ทันทีที่รถสปอร์ตจอดโม่โม่ก็รีบลงมาทันที หนูน้อยวิ่งตรงไปหาไป๋อี้และกอดที่ขาขวาของไป๋อี้เอาไว้ จากนั้นไป๋อี้ก็ลูบหัวของโม่โม่และรวบตัวเธอเข้ามา
“หาห้องเรียนว่าง ๆ ก่อน ฉันต้องอธิบายบางอย่างให้ทุกคนเข้าใจอย่างชัดเจน” ไป๋อี้พูดกับทุกคน
ทุกคนพยักหน้าทันที จากนั้นก็เริ่มหาห้องโล่ง ๆ กันที่นี่คือโรงเรียนมัธยมต้น ดังนั้นห้องเรียนโล่ง ๆ จะต้องมีอยู่ทั่วไป โรงเรียนนั้นแตกต่างจากอาคารพักอาศัย จึงทำให้นอกจากโต๊ะและเก้าอี้ก็ไม่มีอะไรเกะกะมาก ใช้เวลาเพียงเพียงเวลาไม่นานทุกคนก็มานั่งรวมกันอยู่ในห้องเรียนที่อยู่ริมสนามเด็กเล่นเป็นที่เรียบร้อย
หนูน้อยเวอร์เนอร์รู้สึกกลัวคนแปลกหน้าไป๋อี้จึงขอให้โม่โม่นั่งกับเขา เด็กทั้งสองคนน่าจะเข้าใจกันได้ดี
“สิ่งที่ฉันต้องการจะพูดนั้น ฉันเดาว่าพวกคุณทุกคนคงรู้ดีแต่คงยังไม่เข้าใจทั้งหมด ดังนั้นฉันจะอธิบายรายละเอียดให้ฟังอย่างชัดเจน” ไป๋อี้กล่าว
“ฉันจะพูดเกี่ยวกับเรื่องการผสานรวมยีนกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ด้วยตนเอง!”
เรื่องนี้ไม่ได้หนักหนาอะไรมาก แม้ว่าทุกคนจะรู้ข้อมูลเหล่านี้แล้วแต่ในใจก็ยังคงรู้สึกเป็นกังวล ในเวลาเดียวกันหงฉี่ฮว๋าก็ได้เดินออกมาและแจกใบรายชื่อให้กับทุกคน ในกระดาษมีเนื้อหาอยู่เพียงเล็กน้อย แต่หลังจากเห็นรายการเหล่านี้การแสดงออกของทุกคนก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมา
รายการของในใบรายชื่อที่หงฉี่ฮว๋าแจกให้คือรายชื่อของทุกคน แน่นอนว่าอันดับแรกคือคนที่รวมยีนทางชีววิทยากับสัตว์อื่น ๆ แล้ว เริ่มจากวูล์ฟที่มีการผสานรวมยีนมากที่สุดไปจนถึงคนที่มีจำนวนการผสานรวมยีนน้อยที่สุด ข้อมูลข้างต้นมีอยู่ในใบรายชื่อทั้งหมด ทางด้านขวาของรายการมีการจัดอันดับความแข็งแกร่งของทุกคนโดยใช้ค่าตัวเลขง่าย ๆ เป็นตัวกำหนด แม้ว่าจะไม่ได้แม่นยำนักแต่ก็เข้าใจได้ง่าย
1.วูล์ฟ——1.สุนัข, 2.โคเนื้อ, 3.จระเข้, 4.อีแร้ง
2.มาร์ตินแอนเดอร์สัน——1.ตัวทาก, 2.ปลิง
3.หนูน้อยเวอร์เนอร์——1.หมูแคระ, 2.โคเนื้อ
4.ไป๋อี้——1.ผีเสื้อ
5.โม่โม่——1.ผีเสื้อ
6.เฮลัวส์——1.ยุง
7.เมย์ริส——1.ผึ้ง
8.ชาร์ไป่——1.ผีเสื้อ
9.พูพู——1.โคเนื้อ
10.หงฉี่ฮว๋า
11.ซาร่า
มี 9 คนที่มีการผสานรวมยีนกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ แล้ว มีเพียงหงฉี่ฮว๋าและซาร่าเท่านั้นที่ยังไม่มีการผสานรวมยีนกับสิ่งมีชีวิตใด ๆ นี่เป็นเพียงรายชื่อสมาชิกในทีมของไป๋อี้เท่านั้น อันที่จริงในกระดาษแผ่นนั้นมีรายชื่อของคนในทีมของหยูหานด้วย จำนวนคนมากขึ้นความครอบคลุมจึงกว้างขึ้นตามไป
“ที่นี่ต้องมีกฎบางประการเดี๋ยวฉันจะบอกอีกที จุดประสงค์ของการผสานยีนด้วยตนเองไม่ใช่ว่าต้องการเปลี่ยนให้ทุกคนเป็นสัตว์ประหลาด แต่เพื่อนำยีนของสิ่งมีชีวิตนั้น ๆ มาผสานรวมกับเราด้วยมือของเราเอง” หลังจากที่ไป๋อี้และทุกคนมองไปที่ใบรายชื่อไป๋อี้ก็เริ่มอธิบาย
“อาจมีบางอย่างที่พวกคุณทุกคนรู้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามฉันจะบอกกับทุกคนให้ชัดเจนอีกครั้ง”
“มาร์ติน!”
“เอ่อ ฉันอยู่นี่!” มาร์ตินตอบอย่างประหลาดใจเล็กน้อยแล้วจึงลุกขึ้นยืน แม้ว่าเขาจะรู้ว่าไป๋อี้จะพูดถึงการริเริ่มที่จะผสานรวมยีน แต่มาร์ตินก็ไม่คาดคิดว่าไป๋อี้จะเรียกเขาเป็นคนแรก
“อธิบายข้อมูลเกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลงให้ทุกคนทราบอย่างละเอียดทีนะ”
“โอ้ ได้เลย!” มาร์ตินพยักหน้ารับ
————————————————
เซลล์ดัดแปลง คือ เซลล์พิเศษที่สกัดจากสาหร่ายปีศาจ หลังจากการกลายพันธุ์ด้วยการฉายรังสีนับสิบล้านครั้ง ขั้นตอนสุดท้ายคือทำการปลูกถ่ายและเพาะเลี้ยงใน ‘ร่างแม่แบบทดลอง’ เซลล์ที่ถูกดัดแปลงจะมีความสามารถในการดูดซึมและแพร่เชื้อได้สูง เมื่อปรสิตแทรกซึมได้สำเร็จมันจะค่อย ๆ ดูดซึมเซลล์ดั้งเดิมของสิ่งมีชีวิตนั้น ๆ เพื่อให้เซลล์ดั้งเดิมเหล่านี้มีความสามารถในการกลายพันธุ์
ความสามารถของเซลล์ดัดแปลงมี 3 ประการ
1.ความสามารถในการกระตุ้น เป็นความสามารถที่สามารถสร้างพลังงานพิเศษจากพลังงานชีวภาพทั่วไปได้
ความสามารถนี้มีอยู่ในตัวคนทุกคน นั่นคือการเข้าสู่ระยะหิวโหย สภาวะการกินอาหารเข้าไปเป็นจำนวนมากอย่างบ้าคลั่ง โดยสารอาหารทั้งหมดเหล่านั้นจะถูกนำไปใช้เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานพิเศษ ดังนั้นพวกเขาจึงจะรู้สึกหิวอย่างไม่มีหยุดหย่อน
2.การผสานรวมยีน คือ การที่เซลล์ดัดแปลงมีความสามารถในการผสานรวมยีนที่แข็งแกร่งมาก สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระยะหิวโหยหากได้กินหรือสัมผัสของเหลวในร่างกายของสิ่งมีชีวิตอื่นก็จะสามารถทำการผสานรวมยีนเองได้
เซลล์ดัดแปลงมีระดับ 1-9 จำนวนยีนที่สามารถผสานรวมได้นั้นสอดคล้องกับระดับ 1-9 ยิ่งเซลล์ดัดแปลงอยู่ในระดับสูงเท่าใดก็จะสามารถผสานรวมได้มากขึ้นเท่านั้น ยิ่งผสานรวมกันได้มากเท่าไหร่รูปร่างทางกายภาพก็จะเปลี่ยนไปและจะเบี่ยงเบนไปจากรูปร่างเดิมมากยิ่งขึ้นเท่านั้น หลังจากที่ผสานรวมยีนกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ครบทุกตำแหน่งตามระดับแล้ว สิ่งมีชีวิตนั้น ๆ จะไม่สามารถผสานรวมยีนกับสิ่งมีชีวิตใด ๆ ได้อีก
3.ปรสิตลูกโซ่ เป็นปรสิตที่ถึงแม้ว่าเซลล์ดัดแปลงจะไม่ได้มาจากร่างแม่แบบทดลอง แต่ก็ยังมีความสามารถในการเป็นปรสิตแอบแฝงในร่างกายสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ได้ แต่ระดับของเซลล์ดัดแปลงก็จะลดลงจนกว่าระดับของเซลล์ที่ใช้งานจะเหลือเพียง LV1 ถึงจะสูญเสียความสามารถในการแพร่เชื้อปรสิต
4.ผลกระทบที่สำคัญที่สุดซึ่งทุกคนยังไม่สามารถสังเกตเห็นได้
————————————————
“ไม่มีทางเลือกที่เฉพาะเจาะจงในการผสานรวมยีน มันเกิดขึ้นเองตามลำดับอย่างสมบูรณ์ สิ่งมีชีวิตที่มีเซลล์ดัดแปลงแฝงตัวเป็นปรสิตอยู่จะหลอมรวมกับยีนอื่น ๆ เข้าด้วยกันเองจนตำแหน่งในการผสานยีนเต็ม โอ้ จริงสิ ตำแหน่งการผสานรวมยีนหมายถึงตำแหน่งของยีนที่เซลล์ดัดแปลงสามารถผสานรวมกันได้ พวกคุณควรจะทำความเข้าใจกับมันให้ดี” มาร์ตินกล่าว
“แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เป็นอย่างดี”
ทุกคนพยักหน้า แม้แต่หนูน้อยเวอร์เนอร์และโม่โม่ก็ยังเข้าใจได้ ถึงเมื่อไม่นานมานี้ทุกคนจะได้ยินเรื่องเหล่านี้อยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม มาร์ตินก็ได้อธิบายข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเซลล์ดัดแปลงอีกครั้ง หลังจากทุกคนยืนยันว่าเข้าใจเรื่องเหล่านี้อย่างถ่องแท้แล้ว มาร์ตินจึงนั่งลง
“ตอนนี้พวกเราในที่นี้ได้เข้าสู่กระบวนการผสานยีนกันแล้ว เมื่อนับชาร์ไป่และพูพูด้วย …… รวมได้ทั้งหมดเก้าคน! ยีนใดที่ผสานรวมกับพวกเขาบ้างได้ถูกเขียนไว้ในรายการแล้ว แน่นอนว่านี่เป็นเพียงยีนที่สามารถสังเกตเห็นได้จนถึงตอนนี้เท่านั้น อาจจะมียีนของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ อีกที่ยังไม่สามารถสังเกตเห็นได้ในตอนนี้” ไป๋อี้พูดไปพลางมองพวกเขาทีละคนไปพลาง คนอื่น ๆ ต่างพากันสังเกตดูร่างกายที่เปลี่ยนไปจากการผสานยีนกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ อย่างละเอียด
“ฉันไม่รู้ว่าภายใต้สถานการณ์แบบไหนที่ทำให้พวกคุณผสานรวมยีนเหล่านี้เข้าด้วยกัน แต่สิ่งหนึ่งที่สามารถมองเห็นได้คือตราบใดที่เซลล์ดัดแปลงยังแฝงตัวเป็นปรสิตอยู่ ความน่าจะเป็นของการผสานรวมยีนกับสิ่งมีชีวิตทางชีววิทยาอื่น ๆ ก็จะสูงมาก เป็นไปได้มากว่าร่างกายของพวกเราที่ยังสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงไม่ได้จะเกิดการผสานยีนกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ไปแล้ว” ไป๋อี้หยุดเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
“สิ่งที่มาร์ตินพูดพวกคุณคงได้ยินกันแล้ว ตามระดับของเซลล์ดัดแปลง จำนวนยีนที่เราสามารถผสานรวมยีนได้นั้นมีจำกัด ความคิดของฉันคือแทนที่จะรวมยีนที่ยุ่งเหยิงเข้าด้วยกันอย่างสะเปะสะปะภายใต้สถานการณ์ที่ไม่คาดคิด จะเป็นการดีกว่าที่จะรวมยีนสิ่งที่สามารถใช้งานและเป็นประโยชน์ได้เข้าด้วยกัน”
“เช่น …… ผีเสื้อ, หนู, กระต่าย, โคเนื้อ, หมูแคระที่เป็นสัตว์เลี้ยง พวกคุณคิดว่าการผสานรวมยีนกับสิ่งเหล่านี้มีประโยชน์อะไรบ้าง?”
จะไปมีประโยชน์อะไร ทุกคนส่ายหัวโดยไม่รู้ตัว สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีความเปราะบางมากในธรรมชาติ หลังจากการผสานรวมยีนแล้วจะมีประโยชน์อะไรบ้างนอกจากรูปร่างจะเปลี่ยนไปและก็กลายเป็นเหมือนสัตว์ประหลาด นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าจะใช้ประโยชน์อะไรได้ บางทีมันอาจพอจะเป็นประโยชน์ได้บ้าง เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนก็เท่านั้น
“ยีนจำนวนมากที่ผสานรวมกับเราอันที่จริงนั้นมันไร้ประโยชน์จริง ๆ ในความคิดของฉันมีเพียงยีนของสิ่งมีชีวิตไม่กี่ยีนที่ฉันเห็นว่ามันค่อนข้างไม่เลวเลย” ไป๋อี้กล่าวต่อ
“1.มด โดยมดสามารถยกสิ่งของได้อย่างง่ายดายมากกว่า 20 ถึง 150 เท่าของน้ำหนักตัว และถือได้ว่าเป็นจอมพลังที่แข็งแกร่ง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพลังของหยูหานก็เป็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการผสานยีนกับมด”
“2.แมว มีความสามารถในการมองเห็นในตอนกลางคืนและความยืดหยุ่นของแมวล้วนเป็นคุณสมบัติที่ดี”
“3.สุนัข ประสาทรับรู้การดมกลิ่น การได้ยิน รวมทั้งความยืดหยุ่น และอื่น ๆ ของสุนัขสามารถชดเชยความบกพร่องของมนุษย์ได้”
“4.เต่า เพราะกระดองของเต่าเป็นเกราะป้องกันที่แข็งแกร่ง”
“5.นกอีแร้ง เพราะนกอีแร้งสามารถบินได้ บางทีมันอาจจะทำวูล์ฟมีปีกงอกออกมาและ … นกอีแร้งก็ยังมีสายตาที่ดีมากนี่จึงเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง”
“นอกจากนี้ยีนของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ก็อาจมีประโยชน์เช่นกัน แต่ในมุมมองของฉันตอนนี้อันที่จริงนี่ยังไม่นับว่าเป็นการยกระดับความสามารถที่สูงนัก และแน่นอนว่ามันเป็นเพียงมุมมองปัจจุบันของฉันเท่านั้น” ไป๋อี้กล่าวอีกครั้ง
“หมายความว่าอย่างไรที่บอกว่ายังไม่ใช่การยกระดับความสามารถที่สูงมากนัก จระเข้ก็มีพลังที่ร้ายกาจมากไม่ใช่เหรอ” วูล์ฟถามอย่างสงสัยและจงใจเปิดปากจระเข้ของเขาอวดให้ทุกคนเห็น ทันใดนั้นทุกคนก็หัวเราะเบา ๆ ออกมาและบรรยากาศที่หนักอึ้งในตอนแรกก็ดูผ่อนคลายลงอย่างมาก ไป๋อี้คนนี้ไม่สามารถหัวเราะหรือร้องไห้ได้แต่เป็นการดีกว่าที่สถานการณ์จะผ่อนคลายลงบ้างเล็กน้อย
“แท้จริงแล้วเราได้ทำการจำแนกสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ อย่างง่าย ๆ ตามวิธีการบางอย่าง ซึ่งไม่ใช่ตามการจำแนกทางชีววิทยาทั่วไปแต่เป็นการจำแนกประเภทอื่นตัว อย่างเช่น จระเข้ คุณอาจคิดว่ามันมีประโยชน์และทรงพลังมากในบรรดาสิ่งมีชีวิต แต่อันที่จริงมันไม่เป็นเช่นนั้นเพราะ … ” ไป๋อี้พูดขึ้นแต่ทันใดนั้นเขาก็เอามือปิดปาก เผยให้เห็นของเหลวสีแดงไหลออกมาระหว่างนิ้วของไป๋อี้
อาการบาดเจ็บของไป๋อี้ยังไม่ดีขึ้น!
ทุกคนคิดเช่นนั้นขึ้นมาทันที แต่มีเพียงเมย์ริสเท่านั้นที่มองไปที่ไป๋อี้ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยแล้วก็ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ แม้ว่าเธอจะเรียนรู้เกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลงในภายหลัง แต่ในฐานะแพทย์ เมย์วิสมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงในร่างกายมนุษย์มาก ในกรณีของไป๋อี้ …… เมื่อเทียบกับวูล์ฟและหยูหานแล้วมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้อาการบาดเจ็บของไป๋อี้ไม่ได้ร้ายแรงเท่าวูล์ฟแต่ไป๋อี้เป็นคนสุดท้ายที่ฟื้นขึ้นมาและอาการบาดเจ็บของเขาก็หายช้ามาก ซึ่งนี่มันเป็นอะไรที่ผิดปกติเป็นอย่างมาก!
แต่เวลานี้ไป๋อี้ไก็ม่ได้สังเกตเห็นถึงสิ่งนี้ ในตอนนั้นที่เขาช่วยมาร์ตินและตอนที่ต่อสู้กับหยูหานอยู่ครู่หนึ่ง ร่างกายของเขาก็ร้อนผ่าวขึ้นมาราวกับว่ามันกำลังเดือดระอุ การเปลี่ยนแปลงแบบนี้คือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไหนของเซลล์ดัดแปลงกันแน่
อย่าเกิดเรื่องอะไรกับไป๋อี้เลยนะ!
เมย์ริสถูมือของเธอไปมาและมองไปที่ไป๋อี้อย่างเงียบ ๆ เมย์ริสสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนที่นี่จะดี แต่นั่นก็เพราะมีไป๋อี้เท่านั้นที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างทุกคน หากมีอะไรเกิดขึ้นกับไป๋อี้ทีมอาจจะดำเนินต่อไปอย่างไม่ราบรื่นแน่นอน อย่างไรก็ตามเมย์ริสก็ไม่ได้ขัดจังหวะการประชุมครั้งนี้
“หงฉี่ฮว๋า เธออธิบายให้ทุกคนเข้าใจที” ไป๋อี้พูดกับหงฉี่ฮว๋า เขาคิดเพียงว่าอาการบาดเจ็บของเขาค่อนข้างร้ายแรงและต้องได้รับการพักฟื้นเพียงเท่านั้น
เมื่อหงฉี่ฮว๋าเห็นสภาพไป๋อี้เป็นเช่นนี้ เธอก็รีบยืนขึ้นและพยักหน้าให้กับทุกคน
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^
https://www.kawebook.com/story/6809
MANGA DISCUSSION