หลังจากผ่านช่วงเวลานี้ไป ในที่สุดความคิดของทุกคนก็เปลี่ยน ภายใต้คำสั่งของหยูหาน คนที่เหลือก็ง่วนอยู่กับการจัดเรียงสิ่งของที่สามารถใช้ได้บนรถบรรทุกและรถยนต์ เพื่อเตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางต่อ
เบลลิก้าทีน่าเห็นหยูหานเดินไปหาหนิงเสวี่ยและกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาเบา ๆ นั่นทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก
ในขณะนั้นเอง ทันใดก็มีเสียงรถที่กำลังขับมาและมันก็มุ่งตรงมาที่นี่ ทุกคนมองตามไปในทันทีแล้วก็ต้องประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อรถคันนั้น … ไม่ใช่รถคันที่ฉินข่ายรุ่ยและเหม่ยหลินขับไป
เสียงเอี๊ยดดังขึ้นพร้อมกับรถที่หยุดอย่างกะทันหัน จากนั้นฉินข่ายรุ่ยและเหม่ยหลินก็รีบลงจากรถด้วยความตกใจ ใบหน้าของฉินข่ายรุ่ยเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจากผิวหนังบนใบหน้าของเขาที่ถูกฉีกออก
“สัตว์ประหลาด เราพบสัตว์ประหลาดและมันกำลังไล่ตามเราอยู่ข้างหลัง!” ฉินข่ายรุ่ยพูดอย่างไม่ปะติดปะต่อ
ในเวลานี้ทุกคนเห็นว่ารถที่ฉินข่ายรุ่ยขับมามีเมือกสีดำติดอยู่และหน้าต่างทั้งหมดก็แตก ส่วนเสื้อผ้าของฉินข่ายรุ่ยก็ถูกฉีกเป็นแถบ ๆ ผิวหนังกำพร้าบนใบหน้าและร่างกายส่วนบนของเขาดูเหมือนจะโดนฉีกโดยตรง อีกทั้งยังมีเลือดไหลออกมาอีก เหม่ยหลินมีอาการดีกว่าเล็กน้อย แต่ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยเลือดเช่นกัน
“ไอ้เลว พวกแกเจอตัวอะไร?” หยูหานอยากจะฆ่าผู้ชายคนนี้ทันทีในเวลานี้ ดูจากสภาพทุกคนตอนนี้หลังจากที่เพิ่งเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดมา เขากลัวว่าทุกคนจะถูกจับกินกันหมด
“ปลาหมึก … มันน่าจะเป็นปลาหมึก แต่ไม่ใช่ทั้งหมด หนวดสองสามอันของมันดูดเข้ามาในรถ ฉันเกาะพวงมาลัยไว้แน่น จากนั้นก็เปิดประตูรถและวิ่งออกมา” ผิวหนังบนใบหน้าของฉินข่ายรุ่ยฉีกขาด ฟังเขาพูดแล้วก็รู้สึกว่ามีอะไรเลื้อยขยุกขยิกอยู่ตามเนื้อหนังมังสา ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเขาคือฉินข่ายรุ่ยและเขายังมีชีวิตอยู่ เกรงว่าผู้หญิงหลายคนคงจะรู้สึกอยากอ้วกขึ้นมาเป็นแน่
“ปลาหมึก?” ใครบางคนยังต้องการถามต่อ ปลาหมึกเป็นสิ่งมีชีวิตในทะเล มันจะขึ้นมาบนพื้นได้อย่างไร แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่าหากมันมีรูปร่างคล้ายปลาหมึก บางทีมันก็อาจจะมียีนของปลาหมึกด้วยเช่นกัน โดยพื้นฐานแล้วมันคือสัตว์ประหลาดที่เกิดการผสานรวมกันทางพันธุกรรม ดังนั้นจึงเข้าใจได้ไม่ยากว่าทำไมมันจึงสามารถขึ้นมาบนพื้นได้
“แม่แกเถอะ ไอ้งี่เง่า!” หยูหานด่าอย่างดุเดือด
“อย่ามัวแต่กังวลอะไรเลย รีบขึ้นรถแล้วรีบไปกันเถอะ” หยูหานรู้ว่าอันที่จริงเวลาเพิ่งผ่านไปไม่นานนับตั้งแต่การต่อสู้เกิดขึ้น นั่นแสดงว่าสถานที่ที่ฉินข่ายรุ่ยพบกับสัตว์ประหลาดอีกตัวต้องอยู่ไม่ไกลเกินไปอย่างแน่นอน
ทันใดนั้นทุกคนก็ต่างวิ่งวุ่นอยู่กับการทำหน้าที่ของตัวเองทันที รถที่ฉินข่ายรุ่ยขับกลับมากับรถคันเดิมอีกสองคัน รวมแล้วมีรถเล็กทั้งหมดสามคัน แต่รถเล็กสามคันนี้ไม่สามารถรองรับคนจำนวนมากได้ หลังจากนำของขึ้นรถแล้วพื้นที่ว่างบนรถก็มีอย่างจำกัด จนถึงขนาดที่คนสองคนแทบจะเบียดเข้าไปไม่ได้
“ไม่ได้ ฉันต้องไป ฉันจะไม่ยอมตายไปกับพวกเธอแน่” เมื่อเห็นเช่นนี้เหม่ยหลินก็รู้สึกว่าพลาดแล้วที่กลับมา การแสดงออกของเหม่ยหลินตื่นตระหนกมาก รูม่านตาของเธอหดตัวลง เธอมีอาการเช่นเดียวกับผู้ป่วยทางจิตที่บ้าคลั่งมาก
เดิมทีหยูหานต้องการจะดุว่าเหม่ยหลิน แต่เมื่อเขาหันไปก็ต้องพบว่ามีหนอนตัวอ้วนดำอยู่บนหัวของเธอ
นั่นมันหนอนเหรอ?
“เหม่ยหลิน อะไรอยู่บนหัวของเธอ?” หยูหานกล่าว
“อะไร ไม่ต้องมาสนใจฉัน ฉันต้องการไป” เหม่ยหลินพูดพร้อมกับวิ่งไปที่รถ เธอคิดว่ามันจะปลอดภัยถ้ากลับมา แต่เธอไม่คิดว่านั่นจะอันตรายยิ่งกว่า ก่อนที่เหม่ยหลินจะก้าวไปเพียงไม่กี่ก้าวเลือดก็ไหลออกมาจากรูจมูกของเธออย่างต่อเนื่อง และจากนั้นเธอก็ล้มลงไปกับพื้นทันที ก่อนจะชักกระตุกอย่างต่อเนื่อง
เดิมทีผู้หญิงอีกสองสามคนต้องการเข้าไปปลอบโยน แต่เมื่อพวกเธอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเธอก็ตกใจลนลานจนทำตัวไม่ถูก
หยูหานเดินเข้ามาอย่างระมัดระวังโดยใช้ดาบญี่ปุ่นแตะไปที่หนอนต้องสงสัยบนศีรษะของเหม่ยหลิน แต่เจ้าสิ่งนี้ดูเหมือนจะเกาะติดอยู่บนหัวของเธออย่างแนบแน่น ทุกคนมองไปและพบว่ามีบางอย่างคล้ายอยู่บนหัวของเหม่ยหลิน มันมีขนาดมากกว่าสิบเซนติเมตร และเมื่อถูกกระตุ้นด้วยดาบญี่ปุ่น ทันใดนั้นก็ดูเหมือนมันจะพองตัวใหญ่ขึ้น
หยูหานสะดุ้งเล็กน้อย เขาใช้ดาบยาวถูป้ายไปที่ตัวแมลงโดยตรง ดาบญี่ปุ่นอันแหลมคมเฉือนแมลงออกครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็มีของเหลวสีขาวและสีแดงสาดกระเซ็นออกมาจากข้างใน ……. สมอง
หยูหานตกใจมากจากนั้นก็หันหน้าไปมองฉินข่ายรุ่ย
“มองฉันทำไม?” ฉินข่ายรุ่ยกลัวเป็นอย่างยิ่ง
หยูหานมองกวาดไปรอบ ๆ ตัวของเขาแล้วย่อตัวลง ที่ด้านหลังศีรษะของฉินข่ายรุ่ยมีปลิงอยู่ด้วย แต่ดูเหมือนมันจะไม่พองใหญ่ขึ้น ไม่สิ ไม่ใช่ว่ามันยังไม่พองตัวใหญ่ขึ้นแต่น่าจะเป็นเพราะมันยังไม่ได้รับการกระตุ้น ดังนั้นมันจึงยังไม่ได้ดูดสมองและเลือดในทันที
“บนหัวของนายก็มีอยู่ตัวหนึ่ง สิ่งนี้มันจะเจาะทะลุกระโหลกเพื่อดูดสมองและเลือดของมนุษย์โดยตรง” หยูหานพูดอย่างเย็นชา
“อย่า อย่าทำให้ฉันตกใจ …… !” ฉินข่ายรุ่ยสั่นเทาไปทั้งตัว
“ต้องกำจัดเจ้าปลิงตัวนี้ ไม่อย่างนั้นได้ตายแน่”
“ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย” ฉินข่ายรุ่ยร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล เหม่ยหลินนอนอยู่บนพื้น ตอนนี้ร่างกายของเธอยังคงกระตุกอย่างช้า ๆ แต่เธอก็รู้ว่าเธอคงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน สมองถูกดูดออกไปหมดแล้ว ถ้ารอดก็คงเป็นเรื่องแปลก และฉินข่ายรุ่ยไม่ต้องการเป็นเหมือนเธอ
“อย่าขยับ เจ้าสิ่งนี้จะดูดอย่างแรงทันทีเมื่อมันถูกกระตุ้น” ไป๋อี้นึกขึ้นได้ทันที แม้ว่าไป๋อี้จะไม่ได้ประทับใจในตัวฉินข่ายรุ่ยนัก แต่เขาก็ไม่อยากให้ฉินข่ายรุ่ยต้องมาตายแบบนี้
หลังจากที่ฉินข่ายรุ่ยได้ยินสิ่งที่ไป๋อี้พูด เขาก็หยุดทันที ในขณะที่ตัวของเขายังสั่นอย่างรุนแรง
“ถ้ามันไม่สามารถถูกกระตุ้นได้ แล้วจะเอาสิ่งนี้ออกไปได้อย่างไร?” ไต้ยู่เหยาถามอย่างกังวลใจ สถานการณ์ตอนนี้พวกเขาทุกคนเห็นว่าเมื่อสิ่งที่คล้ายปลิงบนหัวของเหม่ยหลินถูกกระตุ้น มันจึงเริ่มดูดอย่างแรงและทันใดนั้นมันก็ขยายใหญ่ขึ้นราวกับว่ามันกำลังพองตัว อย่างไรก็ตาม หากไม่ทำอะไรสักอย่าง ฉินข่ายรุ่ยก็คงทำได้เพียงรอความตาย
หยูหานกำดาบยาวในมือของเขาแน่น … ถ้าการเคลื่อนไหวเร็วพอที่จะตัดมันออกจากหนังศีรษะก็น่าจะดี ขณะที่หยูหานยกดาบยาวขึ้น หงฉี่ฮว๋าก็เดินไปพร้อมกับไม้ที่ติดไฟ
“ใช้สิ่งนี้สิ มันมีลักษณะคล้ายกับปลิงมาก คาดว่ามันวิวัฒนาการมาจากปลิง เราไม่สามารถดึงมันออกอย่างแรงได้ ปากและอวัยวะดูดของมันจะยังคงติดอยู่” หงฉี่ฮว๋าอธิบาย จากนั้นก็เอาไฟเข้าไปใกล้สิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล้ายปลิงซึ่งอยู่บนศีรษะของฉินข่ายรุ่ย แน่นอนว่าหลังจากเปลวไฟเข้าไปใกล้ เจ้าสิ่งนี้ก็โค้งงอและตกลงมาจากหัวของเขาทันที
หงฉี่ฮว๋าตรวจสอบดูอีกครั้งและพบว่ามีปลิงที่วิวัฒนาการแล้วอีกตัวอยู่ที่หลังเอวของฉินข่ายรุ่ย หลังจากทำเช่นเดียวกันแล้ว เธอก็พยักหน้าเป็นการยืนยันว่าไม่มีปลิงอยู่แล้ว
“ฉันรอดแล้ว ขอบคุณ ขอบคุณทุกคนมาก” ฉินข่ายรุ่ยนั่งนิ่งไม่ขยับอยู่บนพื้น เขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ เพราะของเหลวสีเหลืองอ่อนไหลออกมาจากร่างกายส่วนล่างของฉินข่ายรุ่ย ด้วยความกลัวตายทำให้ฉินข่ายรุ่ยกลั้นขับถ่ายไม่อยู่ ในเวลานี้แม้แต่ไต้ยู่เหยาที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับฉินข่ายรุ่ยก็เอามือป้องปากปิดจมูกของเธอและก้าวถอยหลังออกมา
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากทิศทางที่ฉินข่ายรุยหนีกลับมา จากนั้นบ้านหลังหนึ่งก็ได้พังทลายลง ส่งผลให้ควันและฝุ่นขนาดใหญ่ลอยขึ้นมา ทุกคนได้ยินเสียงนั้นและอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองทันที พร้อมกับเสี่ยงต่ำ ๆ ที่คำรามอย่างดุร้ายก็ดังมาจากที่แห่งนั้นด้วย
“นี่มันอะไรอีก?”
“มันน่าจะเป็นการทะเลาะเบาะแว้งกัน!” มาร์ตินกล่าว
“ทะเลาะ?”
“พวกมันกำลังต่อสู้กัน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสัตว์ประหลาดเหมือนกันทั้งคู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะสนิทสนมกัน ในสายตาของสัตว์ประหลาดที่ต่างชนิดกัน อีกฝ่ายอาจเป็นศัตรูหรือเหยื่อ” มาร์ตินอธิบาย ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น ทุกคนมองไปที่ฉินข่ายรุ่ยที่กำลังวิ่งไปรอบ ๆ เหมือนคนโง่ เขายังไม่อยากตาย
“ไปกันเถอะ พวกเรารีบออกไปจากที่นี่” ไป๋อี้กล่าว
“ว่าแต่จะไปยังไง ตอนนี้มีรถเล็กแค่สามคัน พวกเราจะสามารถขับผ่านโอโทโรฮังกาได้จริงเหรอ?” เบลลิก้าทีน่าถาม
“วูล์ฟกับผู้หญิงขึ้นรถ ผู้ชายคนอื่นวิ่ง ถืออาวุธให้มั่น ออกจากเมืองนี้กัน” ไป๋อี้กล่าว
“ในรถมีของอยู่มากมายหลายอย่าง เขาเป็นผู้ชายตัวโตจะเอนตัวลงนอนได้ยังไง”ไต้ยู่เหยากล่าวอย่างไม่พอใจ
“ทิ้งมันซะ!”
“ทิ้ง ทิ้งแล้วพวกเราจะเอาอะไรกิน” ไต้ยู่เหยาโต้กลับ
เมื่อเห็นไต้ยู่เหยายังคงก่อความวุ่นวายอยู่ในขณะนี้ ทำให้ไป๋อี้อยากจะฆ่าทิ้งเสียจริง เมื่อเขามาที่รถที่อยู่ใกล้เขาที่สุด ไป๋อี้ก็กวาดทุกอย่างลงที่พื้น เมื่อเห็นความโกรธของไต้ยู่เหยา ไป๋อี้ก็ยิ่งโกรธมากขึ้น
“เร็วเข้า จะอยู่ที่นี่รอความตายรึไง”
ไต้ยู่เหยาต้องการจะพูดอะไรขึ้นมาอีก แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง สัตว์ประหลาดใหญ่ทั้งสองกำลังตะลุมบอนและเหวี่ยงกันออกไปที่ปลายทางหลวง ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองตามไป จากนั้นพวกเขาก็เห็นสัตว์ประหลาดสองตัวที่มาร์ตินพูดถึงอย่างชัดเจน
หนึ่งในสัตว์ประหลาดสองตัว มีตัวที่ร่างกายดูเหมือนปลิงตัวใหญ่หรืออาจกล่าวได้ว่ามันอาจเป็นตัวทาก มันมีความยาวเจ็ดหรือแปดเมตรและมีหนวดขนาดใหญ่จำนวนสิบกว่าเส้นบนพื้นผิวร่างกายโบกสะบัดไปมา คาดว่านี่คือสิ่งที่ฉินข่ายรุ่ยกล่าวว่าเหมือนสัตว์ประหลาดปลาหมึก เนื่องจากฉินข่ายรุ่ยมองไม่เห็นร่างของมันอย่างชัดเจน เขาจึงไม่เห็นจุดสำคัญของมัน
ส่วนอีกตัวคือ “เต่า” กระดองเต่าสีดำขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 4-5 เมตรลำตัวด้านล่างมันเคลื่อนไหวอย่างคล่องตัวและส่วนหัวของมันก็เหมือนฉลามที่ดุร้าย
1.ตัวทากหนวดเฟื้อย
2.เต่าฉลาม
เต่าฉลามกัดร่างกายของตัวทากหนวดเฟื้อยอย่างรุนแรง มันใช้แรงกัดฉีกจนหัวสั่น ตัวทากหนวดเฟื้อยส่งเสียงร้องอย่างเดือดดาล ร่างกายของมันโค้งงอและพ่นกรดออกมาจากปากอันใหญ่โตด้านหน้า เต่าฉลามรีบปล่อยปากอันใหญ่ของมันออกทันที แขนขาที่อ้วนของมันวิ่งเร็วมาก มันหลบเลี่ยงอย่างทันท่วงที น้ำกรดจึงตกลงบนพื้นและทันใดนั้นควันสีขาวที่มีคุณสมบัติกัดกร่อนก็ลอยฟุ้งขึ้น
ทันทีที่เต่าฉลามปล่อยปากขนาดใหญ่ของมัน กล้ามเนื้อบริเวณที่ตัวทากหนวดเฟื้อยถูกกัดก็เด้งกลับขึ้นมาทันที มีเพียงรอยเขี้ยวสองสามรอย แต่ไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อย ตัวทากหนวดเฟื้อยนั้นมีร่างกายที่ยืดหยุ่นทำให้มันแข็งแกร่งมาก นี่มันบ้าไปแล้ว ส่วนเต่าฉลามเองก็มีความดุร้ายมาก ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ต่างก็ตะลึงงัน
ไป๋อี้และกลุ่มของเขาทั้งหมดมองไปที่สัตว์ประหลาดทั้งสองด้วยความตื่นตะลึง ทันใดนั้นไป๋อี้ก็เริ่มจัดแจงทันที เขาวิ่งไปที่ด้านข้างของวูล์ฟและกำลังจะยกวูล์ฟขึ้นรถ
“เร็วเข้า ออกไปเร็ว”ไป๋อี้กล่าว
ในเวลานี้คนอื่น ๆ ต่างก็ตื่นตระหนกเช่นกันและรีบเบียดตัวเข้ามาในรถทันที อย่างไรก็ตามด้วยความตื่นตระหนกไม่รู้ว่าใครที่ส่งเสียงดัง จนทำให้จู่ ๆ เต่าฉลามก็หันมาทางพวกเขา
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^
https://www.kawebook.com/story/6809
MANGA DISCUSSION