หลังจากผ่านไประยะหนึ่งไป๋อี้ก็สรุปการเปลี่ยนแปลงของร่างกายของเขาได้ในที่สุด!
ดักแด้ที่ทลายรังไหมออกมากลายเป็นผีเสื้ออย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามเนื่องจากอาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้เป็นเหตุให้ร่างกายของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงไปโดยสัญชาตญาณ ปีกขนาดใหญ่เจริญงอกออกมา เส้นใยตาข่ายป้องกันถูกสร้างขึ้นในร่างกาย ซึ่งสามารถต้านทานแรงกระแทกที่รุนแรงได้ หากไป๋อี้ต้องการบินเขาจะต้องใช้ศักยภาพของตนดึงเส้นใยออกมาและสร้างปีกใหม่อีกครั้ง แต่ด้วยวิธีนี้ทำให้ไป๋อี้สูญเสียความสามารถในการป้องกันทางกายภาพที่แข็งแกร่งและนั่นอาจกล่าวได้ว่าแต่ละคนมักมีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเอง
การสยายปีกในครั้งแรกใช้เวลาห้าวันเต็ม ไป๋อี้ไม่รู้ว่าทำไมเขายังคงยืนกรานเช่นนั้น แต่เขาก็รู้สึกด้วยสัญชาตญาณ
แม้ว่าจะใช้เวลาไม่นานนักในการสยายและหดปีกในภายหลัง แต่ก็ต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งวันจึงจะสามารถทำได้อยู่ดี จะเห็นได้ชัดว่าด้วยระยะเวลาที่ยาวนานเช่นนี้จึงไม่ใช่วิธีการที่สามารถใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น หากต้องการสลับไปมาระหว่างการสยายและหดทั้งสองรูปแบบนี้หรือจนกว่าเขาจะสามารถใช้งานได้อย่างอิสระ คาดว่าไป๋อี้ต้องทำการฝึกฝนต่อไป
ท้ายที่สุดไป๋อี้ก็ยังคงมีปีกอยู่ในร่างกาย ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มศักยภาพการป้องกันร่างกายของเขาได้ดีเป็นอย่างมากเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรูปร่างนี้เป็นสถานภาพสุดท้ายที่ไป๋อี้ทลายออกมาจากรังไหม เขาจึงได้คุ้นเคยกับมันมากขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้ไป๋อี้บินไม่ได้แม้ว่าเขาจะมีปีกก็ตาม แต่ดูเหมือนปีกคู่นี้จะสร้างภาระให้กับไป๋อี้มากกว่า
เส้นใยบนปีกค่อย ๆ หดเข้าไปในร่างกายและในที่สุดก็กลายเป็นปีกอ่อนนุ่มสองข้างราวกับริบบิ้น ไป๋อี้รวบปีกทั้งสองเข้าด้วยกันและวนเป็นครึ่งวงกลมจากด้านบนของคอซึ่งดูคล้ายผ้าพันคอที่ทำมาจากวัสดุพิเศษ ถ้าไม่ใช่ผู้คนที่รู้จักเขา ก็คงจะไม่มีใครคิดว่าผ้าพันคอผืนนี้แท้จริงแล้วมันคือปีกของไป๋อี้
ไป๋อี้หายใจออกเบา ๆ พลางลูบขมับของตนเอง
ไป๋อี้รู้สึกเหนื่อยจริง ๆ ถ้าหากเขาต้องการสร้างหรือหดปีก เขาต้องมีสมาธิเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามไป๋อี้ไม่ได้คาดว่าความเหนื่อยยากของเขาจะง่ายไปกว่าสิ่งที่เขาพบในช่วงหลังมานี้ หากลักษณะร่างกายของเขายังไม่มั่นคงสมบูรณ์ในการสยายปีกครั้งนี้ เขาก็ต้องสร้างหน่วยความทรงจำทางสรีรวิทยาซึ่งจะกลายเป็นสัญชาตญาณไปเองโดยปริยาย หากไป๋อี้ต้องการที่จะสยายปีกของเขา เขาต้องมีความสามารถในการควบคุมรูปลักษณ์อย่างประณีตเพื่อควบคุมเส้นไหมนับพันล้านเส้น
หลังจากค้นพบการเปลี่ยนแปลงของตัวเองแล้ว ไป๋อี้ก็ได้ทำการทดสอบเพิ่มเติม ตัวอย่างเช่นศักยภาพของร่างกายสามารถทนต่อแรงกระแทกได้มากเพียงใด ความสามารถในการต้านทานความเสียหายจากการจู่โจม เส้นใยแต่ละเส้นมีความแข็งแรงและเหนียวเพียงใด หากได้รับบาดเจ็บในขณะสยายปีกเส้นใยเหล่านี้จะหดกลับเข้าสู่ร่างกายได้หรือไม่ และหากหดกลับเข้าสู่ร่างกายได้จะเกิดผลกระทบอะไรตามมา ทุกด้านต้องได้รับการทดสอบอย่างชัดเจนซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง
ไป๋อี้รู้ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญกับโลกแบบไหน นี่คือเกาะปีศาจที่เต็มไปด้วยอันตรายและจะต้องเจอกับการต่อสู้อีกนับไม่ถ้วนในอนาคต เพื่อที่จะสามารถใช้ประโยชน์ได้ในการต่อสู้ คุณสมบัติที่จำเป็นประการหนึ่งคือการฝึกฝนทุกจุดของความแข็งแกร่ง จากนั้นก็เลือกวิธีการตอบสนองที่เหมาะสมในเวลาที่เหมาะสมที่สุด
อย่างไรก็ตาม การทดสอบเหล่านี้สามารถสำรวจได้อย่างช้า ๆ ระหว่างการเดินทาง หลังจากไป๋อี้หดปีกของเขากลับและพักผ่อนอีกคืน พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะออกเดินทางอีกครั้ง
ไป๋อี้หยิบเสื้อคลุมที่โม่โม่เอาให้มาสวม จากนั้นก็ยิ้มและลูบศีรษะเล็ก ๆ ของโม่โม่ ข้าง ๆ เธอมี ชาร์ไป่ยืนอยู่ มันไม่เห็นไป๋อี้มาครึ่งปีแล้ว ศีรษะอีกหัวของชาร์ไป่ก็ได้เติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว ซึ่งตอนนี้มันก็ได้เปลี่ยนเป็นสุนัขสองหัวไปแล้ว อย่างไรก็ตามหัวอีกข้างของชาร์ไป่นั้นหดอยู่ภายในร่างกายของมันเสมอ มีเพียงเขี้ยวแหลมในปากของมันเท่านั้นที่เผยออกมาด้านนอกให้เห็น
ไป๋อี้ยื่นมือขวาออกมา จากนั้นชาร์ไป่ก็เข้ามาเลียอย่างกะทันหัน ทำให้มือของไป๋อี้ชุ่มไปด้วยน้ำลายของมัน
“แกนี่ล่ะก็” ไป๋อี้สบถด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ห้อยดาบจุมพิตสีแดงเก็บไว้ที่บริเวณเอวพลางมองไปยังคนอื่น ๆ ทุกคนเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่รอเพียงให้ไป๋อี้สั่งการเท่านั้น
“ไปกันเถอะ!” ไป๋อี้เงยหน้าขึ้นและมองไปข้างหน้าก่อนจะพูดออกมา
……
พวกไป๋อี้ต่างกระตือรือร้นที่จะค้นหามนุษย์วิวัฒนาการคนอื่น ๆ จากนั้นก็จัดการสถานการณ์ปัจจุบันของนิวซีแลนด์ให้ชัดเจนถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามเดิมทีนิวซีแลนด์มีประชากรเบาบาง และตอนนี้ดูเหมือนว่าประชากรจะยิ่งเบาบางลงไปอีก ไป๋อี้และเพื่อน ๆ มายังพิคตันที่ตั้งเดิม พวกเขาไม่พบมนุษย์วิวัฒนาการ มีเพียงร่องรอยที่ซ่อนอยู่ในฝุ่นและป่าเท่านั้นที่สามารถยืนยันได้ว่านี่เคยเป็นเมืองของมนุษย์มาก่อน
แต่ตอนนี้ เมืองเหล่านี้เป็นเหมือนซากวัตถุโบราณที่มีอายุผ่านมานานหลายร้อยปีอย่างไรอย่างนั้น ที่นี่ทั้งเงียบและรกร้าง
“ตามแผนที่เดิมน่าจะมีสถานที่รวมตัวของมนุษย์กลุ่มเล็ก ๆ ในพิคตันสิ ว่าแต่แล้วผู้คนล่ะ?” วูล์ฟกล่าว
“ใครจะไปรู้ นี่ก็เป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้ว บางทีพวกเขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้” เรย์มอนด์พูดอย่างไม่ใส่ใจ พูดตามตรง เรย์มอนด์รู้สึกพอแล้วสำหรับในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ตามบุคลิกของเขาแล้วเป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่บนเกาะเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตามเขายังคงซื่อสัตย์มาก ตั้งแต่เขาเข้าร่วมทีมเขาไม่มีความตั้งใจที่จะละทิ้งทีมแต่อย่างใด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรย์มอนด์ดูเหมือนจะเกรงกลัวไป๋อี้มาโดยตลอด หลังจากที่ได้สัมผัสถึงม่านตาบุษบาผกผันของไป๋อี้
หลังจากเดินเล่นในเมืองเป็นเวลานาน ขณะที่ไป๋อี้และพรรคพวกคิดว่าไม่มีใครอยู่แล้วจริง ๆ ชาร์ไป่ก็เดินออกไปด้านข้าง มันเดินไปพลางดมกลิ่นไปพลาง
เอ๋?
ไป๋อี้และคนอื่น ๆ เดินตามไปทันที หลังจากเดินไปได้เกือบ 1 กิโลเมตร ชาร์ไป่ก็พาทุกคนไปที่ด้านหน้าของอาคาร คนที่ตัวใหญ่พอ ๆ กับวูล์ฟไม่สามารถเข้าไปทางประตูที่พังทลายได้ พวกเขาทำได้แค่รออยู่ข้างนอก ไป๋อี้และเฮลัวส์เดินเข้าไป จากนั้นพวกเขาก็ค้นพบว่าชาร์ไป่เหมือนได้กลิ่นอะไรบางอย่าง
อาหารกระป๋อง!
พวกมันไม่ใช่อาหารกระป๋องพิเศษอะไร แต่เป็นอาหารที่มนุษย์พกพาได้ง่าย ไฟข้างในดับมาแล้วเป็นเวลานานและที่พื้นข้าง ๆ ก็มีกระป๋องเปล่าหลายใบกระจัดกระจายอยู่ นอกจากนี้ยังมีแมลงตัวเล็กสีสันสดใสสองตัวที่มีความยาวไม่กี่เซนติเมตรคลานไปมาเพื่อดูดกินน้ำมัน
“ที่แท้ก็ยังมีคนอยู่” เฮลัวส์กล่าว
“ผิดแล้วล่ะ” ไป๋อี้หยิบกระป๋องเปล่าขึ้นมาเหลือบมองวันที่ผลิตพลางหรี่ตา
“ไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับอาหารกระป๋องพวกนี้ อย่างไรก็ตามในนิวซีแลนด์ตอนนี้คิดว่ายังมีอาหารกระป๋องที่กินได้อยู่อีกเหรอ ลองดูวันที่กำกับนี่สิ 2021.07.25 นี่เพิ่งผ่านมาไม่กี่เดือนนี้เอง เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่นิวซีแลนด์สามารถผลิตได้ในตอนนี้ กองไฟนี้ถูกทิ้งไว้โดยคนที่เข้ามาจากภายนอก” ไป๋อี้กล่าว
เมื่อได้ยินดังนั้น เฮลัวส์ก็มองออกไปอย่างระแวดระวัง จากนั้นก็มองไปที่ไป๋อี้
“ออกไปกันก่อนเถอะ” ไป๋อี้หยิบกระป๋องเปล่าออกมา คนอื่น ๆ ก็ยังคงรออยู่ข้างนอก
“เป็นอะไรไป คุณพบอะไรเหรอ?” เวร่าอดไม่ได้ที่จะถามเมื่อเห็นอากัปกิริยาของไป๋อี้
“อื้ม พอดีฉันเจออะไรบางอย่าง มีคนจุดไฟทิ้งไว้เพื่อให้ความร้อนจากการประมาณการณ์น่าจะเป็นเมื่อ 2-3 วันที่แล้ว แต่นี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือข้าง ๆ กองไฟ เราพบอาหารกระป๋องว่างเปล่าและวันที่ผลิตอาหารกระป๋องนั้นก็คือ 2021.07.25 กล่าวอีกนัยหนึ่งคือกองไฟนี้ถูกสุมทิ้งไว้โดยคนที่เข้ามาจากข้างนอก” ไป๋อี้หยิบกระป๋องออกมา หลังจากที่เวร่าหยิบมันขึ้นมา เธอก็พบวันที่โรงงานผลิตพิมพ์ไว้
อยู่ด้านล่าง
“คนจากภายนอกเข้ามานิวซีแลนด์อย่างนั้นเหรอ?” ทุกคนอดไม่ได้ที่จะเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
“อันที่จริงก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าพวกเราได้เคยพบมาแล้วหรือ ครั้งนี้ก็อาจจะเหมือนกันก็ได้” ไป๋อี้กล่าว
“พวกเขาเข้ามามีจุดประสงค์อะไร?” เวร่าถาม
“เรื่องนั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่นี่มันแปลกมากที่ปล่อยให้กลุ่มคนภายนอกต้องเข้ามาเสี่ยงชีวิตในเกาะปีศาจแห่งนี้เพื่อที่จะค้นหาบางสิ่ง นิวซีแลนด์ได้กลายเป็นศูนย์กลางของการวิจัยเกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลง อาจจะมีอะไรบางอย่างเป็นพิเศษที่พวกเขาได้ศึกษาวิจัยที่นี่มานานแล้วก็ได้ และนั่นก็อาจจะเป็นสิ่งที่พวกเราต้องการ อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเราต้องศึกษาเซลล์ดัดแปลงร่วมด้วย” ไป๋อี้พูดช้า ๆ สีหน้าของทุกคนดูจริงจังทันที จากนั้นก็จับจ้องไปที่ไป๋อี้
“ชาร์ไป่ ช่วยดมกลิ่นนำทางเราไปหาคนพวกนั้นหน่อยได้ไหม” ไป๋อี้กล่าว
“โฮ่ง!” เสียงชาร์ไป่เห่าตอบรับ จมูกของมันดมกลิ่นในอากาศ ก่อนจะมองไปทั่วบริเวณอย่างจริงจัง กลุ่มคนเหล่านั้นจากไปกว่า 2-3 วันแล้ว กลิ่นที่เหลืออยู่ในอากาศก็หายไปด้วย และไม่ใช่เรื่องง่ายที่ชาร์ไป่จะสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่น หลังจากมันสูดดมผ่านไปมา 2-3 รอบ ชาร์ไป่ก็วิ่งเหยาะ ๆ ไปยังทิศทางหนึ่ง
เมื่อคนอื่น ๆ เห็นท่าทางของชาร์ไป่ พวกเขาก็ตามไปในทันที เมื่อไป๋อี้กระโดดและวิ่งไปพร้อมกับชาร์ไป่ในขณะที่ยังคงสังเกตดูคนอื่น ๆไปด้วย อันที่จริงในตอนแรกที่เวร่าและลอทเทียร์เข้าร่วมทีมได้ไม่นาน พวกเธอก็ไม่ได้มีความแข็งแกร่งมากนัก แต่ตอนนี้ไป๋อี้พบว่าพวกเขาทุกคนสามารถตามความเร็วของชาร์ไป่ได้ แม้ว่าชาร์ไป่จะไม่ได้เร่งความเร็วมากนัก แต่ก็แสดงให้เห็นว่าเวร่าและคนอื่น ๆ ได้ฝึกซ้อมอย่างหนักในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา
ไป๋อี้เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
ชาร์ไป่วิ่งไปกว่าครึ่งชั่วโมง ทันใดนั้นมันก็เริ่มเร่งความเร็วขึ้น ตอนนี้ไป๋อี้รับรู้ได้ว่าชาร์ไป่ต้องค้นพบอะไรบางอย่างเป็นแน่
“วูล์ฟ เรย์มอนด์ นายอยู่ข้างหลังกับทุกคน เฮลัวส์กับฉันจะตามชาร์ไป่ไป” ไป๋อี้พูดและเริ่มเร่งความเร็วขึ้น ในเวลานี้ความแตกต่างของความเร็วเริ่มชัดเจนขึ้นจนเวร่าและคนอื่น ๆ ไม่สามารถตามทัน ในความเป็นจริงความเร็วของวูล์ฟไม่ได้ว่องไวมากนัก หลังจากได้ยินคำพูดของไป๋อี้เขาก็ชะลอตัวลงทันทีและคอยอยู่ข้าง ๆ เวร่าและคนอื่น ๆ
ในไม่ช้า ไป๋อี้ที่ตามชาร์ไป่มา ก็พบว่ามีเศษผ้าเปื้อนเลือดกระจัดกระจายอยู่ในป่า เมื่อมองไปที่เศษผ้าสีเขียวไป๋อี้ก็จำได้ทันทีว่านี่คือสีของเสื้อผ้าที่พบเห็นได้ทั่วไปในหน่วยรบพิเศษ
อย่างไรก็ตามกองกำลังพิเศษของมนุษย์ธรรมดาที่อยู่บนเกาะปีศาจแห่งนี้ คงเป็นเพียงเหยื่อที่อยู่ส่วนล่างของห่วงโซ่อาหารเท่านั้น
“อย่าเพิ่งวิ่ง รอพวกเขาก่อน จากนั้นค่อยไปพร้อมกัน ตราบเท่าที่เราไม่หลงทางก็พอแล้ว” ไป๋อี้บอกกับชาร์ไป่
ชาร์ไป่เห่ารับคำ และหยุดอยู่ตรงนั้น จากนั้นไป๋อี้ก็ค้นหาร่องรอยที่เหลืออยู่ของกลุ่มคนที่มาที่นี่จากภายนอก จะเห็นได้ว่าทีมนี้มีความพร้อมมากทีเดียว แม้ว่าร่างกายจะไม่มีเซลล์ดัดแปลงแฝงอยู่ แต่ก็ทำได้ดีที่สุดในหมู่มนุษย์ทั่วไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคาดกันว่าอาวุธที่ทีมนี้ใช้คงจะค่อนข้างทรงพลังมากทีเดียว และดูมีการกำหนดเป้าหมายด้วย ไป๋อี้เห็นหลุมระเบิดขนาดใหญ่หลายแห่งและเศษกระสุนกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ
พวกเขาเป็นใครกันแน่?
MANGA DISCUSSION