[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ - ตอนที่ 26 ลำดับที่สอง
“ไป๋อี้ คุณน่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเมือง คุณคงจะเดาได้จากเตอวามูตู ตอนนี้เริ่มมืดแล้วและการเข้าเมืองในช่วงเวลาที่วุ่นวายนี้ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี ฉันรู้ว่าคุณมีเพื่อนอยู่ในโอโทโรฮังกาแต่คุณก็ต้องคิดถึงคนอื่นด้วยคุณไม่สามารถทำให้คนอื่นตกอยู่ในอันตรายได้เพียงเพราะเพื่อนคนเดียว” หยูหานพูดอย่างน่าเกรงขามและมองไปที่ทุกคน
ไป๋อี้เหลือบมองไปที่หยูหานด้วยรูม่านตาที่เปลี่ยนสี ไอ้เจ้านี่!
“ฉันรู้ ฉันเลยไม่บังคับให้นายเข้าไป” ไป๋อี้พูดอย่างนิ่งเฉย หากมองในด้านความเป็นธรรมแล้ว ไป๋อี้รู้ว่าหยูหานพูดถูก เขาไม่สามารถทำให้เพื่อนและคนอื่นต้องตกอยู่ในอันตรายได้เพียงเพราะเพื่อนคนเดียว อย่างไรก็ตามไป๋อี้ไม่ได้เป็นเพียงชายหนุ่มที่เพิ่งเข้าสังคม เขามองแผนการของหยูหานออก … แผนการที่จะบังคับให้ไป๋อี้ออกไปและเขาก็จะเข้ายืนหยัดอยู่ในนามของหัวหน้าทีม
หลังจากที่หยูหานพูดจบเขาก็มองไปที่หงฉี่ฮว๋าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง
เฮลัวส์ที่เพิ่งเข้าร่วมทีมลังเลเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของหยูหาน ในขณะที่หงฉี่ฮว๋ายืนเงียบ ๆ มองไปที่ไป๋อี้ ไป๋อี้ยิ้มและเข้าไปในรถ ทันใดนั้นวูล์ฟก็เปิดประตูรถและเคลื่อนตัวไปที่ตำแหน่งคนขับ
“นายจะไปด้วยเหรอ?” ไป๋อี้ถาม
“ฮ่า ๆ นายล้อฉันเล่นแน่ ๆ นายไม่สามารถขับรถเองได้ถ้าฉันไม่ไป” วูล์ฟหัวเราะสองสามครั้งแล้วพูดออกมา ตอนนี้แขนซ้ายของไป๋อี้ยังคงถูกพันด้วยผ้าพันแผลและแขวนอยู่ตรงหน้าอกของเขา เขาไม่สามารถขยับได้เลย ในเวลานี้หงฉี่ฮว๋าก็เข้าไปในรถคันเล็กอีกคันจากนั้นก็นั่งที่เบาะคนขับ
“หงฉี่ฮว๋า เธอจะเอาอย่างนี้เหรอ?” หยูหานถาม จริง ๆ แล้วเขาก็พอจะเดาคำตอบได้
“ฉันติดตามลุงไป๋ วัตถุดิบในรถสองคันนี้เป็นของพวกเรา นายไม่คัดค้านใช่ไหม” หงฉี่ฮว๋าพูดพร้อมกับมองไปที่หยูหานด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
“ถ้าเธอทำแบบนี้ เธอจะต้องตกอยู่ในอันตราย” หยูหานไม่ต้องการที่จะยอมแพ้หงฉี่ฮว๋า ไม่ใช่แค่เพราะว่าตอนนี้หงฉี่ฮว๋าสวยขึ้นมาก แต่ยังเป็นเพราะหงฉี่ฮว๋านั้นเป็นประโยชน์กว่าคนอื่น ๆ อย่างฉินข่ายรุ่ยและไต้ยู่เหยา ที่จริงในใจของหยูหานรู้สึกดูถูกพวกเขาอยู่ไม่น้อยที่แต่ไหนแต่ไรไม่ยอมปรับตัวให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงนี้สักที
“ฉันยังรู้อีกว่าการทำให้เพื่อนคนอื่นตกอยู่ในอันตรายเพื่อช่วยเพื่อนเพียงหนึ่งคนนั้นเป็นเรื่องโง่มาก แต่ … ถ้าคนที่ตกอยู่ในอันตรายคือตัวนายเอง นายจะใช้สติปัญญาคิดเห็นอย่างไร?” หงฉี่ฮว๋ายิ้มเบา ๆ
หลังจากได้ยินคำพูดของหงฉี่ฮว๋า เฮลัวส์ก็กัดฟันและนั่งลงบนเบาะหลัง
ฮ่า ๆๆๆๆ!
ไป๋อี้อยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ ใช่แล้วในโลกนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เรียกว่าพฤติกรรมอัน ‘ไร้ซึ่งเหตุผล’ แต่หลายคนก็ยังคงทำเช่นนั้น แล้วเหตุผลคืออะไร? ไป๋อี้ยอมรับว่าคำพูดของหยูหานนั้นมีเหตุผล แต่ดูเหมือนว่ามีคนมากกว่าหนึ่งคนที่เต็มใจที่จะเข้าร่วมกับไป๋อี้เพื่อกระทำที่ดูโง่เขลา
รถคันเล็กสองคันขับออกไป มีเพียงหยูหานที่ยืนอยู่ข้างถนน ในความเป็นจริงมาร์ตินก็รู้สึกอยากเปลี่ยนใจเช่นกัน แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งเขาก็หมดโอกาสที่จะติดตามไป๋อี้และคนอื่น ๆ ไปเสียแล้ว
“มองหาบ้านว่างใกล้ ๆ แถวนี้ เราจะพักกันก่อนหนึ่งคืนและจะออกเดินทางต่อไปยังจุดหมายในวันพรุ่งนี้” หยูหานสงบลงอย่างรวดเร็วและกล่าวกับทุกคน สำหรับตัวเขาเอง เขาไม่อยากที่จะมองไปยังทิศทางที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ จากไป
……
ไป๋อี้นั่งกอดโม่โม่เบา ๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ มีบางอย่างที่ไม่จำเป็นต้องพูดให้ชัดเจนว่าวูล์ฟ หงฉี่ฮว๋า และเฮลัวส์ ต่างเต็มใจที่จะเสี่ยงไปกับไป๋อี้เพราะพวกเขาเชื่อใจไป๋อี้ ดังนั้นแน่นอนว่าไป๋อี้มีหน้าที่ที่จะต้องตอบแทนความไว้วางใจและนำพวกเขาไปให้ถึงสถานที่ที่ปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงดูเหมือนจะชอบล้อเล่นกับผู้คนเสมอ ไป๋อี้เพิ่งคิดได้เช่นนี้เมื่อเขาพบว่าข้างหน้ามีรถหลายคันที่ขับอย่างบ้าระห่ำจนเกือบชนวูล์ฟและคนอื่น ๆ เข้า ถึงกระนั้นรถทั้งสองคันก็เฉียดกันไปมาอย่างรุนแรงจนเกือบเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ วูล์ฟหยุดรถและคิดอยากจะด่า แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่หยุดรถและขับหนีไปจนลับตา
“รีบร้อนหาแม่มันเถอะ อย่าให้ฉันจับแกได้นะ” วูล์ฟด่ากราดไปสองสามประโยค
ในเวลานี้รถคันอื่น ๆ หลายคันขับมาทางนี้อย่างบ้าระห่ำและขับออกไปจากข้างทางด่วน ไป๋อี้เหล่มองเล็กน้อยจากนั้นก็มองกลับไปในทิศทางของโอโทโรฮังกา
“ลุงไป๋!” หงฉี่ฮว๋ามองไปที่ไป๋อี้
“มีบางอย่างเกิดขึ้น!” ไป๋อี้กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ยังไม่ทันไรก็เกิดเรื่องขึ้นแล้วเหรอ ตอนนี้ในเมืองกำลังวุ่นวาย ทุกคนก็รู้ดี” วูล์ฟพูดอย่างไม่แยแส
“มันไม่ใช่ว่าเมืองกำลังเปลี่ยนไปสู่ความวุ่นวาย แต่มีอย่างอื่นเกิดขึ้น นายจำได้ไหมว่าตอนที่เรามาจากเตอวามูตู เราไม่เคยเห็นรถขับไปทางเหนือเลย ทั้งหมดมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ เนื่องจากมีสัตว์ประหลาดปรากฏตัวในแฮมิลตัน เมื่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตถูกปลดบล็อก หลังจากนั้นทุกคนถึงได้รู้ข่าว ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงหนีไปทางใต้ มีรถไม่กี่คันที่เพิ่งขับผ่านไปแต่พวกเขาก็ยังวิ่งไปทางเหนือ และสิ่งที่น่ากังวลมากคือเหตุผลที่พวกเขาไม่สนใจสัตว์ประหลาดในแฮมิลตัน ……. ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือสัตว์ประหลาดก็ปรากฏตัวในโอโทโรฮังกาเช่นกันและมันอยู่ใกล้แค่เอื้อม พวกเขาจึงหลบหนีกันโดยไม่ได้สนใจอะไร” ไป๋อี้วิเคราะห์อย่างรวดเร็วและมีเหตุผล
“ไม่จริงน่า?” วูล์ฟประหลาดใจ
ถึงพวกเขาทั้งสองจะเคยหนีออกมาจากสัตว์ประหลาดถึงสองครั้งสองคราและได้ฆ่านกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวไปแล้ว แต่วูล์ฟก็ยังคงหวาดกลัวกับสัตว์ประหลาดเหล่านั้นอยู่ดี
“จำคำพูดของมาร์ตินได้ไหม มีสถาบันวิจัยทั้งหมด 121 แห่งในนิวซีแลนด์ สัตว์ทดลองของสถาบันวิจัยแฮมิลตันทางตอนเหนือหนีออกไป เช่นนั้นสถาบันวิจัยอื่น ๆ จะต้องประสบปัญหาอย่างแน่นอนในไม่ช้าก็เร็ว ฉันหวังเพียงว่าสถาบันวิจัยแห่งนี้อย่ามีสัตว์ทดลองอยู่ข้างในมากเกินไปก็พอ” ไป๋อี้กล่าวอย่างขึงขัง
“งั้นจะทำยังไงกันดี พวกเราจะยังไปอยู่ไหม?”
“กลับไปแจ้งให้พวกหยูหานรู้”
“หือ แจ้งพวกเขา?”
“ใช่ แจ้งให้พวกเขารู้ด้วย กลับไปก่อนแล้วฉันจะอธิบายเหตุผลในภายหลัง” ไป๋อี้กล่าว แม้ว่าวูล์ฟจะไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ตอนนี้ทีมนำโดยไป๋อี้ เมื่อไป๋อี้พูดอย่างนั้นรถทั้งสองคันจึงขับวกกลับไปยังที่เก่า
เมื่อพวกเขากลับมาหยูหานและคนอื่น ๆ ก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ โดยพวกเขาได้มองไปตามทาง เมื่อเห็นไป๋อี้และคนอื่น ๆ ขับรถกลับมาพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อย
“เห็นรถที่เพิ่งขับผ่านไปแล้วสินะ” ไป๋อี้พูดตรง ๆ หลังจากลงจากรถ
“อืม”
“พอจะเดาได้ไหมว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“สัตว์ประหลาด” หยูหานพูดอย่างเย็นชา เมื่อคนอื่นได้ยินคำพูดของหยูหานพวกเขาก็ดูตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
“ไปด้วยกันไหม ผ่านเข้าไปในเมือง” ไป๋อี้กล่าว ซึ่งไม่นับว่าเป็นคำเชิญ
“เล่นตลกอะไร คุณรู้ว่าสัตว์ประหลาดยังคงวิ่งอยู่ที่นั่น คุณยังจะนำความตายมาสู่พวกเรากลับอีกงั้นเหรอ?” ฉินข่ายรุ่ยตำหนิทันที อย่างไรก็ตามทั้งไป๋อี้และหยูหานไม่ได้ให้ความสนใจกับฉินข่ายรุ่ยนัก หลังจากโลกเปลี่ยนไปอดีตเจ้าหน้าที่สภานักเรียนผู้เย่อหยิ่งแห่งสวรรค์คนนี้ก็ไม่สามารถปรับตัวตามทันได้มากนัก เปรียบดั่งดอกไม้ในเรือนกระจกซึ่งจะถูกทำลายในไม่ช้า
“เหตุผลล่ะ!”
‘ฮ่า ๆ!’ ไป๋อี้ยิ้มอย่างเย้ยหยันในใจ
“พวกเราแตกต่างจากคนอื่น คนอื่น ๆ เพียงแค่ต้องการหลบหนีจากสัตว์ประหลาด แต่จุดหมายปลายทางของเราคือสถาบันวิจัยอุทยานแห่งชาติตองการิโร การไปยังสถานที่นั้นเราต้องผ่านโอโทโรฮังกาแน่นอน ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะอ้อม แต่ต้องวนเป็นวงใหญ่ทีเดียว เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางหลวงประเภทที่จะไปรอบเมืองโดยไม่ต้องเข้าเมือง ในเวลานี้เราไม่มีเวลาให้เสียแล้ว ยิ่งเราอยู่นานเท่าไหร่ นิวซีแลนด์ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น”
“มาร์ตินกล่าวว่ามีสถาบันวิจัยทั้งหมด 121 แห่งในนิวซีแลนด์ เนื่องจากสัตว์ประหลาดปรากฏตัวอีกครั้งที่นี่ จึงไม่มีใครรู้ว่าสัตว์ประหลาดในสถาบันอื่นจะออกมาอีกเมื่อไหร่ มันไม่ดีสำหรับเราที่จะใช้เส้นทางไกล” ในเวลานี้หงฉี่ฮว๋ายังกล่าวเสริมอีกอย่างใจเย็น
เมื่อหยูหานได้ยินดังนั้นก็มองไปที่หงฉี่ฉว๋าทันที
หยูหานไม่ใช่คนขี้โม้โอ้อวดตัวเองคิดว่าตัวเองโดดเด่นอะไร ในโลกยุคนี้เขาไม่อยากแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าเขาจะโดดเด่นแค่ไหนก็ไม่มีโอกาสได้แสดง อย่างไรก็ตามตอนนี้มันแตกต่างออกไป ภายใต้การล่มสลายของระเบียบสังคมในนิวซีแลนด์ ความสามารถของแต่ละคนเป็นบทพิสูจน์ที่ดีที่สุด การดำรงอยู่ที่เคยสวยงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ตอนนี้มันดิบหยาบจนแทบทนไม่ได้ส่วนการดำรงอยู่ที่แต่เดิมไม่ได้โดดเด่นกำลังเบ่งบานด้วยรัศมีศักยภาพของตัวเอง
หยูหานคิดว่าคนในทีมมีสามคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด … หยูหานนับตัวเองด้วยหนึ่งคน ไป๋อี้อีกหนึ่งคน และหงฉี่ฮว๋าเป็นคนสุดท้าย สำหรับคนอื่น ๆ ไม่ใช่ว่าหยูหานดูถูกพวกเขา แต่พวกเขาค่อนข้างจะรับมือได้ไม่ดีจริง ๆ ไม่ใช่ศักยภาพความสามารถ แต่เป็นทัศนคติของพวกเขา
จริงอยู่ที่หยูหานต้องการเป็นหัวหน้าทีม แต่เขาก็ต้องการรวมหงฉี่ฮว๋าเข้าร่วมทีมด้วย อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าเสียดายที่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่อยู่ในสายตาของหงฉี่ฮว๋า
“ดีล่ะ เดินทางไปโทโรฮังกาด้วยกันแล้วไปที่สถาบันวิจัยอุทยานแห่งชาติตองการิโร” หยูหานพยักหน้า
“หยูหานนายบ้าไปแล้วเหรอ นั่นมันสัตว์ประหลาดอสูรกายนะ” ฉินข่ายรุ่ยพูดอย่างลนลานเหมือนกับคนบ้า ตอนนี้เขาเริ่มมืดมนมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนี้ สาว ๆ อย่างไต้ยู่เหยาและเบลล่าก็ไม่สบายใจในความปลอดภัยเช่นกัน เพียงแต่พวกเธอไม่ได้ตีโพยตีพายอะไรออกมาเท่านั้น
“หุบปาก!” เมื่อหยูหานเห็นฉินข่ายรุ่ยกำลังเถียงข้าง ๆ คู ๆ เขาก็รู้สึกว่าการหาเพื่อนร่วมทีมที่ไว้ใจได้เพียงไม่กี่คนน่าจะเป็นการดีกว่าการเป็นผู้นำกลุ่มคนงี่เง่าแบบนี้
“ไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋าอธิบายได้ชัดเจนมาก นายช่วยมีสติสัมปชัญญะหน่อยเถอะ มองดูให้ดี ว่าตอนนี้สารรูปนายมันเป็นอย่างไร … เจ้าโง่ ตอนนี้นิวซีแลนด์เปลี่ยนไปแล้ว อย่าจมอยู่กับโลกก่อนหน้านี้” หยูหานคว้าคอเสื้อของฉินข่ายรุ่ยยกขึ้นด้วยมือข้างเดียวและพูดอย่างเดือดดาลในระยะประชิด
ฉินข่ายรุ่ยงุนงงอยู่พักหนึ่งจากการด่ากราดของหยูหานและจากนั้นเขาก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอย่างมาก
เขายังจมอยู่กับโลกก่อนหน้านี้หรือเปล่า? ไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาเป็นเลขาธิการของสภานักศึกษาซึ่งเป็นผู้ชายคนเดียวในสามชั่วอายุคนของตระกูลฉิน เขาถูกกำหนดให้สืบทอดธุรกิจขนาดใหญ่ของครอบครัวและเขาไม่เคยขาดเงินหรือผู้หญิงสวย ๆ แต่เพียงไม่กี่วันทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ไม่เพียงแต่ก่อนหน้านี้เขาสูญเสียทุกอย่าง แต่เขายังผสานรวมยีนของหมูไว้ที่หัวและร่างกายของเขาก็เริ่มอ้วนพุงป่องขึ้น
ไอ้บ้าเอ๊ย!
ฉินข่ายรุ่ยกำหมัดแน่นดวงตาของเขาแดงก่ำ
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^
https://www.kawebook.com/story/6809