[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ - ตอนที่ 165 การถูกกระตุ้นของชินชิล่า
“ฉันเป็นผู้จัดการและเชฟของร้านอาหารปีศาจ —— เบ็คกี้!” เชฟแมวสุดเซ็กซี่กล่าว
“ผมคือไป๋อี้!”ไป๋อี้ยื่นมือขวาออกมาและจับมือกันและกันซึ่งเป็นการแสดงมารยาท
หลังจากที่เบ็คกี้เริ่มแนะนำตัวโดยอัตโนมัติ ไป๋อี้ก็รู้ว่าคราวนี้เขาคงจะได้รับรู้วิธีการแปรรูปและปรุงวัตถุดิบพิเศษเหล่านี้แล้วแน่ๆ หลังจากนั้นเบ็คกี้ก็ได้พูดคุยกับไป๋อี้เกี่ยวกับสิ่งที่เขาจะแลกเปลี่ยนกับสูตรอาหารเหล่านี้ จะเห็นได้ว่าเชฟสาวเซ็กซี่คนนี้เก่งกาจไม่เบา เธอสามารถเปิดร้านที่นี่ได้ด้วยตัวคนเดียว อย่างไรก็ตามตอนนี้ตรงหน้าไป๋อี้ เหมือนมีพลังบางอย่างปล่อยออกมา พวกเธอกลัวว่าไป่อี้จะใช้อิทธิพลที่มีมารังแกผู้อื่น
เมื่อใดก็ตามที่ทั้งสองฝ่ายมีสถานะไม่เท่าเทียมกัน ฝ่ายที่มีสถานะต่ำกว่ามักจะเป็นกังวลเสมอ
แต่เบ็คกี้รีบปล่อยวางความไม่สบายใจนั้นทิ้งไป ไป๋อี้พูดได้ดีเกินคาด เขาสัญญาว่าจะดูแลเธอและเบมีล่าเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ไป๋อี้วางแผนไว้แล้ว เวลาหนึ่งสัปดาห์นี้กำลังพอดี ในช่วงเวลานี้เวร่าและคนอื่น ๆจะเตรียมการต่างๆให้พร้อม เพื่อที่หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์พวกเขาจะออกจากไครสต์เชิร์ชและไปยังสถานที่ที่เตรียมไว้สำหรับการเข้าสู่ระยะหลับใหล
หลังจากการตกลงทำธุรกรรมของทั้งสองฝ่ายได้ข้อสรุป ไป๋อี้ก็พาเบ็คกี้และเบมีล่ากลับมาที่ศูนย์ฟื้นฟู แน่นอนว่าก่อนจะกลับมา พวกไป๋อี้ก็ได้ไปที่ตลาดอาหารอีกครั้ง หากพวกเขาต้องการที่จะสอนและเรียนรู้ แน่นอนว่าไม่เพียงแค่การบอกกล่าวด้วยวาจาเท่านั้น จะเป็นการดีที่สุดถ้ามีตัวอย่างที่สามารถใช้ฝึกฝนได้ ดังนั้นหลังจากเข้ามาในตลาดวัตถุดิบอาหาร พวกไป๋อี้จึงซื้อวัตถุดิบปรุงพิเศษทั้งหมดที่สามารถซื้อได้
เมื่อไป๋อี้มาที่แผงของคนขายเถาวัลย์ปีศาจอีกครั้ง ชายผู้นี้ก็ถึงกับงุนงง
“โอ้ เถาวัลย์ปีศาจขายไปหรือยัง 500เหรียญปีศาจ ผมต้องการมัน” ไป๋อี้กล่าว
“โอเค โอเค!” ในที่สุดชายคนนี้ก็มีปฏิกิริยาตอบกลับ แล้วจึงไปเอาเถาวัลย์ปีศาจใส่ถุงหนังสัตว์ ขณะที่นำใส่ถุง ชายคนนี้ก็จ้องมองมาที่เบมีล่า เขามองเบ็คกี้ไม่ออก เขาไม่รู้จักเธอเป็นแน่ แต่เนื่องจากเขาเคยกินอาหารในร้านอาหารปีศาจเขาจึงต้องรู้จักเบมีล่าแน่นอน
“ทำไมนายถึงได้ล่อลวงสาวใช้จากร้านอาหารปีศาจออกมา?”
“ใช่ที่ไหนกัน ก็แค่ออกมาซื้อวัตถุดิบเท่านั้น”ไป๋อี้หัวเราะออกมา
“โอ้ ฉันเข้าใจแล้ว นายคนนี้มีเงินจ่ายไม่พอแน่ๆ ก็เลยชักดาบกินฟรีไม่จ่ายเงิน หลังจากทะเลาะกันก็เลยต้องมากลายเป็นกรรมกรจับกังแบบนี้ แม้ว่าฉันจะไม่เคยพบกับเจ้าของร้านปีศาจมาก่อน แต่ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถมาก “ผู้ชายคนนี้เหยียดนิ้วออกมาดีดดังเป๊าะอย่างแรงราวกับว่าเขาเดาออก แล้วก็มองไปที่ไป๋อี้อย่างติดตลก
เมื่อไป๋อี้ได้ยินคำพูดนั้น เขาก็ได้แต่ยิ้มและไม่ได้แก้ตัวใด ๆ ด้วยรูปลักษณ์แบบนี้ ทำให้ผู้ชายคนนี้คิดว่าตัวเองพูดถูก
แม้ว่าจะมีวัตถุดิบพิเศษไม่มาก แต่พวกไป๋อี้ก็ยังคงซื้อมามากมาย จากนั้นจึงจ้างคนมาช่วยพวกเขาขนของไปที่ศูนย์ฟื้นฟู หลังจากนั้นไป๋อี้ก็พาทั้งสองเดินเข้าไปในศูนย์ฟื้นฟู เมื่อไป๋อี้กลับมา โม่โม่ก็กำลังเรียนหนังสืออยู่ แต่หลังจากได้ยินไป๋อี้กลับมาเธอก็ทิ้งปากกาและวิ่งออกไปกอดไป๋อี้ทันทีลอทเทียร์อยู่ข้างหลังโม่โม่และพยักหน้าให้ไป๋อี้
“นี่คือลูกสาวของผม โม่โม่!ส่วนคนนี้คือลอทเทียร์”ไป๋อี้แนะนำทั้งสองฝ่าย
“หนูโม่โม่สวัสดีจ้า ลอทเทียร์สวัสดีจ้า”เบ็คกี้และเบมีล่ากล่าวทักทายทันที ไม่ใช่ความลับที่ไป๋อี้มีลูกสาวและใคร ๆ ก็รู้ว่าโดยพื้นฐานแล้วรูปร่างของโม่โม่ไม่ได้เปลี่ยนไปมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเธอยังเด็ก คาดว่าคณะปกครองทั้งหลายคงคิดจะเกี่ยวดองด้วยการแต่งงานเป็นแน่
“สวัสดีค่ะคุณทั้งสอง”โม่โม่ตอบทันทีอย่างสง่างามและมีน้ำใจ
“พ่อจะไปเรียนรู้ทักษะการทำอาหารกับเบ็คกี้ โม่โม่หนูไปเล่นทางนู้นนะ” ไป๋อี้กล่าว
“ทำอาหาร หนูอยากดูและคอยชิมค่ะ” ดวงตาของโม่โม่สว่างเป็นประกายขึ้นมา เมื่อเธอได้ยินคำกล่าวนั้น ไม่เพียงเพราะโม่โม่ถูกเลี้ยงดูมาในฐานะนักชิมตั้งแต่ยังเด็ก แต่ยังเป็นเพราะเธอจะสามารถหลีกหนีจากหน้าที่การเรียนหนังสือที่รออยู่ได้อีกด้วย
แน่นอนว่าไป๋อี้รู้จักนิสัยโม่โม่ดี เขาดีดหน้าผากของโม่โม่เบา ๆ “อยากดูก็ดูสิ เหล่านี้เป้นวัตถุดิบพิเศษทั้งหมด พ่อกำลังเรียนรู้อยู่ มันอาจจะไม่อร่อยนัก อย่าเสียใจทีหลังล่ะ” ไป๋อี้แสดงท่าทีขู่ขวัญ แต่เห็นได้ชัดว่าโม่โม่ไม่กลัวแม้แต่น้อย ไป๋อี้รู้ว่าโม่โม่ไม่กลัวใคร เรียกได้ว่าการเลี้ยงดูของเขาที่ผ่านมาทำให้ลูกสาวของเขายอดเยี่ยมเช่นนี้
“ถ้าชอบก็มาดูเถอะ”ไป่อี้กล่าว
ข้อตกลงระหว่างไป๋อี้และเบ็คกี้คือไป๋อี้จะไม่ใช้วิธีการปรุงอาหารจากวัตถุดิบพิเศษเหล่านี้เพื่อสร้างรายได้และเผยแพร่ออกไปตามอำเภอใจ ส่วนสมาชิกภายในนั้นไม่สำคัญว่าพวกเขาจะรู้เรื่องด้วยหรือไม่ สรุปคือสัญญาเป็นเพียงวาจาและยืดหยุ่นมาก การที่ไป๋อี้จะปฏิบัติตามนั้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวไป๋อี้เองทั้งหมด นี่เป็นข้อได้เปรียบที่ได้มาจากสถานะของไป๋อี้ และเบ็คกี้ก็ไม่กล้าเรียกร้องอะไรอีก
ลอทเทียร์ยังติดตามโม่โม่มาโดยตลอด ในตอนนี้ไม่เพียงแต่ดูแลโม่โม่เท่านั้น แต่ขณะที่โม่โม่เรียนหนังสือ เธอก็ยังเรียนรู้ความรู้ขั้นสูงด้วยตัวเองอีกด้วย
ไป๋อี้พาเบ็คกี้มาที่ห้องครัว จากนั้นก็เริ่มเรียนรู้วิธีปรุงวัตถุดิบพิเศษเหล่านี้ มีส่วนผสมวัตถุดิบพิเศษไม่มากนักที่พวกไป๋อี้ซื้อมาจากตลาด วัตถุดิบมีเพียง 6 ชนิดเท่านั้น แต่ 6 ชนิดนี้นี้วิธีการประมวลผลที่ความซับซ้อนมาก ภายใน 4 ส่วนมีเพียงหนึ่งส่วนที่นำมาใช้ ถ้าทำผิดพลาดก็จะไม่สามารถกินได้ ก่อนอื่นเริ่มจากผู้ที่มีสำเนาข้อมูล เบ็คกี้จะเริ่มลงมือก่อน เธออธิบายรายละเอียด จากนั้นก็ถึงคราของไป๋อี้
เมื่อถึงคราของไป๋อี้ เบ็คกี้ก็มองไปที่ไป๋อี้และรอดูฝีมือของไป๋อี้
จริงๆแล้วไป๋อี้แทบจะไม่ได้ปรุงอาหารมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว ในสถานภาพระดับนี้การทำอาหารไม่ได้เป็นงานหลักของไป๋อี้อีกต่อไป แต่เป็นเพียงงานอดิเรกเท่านั้น อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาหยิบมีดไปไป๋อี้รู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่คุ้นเคยขึ้นมาทันที หลังจากการตกผลึกความรู้ในปีนี้ไป๋อี้มีความเข้าใจเรื่องมีดที่ลึกซึ้งมากขึ้น แม้ว่ามันจะไม่ใช่ดาบจุมพิตสีแดง แต่ไป๋อี้ก็รู้สึกได้ถึงส่วนที่ขยายออกมาจากร่างกายเมื่อเขาได้สัมผัสมีด
มีดทำครัวของไป๋อี้ลากไปในอากาศ เห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนไหวช้ามาก แต่ทุกคนดูเหมือนจะเห็นเป็นภาพติดตา
ในไม่ช้าไป๋อี้ก็ปรุงเต่าน้ำแข็งตามการสาธิตของเบ็คกี้ สิ่งนี้เป็นเต่าชนิดกนึ่งที่อาศัยอยู่บนขอบของน้ำแข็ง หากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ความเย็นจะหายไปและมันจะกลายเป็นเพียงอาหารธรรมดาเท่านั้น แต่ถ้าจัดการอย่างถูกต้อง ความเย็นทำให้สามารถเก็บไว้ได้นาน แม้ว่าสุกแล้วเนื้อของเต่าน้ำแข็งก็จะเย็น ในซุปเดือดมีเนื้อสดเย็น ๆ ความแตกต่างที่ชัดเจนแบบนี้ช่วยกระตุ้นรสชาติของทุกคนได้อย่างแน่นอน
ไป๋อี้หยุดการเคลื่อนไหวลง ขนาดของเต่าน้ำแข็งตัวที่สองที่อยู่ในอ่างแทบจะไม่ต่างออกไป มันยังคงนอนอยู่กับที่
เสร็จแล้วเหรอ?
ทุกคนมีคำถามนี้อยู่ในใจ จากนั้นไป๋อี้ก็ก้าวออกมาและรอให้เบ็คกี้ตรวจสอบ เบ็คกี้มองดูแล้วมองไปที่ไป๋อี้ด้วยความประหลาดใจ มันได้รับการจัดการเป็นอย่างดี เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อจริงๆ การออกแรง องศา ไม่มีความคลาดเคลื่อนแม้แต่น้อย สิ่งที่หายากที่สุดก็คือลักษณะของเต่าน้ำแข็งไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อยหลังจากที่มันถูกจัดการแล้ว ต่างจากเธอที่มีรอยมีดที่ขอบของเต่าอย่างชัดเจน
ทักษะการใช้มีดของไป๋อี้!
เบ็คกี้นึกถึงความแปลกประหลาดตอนที่ไป๋อี้หยิบมีดทำครัวขึ้นมาก่อนหน้านี้ ทันใดนั้นเธอก็เดาอะไรบางอย่างได้ สิ่งที่คนนอกรู้เกี่ยวไป๋อี้มีเพียงดวงตาของเขาเท่านั้น เนื่องจากไป๋อี้ไม่ค่อยได้แสดงฝีมือออกมา หลายคนจึงไม่รู้ว่าทักษะการใช้มีดดาบของไป๋อี้นั้นเก่งกาจมาก การควบคุมแรงที่แม่นยำเช่นนั้น เกาะปีศาจในปัจจุบันมีไม่เกินห้าคนเท่านั้นที่สามารถเทียบกับไป๋อี้ได้
“จัดการได้เรียบร้อยดีมาก ต่อไปเป็นเรื่องการทำอาหาร” เบ็คกี้ควบคุมจิตใจของเธอให้มั่นคงและพูดอย่างใจเย็น
การทำอาหารอะไรสักอย่าง ต้องหยิบจับอย่างแม่นยำ ไป๋อี้ก็เช่นเดียวกัน แม้แต่ไป๋อี้เองก็รู้ดี ความรู้สึกนี้คืออะไร ไป๋อี้ไม่ได้สัมผัสกับการทำอาหารมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว แต่ไป๋อี้ดูเหมือนจะมีความรู้สึกที่เป็นไปอย่างธรรมชาติ ในตอนนี้ไม่ว่าเขาจะทำอะไรมันก็ราบรื่นดุจดังเมฆเหินน้ำไหล ราวกับว่าเขาสามารถเข้าใจทุกการเปลี่ยนแปลงในโลกภายนอกได้อย่างแม่นยำ
“เอาอีกจาน!”
“เหมียว เหมียวเหมียว!” โม่โม่และชินชิล่านั่งอยู่ข้างกัน พวกเขาไม่ได้ต่อต้านอาหารเลยแม้แต่น้อย พุงน้อยๆไม่รู้ว่าจะเก็บอาหารมากมายไว้ที่ไหนแล้ว ไป๋อี้อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ลูกสาวนักกินคนนี้แม้แต่ชอนชิล่าที่อยู่ข้างๆเธอก็พุงป่องเชนกัน
แต่ผ่านไปไม่นานชินชิล่าก็ไม่สามารถกินได้อีกต่อไป ปัจจุบันนี้ชินชิล่ามีพฤติกรรมเหมือนแมวบ้านธรรมดา มันฉลาดขึ้นเพียงเล็กน้อย ซึ่งแตกต่างจากโม่โม่ เขาเคยมีประสบการณ์ตอนที่เข้าสู่ระยะหิวโหยมาก่อน แม้ว่าช่วงนี้ระยะหิวโหยจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่เมื่อปลดปล่อยความอยากอาหารออกมา เขาก็ยังสามารถกินอาหารได้อีกมากมาย
วัตถุดิบพิเศษ 6 ชนิด ทำอาหารออกมารวมทั้งหมด 21 จาน ไป๋อี้ศึกษาและใช้มันตลอดช่วงบ่าย โม่โม่กินอาหารเหล่านั้นตลอดช่วงบ่าย เบ็คกี้ให้ไป๋อี้ทำอาหารด้วยส่วนผสมพิเศษอื่น ๆ ทั้งหมดจากนั้นก็รอให้ไป๋อี้ทำตามข้อตกลงทางการค้าของพวกเขา
“คุณทั้งสอง มากับผม” ไป๋อี้พูดแล้วเดินไปที่ห้องพักฟื้นพร้อมกับเบ็คกี้และเบมีล่า
ลอทเทียร์และโม่โม่ไม่ตามไป พวกเขาไม่ใช่เด็กธรรมดา แม้แต่โม่โม่ก็รู้ว่าเบ็คกี้จะไม่สอนไป๋อี้เรื่องวิธีปรุงวัตถุดิบพิเศษมากมายเหล่านี้ให้ฟรีแน่นอน
“อิ่มแล้ว อิ้มแปล้เลย ชินชิล่าช่างน่าสงสารนัก มีอาหารมากมายจนแทบกินไม่หวาดไม่ไหว สุดท้ายหลังจากกินจานแรกไปก็กินไม่ไหวซะเเล้ว” โม่โม่สะกิดชินชิล่าด้วยนิ้วของเธอ ทันใดนั้นมันก็กลิ้งไปมาบนพื้นและส่งเสียงร้องเหมียวๆ
ชินชิล่านอนลงบนพื้นอย่างเกียจคร้าน มันไม่อยากขยับไปไหน ไม่นานก็ค่อยๆหลับไป โม่โม่พาชินชิล่ากลับไปที่คอกแมวแล้วออกไปเดินเล่นซึ่งถือได้ว่าเป็นการย่อยอาหาร
ไม่มีใครค้นพบว่าในร่างกายของชินชิล่าปรากฏเซลล์บางส่วนที่ที่เป็นยีนด้อยออกมา หลังจากดูดซับคุณค่าทางโภชนาการของอาหารที่มีวัตถุดิบพิเศษเป็นองค์ประกอบแล้ว มันก็ค่อยๆเริ่มถูกกระตุ้นทีละน้อยๆ
————————————————
◆การกระตุ้น!
รุ่นที่สองของสิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการซึ่งประกอบด้วยเซลล์ดัดแปลงที่แฝงอยู่ในร่างกาย เซลล์ดัดแปลงประเภทนี้มักอยู่ในสภาวะหลับสนิท หากต้องการปลุกเซลล์ดัดแปลงต้องทำการกระตุ้นมัน การกระตุ้นในช่วงแรกไม่ใช่เรื่องยากตราบใดที่ร่างต้นแบบยังแข็งแรงและมีสารอาหารเพียงพอที่จะเกิดการกระตุ้นในเซลล์ดัดแปลงได้ อย่างไรก็ตามในระยะต่อมาการกระตุ้นเซลล์ดัดแปลงจะยากขึ้นเรื่อย ๆ และความต้องการอาหารก็จะยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ