“ไม่จริง ถ้ามันเป็นสายพันธุ์ที่ดีที่สุด นกฮัมมิ่งเบิร์ดตัวนี้น่าจะทำร้ายคุณและหมอเมย์ริสรุนแรงกว่านี้ไม่ใช่หรือ” เฮลัวส์ถาม
“ไม่ใช่อย่างนั้น เมื่อครู่นี้นกสองตัวหลบหนีจากการฟันครั้งแรกได้ แต่ในขณะนั้นฉันรู้สึกว่านกฮัมมิ่งเบิร์ดตัวนี้จู่โจมรุนแรงขึ้น ฉันจึงหยุดมันเป็นตัวแรก แต่นกฮัมมิ่งเบิร์ดตัวที่สองมันเจาะเข้ามาทันที นั่นให้ความรู้สึกว่านกฮัมมิ่งเบิร์ดตัวที่สู้กับดาบนั้นดีกว่า เอ่อ …… ไม่มีอะไรมาก” ไป๋อี้อธิบาย
“ขอ ขอโทษนะ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง ถ้าฉันไม่เปิดประตูล่ะก็!” วูล์ฟรู้สึกผิด
“ไม่ใช่เพราะนายหรอก ฉันขอให้นายเปิดประตูเอง มันเป็นการวางแผนผิดพลาดของฉันเอง คิดไม่ถึงว่าเจ้านกฮัมมิ่งเบิร์ดเหล่านั้นจะเปลี่ยนไปเป็นนกที่เฉลียวฉลาด พวกมันล่อเหยื่ออย่างไม่ต้องลงมือขวนขวายอะไรเลย” ไป๋อี้เห็นวูล์ฟตำหนิตัวเองจึงใช้มือขวาตบแขนวูล์ฟเบา ๆ เพื่อเป็นการคลายกังวลให้เขา
“ไป๋อี้ เมื่อครู่นี้นายพูดว่าอะไรนะ?” หลังจากเฮลัวส์ได้ยินไป๋อี้พูด เธอก็ถามประโยคนี้ขึ้นมาทันที
“ไม่ใช่เพราะนายหรอก ฉันขอให้นายเปิดประตูเอง มันเป็นการวางแผนผิดพลาดของฉันเอง คิดไม่ถึงว่าเจ้านกฮัมมิ่งเบิร์ดเหล่านั้นจะเปลี่ยนไปเป็นนกที่เฉลียวฉลาด พวกมันล่อเหยื่ออย่างไม่ต้องลงมือขวนขวายอะไรเลย” ไป๋อี้มองไปที่สีหน้าท่าทางของเฮลัวส์ เขาคาดเดาถึงสิ่งที่เฮลัวส์คิดและพูดซ้ำในสิ่งที่เขาเพิ่งพูดไป วูล์ฟอยากจะพูดอะไรบางอย่างขึ้นมาอีกแต่ถูกไป๋อี้โบกมือห้ามรบกวนเฮลัวส์ในเวลานี้ ประกายความคิดเพียงแวบเดียวก็อาจเป็นข้อมูลที่สำคัญมาก ๆ
“เฉลียวฉลาด ใช่ สัตว์ที่เกิดการวิวัฒนาการพวกมันมีความฉลาดมาก!” หลังจากคิดเรื่องนี้ได้สักพักเฮลัวส์ก็เงยหน้าขึ้นและพูดกับทุกคนอย่างตื่นเต้น
“ไป๋อี้ฉันเพิ่งสังเกตว่าชาร์ไป่ดูเหมือนจะเข้าใจคนอื่น ๆ มากขึ้น เขาฉลาดขนาดนี้มาโดยตลอดเลยหรือ?” เฮลัวส์ถาม
“จริง ๆ แล้วชาร์ไป่ก็ฉลาดมาโดยตลอด ราวกับว่ามันสามารถเข้าใจโม่โม่ได้ แต่เมื่อคุณถามแบบนี้ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะฉลาดขึ้นกว่าเดิมจริง ๆ” ไป๋อี้จำได้ว่าตอนมาที่โรงเรียนมัธยมโฮโทโรฮังกา ระหว่างทางที่เจอสุนัขตัวใหญ่อีกตัวชาร์ไป่ก็เห่าตอบโต้กับสุนัขตัวใหญ่ตัวนั้น
“อันที่จริงมันไม่ใช่แค่ชาร์ไป่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสัตว์เลี้ยงของหนูน้อยเวอร์เนอร์ด้วย พวกคุณคงไม่คิดว่ามันจะเป็นเพียงความแสนรู้ของมันใช่ไหม”
เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาก็นึกถึงสัตว์เลี้ยงทั้งสองในทีม โดยปกติแล้วพวกเขาคิดว่าทั้งชาร์ไป่และพูพูนั้นฉลาดแสนรู้มาก ไม่เหมือนสัตว์เลี้ยงทั่วไป แต่ตอนนี้หลังจากที่เฮลัวส์พูดแล้ว ดูเหมือนว่ามันเฉลียวฉลาดมากจริง ๆ อย่างไรก็ตามนี่มันมีอะไรผิดปกติหรือไม่ เมื่อมันฉลาดขึ้นการดูแลจัดการก็ง่ายขึ้นมาก มิฉะนั้นมันคงวิ่งพล่านสะเปะสะปะวุ่นวายไปทั่ว
“เซลล์ดัดแปลง!” ไป๋อี้กล่าวอย่างจริงจังและหนักแน่น
“อื้ม เซลล์ดัดแปลง!” เฮลัวส์พยักหน้า
“นี่พวกคุณพูดเรื่องอะไรอยู่กันแน่” วูล์ฟถาม
“เป็นผลสืบเนื่องมาจากเซลล์ดัดแปลง ตอนนี้พวกเราคิดหาเหตุผลออกแล้ว ผลสืบเนื่องจากเซลล์ดัดแปลงมีทั้งหมดสามประการ คือ 1.ความสามารถในการกระตุ้น 2.การผสานรวมยีน 3.ปรสิตลูกโซ่ ถ้าฉันคาดการณ์ไม่ผิด ตอนนี้เราต้องเพิ่มความสามารถอีกอย่างหนึ่งเข้าไปแล้วล่ะ ……”เฮลัวส์เห็นท่าทางงงงวยของวูล์ฟ เธอก็อดไม่ได้ที่จะอธิบายเพิ่ม
“เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสติปัญญา!”
“ยกระดับสติปัญญา!”
“ปลุกความเฉลียวฉลาด!”
พวกเขาสามคนพูดขึ้นมาในเวลาเดียวกัน แม้คำพูดจะไม่ตรงกัน แต่ก็สื่อความหมายเหมือนกัน
“มีด้วยเหรอ เซลล์ดัดแปลงมีผลสืบเนื่องแบบนี้ด้วยเหรอ? ทำไมฉันไม่รู็สึกอย่างนั้นบ้างเลย” วูล์ฟอดไม่ได้ที่จะเกาหัวแกรก ๆ และพูดอย่างคนเขลาเมื่อได้ยินคำพูดของทั้งสามคน
“นายน่ะเกินเยียวยาแล้วล่ะ จริง ๆ นะ เซลล์ดัดแปลงคงช่วยยกระดับสติปัญญานายไม่ไหวจริง ๆ” ไป๋อี้พูดหยอกล้อเขา
“ฮ่า ๆๆๆ!” พอไป๋อี้พูดจบ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“สรุปสั้น ๆ ว่านี่เป็นการคาดการณ์ว่าหลังจากสิ่งมีชีวิตเกิดการการวิวัฒนาการแล้วมันจะค่อย ๆ ฉลาดขึ้น ใช่หรือไม่” ไป๋อี้กล่าว
จนถึงตอนนี้เมย์ริสได้รักษาบาดแผลที่ต้นขาเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบแม้ว่าเมย์ริสไม่ได้พูดอะไรมากนัก แต่เธอไม่ได้เหมือนกับผู้หญิงทั่วไปสักนิด อย่างเช่น ผู้หญิงที่หวานหยาดเยิ้ม เมย์ริสซึ่งอยู่มาจนถึงวัยกลางคนมีประสบการณ์หลายอย่างที่ทำให้เธอเป็นผู้ใหญ่และใจเย็นมากขึ้น
“ยื่นมือซ้ายออกมา!” เมย์ริสพูดกับไป๋อี้
“อืม!”
“มือซ้ายของคุณอาการหนักมากจริง ๆ นี่คุณไม่อยากจะมีมือซ้ายอีกต่อไปแล้วหรือไง” เมย์ริสเหลือบมองไปที่มือซ้ายของไป๋อี้ จากนั้นก็พูดประโยคนี้กับเขาจนไป๋อี้พูดไม่ออก ตั้งแต่เมืองเตอวามูตูที่มือซ้ายของเขาได้รับบาดเจ็บ สองวันก่อนมือของเขาก็แตกเพราะการต่อสู้กับหยูหาน วันนี้ก็เป็นอีกเช่นกัน หรือว่าเขาไม่อยากจะมีมือซ้ายอีกต่อไปแล้วกัน
“มันเป็นเหตุสุดวิสัยน่ะ เหอะ ๆๆๆ!” ไป๋อี้พูดอย่างไม่มั่นใจแม้แต่น้อย
เวลาต่อมาฝ่ามือของไป๋อี้ก็ถูกพันผ้าพันแผลเสร็จ จากนั้นไป๋อี้ก็หยิบเครื่องวิทยุสื่อสารขึ้นมาลองดู ระยะทางไม่ได้ไกลเกินไปทำให้เขายังสามารถติดต่อสื่อสารกันได้
หลังจากเชื่อมต่อการสื่อสารกันได้แล้ว ไป๋อี้ก็ได้บอกหงฉี่ฮว๋าเกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับนกฮัมมิ่งเบิร์ดในสวนนิเวศวิทยา เขาเตือนหงฉี่ฮว๋าให้ระวังตัวไว้ ตอนนี้ไม่ใช่แค่สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่เท่านั้นที่เป็นอันตรายถึงชีวิต แม้แต่สัตว์และแมลงขนาดเล็กก็เป็นอันตรายไม่แพ้กัน
หลังจากจบการสนทนากับหงฉี่ฮว๋า ไป๋อี้ และคนอื่น ๆ ก็เฝ้ารออย่างเงียบ ๆ ในห้องสังเกตการณ์เล็ก ๆ แห่งนี้โดยที่ยังไม่รู้ว่านกฮัมมิ่งเบิร์ดจะจากไปเมื่อไหร่
“วูล์ฟ นายได้ผสานรวมยีนของสุนัขไว้ด้วย ดังนั้นความสามารถในการได้ยินของนายน่าจะเพิ่มขึ้นมาก ถ้านายตั้งใจฟังให้ดี นายน่าจะได้ยินเสียงอะไรบ้างนะ” ไป๋อี้กล่าว
“แบบนี้เหรอ?”
วูล์ฟรู้สึกประหลาดใจ แต่เพราะคำพูดของไป๋อี้เขาจึงเริ่มที่จะตั้งใจฟังการเคลื่อนไหวภายนอกอย่างระมัดระวัง หลังจากจดจ่อกับเรื่องนี้ วูล์ฟก็ตระหนักได้ว่าเป็นจริงตามที่ไป๋อี้พูด เขาได้ยินเสียงบางอย่างจากภายนอกจริง ๆ
หูสุนัขของวูลฟ์แนบติดอยู่กับประตู หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ขยับช้า ๆ แล้วพยักหน้า “ฉันได้ยินแล้ว มันยังอยู่ข้างนอกนั่น เสียงยังดังหึ่ง ๆ อย่างเบา ๆ แปลกจริง ทำไมฉันเพิ่งสังเกตเห็นเรื่องนี้นะ”
“ฉันพอจะคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น!” ไปอี้มองไปที่วูล์ฟและพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“หลังจากปรสิตของเซลล์ดัดแปลงเข้าไปแอบแฝงและผสานรวมยีนชีวภาพต่าง ๆ ร่างกายมนุษย์ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่รูปลักษณ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ด้วย เช่น ความแข็งแกร่ง ความเร็ว ประสาทสัมผัสทั้งห้า …… แต่ที่จริงสิบกว่าวันที่ผ่านมาทุกคนยังไม่มีใครมีความสามารถเหล่านี้ แม้ว่าพวกเขาจะเปลี่ยนไป แต่ ‘จิตใต้สำนึก’ ที่ก่อตัวขึ้นในร่างกายมานานหลายทศวรรษเป็นตัวขวางกั้นไม่ให้ทุกคนแสดงพลังเหล่านี้ออกมาอย่างเต็มที่” ไป๋อี้ยื่นมือขวาออกและกำหมัดแน่น
“แบบนี้เองเหรอ ก็เป็นอย่างที่พูดไป เราต้องฝึกฝนด้วยตัวเอง!” เฮลัวส์และเมย์ริสพยักหน้าเห็นด้วย
“อื้ม ก็เป็นแบบนี้แหละ!” ไป๋อี้พยักหน้า
แม้แต่วูล์ฟที่หลังจากฟังคำอธิบายโดยละเอียดและตัวอย่างบางส่วน เขาก็ยังเข้าใจได้ว่าไป๋อี้หมายถึงอะไร ในขณะนี้ก็ผ่านมาเป็นเวลานานแล้ว ตามเสียงที่วูล์ฟได้ยิน นกฮัมมิ่งเบิร์ดเหล่านั้นยังไม่ได้จากไป ดูเหมือนว่าพวกมันเฝ้าจะจับไป๋อี้และทุกคนให้ได้
“จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ถึงนกฮัมมิ่งเบิร์ดจะจากไป แต่ถ้าออกไปข้างนอกเราก็อาจจะเจอกับมันอีก เราต้องหาวิธีที่จะฆ่าพกนกฮัมมิ่งเบิร์ดเหล่านั้นให้ได้” ไป๋อี้กล่าว
“ไป๋อี้นายไม่รู้วิธีใช้ดาบใช่ไหม เหมือนอย่างในภาพยนตร์น่ะ ที่เห็นประกายดาบเพียงไม่กี่ครั้ง นกฮัมมิ่งเบิร์ดทั้งหมดก็ร่วงลงสู่พื้น ……. ” วูล์ฟกล่าว
“นายกำลังล้อเล่นอะไรอยู่ ฝีมือดาบของฉันมาจากการฝึกฝนทักษะการใช้มีดในการทำอาหาร แต่มันไม่ใช่อะไรแบบนั้น” ไป๋อี้ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“งั้นจะทำอย่างไร?”
“ใช้สิ่งนี้!” เฮลัวส์พูดพร้อมชี้ไปที่ผ้าม่านในห้องที่เธอก็ไม่รู้เช่นกันว่ามีไว้ใช้ทำอะไร
“ผ้าม่าน?”
“ใช่ ใช้สิ่งนี้หุ้มช่องว่างของประตูแล้วเปิดประตู นกฮัมมิ่งเบิร์ดจะรีบเข้ามาอย่างแน่นอน จากนั้นพวกมันจะถูกขังอยู่ในม่าน” เฮลัวส์พยักหน้า
“เป็นไปไม่ได้ ผ้าม่านผืนนี้ใช้การไม่ได้ ฉันเห็นเมื่อครู่นี้ว่านกฮัมมิ่งเบิร์ดพวกนี้ใช้ปากเจาะราวกับดอกสว่าน” วูล์ฟส่ายหัว
“ไม่ มันได้ผล!” ไป๋อี้ลองดูและพบว่าแม้จะไม่ทราบว่าผ้าม่านเหล่านี้มีไว้ใช้ทำอะไร แต่ก็มีความเหนียวและนุ่มเป็นพิเศษ มันน่าจะใช้จับนกฮัมมิ่งเบิร์ดเหล่านั้นได้
เงื่อนไขตอนนี้มันง่ายมาก แม้ว่าวิธีนี้จะดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ แต่บางคนก็ไม่สามารถเมินเฉยไม่ทำตามได้ ขั้นแรกผ้าม่านถูกพับเป็นชั้น ๆ จากนั้นก็คลุมไว้ตรงตำแหน่งช่องว่างประตู จากนั้นไป๋อี้ก็พยักหน้าให้วูล์ฟ
เมื่อวูล์ฟเปิดประตูอีกครั้ง คราวนี้เสียงหึ่ง ๆ ก็ดังขึ้นมาอีกครา ขณะนั้นผ้าม่านที่ใช้ปิดช่องว่างตรงประตูอยู่นั้น จู่ ๆ ก็ถูกนกฮัมมิ่งเบิร์ดปะทะใส่อย่างแรง จากนั้นมันก็พันกันยุ่งเหยิงไปหมด
ผ้าม่านนุ่มแต่ก็มีความยืดหยุ่นมาก นกฮัมมิ่งเบิร์ดเหล่านี้เจาะและปะทะเข้าใส่ผ้าม่าน แต่มันก็ไม่ปริแตกเหมือนอย่างกระจกหน้าต่าง
สัตว์มีความสามารถในการแยกแยะระหว่างสิ่งที่แข็งแรงและสิ่งที่อ่อนแอ หลังจากที่ฉลาดขึ้นแล้วพวกมันจะไม่เผชิญหน้ากับศัตรูที่ไม่สามารถเอาชนะได้
ไม่กี่นาทีต่อมานกฮัมมิ่งเบิร์ดบางตัวก็ติดอยู่ในม่าน ในขณะที่ตัวอื่น ๆ ส่วนใหญ่ก็บินหนีจากไป จนถึงเวลานี้ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ต่างพากันรู้สึกโล่งใจ จากนั้นก็มองดูผ้าม่านที่ม้วนเป็นทรงกลมขนาดใหญ่กลิ้งไปพร้อมกับม่านที่มีนกฮัมมิ่งเบิร์ดหลายสิบตัวอยู่ข้างใน
“จะจัดการยังไงกับพวกนี้?”
“อยากจะจับมาย่างกินไหม?” วูล์ฟถาม
“นายคิดอะไรซื่อ ๆ แปลก ๆ อย่างนั้น นกฮัมมิ่งเบิร์ดเป็นนกที่เล็กที่สุดในโลก โดยทั่วไปมีขนาดเท่ากับผึ้ง นกที่ตัวเล็กที่สุดมีน้ำหนักเพียง 2 กรัม เมื่อมองดูนกฮัมมิ่งเบิร์ดเหล่านี้แม้ว่าจะตัวใหญ่กว่าเล็กน้อย แต่ก็น่าจะน้อยกว่า 10 กรัม ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าจะกินอะไรจากเจ้าพวกนี้” จู่ ๆ ไป๋อี้ก็รู้สึกได้ว่าวูล์ฟเป็นเหมือนตัวตลก
“ฉันไม่ได้คิดว่าอาหารมีไม่เพียงพอนะ สิ่งเหล่านี้คงไม่มีที่จะวางแล้ว” วูล์ฟพูดอย่างเคอะเขิน
ไป๋อี้เอื้อมมือไปจับนกฮัมมิ่งเบิร์ดที่กำลังดิ้นรนอยู่ในม่านอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงหยิบมันออกมา นกฮัมมิ่งเบิร์ดกระพือปีกอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะพยายามหนีออกจากมือของไป๋อี้ แต่ก็ไม่เป็นผลใด ๆ หลังจากนั้นไม่นานนกฮัมมิ่งเบิร์ดก็ยอมรับชะตากรรมในที่สุดและไม่พยายามต่อสู้ดิ้นรนอีก
ไป๋อี้ยื่นนิ้วชี้ออกไปแตะที่หัวของนกฮัมมิ่งเบิร์ดด้วยปลายนิ้วและในที่สุดก็ปล่อยมือของเขาออก
นกฮัมมิ่งเบิร์ดเอียงศีรษะและมองไปที่ไป๋อี้จากนั้นก็บินไปที่ขอบหน้าต่างแล้ก็มองไปที่ผ้าม่าน ไป๋อี้รู้สึกราวกับว่าเขาเข้าใจความหมายของนกฮัมมิ่งเบิร์ดตัวนี้ เขาค่อย ๆ คลี่ผ้าม่านออกและนกฮัมมิ่งเบิร์ดที่ติดอยู่ก็บินออกไปทีละตัว นกฮัมมิ่งเบิร์ดเหล่านี้เฝ้าดูไป๋อี้สักพักจากนั้นทั้งหมดก็บินหนีไปตามช่องว่างของประตู
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^
https://www.kawebook.com/story/6809
MANGA DISCUSSION