“ไป๋อี้ นักศึกษาพวกนั้นพึ่งไม่ได้เลย” วูล์ฟหยุดอยู่ข้างไป๋อี้และบอกกับเขา
“ฉันรู้!”
ไป๋อี้นั่งลงบนพื้นและค่อย ๆ หายใจช้า ๆ หลังจากที่เขากินน้ำดีงูเข้าไป อาการวิงเวียนศีรษะของเขาก็ลดลงมาก เห็นได้ชัดว่ามาร์ตินไม่ได้พูดจาไร้สาระ อย่างไรก็ตามแม้ว่าสารพิษจะค่อย ๆ บรรเทาลงอย่างช้า ๆ แต่อาการบาดเจ็บต่าง ๆ บนร่างกายของเขากลับค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น เป็นความเจ็บปวดที่ยากจะทนได้ ไป๋อี้ได้รับบาดเจ็บมามากตั้งแต่บ่ายเมื่อวาน และตอนนี้เขายังต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงอีกครั้ง อาการบาดเจ็บจึงยิ่งทวีขึ้นไปอีก
ทั้งรอยแผล รอยฟกช้ำ และยังมีเลือดออกภายในอีกด้วย!
อย่างไรก็ตามเซลล์ดัดแปลงได้เพิ่มสมรรถภาพการทำงานทางสรีรวิทยาของร่างกายมนุษย์อย่างเห็นได้ชัด การบาดเจ็บครั้งนี้จึงยังไม่ถึงกับพรากชีวิตของไป๋อี้ไป
“ฉันรู้ว่าพวกเขาหลายคนไว้ใจไม่ได้ แต่ตอนนี้รวมกลุ่มกันไว้เป็นดีที่สุด ออกเดินทางไปด้วยกันเป็นการชั่วคราวก่อนตามแผนที่วางไว้เพื่อรับยาที่ช่วยฟื้นคืนร่างมนุษย์ แต่ในอนาคต … เราก็ต้องเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนหน่อยแล้ว น่าขันสิ้นดี ตอนแรกฉันต้องการที่จะขับรถชนเจ้านกยักษ์เพื่อซื้อเวลาให้คนอื่น แต่เกือบเอาชีวิตตัวเองไม่รอด” ไป๋อี้พูดพลางจับมือขวาของวูล์ฟแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน
“จริง ๆ ฉันก็แค่อยากจะเตือนนายเอาไว้ นายรู้ตัวก็ดีแล้ว ระวังอย่าเผลอพาตัวเองไปติดกับอีก”
“อืม เข้าใจแล้ว” ไป๋อี้พยักหน้ารับ
“แล้วจะทำอย่างไรกับเจ้านี่?” วูล์ฟถาม
“เป็นอาหารไงล่ะ นายไม่รู้สึกเหรอว่าตอนนี้ท้องของพวกเราว่างมาก เจ้านี่เหมาะที่จะเป็นอาหารของพวกเราพอดี มาเถอะ ช่วยฉันหาไม้สองท่อนมาเป็นเฝือกดามมือที มือซ้ายของฉันเพิ่งหักไป” ไป๋อี้พูดกับวูล์ฟ แต่วูล์ฟไม่ทันได้ระวังจึงเผลอแตะโดนมือซ้ายของเขาเข้า ทำให้ไป๋อี้ถึงกับสั่นสะท้านขึ้นมาทันที
“เจ้าบ้านี่ นายนึกว่าฉันไม่เจ็บเหรอ”
“บัดซบ ฉันจะตายด้วยความเจ็บปวดอยู่แล้ว ดีไหมล่ะ” ไป๋อี้สบถออกมา
ในขณะเดียวกันก็มีเสียงรถดังมาจากในอุโมงค์ จากนั้นรถคันเล็กก็พุ่งออกมาและเบรกอย่างแรง หงฉี่ฮว๋ารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ได้เห็นภาพนี้ เมื่อสักครู่เธอพยายามคิดหาหลายวิธีเพื่อฆ่านกยักษ์ตัวนั้น ในตอนนี้พวกเขาไม่มีความแข็งแกร่งขนาดนั้น เธอจึงคิดว่าต้องอาศัยสภาพแวดล้อมภายนอกเข้าช่วย แล้วเธอก็นึกถึงอุโมงค์นี้ขึ้นมา แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อเธอกลับมาที่นี่เธอจะพบว่านกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวตายไปแล้ว
“เฮ้ พวกเราไม่สามารถฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้หรอก อย่ารนหาที่ตาย เธอได้ยินไหม” ถังปิงนั่งตัวสั่นอย่างกระสับกระส่ายอยู่ในรถ
ในตอนแรกหงฉี่ฮว๋าขับรถไปเรื่อย ๆ เขาและไต้ยู่เหยารู้สึกโล่งใจมาก แต่เมื่อหงฉี่ฮว๋าตัดสินใจขับรถวกกลับมา ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกกลัวแทบตาย หงฉี่ฮว๋าคนนี้ไม่ได้บ้า เธอคิดจะฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นจริง ๆ แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีปืนอยู่ในมือด้วยซ้ำ นี่เท่ากับเป็นการรนหาที่ตายแท้ ๆ และแน่นอนว่าปืนธรรมดาทั่วไปคงไม่อาจฆ่านกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวได้
“มันตายแล้ว!” หงฉี่ฮว๋าพูดพร้อมกับเปิดประตูรถและเดินลงไป
“ตายแล้วเหรอ?” ถังปิงหันหน้าไปตามหงฉี่ฮว๋า จึงได้พบว่ารถบรรทุกชนกับเชิงเขาอยู่ตรงหน้าและตรงกลางระหว่างนั้น ไม่ใช่หัวของเจ้าสัตว์ประหลาดหรือนั่น ถังปิงอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าสิ่งน่ากลัวนั่นเพิ่งตายไป
“ขอโทษนะลุงไป๋ ฉันเพิ่งจะคิดหาวิธีได้ แต่ฉันคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคุณจะฆ่านกประหลาดตัวนี้ได้”
“ไม่ ไม่เป็นไร พวกเราโชคดีน่ะ ในเมื่อพวกเธออยู่ที่นี่แล้วก็มาช่วยกันจัดการเจ้านกประหลาดตัวนี้หน่อยเถอะ เจ้านี่เป็นวัตถุดิบที่ดีทีเดียว” ไป๋อี้ไม่ได้ตำหนิหงฉี่ฮว๋า การที่เธอเปลี่ยนตำแหน่งและหากยังไม่มีวิธีที่ปลอดภัยในการฆ่านกประหลาด เธอก็คงจะไม่เข้าไปเสี่ยง
“ฉันจะไม่จัดการกับมัน” หงฉี่ฮว๋ากล่าวอย่างจริงจัง
“ไม่เป็นไร ฉันจะชี้ให้เธอดูอะไรนี่ ตอนนี้มือซ้ายของฉันหัก ไม่ถนัดที่จะทำสิ่งเหล่านี้” ไป๋อี้ปลอบ แต่ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้วและเดินไปบริเวณที่วูล์ฟชำแหละเอาน้ำดีงูออกมา จากนั้นเขาก็พบว่ามีสีฟ้าแพร่กระจายอย่างรวดเร็วจากหัวงูขึ้นไปถึงส่วนด้านบน
“วูล์ฟ นำมีดสับกระดูกมาตัดหางของงูเหลือมตัวนี้ออกไป” ไป๋อี้พูดอย่างประหม่า
ตอนนี้วูล์ฟเชื่อใจไป๋อี้ราวกับคนตาบอด หลังจากได้ยินคำพูดนั้น เขาก็ทำตามทันทีโดยไม่ไม่มีความลังเลใด ๆ หลังจากตัดหางของงูเหลือมตามที่ไป๋อี้บอก ไม่ถึงสิบวินาทีสารพิษสีฟ้าก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งตัวและหางของงูเหลือมตัวนั้น และดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถกินได้แล้ว
“มีอะไรเหรอ?” วูล์ฟถามขึ้นมาเมื่อมีโอกาส
“สารพิษแพร่กระจายไปแล้ว ตอนที่นายหาถุงน้ำดีของงู ตอนนั้นนายคงไม่ทันได้ระวังเลยทำให้ถุงพิษของหัวงูเหลือมแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ ถ้านายช้าไปอีกหน่อย อย่าว่าแต่หางของงูเหลือมตัวนี้เลย เนื้อส่วนอื่น ๆ ก็คงไม่ได้กิน” ไป๋อี้มองไปที่หัวงูเหลือมซึ่งถูกตัดออกอย่างพินิจพิจารณาและอธิบาย
“ฉี่ฮว๋า เธอมาลองใช้มีดดูสิ” ไป๋อี้พูดกับหงฉี่ฮว๋า แต่ก็ต้องพบว่าเธอไม่มีมีดในมือ
“วูล์ฟ หยิบมีดออกมา ระหว่างทางฉันเตรียมมีดทำครัวไว้แล้ว” ไป๋อี้ชี้บอกเขา
“ทำไมนายเอาแต่สั่งฉัน” วูล์ฟบ่นพึมพำและไปหยิบมีดทำครัวมาแต่โดยดี ระหว่างทางตอนที่ไป๋อี้ผ่านห้างสรรพสินค้า เขาได้เข้าไปหาชุดอุปกรณ์ทำครัว เพราะมีดทำครัวเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับคนเป็นเชฟอย่างเขา
“ก็ฉันบาดเจ็บ อีกทั้งฉี่ฮว๋าก็เป็นผู้หญิง”
“ใช่ ใช่ ใช่ ฉันเข้าใจแล้ว” วูล์ฟดึงกล่องเล็ก ๆ ออกมาจากรถ เมื่อเปิดมันออกจึงเผยให้เห็นว่าภายในมีมีดทำครัวหลายชนิดมากกว่าสิบเล่มบรรจุอยู่
“ใช้อันนี้สิ ใบมีดวิลโลว์ขนาดเล็กเหมาะสำหรับการเลาะเนื้อ” ไป๋อี้พูดกับหงฉี่ฮว๋า
หงฉี่ฮว๋าหยิบมีดที่เรียกว่าใบมีดวิลโลว์ขนาดเล็กขึ้นมาอย่างงงงวย ในสายตาของหงฉี่ฮว๋ามีดทำครัวก็คือมีดทำครัว เหตุใดมีดทำครัวถึงได้มีการจำแนกประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ในแง่ของทักษะการทำอาหารของหงฉี่ฮว๋านั้นถือว่ายังอ่อนอยู่ เธอไม่สามารถเทียบกับไป๋อี้ได้เลย แต่ในเมื่อไป๋อี้พูดเช่นนั้นเธอก็คงต้องลองทำดู
“ท่าทางการถือมีดไม่ถูกต้อง!” ไป๋อี้พูดอีกครั้งหลังจากที่หงฉี่ฮว๋าหยิบมีดวิลโลว์ขนาดเล็กขึ้นมา หงฉี่ฮว๋าได้แต่แอบร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา มีข้อกำหนดเฉพาะสำหรับท่าทางในการถือมีดตั้งแต่เมื่อไหร่?
“ฉันไม่เคยจัดการกับวัตถุดิบอาหารประเภทนี้มาก่อน แต่ดูจากการแพร่กระจายของสารพิษแล้ว ตำแหน่งการเติบโตของถุงพิษที่หางของงูเหลือมตัวนี้แตกต่างจากงูพิษธรรมดา ถ้าจัดการไม่ถูกต้องสารพิษจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว หากล้างพิษไม่ละเอียดพอจะทำให้หลังจากที่สารพิษแพร่กระจาย วัตถุดิบชนิดนี้จะกลายเป็นอาหารที่กินไม่ได้ทันที” ไป๋อี้อธิบาย
“จากตรงนี้ลงมีดลงไปราว 2 เซนติเมตร ลงมีดให้มีความลึกพอเพื่อทำรอยบาก” ไป๋อี้ชี้ไปที่ตำแหน่งหนึ่งและสาธิตให้ดู
แม้หงฉี่ฮว๋าจะดูไม่ประหม่าเลยในขณะขับรถ แต่ในเวลานี้เธอกลับเริ่มประหม่าขึ้นมาบ้างแล้ว วูล์ฟ โม่โม่ ชาร์ไป่ ถังปิง และไต้ยู่เหยาที่ลงจากรถต่างก็สะกดกลั้นลมหายใจเบา ๆ เพราะกลัวว่าจะเป็นการรบกวนหงฉี่ฮว๋า เมื่อเห็นการกระทำของทุกคนไป๋อี้ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ดูเหมือนว่าคำแนะนำของเขาได้นำพาแรงกดดันอันหนักอึ้งมาสู่ทุกคนเสียแล้ว
“อย่ากังวลไป นี่เป็นแค่หางงูเหลือมที่ชุ่มไปด้วยสารพิษเท่านั้น ฉันจะให้เธอตัดมันโดยใช้ความสามารถในการควบคุมมีดที่แม่นยำของเธอ แล้วก็กำหนดตำแหน่งของถุงพิษ จากนั้นเธอก็จะสามารถรักษาหางอีกหกหางที่เหลือได้ แม้ว่าเธอจะทำผิดพลาดก็ไม่เป็นไร” ไป๋อี้อธิบาย
หลังจากสิ้นคำอธิบายของไป๋อี้ หงฉี่ฮว๋าก็สงบสติลง จากนั้นก็เริ่มปฏิบัติตามคำแนะนำของเขา
อาจจะเป็นเพราะความผ่อนคลายลง หรืออาจเป็นเพราะไม่มีความว้าวุ่นใจ ทำให้มือของหงฉี่ฮว๋ามีความมั่นคงกว่าปกติ โดยส่วนใหญ่แล้วการกะความลึกและการลงน้ำหนักของมีดเป็นเรื่องที่จะทำอย่างแม่นยำได้ยาก ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผู้ที่สัมผัสเป็นครั้งแรกจะทำอย่างเชี่ยวชาญได้ หากมีคนทำได้ในครั้งแรกจริง ๆ อาจต้องใช้คำว่าพรสวรรค์มาอธิบายหรือจะกล่าวว่าเป็นอัจฉริยะก็ว่าได้
ตามคำแนะนำของไป๋อี้ หงฉี่ฮว๋าค่อย ๆ ชำแหละงูเหลือมและเส้นกล้ามเนื้อได้อย่างเป็นระเบียบชัดเจน นอกเหนือจากสารพิษสีฟ้าจาง ๆ ที่แพร่ออกมาแล้ว หงฉี่ฮว๋าไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือวัตถุดิบอาหารที่เธอเป็นคนจัดการ
“ต่อมพิษที่ยาวที่สุดอยู่ที่ 141 เซนติเมตรใต้ฟันของงูเหลือมตามขนาดของหางงูเหลือม … ” ไป๋อี้พูดเบา ๆ ขณะมองดูเนื้อกล้ามเนื้อที่ถูกชำแหละ ในเวลานี้หงฉี่ฮว๋ากลายเป็นเหมือนนักเรียนที่คอยปฏิบัติตามคำชี้แนะของไป๋อี้
“ส่วนต่อไปนี้เป็นส่วนที่เป็นวัตถุดิบในการทำอาหารจริง ๆ ลงมีดตัดตามขวางตรงนี้” ไป๋อี้พูด
“ตัดตามขวาง?”
“ใช่ ตัดตามขวาง แค่เอาต่อมพิษออกมา ไม่ต้องตัดส่วนของหัว เป็นยังไงบ้าง เธอยังอยากจัดการมันด้วยตัวเองและกำจัดต่อมพิษออกหรือไม่?” ไป๋อี้พูดพร้อมกับยิ้มให้หงฉี่ฮว๋า “จริง ๆ ถ้าเธอต้องการจะฝึกฝนสามารถใช้ส่วนหัวงูเหลือมที่ตัดออกได้ แต่ว่าตอนนี้คงไม่ได้ เราไม่สามารถใช้ส่วนทั้งหมดของวัตถุดิบในการฝึกฝนได้”
“อืม ฉันเข้าใจแล้ว” หงฉี่ฮว๋าพยักหน้ารับ
ไป๋อี้พูดถูก ตอนนี้ไม่มีโอกาสให้เธอฝึกซ้อม เธอรู้ดี ในขณะที่เธอพยายามแก้ปัญหาพิษที่หัวงู เธอได้ทำผิดพลาดหลายสิบครั้ง และนั่นคือต่อมพิษ ความผิดพลาดใด ๆ ที่เกิดขึ้นอาจทำให้สารพิษแพร่กระจายไปทั่วจนกินไม่ได้
“อย่าลืมเปลี่ยนมีด” ไป๋อี้เตือนสติ
“อื้ม!” หงฉี่ฮว๋าพยักหน้า มีดวิลโลว์ขนาดเล็กในมือของเธอได้ถูกใช้เพื่อผ่าหางของงูเหลือมที่มียาพิษแพร่กระจายอยู่ แน่นอนว่าทำให้มันไม่สามารถแพร่ไปยังงูหลามอีกหกหางที่ยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่ได้!”
ในขณะที่หงฉี่ฮว๋าจัดการกับวัตถุดิบอาหารอย่างระมัดระวัง คนอื่น ๆ ก็ขับรถวกกลับมา พวกเขาสงสัยมากว่าไป๋อี้และวูล์ฟจัดการนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวตัวนี้ได้อย่างไร
หลังจากเห็นร่องรอยของรถบรรทุกบนเชิงเขา ทุกคนก็ตระหนักได้ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง มันโดนรถบรรทุกชนในอุโมงค์สินะ? หลังจากรู้ดังนั้นแล้ว มีคนไม่กี่คนที่ดูเหมือนจะไม่เห็นด้วย แม้ว่าพวกเขาจะคิดแผนนี้ออก แต่พวกเขาไม่อยากจะคิดว่าจะมีใครกล้านำวิธีนี้ไปใช้จริง ๆ?
มีเพียงมาร์ตินเท่านั้นที่เห็นหงฉี่ฮว๋าจัดการกับวัตถุดิบอยู่ที่นั่นอย่างจริงจัง โดยมีไป๋อี้อธิบายรายละเอียดอยู่ข้าง ๆ นั่นทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ
“เฮ้ ~ เฮ้ ไป๋อี้คุณกำลังวางแผนจะทำอะไร คุณคงไม่ได้คิดที่จะกินเจ้านี่หรอกนะ?” มาร์ตินถามด้วยความฉงน
“แน่นอน ตอนนี้มีวัตถุดิบอาหารมีไม่มากนัก ถ้าไม่กินเจ้านี่แล้วจะกินอะไร? หรือว่า … ในร่างกายเจ้านี่มีสารชีวภัณฑ์อะไรบางอย่าง” ไป๋อี้นึกคำถามนี้ขึ้นมาได้ในทันที ผู้ชายคนนี้หนีออกจากสถาบันวิจัย ที่นั่นไม่มีส่วนผสมของสารที่เป็นพิษจริง ๆ หรือ
“มีสารที่กระตุ้นทางชีวภาพ แต่ไม่ใช่สารที่เป็นพิษ แต่มันเป็นการเร่งการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาในส่วนอื่น ๆ เท่านั้น ไม่มีผลกระทบอย่างอื่น ฉันก็แค่คิดไม่ถึงว่าคุณคิดจะอยากกินเจ้านี่จริง ๆ” มาร์ตินพูด
“มันกินได้เหรอ?”
“กินได้สิ!”
“งั้นก็ดีเลย” ไป๋อี้พยักหน้า หลังจากที่หงฉี่ฮว๋าได้ยินการสนทนาระหว่างไป๋อี้และมาร์ติน เธอก็เริ่มจัดการกับวัตถุดิบอย่างเจ้านกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวต่อ
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^
https://www.kawebook.com/story/6809
MANGA DISCUSSION