[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ - ตอนที่ 149 ความเปลี่ยนแปลง
หลังจากที่ได้โอบกอดโม่โม่ ไป๋อี้ก็เหลือบมองไปยังสถานการณ์โดยรอบ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไป๋อี้นั้นไม่ได้มีความชัดเจนอะไรมากนักสำหรับการเปลี่ยนแปลงของเขา เขายังรู้สึกขมุกขมัวเหมือนกับผีเสื้อในรังไหม สำหรับกระบวนการเฉพาะที่เกิดขึ้นนั้นไป๋อี้ไม่รู้เกี่ยวกับมันสักเท่าไหร่ เมื่อได้เห็นรูปแบบขอบเขตของตาข่ายกำมะหยี่สีขาวขนาดใหญ่บนพื้น ไป๋อี้ก็เกิดความประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ไป๋อี้ ไป๋อี้ นายตื่นหรือยัง ”
วูล์ฟและคนอื่น ๆ ได้เดินเข้ามาภายในตาข่ายเส้นไหม แต่ตาข่ายเส้นไหมเหล่านี้มีความเหนียวและยืดหยุ่นมาก ดังนั้นจึงเป็นการยากมากที่จะเดินเข้าไปได้ มีเพียงแค่โม่โม่เท่านั้นที่ดูเหมือนว่าจะมีผลมาจากการถูกผสานยีนทางพันธุกรรมกับผีเสื้อเหมือนกัน ดังนั้นความเหนียวชนิดนี้จึงไม่มีผลใด ๆ กับเธอ หลังจากที่ไป๋อี้มองไปยังวูล์ฟและคนอื่น ๆ ทันใดนั้นก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าเขา จากนั้นเขาก็เดินออกมาในทันที
ในขณะที่ไป๋อี้กำลังเดินไปรอบ ๆ ปีกที่ด้านหลังของเขาก็ได้สยายออกมาตามธรรมชาติ แต่เมื่อปีกของไป๋อี้สยายออกมาได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น จู่ ๆ มันก็ลู่ลงมาเองโดยอัตโนมัติ ดูเหมือนว่าจะเขาจะยังไม่สามารถประคับประคองมันขึ้นมาได้ ในเวลานั้นเองที่ไป๋อี้เพิ่งจะทันได้ตระหนักว่าตนเองมีปีกงอกออกมาคู่หนึ่ง อย่างไรก็ตามกล่าวได้ว่ามันไม่ได้คล้ายคลึงกับปีกมากนัก ปีกทั้งสองล่องลอยอย่างพลิ้วไหวท่ามกลางอากาศได้อย่างอ่อนนุ่ม แต่หากกล่าวโดยรวม มันกลับช่างดูแปลกเอามาก ๆ
ในขณะที่ไป๋อี้กำลังเตรียมตัวที่จะเดินออกไปข้างนอก ในขณะนั้นเอง จู่ ๆ เฮลัวส์ก็ได้บินลงมาจากท้องฟ้า เขาจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองในทันที “ไป๋อี้ เสื้อผ้าของนาย เสื้อผ้า!”
หลังจากที่ได้ยินคำเตือน ไป๋อี้ก็เพิ่งจะได้สังเกตเห็นว่าร่างกายของตนเองนั้นเปลือยเปล่า ถ้าหากไม่ได้มีขนปุยบางส่วนถูกปกคลุมไว้ล่ะก็ ร่างกายของเขาก็คงจะเปลือยเปล่าอย่างแท้จริง แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะยังพอมีบางอย่างปกคลุมไว้เล็กน้อย ไป๋อี้ก็ยังรู้สึกเก้อเขินอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะความสูงของโม่โม่ในตอนนี้นั้นกำลังโอบกอดอยู่ในระดับบนของท้องน้อยเขาได้อย่างพอดิบพอดี เมื่อผลักโม่โม่ออก ปีกทั้งสองข้างบริเวณหลังของไป๋อี้ที่ดูเหมือนว่าถูกถักทอขึ้นมาด้วยเส้นไหมก็ได้ปกคลุมไปรอบร่างกายของเขาในทันที การกระทำนี้เกิดขึ้นโดยจิตใต้สำนึกอย่างสิ้นเชิง ทว่าไป๋อี้ก็รู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าเขาสามารถควบคุมปีกทั้งสองให้ทำแบบนี้ได้
……
“ไป๋อี้ รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” เมื่อทุกคนเข้ามาข้างในถ้ำแห่งนี้ก็ได้นั่งกันบริเวณด้านหน้าของไป๋อี้ ทุกคนมองไปรอบตัวของเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลังจากกระบวนการที่ยิ่งใหญ่และต้องใช้เวลาไปถึงครึ่งปี ท้ายที่สุดแล้วเกิดการเปลี่ยนอย่างไรกับไป๋อี้บ้าง?
“เรื่องนั้น แน่นอนว่ามันจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แต่ในส่วนของรายละเอียดปลีกย่อยเป็นอย่างไรนั้นตัวฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นัก ฉันคงต้องลองสำรวจดูอีกนิดหน่อย” ไป๋อี้กล่าว
หากดูจากพื้นผิว จะเห็นได้ว่ามีปีกยาวคู่หนึ่งงอกออกมา จากนั้นมันก็ทะลุรังไหมจนกลายเป็นผีเสื้อ เพียงแต่ตามความเป็นจริง กลับดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อทุกคนได้ลองมองไปยังปีกคู่ที่อยู่ด้านหลังของไป๋อี้ก็ได้รู้ว่ามันไม่มีทางบินได้อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่ามันจะงอกออกมาจากหัวไหล่ของไป๋อี้ แต่มันกลับไม่มีโครงสร้างกระดูกที่จะสามารถประคับประคองปีกคู่นี้ได้เลย โครงสร้างทั้งหมดนั้นดูเหมือนว่าจะถูกถักทอขึ้นมาจากเส้นไหมจนมันสามารถล่องลอยอย่างพลิ้วไหว และเมื่อมองผ่านอากาศก็เห็นเป็นเพียงเงาของปีกเท่านั้น มันอ่อนนิ่มเกินไปและนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไม่สามารถบินได้
“อย่างไรก็ตาม พวกนายบอกมาก่อนเถอะว่าสถานการณ์ในปัจจุบันเป็นยังไงบ้าง” ไป๋อี้ถามออกมา
“อื้ม ได้ คือมันเป็นแบบนี้” เวร่าพยักหน้ารับ การเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เกิดขึ้นนั้นเป็นไปได้ที่จะสามารถสำรวจอย่างชัดเจนภายในช่วงเวลาหนึ่ง เกรงว่าไป๋อี้จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาอีกสักพักเพื่อทำความเข้าใจกับร่างกายใหม่ของเขา “ที่จริงแล้ว หลังจากที่คุณถูกอนาคอนด้าทะเลสีเหลืองตัวใหญ่กัดในวันนั้น คุณก็ได้เข้าสู่ช่วงของการจำศีล หลังจากนั้นก็เริ่มสร้างรังไหมนั่นขึ้นมาเอง …… ”
เวร่าอธิบายการเปลี่ยนแปลงของไป๋อี้อย่างละเอียด แม้แต่ไป๋อี้เองก็ฟังไปอย่างเพลิดเพลิน เขาคิดไม่ถึงเลยว่าตนเองนั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขนาดนี้ เมื่อได้ยินว่าในตอนนี้เวลาได้ผ่านไปกว่าครึ่งปีแล้ว ไป๋อี้ก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ นอกจากนี้เวร่ายังเล่าอีกว่าการทำงานเพื่อรวบรวมมนุษย์ที่มีวิวัฒนาการคนอื่น ๆ นั้น ผลที่ได้คือ ในขณะที่ยังไม่ทันได้เริ่มต้นก็เป็นอันต้องล้มเลิกไปเสียก่อน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ในส่วนของทีมอื่น ๆ ก็น่าจะทำงานออกมาได้ดีทีเดียว
“ฉันคงต้องทำความคุ้นเคยกับร่างกายของตัวเองก่อนในเวลาหนึ่งสัปดาห์นี้ แต่หลังจากหนึ่งสัปดาห์จากนี้ไป พวกเราก็จะเริ่มออกเดินทางไปจากที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ฉันยังอยากเห็นว่าเกาะปีศาจในนิวซีแลนด์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง” ไป๋อี้กล่าว
“อื้ม ได้สิ”
คนอื่นต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณริมชายฝั่ง เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่อยู่กระจัดกระจายกันออกไป แหล่งข่าวได้บอกว่าเขาได้ขาดหายการติดต่อไปนานกว่าครึ่งปีแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะไป๋อี้แล้วล่ะก็ พวกเขาก็คงไม่อยู่ที่นี่มานานอย่างนี้ ไม่กี่วันหลังจากนั้น ไป๋อี้ก็ยังคงสำรวจร่างกายของตนเองอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นเขาก็ได้ค้นพบว่า ร่างกายของตนเองได้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปในลักษณะใด
นี่ต้องใช่แน่ ๆ!
ไป๋อี้ค่อย ๆ สยายปีกออกมาอย่างช้า ๆ เส้นขนกำมะหยี่นุ่ม ๆ จำนวนมากราวกับเป็นโครงกระดูกค่อย ๆ แผ่สยายออกมาอย่างช้า ๆ ใช้เวลาถึง 10 นาทีกว่าทีเดียวกว่าที่ปีกของไป๋อี้จะขยายออกเป็นวงใหญ่ขึ้นมาได้ แต่ไป๋อี้ก็ยังไม่สามารถที่จะกระพือปีกของตนเองได้อย่างอิสระ หลังจากที่สภาพจิตใจของเขาได้ผ่อนคลายลง เส้นขนจำนวนนับไม่ถ้วนบนปีกเหมือนจะกลับมาอีกครั้ง แต่หลังจากนั้นมันก็ค่อย ๆ สลายหายไปในร่างกายของไป๋อี้ ขณะที่ไป๋อี้มองไปบนฝ่ามือของเขาสักพัก เขาก็ใช้กำปั้นทุบลงไปบนหินอย่างแรง
แบบนี้จะรู้สึกอย่างไรบ้างล่ะ ราวกับว่าภายในร่างกายได้มีชั้นตาข่ายที่สามารถต้านทานแรงกระแทกได้ ปฏิกิริยาสะท้อนกลับของแรงกระแทกค่อย ๆ สลายหายไปอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามมันส่งผลกระทบต่อร่างกายของไป๋อี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“วูล์ฟ มาช่วยฉันทดสอบหน่อย” ไป๋อี้พูดขึ้นในขณะที่วูล์ฟกำลังนั่งอยู่
“ได้สิ ทดสอบยังไงล่ะ” วูล์ฟพูดขึ้นด้วยความดีอกดีใจในทันที
“ใช้แรงชกมาที่หน้าอกของฉันหน่อย” ไป๋อี้กล่าว
“หา?” วูล์ฟคิดว่าตนเองนั้นฟังผิดไป
“ฉันพูดว่าให้ชกฉัน แต่เริ่มจากการใช้แรงที่เบา ๆ ก่อนแล้วกัน” ไป๋อี้พูดย้ำขึ้นมาอีกครั้ง
“นี่ ไป๋อี้ นายไม่ได้ป่วยใช่ไหม?” วูล์ฟต้องการจะใช้มือแตะลงบนหน้าผากของไป๋อี้
“ฉันพูดจริง ๆ ลองดูแล้วจะรู้เอง” ไป๋อี้ตบลงบนฝ่ามือใหญ่ของวูล์ฟเบา ๆ
“ถ้าอย่างนั้นฉันชกจริง ๆ แล้วนะ อย่ามาโทษฉันทีหลังก็แล้วกัน” วูล์ฟถูหมัดไปมา มีโอกาสไม่มากนักที่จะได้ใช้หมัดชกไป๋อี้แบบนี้ หลังจากที่ไป๋อี้พยักหน้าตอบรับอีกครั้ง ทันใดนั้นเองวูล์ฟก็เหวี่ยงหมัดออกไปในทันที หมัดที่มีขนาดพอ ๆ กับเอวของไป๋อี้ถูกเหวี่ยงลงมาบริเวณเหนือหน้าอกของเขาอย่างฉับพลัน ถึงแม้ว่าวูล์ฟจะใช้กำลังเพียง 1 ใน 10 ส่วนเท่านั้น แต่ว่าไป๋อี้ก็ถึงกับกระเด็นออกไปในทันที พละกำลังของวูล์ฟนั้นน่าอัศจรรย์อย่างหาอะไรเปรียบไม่ได้เลยจริง ๆ
เมื่อเห็นว่าไป๋อี้ไม่สามารถต้านทานหมัดเขาได้ วูล์ฟก็เกิดอาการตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที ทันใดนั้นเขาก็รีบวิ่งออกไปเพื่อที่จะเข้าไปช่วยประคองไป๋อี้ให้ลุกขึ้น
ไป๋อี้ลุกขึ้นก่อนที่วูล์ฟจะเข้ามาช่วย จากนั้นเขาก็รับรู้ได้ถึงสภาพร่างกายของตนเองพลางยิ้มออกมาอย่างมีความสุข “เพิ่มกำลังขึ้นเป็นสองเท่าได้เลย”
“อีกครั้งเหรอ?” วูล์ฟกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ แต่ดูเหมือนว่าไป๋อี้จะไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เขาจึงได้ทำตามคำสั่งของไป๋อี้และออกหมัดชกอีกครั้ง
ในครั้งนี้ไป๋อี้กระเด็นออกไปไกลกว่าครั้งที่แล้วจนชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่อย่างแรงกระทั่งมันหักออกจากกัน จากนั้นก็ล้มลงสู่พื้น เมื่อคนอื่น ๆ ได้ยินเสียงโครมครามดังขึ้น ทุกคนก็วิ่งออกมาจากถ้ำทันทีและเข้ายืนขั้นกลางระหว่างทั้งสองคนเอาไว้ด้วยความตึงเครียด พวกเขาคิดว่าไป๋อี้และวูล์ฟกำลังทะเลาะกันอยู่
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันให้วูล์ฟชกฉันเอง แค่อยากลองดูว่าการคาดเดาของฉันถูกหรือเปล่า” ไป๋อี้พูด
“เกิดอะไรขึ้น?” เฮลัวส์ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“จริง ๆ แล้ว ฉันเพิ่งค้นพบว่าในร่างกายของฉันมีเส้นไหมอยู่ชนิดหนึ่ง มันมีความยืดหยุ่นและเหนียวมาก ๆ และดูเหมือนว่ามันจะกระจัดกระจายอยู่ทุกที่ในร่างกายของฉัน ฟังก์ชั่นของเส้นไหมชนิดนี้ ดูเหมือนว่าจะถูกสร้างมาเพื่อช่วยปกป้องร่างกายของฉัน เราเพิ่งจะทำการทดสอบได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ความสามารถในการต้านทานแรงกระแทกของโครงสร้างเส้นไหมภายในร่างกายชนิดนี้มีความแข็งแรงมาก พละกำลังของวูล์ฟทั้งหมดในตอนนี้ไม่ได้มีผลกระทบใด ๆ ต่อฉันเลยแม้แต่น้อย” ไป๋อี้อธิบาย
“อย่างนั้นเหรอ?” ทุกคนมองไปที่ไป๋อี้ด้วยความประหลาดใจ
“ใช่แล้ว เรื่องก็เป็นอย่างนั้นแหละ” ไป๋อี้พยักหน้าเล็กน้อย
“สาเหตุของการสร้างรังไหมของฉันน่าจะสืบเนื่องมาจากการที่ฉันถูกอนาคอนด้าทะเลสีเหลืองตัวนั้นกัดและยังได้รับบาดเจ็บมาก ดูเหมือนว่านี่น่าจะเป็นสาเหตุของเรื่องนี้ ดังนั้นร่างกายจึงสร้างองค์ประกอบใหม่ตามธรรมชาติขึ้นมา เส้นใยตาข่ายจำนวนนับไม่ถ้วนที่ก่อตัวอยู่ภายในร่างกายของฉันนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อต้านทานแรงกระแทก แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้มีผลอย่างอื่น องค์ประกอบของเส้นใยเหล่านี้ถ้าฉันไม่ได้คาดเดาผิดไปล่ะก็ เดิมทีแล้วมันจะต้องกลายเป็นปีก ดังนั้นจึงทำให้ปีกของฉันในตอนนี้ดูแปลกประหลาดไป มันไม่มีแม้แต่โครงสร้างกระดูก ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถบินได้” ไป๋อี้อธิบาย
“ได้ผลประโยชน์ก็ต้องมีสูญเสียบ้าง!” เวร่ากล่าว
“นี่เป็นเพียงแค่การประมาณการณ์คร่าว ๆ เท่านั้น แต่บางทีฉันอาจจะบินได้ก็ได้นะ เพียงแต่ต้องดึงโครงข่ายเส้นใยเหล่านี้ออกมาจากภายในร่างกายของฉันและสร้างปีกขึ้นมาใหม่อีกครั้งเท่านั้นเอง” ไป๋อี้กล่าว
“มันจะยังเป็นแบบนี้ได้ใช่ไหม?” ทุกคนต่างพากันตื่นตระหนกตกใจ
“แต่ถึงอย่างไร ตอนนี้ฉันก็ยังไม่คุ้นชินกับมันอย่างเต็มที่เท่าไหร่นัก เมื่อครู่นี้ยังใช้เวลาถึง 10 นาทีกว่า ก่อนที่ปีกจะสยายออกมาได้เล็กน้อย” ไป๋อี้พยักหน้าเบา ๆ
“พ่อคะ หนูอยากดูปีกของพ่อ” ในขณะนั้นดวงตาทั้งสองข้างของโม่โม่ก็เบ่งบานราวกับมีดาวดวงเล็ก ๆ เป็นประกาย ปีกที่สามารถทำให้บินบนท้องฟ้าได้ ตอนที่น้าเฮลัวส์พาเธอบินขึ้นไปบนท้องฟ้า โม่โม่รู้สึกอิจฉามาก
“ได้สิ” ไป๋อี้พยักหน้าเล็กน้อย
ไป๋อี้เลิกชายเสื้อขึ้น และมองอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น เป็นไปอย่างที่คิด ทุกคนพบว่าปีกบนหัวไหล่ของไป๋อี้ค่อย ๆ ลอยขึ้นช้า ๆ ราวกับริบบิ้น มันค่อย ๆ สยายออกอย่างช้า ๆ จากนั้นก็ค่อย ๆ แผ่ออกเป็นวงกว้างและหนาขึ้นมาทีละน้อย ทุกคนมองอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน วูล์ฟก็หาวออกมาด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย
มันน่าเบื่อจริง ๆ หลังจากที่ไป๋อี้เริ่มสยายปีกออก ก็ใช้เวลาไปทั้งหมดเกือบ 3 ชั่วโมงแล้ว แต่ปีกคู่นั้นก็ยังสยายออกมาอย่างสมบูรณ์ไม่ได้สักที
ในความเป็นจริงแล้ว ไป๋อี้เองก็คงอธิบายไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมปีกของเขาถึงใช้เวลานานขนาดนี้ในการสยายปีกออก เส้นใยจำนวนนับไม่ถ้วนค่อย ๆ ถูกดึงออกจากภายในร่างกายของเขา เพียงแต่เขาต้องอดทนกับความรู้สึกแสบซ่านเท่านั้นเอง แต่ถึงกระนั้นมันก็เชื่องช้าเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ไป๋อี้กลับไม่คิดที่จะยอมแพ้ ไป๋อี้ยังคิดอีกว่าถ้าหากในครั้งนี้เขาไม่สามารถสยายปีกได้สำเร็จ แต่เขาก็จะยังพยายามที่จะสยายปีกออกมาอีกครั้งในภายหลัง ถึงแม้ว่ามันจะยังห่างไกลอยู่มาก
จนกระทั่งห้าวันต่อมา ไป๋อี้ก็ยังคงไม่ยอมละทิ้งความตั้งใจนั้น ซึ่งคนอื่น ๆ ก็ไม่รู้ว่าทำไมไป๋อี้ถึงยังยืนยันว่าจะพยายามสยายปีกอออีกครั้ง หลังจากห้าวันผ่านไป ไป๋อี้ก็ถอนหายใจเฮือกสุดท้าย ก่อนที่ปีกข้างหลังของเขาจะค่อย ๆ สยายออกมา
ในขณะนี้ พระอาทิตย์กำลังจะเลือนลับไปหลังภูเขา แต่ทุกคนล้วนมองไปยังปีกคู่นั้นที่อยู่ด้านหลังของไป๋อี้จนพูดอะไรไม่ออก
มันงดงามมาก ๆ ปีกส่วนใหญ่ถูกสร้างมาจากเส้นใยที่โปร่งใส มันโปร่งใสราวกับคริสตัลเมื่ออัสดงทอแสงลงมา ขณะที่ลองมองอย่างละเอียดถี่ถ้วนก็รู้สึกราวกับมีแสงสีสันสดและเข้มสะท้อนออกมารอบทิศ ปีกโปร่งใสที่มีสีสันนี้ทำให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้มประสาทหลอนอย่างรุนแรงได้ โม่โม่อดใจไม่ไหวอยากที่จะเข้าไปสัมผัสปีกของพ่อในทันที มันดูอบอุ่นและมีผิวสัมผัสที่ราบเรียบ บางเบา และสวยงาม ทั้งหมดนั่นดูราวกับเป็นงานศิลปะ
“ไป๋อี้ นายบินได้ไหม?” เฮลัวส์ถามด้วยความสงสัย
“คาดว่าน่าจะบินได้นะ” ไป๋อี้กล่าว และเตรียมกระพือปีก เพื่อที่จะเตรียมตัวบิน แต่ผลคือทันทีที่ไป๋อี้บินขึ้นไปยังไม่ถึง 2 เมตร เขาก็บินคดเคี้ยวไปมาอย่างไม่มั่นคงจนเกือบจะตกลงสู่พื้น ทุกคนต่างพากันหัวเราะออกมาในทันที นี่เป็นครั้งแรกที่ไป๋อี้ได้สัมผัสกับปีกของเขา แน่นอนว่าเขาจึงยังไม่คุ้นชินกับมัน ในตอนแรกเฮลัวส์เองก็ต้องฝึกฝนอยู่เป็นเวลานานเหมือนกัน
“มันสวยจริง ๆ แต่ไป๋อี้ นายไม่จำเป็นต้องฝึกสยายปีกแบบนี้อย่างต่อเนื่องติดต่อกัน 5 วันหามรุ่งหามค่ำ” เฮลัวส์กล่าว
“ทำไมฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่ามันเป็นความรู้สึกโดยสัญชาตญาณของฉัน ถ้าฉันไม่สามารถสยายปีกออกได้ในครั้งนี้ ครั้งต่อไปที่ฉันจะลองสยายปีกอีกครั้งก็คงจะผลัดไปในภายหลังอยู่ร่ำไป” ไป๋อี้พูดออกมาช้า ๆ
ไป๋อี้ก็ไม่เข้าใจมากนัก แต่เขายืนยันความรู้สึกนี้ได้จากสัญชาตญาณของเขา!
ถ้าเขาไม่สยายปีกในครั้งนี้และไม่ได้จดจำรูปแบบการขยายตัวทั้งสองรูปแบบของกล้ามเนื้อภายในแล้วล่ะก็ เขาต้องการที่จะสยายปีกอีกครั้งเพื่อจะไปให้ถึง LV4 ซึ่งเขาก็จะตั้งชื่อให้ในภายหลัง อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขามีความสามารถในการประคองและควบคุมรูปแบบทางกายภาพได้อย่างลึกซึ้ง เขาก็จะสามารถควบคุมเส้นใยนับพันนั้นได้