“ปู่ฮาร์วีย์ พวกเราเลือกอาวุธบ้างได้ไหม” ฉินข่ายรุ่ยมองไปที่อาวุธเหล่านั้นด้วยความอยากได้
“แน่นอน เข้ามาเลือกสิ พวกเราจะอยู่ที่นี่และทำให้ฐานใต้ดินแห่งนี้กลายเป็นป้อมปราการขั้นสุดยอดที่ไม่ว่าสัตว์ประหลาดตัวไหนก็ไม่สามารถเข้ามาได้ เป็นด่านป้องกันชั้นสุดท้ายของมนุษย์เรา ………” ปู่ฮาร์วีย์ยิ่งพูดดวงตายิ่งเป็นประกายจนรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นที่แสดงออกมา มันดูเป็นเรื่องปกติในตอนแรกแต่พอพูดถึงวันโลกาวินาศสุดท้ายเขาก็เผยตัวตนออกมา
อาวุธพวกนี้สามารถเอาไปให้คนอื่นง่าย ๆ แบบนี้ได้เหรอ ใคร ๆ ก็รู้ว่ากำลังทางการทหารนั้นเป็นหลักประกันความมั่นคงทางการปกครองมาโดยตลอด
ไป๋อี้เหลือบตามองทีละคนทั้งฉินข่ายรุ่ย ไต้ยู่เหยา ครอบครัวโฮล์ปและเปโตรเดอร์ลาโลที่ออกมาจากโรงพยาบาล ดูเหมือนว่าพวกเขาเป็นคนเรียบง่ายไม่คิดอะไรมาก พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะออกจากสถานการณ์ตอนนี้เสมอและไม่แยเเสเรื่องพวกนี้สักนิด ไป๋อี้จึงไม่ได้พูดอะไรออกมา หงฉี่ฮว๋าและคนอื่น ๆ เห็นไป๋อี้นิ่งไปพวกเขาจึงไม่พูดอะไรมากเช่นกัน ยังไงตอนนี้ไป๋อี้ก็ถือว่าเป็นหัวหน้าทีม
ทุกคนต่างพากันไปเลือกอาวุธอย่างตื่นเต้น เพราะสำหรับคนธรรมดาแล้วนั้นยากที่จะเห็นสิ่งพวกนี้ตามร้านค้าทั่วไปได้
โจนส์กับเวอร์เนอร์สองเด็กน้อยวัยแปดขวบนั้นยิ่งตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะตามนิสัยของเด็กผู้ชายต่างก็ชอบพวกอาวุธอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเด็กวัยนี้ยิ่งแล้วใหญ่ จูเลียแม่ของหนูน้อยโจนส์เห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะคอยห้ามปรามไว้ ถ้าหากลูกของเธอไม่ได้ระมัดระวังจนทำให้ตัวเองหรือผู้อื่นได้รับบาดเจ็บขึ้นมาจะทำอย่างไร
“ทำไมล่ะ โม่โม่ตัวแค่นั้นลุงไป๋อี้ยังเลือกมีดให้เธอเลย” หนูน้อยโจนส์ไม่ยอม
จูเลียหันไปดูก็พบว่าไปอี้เลือกมีดให้โม่โม่จริง ๆ ถึงจะเป็นแค่มีดที่ยาวไม่ถึงครึ่งเมตรก็เถอะแต่พอมาอยู่กับโมโม่แล้วมันกลายเป็นมีดยาวไปเลย ไป๋อี้ช่วยเอามีดใส่ไว้ข้างหลังโม่โม่แล้วลูบหัวเล็ก ๆ ของเธอพร้อมรอยยิ้ม จูเลียไม่เข้าใจเลยว่าไป๋อี้คิดอะไรอยู่ โม่โม่อายุแค่ 4 ขวบเองนะ และนั่นก็มีดของจริงที่แทงคนได้จริง ๆ เลยนะ
“ให้โจนส์เลือกไปเถอะ เขาเป็นลูกผู้ชายต้องเรียนรู้ที่จะแบกรับความรับผิดชอบให้มาก พวกคุณไม่สามารถปกป้องเขาไว้ได้ตลอดไปหรอก” ไป๋อี้หันมาเห็นความวุ่นวายทางด้านนี้พอดีจึงได้พูดขึ้นมา
“อ๋อ …. ขอบคุณ” จูเลียตอบอย่างขอไปทีและพาเด็กน้อยเดินไปอีกทางโดยที่ไม่เปิดโอกาสให้หนูน้อยโจนส์ได้พูดอะไรออกมาสักคำ
“โดนเกลียดเข้าซะแล้ว!” วูล์ฟพูดติดตลกอยู่ข้าง ๆ
“ใช่” ไป๋อี้ยังนิ่งเฉยได้เหมือนเดิม จากที่เขาทะเลาะกับหยูหานไปรอบหนึ่งหลังได้สติ หงฉี่ฮว๋าบอกว่าภาพตอนนั้นมันดูโหดร้ายป่าเถื่อนมาก หรือจะบอกได้อีกนัยว่ามันทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวเขาก็ไม่ผิด ดังนั้นแทนที่จะบอกว่าจูเลียเกลียดไป๋อี้ให้บอกว่ากลัวไป๋อี้น่าจะถูกกว่า
“ว่าแต่นายยังเลือกอาวุธไม่ได้อีกเหรอ?” ไป๋อี้ถามวูล์ฟ
เวลานั้นหนูน้อยเวอร์เนอร์กำลังเขย่งเท้าเพื่อหยิบมีดที่เขาอยากได้บนโต๊ะ หงฉี่ฮว๋าเดินผ่านมาเจอพอดีจึงได้ช่วยหยิบมาวางไว้บนมืออ้วน ๆ ของเด็กน้อย
“ถือไว้ให้ดี จำเอาไว้นี่คืออาวุธเพื่อป้องกันเพื่อนพ้องและตัวเอง!”
หนูน้อยเวอร์เนอร์ยืนมองหงฉี่ฮว๋าอยู่ครู่นึงก็นึกได้ถึงสิ่งที่พี่เบลลิก้าทีน่าบอกกับเขาไว้ตอนนั้น
“พี่ครับ ผมขอตามพี่ไปด้วยได้ไหม” หนูน้อยเวอร์เนอร์ถามหงฉี่ฮว๋า
“ห๊า?”
“ทำไมถึงอยากตามฉันล่ะ?”
“พี่สาวเบลลิก้าทีน่าบอกว่าพวกคุณจะไปกันแล้ว ให้ผมตามพวกคุณไปด้วย”
“อย่างนี้นี่เอง!” หงฉี่ฮว๋ามองไปที่หนูน้อยเวอร์เนอร์อย่างครุ่นคิดพักหนึ่ง เบลลิก้าทีน่าคนโง่ทั้งที่รู้แก่ใจว่าเลือกทางผิดแต่ก็ยังจะตามหยูหานไปอีก เจ้าสิ่งที่เรียกว่าความรักนี่มันมีพลังเวทย์มนตร์ขนาดนั้นเลยเหรอ? เธอพึมพำอยู่ในใจแล้วถึงหันกลับมาตอบหนูน้อยเวอร์เนอร์ “อืม งั้นก็ตามฉันมาเถอะ”
…….
“ทำไมล่ะ? ไม่เข้าตาซักอันเลยเหรอ?” ไป๋อี้ถาม
“มันเล็กไปหน่อยน่ะ คิดว่าคงมีแค่ขวานเท่านั้นที่พอจะใช้ได้” วูล์ฟพูดอย่างยุ่งยากใจ วูล์ฟในตอนนี้สูงเกือบ 2.5 เมตร รูปร่างใหญ่บึกบึนและนับวันเขาก็ยิ่งเติบใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นอาวุธพวกนี้สำหรับวูล์ฟแล้วถือว่าค่อนข้างเล็กไปหน่อยจริง ๆ
“งั้นก็คงต้องใช้อันนี้ไปก่อนแล้วแหละ!” ไป๋อี๋ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน
“อันที่จริงแล้วฉันชอบคีมหนีบจากก้ามปูของเจ้าสัตว์ประหลาดจระเข้ก้ามปูยักษ์นั่นมากกว่า มันทั้งแข็งแรงและทนทาน แต่รูปทรงมันดันไม่เหมาะกับการใช้เป็นอาวุธนี่สิ” วูล์ฟพูดอย่างซื่อ ๆ พร้อมโบกมือซ้ายที่พันผ้าพันแผลไปด้วย ไป๋อี้หลุดยิ้มออกมาเมื่อได้ยินที่วูล์ฟพูด ช่างเป็นเด็กผู้ชายที่มองโลกในแง่ดีจริง ๆ
“พูดถึงเรื่องอาวุธ มีดสองเล่มนี้ดูเหมาะกับพวกนายดีนะ” หงฉี่ฮว๋าเดินเข้ามาโดยที่มีผู้ติดตามตัวอ้วนอยู่ข้างหลัง
เมื่อมาถึงมุมที่ไป๋อี้กับวูล์ฟยืนอยู่ พวกเขาก็ได้เห็นอาวุธที่หงฉี่ฮว๋าบอกว่าเหมาะกับพวกเขา
1.ดาบคะตะนะ
ตัวดาบยาวประมาณ 1.2 เมตรคล้ายกับดาบญี่ปุ่นเล่มเดิมของหยูหานแต่ดูหนาและกว้างกว่า เมื่อไป๋อี้รับมันมาเขาก็รู้สึกถึงความหนักเล็กน้อย คาดว่าน่าจะหนักประมาณ 30 กิโลเป็นอย่างต่ำ ซึ่งถือว่าหนักกว่าดาบญี่ปุ่นทั่วไปหลายเท่า แต่น้ำหนักประมาณนี้ก็ถือว่าเหมาะกับไป๋อี้ในตอนนี้เป็นอย่างมาก ไป๋อี้ดึงดาบออกมาจากฝัก ด้านหลังของดาบเป็นสีดำเล็กน้อย ส่วนผิวดาบเป็นเหล็กมันวาวมีประกายสีแดงอ่อนแทรกเล็กน้อย
น่าเสียดายที่ส่วนระหว่างด้ามจับกับตัวดาบคล้ายกับว่าเกิดความผิดพลาดระหว่างการหลอม ทำให้มันมีส่วนเกินออกมานิดหน่อย
“ดาบนี้เป็นดาบสำเร็จรูปที่ฉันซื้อมา ตัวดาบใช้เหล็กชนิดพิเศษแบบ ATS-34-03-G ที่มีความแข็งแรงมาก ที่เจียรแบบธรรมดาอย่าได้คิดว่าจะสามารถเจียรเหล็กชนิดนี้ได้ มากสุดคงทำได้แค่ขัดเงาเท่านั้นแหละ พวกคุณเห็นใช่ไหมว่าที่ด้ามจับมีตำหนิขนาดใหญ่ มันเป็นเพราะแม่พิมพ์หักระหว่างการหล่อทำให้ตรงด้ามจับมีตำหนิ แต่ไม่อย่างนั้นฉันคงจะซื้อมันมาไม่ได้ …..” ปู่ฮาร์วีย์อธิบายอยากตื่นเต้น
“เป็นดาบที่ดีทีเดียว!” ไป๋อี้กล่าวชม
มันเป็นมีดเกรดดีของจริงแม้ว่าจะมีตำหนิแต่ก็เป็นเพียงแค่ตำหนิที่ภายนอก แต่สำหรับใช้ในการต่อสู้นั้นไม่มีผลกระทบเลยแม้แต่นิดเดียว
2.ง้าว
ตัวดาบยาวประมาณ 1.5 เมตร มีด้ามจับที่ยาว ใบมีดของดาบและด้ามจับล้วนเป็นเหล็กชนิดเดียวกัน ตัวดาบกว้างและมีการไล่ระดับความหนาทำให้ส่วนหัวจึงมีความหนาที่สุด ส่วนปลายดาบโค้งเข้าเล็กน้อยดูเพิ่มความน่ากลัวให้ดาบเล่มนี้ไปอีกระดับ ดาบเล่มนี้มองดูเหมือนจะมีสีดำแซมสีน้ำเงินเล็กน้อย นั่นคงจะเป็นแสงสะท้อนจากตัวโลหะที่ใช้ เพราะตัวดาบไม่ได้ถูกเจียรอย่างสมบูรณ์ จึงให้ความรู้สึกหนักแน่นและทนทาน
ทันทีที่ไป๋อี้ลองถือดาบเล่มนี้มือของเขก็ค่อย ๆ ตกลงทันที เจ้าดาบเล่มนี้คงจะมีน้ำหนักอย่างน้อย 70 กิโล ถ้าเป็นเมื่อก่อนเกรงว่าไป๋อี้คงจะต้องใช้ทั้งสองมือจึงจะถือมันเอาไว้ได้
ดาบนี้ไม่จัดว่าเป็นดาบที่ดีมาก มองดูก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรพิเศษ ไป๋อี้ดูไม่ออกจริง ๆ ว่าดาบนี้มีอะไรพิเศษ
“ดาบนี้ฉันทำมันขึ้นมาด้วยตัวเอง หลังจากที่ได้เจ้าดาบคะตะนะนั้นมาฉันก็รู้สึกกระตือรือร้นจนอยากทำเองสักเล่ม แต่พวกเหล็กแบบพิเศษในประเทศเราถูกควบคุมการซื้อขายอย่างเข้มงวดทำให้ไม่สามารถซื้อได้ สุดท้ายฉันจึงใช้แค่เหล็กที่เกรดดีกว่าปกติมานิดหน่อยเท่านั้น และเพราะว่าคุณภาพเหล็กของดาบเล่มนี้ไม่ได้ดีเท่าดาบคะตะนะ จึงทำให้ตัวดาบมีน้ำหนักมากเป็นพิเศษ ถ้าหากคุณมีสไตล์การต่อสู้ที่อาศัยความหนักแน่นและแข็งแรงก็ต้องเป็นดาบเล่มนี้แล้วแหละ” ปู่ฮาร์วีย์อธิบายอย่างภาคภูมิใจ
อาวุธของหงฉี่ฮว๋าคือมีดสั้นคู่ ตัวมีดรวมไปถึงด้ามจับยาวไม่ถึง 25 ซม. เธอเหน็บมันไว้ตรงเอวทั้งสองข้าง หงฉี่ฮว๋าเป็นคนแรกที่ติดต่อกับปู่ฮาร์วีย์ เพราะฉะนั้นมีดสั้นคู่สองเล่มนั้นย่อมเป็นมีดเกรดอย่างดี ไป๋อี้ไม่ต้องถามอะไรมากเพราะดูท่าแล้วหงฉี่ฮว๋าคงชอบมีดสั้นนี้มากจริง ๆ
“หงฉี่ฮว๋าบอกกับฉันว่าพวกนายชอบอาวุธจำพวกมีดดาบ ดังนั้นจึงให้ฉันเตรียมมาให้พวกนายเป็นพิเศษ” ปู่ฮาร์วีย์อธิบาย
“แบบนี้นี่เอง ขอบคุณนะ” ไป๋อี้ขอบคุณจากใจ
“นี่ปู่ฮาร์วีย์ อาวุธทางการทหารนั้นเป็นหลักประกันความมั่นคงทางการปกครองมาแต่นมนาน เมื่อคุณแบ่งอาวุธพวกนี้ออกไปให้ทุกคนแล้วคุณควรจะระแวดระวังภัยให้ดี” ไป๋อี้พูดกับปู่ฮาร์วีย์ตรง ๆ ไป๋อี้รู้สึกว่าการที่ปู่ฮาร์วีย์มาอยู่ในฐานใต้ดินแห่งนี้ยังเป็นเรื่องที่ไม่น่าไว้ใจ สิ่งที่อันตรายที่สุดไม่ใช่พวกสัตว์ประหลาดหรอกแต่เป็น ………. ใจคน
ทว่าเห็นได้ชัดว่าปู่ฮาร์วีย์ไม่ได้สนใจคำพูดของไป๋อี้เลย
ฉินข่ายรุ่ย เปโตร และคนอื่น ๆ แอบมองมาทางด้านนี้เป็นพัก ๆ เมื่อเห็นพวกกลุ่มไป๋อี้คุยอยู่กับปู่ฮาร์วีย์พวกเขาก็ไม่ได้เข้ามารบกวน แต่ก็ไม่อาจปกปิดถึงความลอกแลกในแววตาได้เลย พวกไป๋อี้ได้เลือกอาวุธเกรดดีในคลังนี้?
หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็เลือกอาวุธให้กับตัวเองจนเสร็จเรียบร้อย จึงพากันเดินออกมาจากห้องคลังอาวุธ ผ่านไปแป๊บเดียวห้องคลังอาวุธนี้ก็โล่งไปกว่าครึ่งจากเดิมทีที่มีอาวุธอยู่ไม่มากเท่าไหร่ ตอนนี้ทุกคนต่างรู้สึกกระตือรือร้นและไฟแรงเดือดพล่านขั้นสุด
……
“ลุงไป๋ ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมต้องให้ทุกคนเลือกอาวุธของตัวเอง แล้วเน้นให้เลือกเฉพาะอาวุธแบบศัสตราวุธด้วยล่ะ” หงฉี่ฮว๋าถามขึ้นมา ที่ฐานนี้ก็มีอาวุธเคมีอยู่อีกไม่น้อย แต่ไป๋อี้กลับไม่เลือกพวกปืนมาเลย
“ฉันคิดว่าเธอรู้อยู่แล้วซะอีก”
“คิดว่าเข้าใจนิดหน่อยเพราะกระสุนเป็นของสิ้นเปลือง เมื่อใช้เสร็จแล้วก็ยังต้องเติมอีกใช่ไหม?” หงฉี่ฮว๋าตอบ
“นั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่ง อีกเหตุผลก็คือพลังของกระสุนนั้นเกิดจากเครื่องจักรและดินปืน ดังนั้นอานุภาพของพวกมันจึงค่อนข้างจะคงที่ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้กระสุนปืนเหล่านี้ถือว่าเป็นอาวุธอันตรายของสิ่งมีชีวิตบนโลก แต่อนาคตการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตและมนุษย์จะเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา ผลลัพธ์จากอานุภาพของกระสุนปืนก็จะต้องน้อยลงเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน” ไป๋อี้อธิบายอย่างจริงจัง
ในตอนนั้นวูล์ฟก็ถือง้าวเล่มนั้นกวัดแกว่งไปมาอย่างอารมณ์ดีจนหุบยิ้มไม่ได้ แค่ฟังจากเสียงลมจากการกวัดแกว่งก็แสดงได้ถึงพลังการทำลายล้างอันน่ากลัวของมีดเล่มนี้แล้ว
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเจ้ามีดที่หนักกว่า 70 กิโลกรัมแบบนี้เกรงว่าถึงจะใช้สองมือตวัดมันไปมาก็ยังจะมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทำได้ แต่วูล์ฟในตอนนี้ใช้เพียงมือเดียวก็ยังไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นวูล์ฟและนึกถึงการเปลี่ยนแปลงของทุกคนในตอนนี้หงฉี่ฮว๋าก็พยักหน้าเห็นด้วย
เซลล์ดัดแปลงทำให้เกิดพลังงานพิเศษที่สามารถเพิ่มระดับพลังในทุก ๆ ด้านของร่างกายตัวเอง ทั้งพลังทางชีวภาพ สัมผัสทั้งห้า ความว่องไว และการผสานรวมยีนจากสิ่งมีชีวิตอื่น นอกจากนี้ยังสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองได้อย่างรวดเร็ว ทำให้อาวุธที่มีอานุภาพแบบจำกัดอย่างกระสุนปืนนั้นไม่นานก็จะหมดประโยชน์ไป
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^
https://www.kawebook.com/story/6809
MANGA DISCUSSION