจะถูกผสานรวมยีนของสิ่งมีชีวิตตัวที่สี่เข้าไปด้วย ไม่รู้ว่ายีนดั้งเดิมของสัตว์ประหลาดตัวนี้คืออะไร แต่หวังว่ามันจะไม่เลวร้ายเกินไปนัก
ไป๋อี้ลูบที่หัวของชาร์ไป่ กล้ามเนื้อที่ปริตัวผ่านผิวหนังออกมาให้ความรู้สึกหยาบ ๆ เมื่อสัมผัส แต่ก็ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งเช่นกัน
ทุกคนเดินกลับไปที่ค่าย ชาร์ไป่เองก็เดินตามหลังไป๋อี้มาติด ๆ ร่างกายใหญ่โตอยู่ภายใต้แรงกดดันที่น่าเกรงขาม
แม้ว่ามีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้นเล็กน้อย แต่ในพริบตาเดียวทุกคนก็แยกย้ายกันไป มันก็เป็นแค่สัตว์ประหลาดไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ในไม่ช้าหม้อไฟเนื้อวัวที่วูล์ฟรอคอยก็พร้อมสำหรับทุกคน พวกเขานั่งรวมกลุ่มกันทันทีเพื่อรับประทานอาหาร ในยุคนี้ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าการอิ่มท้องอีกแล้ว
……
ในไม่ช้าไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็กินอาหารเสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็ขับรถออกจากที่นี่ หลังจากผ่านไปกว่าสองชั่วโมงรถอีกสองคันก็มาหยุดยังที่แห่งนี้เช่นกัน
“หัวหน้า ที่นี่มีแคมป์เล็ก ๆ อยู่ด้วย นี่ก็เริ่มมืดแล้ว พวกเราพักผ่อนที่นี่กันก่อนไหม?” เสียงหนึ่งดังมาจากรถ
“พักที่นี่กันเถอะ จำไว้ให้ดีว่าต้องระวังทุกฝีก้าว” อีกเสียงหนึ่งดังตามมา จากนั้นคนหกคนก็เดินออกมาจากรถ แน่นอนว่าทั้งหกคนนี้เป็นเพียง “มนุษย์” ในนิวซีแลนด์ที่มีการประเมินว่าเป้นเพียงไม่กี่คนที่ยังคงมีรูปร่างเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ คนบางส่วนก็ตายไปแล้ว และอีกกว่า 90% ของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็อยู่ได้จากการผสานรวมยีนกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ
“หัวหน้าดูเหมือนว่าจะมีคนพักที่นี่มาก่อน …… หัวหน้า หัวหน้า ที่นี่มีเนื้อเยอะมาก!” ทันใดนั้นคนที่ถูกส่งตัวไปตรวจสอบสถานการณ์ก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เขาวิ่งไปทางร่างของกิ้งก่าหนามพิษ
“เดี๋ยวนะ!” ชายผู้ที่ถูกเรียกว่าหัวหน้าเรียกให้ชายคนนั้นหยุด
“มีอะไรเหรอ หัวหน้า!” โชคดีที่บารมีของหัวหน้ายังดีอยู่ หลังจากที่คนในทีมกำลังตื่นเต้นดีใจ แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่หัวหน้าทัดทานพวกเขาก็หยุดทันที
“ระวังหน่อย ในยามที่หิวแบบนี้ แล้วมีเนื้อสัตว์ประหลาดอยู่ตรงหน้า พวกนายว่ามันไม่แปลกหรือไง” หัวหน้าพูดพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ร่างกิ้งก่าหนามพิษ
มีกลุ่มคนมาที่นี่ หัวหน้าตรวจสอบร่องรอยรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง ในขณะที่คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเรื่อย ๆ
“เป็นอะไรไป หัวหน้า?”
“ผู้มีฝีมือ แล้วก็เนื้อสัตว์นี่กินไม่ได้”
“ดูจากร่องรอยเหล่านี้ จะเห็นได้ชัดว่ามีคนพบสัตว์ประหลาดตัวนี้ที่ริมแม่น้ำ แต่พวกเขาก็ไม่ได้สร้างความโกลาหลอะไรมากนักและเมื่อดูร่องรอยของหนามแหลมเล็ก ๆ เหล่านี้ มันกระเด็นในขอบเขตเล็ก ๆ เท่านั้น แต่ตรงกลางนั้นไม่มี นอกจากนี้ยังไม่มีคราบเลือดใด ๆ อยู่รอบ ๆ จึงเห็นได้ชัดว่าหนามแหลมเหล่านี้ถูกปัดป้องทั้งหมด ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้รอบ ๆ สัตว์ประหลาดตัวนี้น่าจะถูกตัดหัวโดยตรง มันเป็นรอยตัดที่เรียบ ฉันเกรงว่าคน ๆ นั้นคงมีอาวุธที่คมมากอยู่ในมือของเขา” หัวหน้าค่อย ๆ เริ่มวิเคราะห์จากร่องรอยเล็ก ๆ บางอย่างบริเวณนั้น
“สัตว์ประหลาดตัวนี้น่าจะมีพิษ ……” ในขณะที่เขาพูด หัวหน้าก็มองไปที่ช่องว่างขนาดใหญ่บริเวณหน้าอกและหน้าท้องของเจ้าสิ่งนั้นที่ถูกตัดโดยไป๋อี้
“มอล์รี่เอามีดไปหั่นเนื้อนั่นมา” หัวหน้าบอกกับเด็กชายอย่างกะทันหัน
“แต่ว่าหัวหน้าเพิ่งบอกว่ามันมีพิษไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่มันมีพิษ แต่ฉันไม่ได้จะให้กินมัน เจ้าสิ่งนี้อาจจะเป็นประโยชน์ในบทบาทอื่น ดังนั้นจึงควรเตรียมการเอาไว้” หัวหน้าอธิบาย หลังจากตัดชิ้นเนื้อขนาดใหญ่ออกไปแล้ว หัวหน้าได้ขุดหลุมเพื่อฝังกิ้งก่าหนามพิษตัวนี้ หากทิ้งมันลงในแม่น้ำ เกรงว่ามันจะแพร่พิษไปเป็นบริเวณกว้าง
“ ฃฉันมั่นใจด้วยว่าพวกเขาจะต้องมีเชฟฝีมือเยี่ยมอยู่ในทีมด้วย ไม่รู้ว่าพวกเขาเดินทางไปนานแค่ไหนแล้ว แต่กลิ่นของอาหารยังติดอยู่ที่นี่อยู่เลย……” ผู้ชายคนนั้นพูดและกลืนน้ำลายอึกใหญ่ จากนั้นก็พบเศษซากจากหม้อไฟถูกเทอยู่ที่มุมหนึ่ง
“นี่แกหมายความว่าฝีมือการทำอาหารของฉันแย่และของที่ฉันทำก็ไม่อร่อยใช่ไหม?” ชายที่มีรูปร่างอ้วนเป็นหมูเดินออกมาและพูดด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคือง
“มันไม่อร่อย ……”
“งั้นแกก็มาทำสิ ฉันไม่อยากทำหน้าที่นี้แล้ว ……” ชายหมูอ้วนปฏิเสธการทำหน้าที่ทันที
“เฮ้ นายทำแบบนี้ได้ยังไง พวกเราที่นี่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนเอาอาหารที่นายทำเข้าปาก บัดซบ อย่ามาทำอวดดีหน่อยเลย … ” เกิดความวุ่นวายโกลาหลขึ้นกับกลุ่มพวกเขา
หัวหน้าอดไม่ได้ที่จะหาอะไรมาคลุมหัว คนกลุ่มนี้ช่างโง่เง่าสิ้นดี ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังมองหาเชฟตัวจริง เชฟตัวจริงหมายถึงผู้ที่สามารถทำอาหารอร่อยจากวัตถุดิบแปลก ๆ เหล่านั้นได้ อันที่จริงแล้วเครื่องปรุงแบบปกติอย่างน้ำมันหรือเกลือต่าง ๆ ไม่ควรปรุงผิดที่ผิดทาง แต่ตอนนี้ไม่มีส่วนผสมแบบปกติแล้วในนิวซีแลนด์ ทำให้พวกเขาไม่สามารถจัดการได้ เรื่องรสชาติของมันยิ่งไม่ต้องพูดถึง การกินอาหารที่ทำโดยลุงหมูไม่กี่วันก่อนทำให้ลิ้นของพวกเขาแทบจะขึ้นรา
ไม่สิ ควรจะพูดว่าแค่ที่พวกเขาไม่ได้รับพิษจนถึงแก่ความตายก็นับว่าพลังชีวิตพวกเขาแข็งแกร่งมากแล้ว
……
ไป๋อี้ไม่รู้ว่าเศษหม้อไฟที่เขาเททิ้งไว้ที่มุมนั้นเกือบจะทำให้เกิดการต่อสู้กันภายในทีมของคนกลุ่มนั้น ถ้าเขาได้รู้เขาจะต้องหัวเราะออกมาอย่างแน่นอน
ตอนนี้ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ได้มาถึงที่เทามารูนุยแล้ว
เทามารูนุยตั้งอยู่ที่จุดบรรจบของแม่น้ำวังกานุยและแม่น้ำโอการุย ทิวทัศน์ที่นี่สวยงามมาก ตอนที่ไป๋อี้หยุดพักร้อนจากมหาวิทยาลัยไวกาโต้เมื่อปีที่แล้วเขายังพาโม่โม่มาเที่ยวเล่นสกีที่นี่อยู่เลย แต่ตอนนี้เมืองในยามเย็นกลับไม่มีชีวิตชีวา สิ่งที่เผยให้เห็นท่ามกลางหิมะที่ตกค้างอยู่มีเพียงความเย็นยะเยือกและวังเวง
“ไปกันเถอะ ในขณะที่ยังไม่มืด เราจะหาที่พักกันในเมืองนี้” ไป๋อี้พูด
เมืองในปัจจุบันไม่วุ่นวายเหมือนตอนที่นิวซีแลนด์เปลี่ยนไปในตอนแรกอีกแล้ว รวมถึงความไม่รู้อีโหน่อีเหน่และไม่รู้วิธีการต่อสู้ในตอนแรกของไป๋อี้และคนอื่น ๆ นั้นก็ไม่มีอีกต่อไปเช่นกัน
ไป๋อี้ขับรถมาถึงริมเมืองและแวะที่ร้านกาแฟชื่อ TheFlaxCafe ครั้งสุดท้ายที่ไป๋อี้มาที่นี่เขาเคยแวะที่ร้านกาแฟแห่งนี้ กาแฟที่นี่รสชาติดีมากและร้านก็ไม่ได้ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป ที่นี่มีขนาดเพียงพอสำหรับพวกเขาไม่กี่คนหากจะพักผ่อนอยู่ที่นี่ และห่างออกไปไม่ไกลคือปั๊มน้ำมัน แม้ว่ามันจะถูกทำลายไปแล้ว แต่ไป๋อี้ก็ยังคงหวังว่าจะได้พบน้ำมันที่นั่น ไม่เช่นนั้นรถของพวกเขาจะไม่สามารถขับได้อีก
“ไป๋อี้ คุณหาอะไรน่ะ?” ซาร่าอดไม่ได้ที่จะถามเมื่อเห็นไป๋อี้คุ้ยอะไรบางอย่างอยู่ในร้านกาแฟ
“ครั้งสุดท้ายที่ฉันมาที่ร้านกาแฟแห่งนี้ฉันได้พูดคุยกับโยชิโมโตะ เขาบอกฉันว่าเขามีกาแฟชะมดที่ล้ำค่า ยังไงก็อดที่จะไม่ดื่มมันไม่ได้ อ๊า ฉันพบมันแล้ว …… !” ไป๋อี้พูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำลง ครั้งสุดท้ายที่ฉันดื่มกาแฟที่นี่สภาพแวดล้อมยังคงอบอุ่นและเงียบสงบ แต่เมื่อมาที่นี่อีกครั้งมันไม่มีอะไรเลยนอกจากมนุษย์ โยชิโมโตะไม่แม้แต่จะหยิบกาแฟที่เขารักไปเสียด้วยซ้ำ เป็นไปได้ว่าอาจมีอุบัติเหตุครั้งใหญ่เกิดขึ้นที่นี่