[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ - ตอนที่ 153 ลอทเทียร์
เซลล์ดัดแปลงมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตเป็นอย่างมาก แรกเริ่มของการศึกษาวิจัยแน่นอนว่าจุดประสงค์ก็เพื่อสิ่งที่เรียกว่าอายุวัฒนะ แต่ระหว่างขั้นตอนการวิจัย เนื่องจากผู้คนที่แตกต่างกัน มีการค้นพบและความคิดที่ต่างกัน ทิศทางการวิจัยจึงได้เปลี่ยนไป ส่วนใหญ่จะยึดตามการศึกษาตามแง่มุมหลัก แต่ในขณะเดียวกันทิศทางการวิจัยของบางคนก็ไปมากกว่านั้น มีการใช้วิธีการที่ดูเหมือนจะผิดศีลธรรม บางครั้งศักยภาพที่สร้างขึ้นนั้นกลับทำให้เห็นถึงความเหลือเชื่อที่เป็นไปได้ยิ่งกว่าแง่มุมหลักเดิมเสียด้วยซ้ำ
ในเขตภูเขาเพลแซนด์ด้านล่างของเมืองพิคตันมีสถาบันวิจัยขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ที่ด้านในนั้นมีนักวิจัยได้ศึกษาค้นคว้าบางสิ่งที่เหลือเชื่อ
การเชื่อมสัมพันธ์กับเซลล์ดัดแปลง!
ฟังดูแล้วเหมือนจะไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ถ้าลองคิดดูว่าเซลล์ดัดแปลงทั้งหมดนั้นมาจากร่างแม่แบบทดลองก็จะสามารถตระหนักได้ถึงความสำคัญของมัน ดูเหมือนว่าการเชื่อมสัมพันธ์ที่อธิบายไม่ได้ระหว่างเซลล์ดัดแปลงหากอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสมจะทำให้เกิดการตั้งครรภ์แบบใหม่ขึ้นมา
น่าเสียดายที่แม้แต่จีฮั่วชิงก็ยังไม่รู้ชัดเจนนัก นักวิจัยคนนั้นที่หลบหนีจากสถาบันไปเป็นคนในสังกัดของประเทศบราซิล ข่าวนี้เป็นเพียงข้อมูลเล็กน้อยที่สายลับของประเทศจีนค้นพบเท่านั้น
“ผมเคยทำงานร่วมกับโกเมซมาก่อน ผมกับเขาจึงนับว่าคุ้นเคยกันพอสมควร ผู้ชายคนนั้นค่อนข้างบ้าคลั่งเลยล่ะ ทุกคนที่ออกไปจากนิวซีแลนด์ต่างก็มีปรสิตเซลล์ดัดแปลงแฝงอยู่ด้วย เพื่อไม่ให้กลายเป็นร่างทดลองไปอยู่ในมือของนักวิจัยคนใหม่ ดังนั้นโกเมซจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับสิ่งที่ควรค่าแก่ความสนใจ” จีฮั่วชิงอธิบายขึ้น
“การเชื่อมสัมพันธ์ของเซลล์ดัดแปลง!”
“มันอาจจะฟังดูไม่น่าแปลกใจแต่ว่าผมเข้าใจโกเมซดี ผู้ชายคนนั้นจะสร้างสิ่งที่น่าทึ่งออกมาอย่างแน่นอน น่าเสียดายที่เนื่องจากนิวซีแลนด์นั้นอันตรายเกินไปรวมทั้งมีข่าวที่กล่าวมาข้างต้น ฉันเลยไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากนัก ดังนั้นจึงไม่ยินยอมที่จะส่งคนไปปฏิบัติภารกิจที่อันตรายนี้ ครั้งนี้ฉันถูกคู่อริเก่าวางหลุมพรางให้ต้องมาที่นี่ เดิมทีฉันก็อยากจะกลับไปนะ แต่ไหน ๆ ก็บังเอิญมาถึงชายขอบของนิวซีแลนด์แล้ว สู้ไม่ตรงไปที่สถาบันนั้นเสียเลยล่ะ ทว่าอันตรายในนิวซีแลนด์นั้นเหนือความคาดหมายเหลือเกิน เมื่อลงจากเครื่องบินได้ไม่นานพวกเราก็ได้พบกับสิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการ หลังจากนั้นก็มีคนได้รับบาดเจ็บและล้มตายเป็นจำนวนมาก” จีฮั่วชิงอธิบาย
“จากนั้นคุณก็นำเซรุ่มต้นแบบออกมาและเตรียมตัวที่จะให้ทหารเหล่านั้นใช้เพื่อผสานรวมกับเซลล์ดัดแปลงสินะ” น้ำเสียงของไป๋อี้เย็นชามาก
“ใช่ เป็นเพราะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่พวกเขาจะมีศักยภาพเพียงพอในการป้องกันตัวเองได้”
“น่าจะพูดว่าเพื่อที่พวกเขาจะได้มีศักยภาพพอที่จะปกป้องคุณในการตรงไปที่สถาบันวิจัยนั้นได้มากกว่า”
“มันเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ ไม่ใช่ว่าคุณก็พูดเช่นเดียวกันเหรอว่านี่เป็นโอกาสเดียวที่พวกเขาจะมีชีวิตรอด” หนวดเคราของจีฮั่วชิงกระดกงอขึ้นเล็กน้อย “เอาเถอะ ที่จริงแล้วฉันก็มีความเห็นแก่ตัวอยู่บ้าง แต่ฉันก็อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่โกเมซทิ้งไว้เบื้องหลังจริง ๆ จากการวิจัยเกี่ยวกับการเชื่อมสัมพันธ์ของเซลล์ดัดแปลง การวิจัยทางด้านนี้มันจะแฝงไว้ด้วยอะไรกันแน่” เมื่อจีฮั่วชิงเห็นท่าทางที่ดูไม่สันทัดในเรื่องนี้ของคนในทีมของไป๋อี้ เขาก็ยอมแพ้ที่จะอธิบายอย่างช่วยไม่ได้
“ผมไม่สนใจเรื่องระหว่างพวกคุณหรอกนะ สรุปแล้ว อยู่ในทีมนี้อย่าคิดอะไรไม่รอบคอบเลย” ไป๋อี้เพียงแค่เตือนเขาสั้น ๆ ไปหนึ่งประโยค จากนั้นก็เหลือบมองจีฮั่วชิงด้วยหางตา แต่การพูดด้วยน้ำเสียงที่เนิบ ๆ แบบนี้ทำให้ในใจของจีฮั่วชิงรู้สึกสะดุ้งโหยง ก็เขานั้นมีอายุมากแล้ว ในชีวิตของจีฮั่วชิงได้พบเห็นผู้คนที่มีความแตกต่างกันมามากมาย เขาสามารถมองออกได้ว่าไป๋อี้นั้นไม่ได้พูดล้อเล่น ถ้าหากว่าเขามีแผนการอะไรแปลก ๆ มันคงจะเป็นเรื่องที่น่าสังเวชอย่างยิ่งแน่นอน
ไป๋อี้ในตอนนี้ไม่ใช่ไป๋อี้ที่อ่อนโยนและอบอุ่นเหมือนในตอนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งแรกในนิวซีแลนด์อีกแล้ว
………………
ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ไม่ต้องการที่จะเสียเวลาไปกับสิ่งใดอีกและออกเดินทางไปยังเขตภูเขาเพลแซนด์ในทันที แต่เมื่อเพิ่งจะเดินทางไปได้ไม่ถึง 1 กิโลเมตรทุกคนก็มองไปที่จีฮั่วชิงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่สบายใจ เขาชักช้าเกินไปแล้ว เนื่องจากไป๋อี้เน้นถึงเรื่องการพึ่งพาตนเองเป็นสำคัญ แม้ว่าจะมีชาร์ไป่และพูพูอยู่ในทีมก็ตาม เว้นแต่จะเป็นการหยอกเล่นหรือในสถานการณ์พิเศษเท่านั้น ภายใต้สถานการณ์ปกติแม้แต่โม่โม่ก็จะไม่ขี่หลังชาร์ไป่ในการเดินทาง หลังจากที่ทุกคนเดินไปได้สักพักพวกเขาก็ตระหนักได้ว่าจีฮั่วชิงนั้นช้าเกินไป
“ชาร์ไป่ แบกชายชราคนนี้หน่อยเถอะ” ไป๋อี้ปลอบโยนชาร์ไป่เล็กน้อย
“อะไรนะ?” จีฮั่วชิงหอบหายใจไม่หยุด การเดิน 1 กิโลเมตรในนิวซีแลนด์ท่ามกลางสภาพแวดล้อมในปัจจุบันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือน 1 กิโลเมตรบนทางเรียบ ตอนนี้จีฮั่วชิงเหนื่อยเกินกว่าที่จะหายใจแล้ว
“ฉันจะให้คุณขี่ชาร์ไป่ คุณควรจะยินดีนะ ชาร์ไป่น่ะ คนปกติทั่วไปไม่สามารถขี่ได้หรอก” วูล์ฟที่อยู่ด้านข้างโผล่หัวเข้ามาใกล้ แม้แต่ดอกเตอร์จีฮั่วชิงที่นับได้ว่าคุ้นเคยกับสิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการในสถาบันวิจัยมาก่อนแล้ว ก็ยังต้องตกตะลึง หลังจากที่ได้ยินคำพูดของวูล์ฟ จีฮั่วชิงก็เหลือบมองไปที่ชาร์ไป่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นอีกครั้ง ท่าทางของมันราวกับว่าแดกอุจจาระมา เขาจะไปขี่มันได้อย่างไรกันเล่า?
ทว่าชาร์ไป่กลับตรงเข้ามาใช้ปากกัดไปบนปกเสื้อของจีฮั่วชิงและสะบัดเขาขึ้นไปบนหลังของมัน เขาตกใจจนหัวใจแทบหลุดออกมา นี่คือการสัมผัสที่ใกล้ชิดจริง ๆ ตอนนี้ราวกับชาร์ไป่กำลังแสดงหนังอสูรกายที่สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนอย่างไรอย่างนั้น
“ไปกันเถอะ!” ไป๋อี้กล่าวหลังจากที่เห็นว่าจีฮั่วชิงขึ้นไปบนหลังของชาร์ไป่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คนในทีมเริ่มออกวิ่ง ในเวลานี้จีฮั่วชิงจึงตระหนักได้ถึงความเร็วที่แตกต่างออกไปจากครั้งก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก หลังจากผ่านไปได้ไม่นานจีฮั่วชิงก็พบว่ายังมีลูกแมวตัวน้อยอยู่ตรงหน้าของเขาอีกด้วย เวลานี้ลูกแมวน้อยตัวนั้นกำลังใช้สองตาของมันมองมาที่เขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แมวพันธุ์ชินชิล่าในร่างปกติ!
ทันใดนั้นจีฮั่วชิงก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา อย่างน้อยในทีมนี้ก็ยังนับว่ามีสิ่งมีชีวิตธรรมดาอยู่ แต่ทันใดนั้นจีฮั่วชิงก็ต้องตื่นตกใจขึ้นมาอีกครั้ง ในตอนนี้จะมีสิ่งมีชีวิตปกติในนิวซีแลนด์ได้อย่างไรกัน ลูกแมวน้อยตัวนี้คงจะเป็นสมาชิกในทีมของไป๋อี้ ทำไมมันถึงยังคงมีลักษณะเป็นอย่างเดิมอยู่ล่ะ? ทันใดนั้นในสมองของจีฮั่วชิงก็ลุกโชนไปด้วยความบ้าคลั่งในการวิจัยอีกครั้ง
“Hi!” จีฮั่วชิงกล่าวทักทายชินชิล่าเพื่อเตรียมสานสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
ทว่าในเวลานี้ในแววตาของชินชิล่าดูเหมือนจะเห็นอะไรบางอย่างที่น่าสนใจจากจีฮั่วชิง มันจึงตะปบอุ้งเท้าออกไป ชินชิล่าติดตามทีมไป๋อี้มา แม้ว่ามันจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะอะไรแต่ก็ยังเคลื่อนไหวได้ดีและกรงเล็บของมันก็แหลมคมมากเป็นพิเศษ ทันใดนั้นจีฮั่วชิงก็รู้สึกเจ็บที่ใบหน้าของเขา หลังจากนั้นหนวดเคราปอยหนึ่งก็ถูกจับออกมา จบเห่แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะจะต้องมาเสียโฉมตอนแก่อีกทั้งยังมาถูกแมวข่วนอีก
ชินชิล่าแสดงสายตาและท่าทางที่หยิ่งผยอง มันเดินกรีดกรายผ่านไปมาบนหัวของชาร์ไป่ จากนั้นก็ค่อย ๆ นอนลงราวกับเจ้าหญิงตัวน้อยที่แสนทะนงตน ใครจะบอกเขาได้บ้างว่าชินชิล่าติดตามโม่โม่ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา และมันก็ได้เรียนรู้มารยาทของชนชั้นสูงตามไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังซึมซับแก่นแท้เข้าถึงไขกระดูกไปถึงสามส่วนแล้ว
ในชั่วพริบตานั้น ดอกเตอร์จีฮั่วชิงก็รู้สึกเศร้าใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูก เขาถูกแมวน้อยตัวหนึ่งเหยียดหยามโดยปริยาย!
สมาชิกในทีมไป๋อี้ช่างประหลาดอะไรเช่นนี้!
………………
ความเร็วระดับนี้นั้นเร็วกว่าเดิมมากทีเดียว เดิมทีสถานที่จีฮั่วชิงได้ลงจอดนั้นก็คือเมืองพิคตันซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเขตภูเขาเพลย์แซนด์เท่าไหร่นัก ใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็มาถึงเมืองดั้งเดิมเล็ก ๆ ในนิวซีแลนด์เป็นที่เรียบร้อย เห็นได้ชัดว่าสถาบันวิจัยเล็ก ๆ ที่จีฮั่วชิงกล่าวถึงก็คือหนึ่งในสถาบันวิจัย 121 แห่งในนิวซีแลนด์ แต่ว่าในสภาพแวดล้อมแบบนี้จะไปหาสิ่งที่เรียกว่าสถาบันวิจัยพบได้อย่างไรกัน
“คุณรู้รายละเอียดของสถานที่แห่งนั้นหรือเปล่า?” ไป๋อี้มองไปที่จีฮั่วชิง
“ที่นั่นมีโรงงานแปรรูปอยู่ใกล้ ๆ ถือเป็นที่กำบังใกล้กับทางรถไฟซึ่งสะดวกในการขนส่งสินค้าและวัตถุดิบ แต่ว่ายังไม่รู้อย่างละเอียดอย่างแน่ชัดว่าอยู่ตรงไหน” จีฮั่วชิงกล่าวขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นก็หาให้ละเอียดก่อนก็แล้วกัน เริ่มกันเถอะ” ไป๋อี้เอ่ยขึ้น
“คุณไม่แบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยหรือ?” หลังจากที่จีฮั่วชิงได้ยินคำสั่งของไป๋อี้จึงถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“แบ่งออกเป็นกลุ่มย่อย?”
“ใช่แล้ว เขตภูเขาเพลแซนด์ไม่ได้ใหญ่มาก ถ้าแบ่งออกเป็นหลาย ๆ กลุ่มย่อยจะต้องหาที่ตั้งของสถาบันวิจัยเจอได้ในไม่ช้าอย่างแน่นอน” จีฮั่วชิงพูดอย่างมั่นใจ
“ถ้าไม่รู้ก็อย่าพูดไร้สาระ ความล่าช้านั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนัก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัย นิวซีแลนด์ในตอนนี้ไม่เหมือนกับโลกภายนอก ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่กล้ายืนยันว่าจะสามารถจัดการกับสถานการณ์ใด ๆ ที่ไม่คาดคิดได้ ดังนั้นทางดีที่สุดคือไม่ควรแบ่งทีมออกเป็นกลุ่มย่อย เมื่อถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายจะได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ ซึ่งโอกาสรอดชีวิตก็จะมีมากขึ้น” ไป๋อี้เหลือบมองจีฮั่วชิงจากนั้นจึงอธิบายกับเขา
อย่างนั้นหรอกหรือ?
ทันใดนั้นจีฮั่วชิงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แม้งานศึกษาวิจัยของเขาที่เกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลงจะนำหน้าพวกไป๋อี้อยู่มาก แต่ว่าความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของนิวซีแลนด์นั้นก็ยังมีน้อยนัก กล่าวอีกนัยหนึ่งคือหลังจากได้ยินสิ่งที่ไป๋อี้พูด จีฮั่วชิงก็มีความรู้สึกละอายใจเพราะสิ่งเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มนักวิจัยของพวกเขา
ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจน ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ค้นหาไปได้เพียง 1 ชั่วโมงก็พบเข้ากับโรงงานแปรรูปที่ใกล้กับทางรถไฟ สถาบันวิจัยแห่งนี้ยังคงเป็นอาคารใต้ดินแบบเดิม วูล์ฟและคนอื่น ๆ ไม่สามารถเข้าไปได้ดังนั้นจึงมีเพียงไป๋อี้และเฮลัวส์ เขาทั้งสองคนรวมทั้งจีฮั่วชิงเท่านั้นที่สามารถเข้าไปข้างในได้
“หัวหน้า เดี๋ยวก่อน!” ลอทเทียร์เอ่ยขึ้นอย่างกะทันหันก่อนที่พวกไป๋อี้จะเข้าไป
“หืม มีอะไรเหรอ?” ไป๋อี้มองไปที่ลอทเทียร์
“ฉันจะไปด้วย” น้ำเสียงของลอทเทียร์มีความกังวลระคนอยู่
“ได้!” ไป๋อี้งุนงงเล็กน้อยหลังจากนั้นจึงยิ้มและพยักหน้าให้ ไป๋อี้ไม่รู้เลยว่าเดิมทีลอทเทียร์นั้นเป็นบุตรสาวของตระกูลชนชั้นสูงที่ไหน แต่เห็นได้ชัดว่าเธอมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ในช่วงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในนิวซีแลนด์นั้นกล่าวได้ว่าเธอได้รับการปกป้องหลายครั้งจากเวร่าถึงได้มีชีวิตอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ว่าในที่สุดเด็กผู้หญิงคนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเริ่มเติบโตและเริ่มมีความกล้าหาญที่จะรับภาระหน้าที่บ้างแล้ว แม้ว่าความตื่นตัวนี้จะช้าไปสักหน่อยแต่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี
“คุณเป็นห่วงลอทเทียร์เหรอ?” หลังจากที่สามสี่คนนั้นได้เข้าไป เรย์มอนด์ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเวร่าดูเหมือนรู้สึกไม่สบายใจนัก
“ไม่ใช่ ฉันปลื้มอกปลื้มใจต่างหาก!” เวร่าเหลือบมองเรย์มอนด์และเผยรอยยิ้มปรากฏออกมา
นักเรียนของเวร่าไม่ได้มีเพียงแค่ลอทเทียร์คนเดียวเท่านั้น แต่เธอชื่นชมนักเรียนคนนี้มากที่สุด นี่คือคุณหนูชนชั้นสูงตัวจริงที่ทั้งเรียบง่าย สง่างาม รักสงบ และไม่ได้เอาแต่ใจตัวเองเหมือนอย่างลูกคุณหนูชนชั้นสูงบางคน …… น่าเสียดายที่ต้องมาเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันที่เกิดขึ้นในนิวซีแลนด์แบบนี้ ถ้าหากลอทเทียร์ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงล่ะก็ เวร่าคิดว่าลอทเทียร์อาจจะถูกกำจัดในไม่ช้าก็เร็ว เพราะว่านิวซีแลนด์ในตอนนี้นั้นไม่ได้ต้องการคนที่มีบุคลิกสงบนิ่งแบบนั้น
โชคดีที่ยังไม่นับว่าสายเกินไป ในทีมของไป๋อี้การตื่นตัวในเวลานี้นับว่ายังมีโอกาสเติบโตได้