[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ - ตอนที่ 147 รังไหม
หลังจากราชามังกรแห่งท้องทะเลลับหายไป ทะเลก็กลับมาสงบอีกครั้ง เฮลัวส์จึงบินเข้าไปช่วยพยุงไป๋อี้ แต่ไป๋อี้กลับไม่รับความช่วยเหลือนั้น เขาสะบัดดาบจุมพิตสีแดงแล้วค่อย ๆ เก็บเข้าฝัก จนเกิดเสียงชิ้งดังขึ้นเบา ๆ
“พาฉันไปที่ดาดฟ้าเรือ!” ดูเหมือนว่าไป๋อี้จะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
“อือ” เฮลัวส์โล่งใจ
หลังจากที่ไป๋อี้กลับมาถึงเรือสินค้าเขาก็มองไม่เห็นร่างของมันแล้ว ตอนนี้สองขาของไป๋อี้ก็อ่อนแรงและล้มลงกับพื้นทันที ใต้มหาสมุทรในเวลานี้ ราชามังกรแห่งท้องทะเลกำลังเฝ้าดูเรือที่กำลังลอยอยู่และเศษซากที่ไป๋อี้ทิ้งไว้อย่างเงียบ ๆ จนในที่สุดมันก็สะบัดหางว่ายลงไปในทะเลลึก
เดิมทีทุกคนต่างก็คิดว่าไป๋อี้จนมุมแล้วแน่ ๆ ทว่าเมื่อไป๋อี้เข้ามาในโกดังเรือ ทุกคนก็ต่างรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก แนนซี่รีบเข้ามาช่วยตรวจไป๋อี้ทันที แม้ว่าแพทย์และหมอปรุงยาจะไม่ใช่วิชาชีพเดียวกัน แต่พื้นฐานของทั้งสองวิชาชีพก็มีความเชื่อมโยงกันอยู่บ้าง
เมื่อแนนซี่ตัดเสื้อผ้าของไป๋อี้ออก ทุกคนแทบหยุดหายใจด้วยความตื่นตระหนก
ตั้งแต่หน้าอกไปจนถึงส่วนขาของไป๋อี้มีแผลเป็นรอยฟันลึกหลายแถว มันเป็นบาดแผลขนาดใหญ่ที่เปิดออกอย่างรุนแรง ทุกคนมองเห็นได้เลยว่ากระดูกหน้าอกและกระดูกซี่โครงของไป๋อี้หัก และมันก็ได้แทงเข้าไปในอวัยวะภายในของเขา แม้ว่าตอนนั้นราชามังกรแห่งท้องทะเลจะเจ็บปวดจากการถูกดาบจุมพิตสีแดงทิ่มแทงอยู่ทำให้ปิดปากได้ไม่สนิท แต่นั่นก็สามารถจินตนาการได้ถึงความอันตรายของสถานการณ์ในตอนนั้นแล้ว จนถึงตอนนี้นอกจากตัวไป๋อี้เองก็ยังไม่มีใครรู้เลยว่าไป๋อี้หนีออกมาจากปากของราชามังกรได้อย่างไร นับว่าโชคยังดีที่หัวของไป๋อี้ไม่ได้ถูกกัดไปด้วย
แนนซี่หายาห้ามเลือดที่เธอปรุงเอาไว้เตรียมให้ไป๋อี้ แต่ในขณะนั้นเองไป๋อี้ก็ลืมตาขึ้นทันที
ซึ่งนั้นสร้างความตกใจให้กับแนนซี่มาก สภาพแบบนี้ไป๋อี้ยังสามารถฟื้นขึ้นมาได้อีกหรือ
“เดินเรือ ออกไปจากที่นี่!” ไป๋อี้พูดออกไปโดยไม่ได้สนใจมองให้ชัดว่าใครที่อยู่ข้างเขาตอนนี้
“ฉันรู้แล้ว พวกเราจะจัดการต่ออย่างดี นายรักษาอาการบาดเจ็บก่อนเถอะ” แนนซี่รู้ว่าบาดแผลขนาดนี้หากเป็นคนธรรมดาคงจะตายไปนานแล้ว ที่ไป๋อี้สลบไปเมื่อครู่นี้คือกลไกการปกป้องตนเองเพื่อหลีกเลี่ยงจากความเจ็บปวดของร่างกาย แต่ไป๋อี้กลับฟื้นขึ้นมาในเวลาอันสั้นแบบนี้ แสดงว่าไป๋อี้ยังไม่วางใจในคนอื่น ๆ
หลังจากที่ไป๋อี้ได้ยินคำพูดของแนนซี่ เขาจึงหลับตาลงอีกครั้งและ ไม่ได้ฝืนร่างกายอีกต่อไป
แม้ว่าจะใช้เวลาเพียงไม่ถึงนาทีในการประมือกับเจ้านั่น แต่ระดับความน่ากลัวนั้น หากให้อธิบายออกมาเป็นคำพูดคงจะหน้าถอดสีกันหมด หากไม่ใช่เพราะเทพีแห่งโชคชะตาที่ยืนอยู่ฝั่งพวกไป๋อี้ หากราชามังกรแห่งท้องทะเลเปลี่ยนวิธีการโจมตี ไม่แน่ว่าตอนนี้พวกไป๋อี้คงจะกลายเป็นอาหารของมันไปนานแล้ว
หลังได้ยินคำพูดของไป๋อี้ เฮลัวส์ก็รีบวิ่งไปที่ห้องบังคับการเรือ แล้วพยายามสตาร์ทเครื่องยนต์ โชคยังดีที่แม้ว่าราชามังกรแห่งท้องทะเลจะบีบรัดเรือจนแน่น แต่อย่างไรก็ตามเรือลำนี้ก็เป็นเหล็กขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงมีเพียงขอบเรือที่ถูกรัดจนผิดรูปไปเล็กน้อยกับห้องโดยสารเรือส่วนหน้าที่ถูกกัดเป็นรูใหญ่เท่านั้น ดังนั้นเรือจึงยังสามารถใช้งานได้ แต่จากนั้นไม่นานทุกคนก็สังกตเห็นบางอย่างที่ผิดปกติ เพราะปริมาณน้ำในเรือเริ่มเพิ่มมากขึ้น
“เรือรั่วแล้ว!” เรย์มอนด์วิ่งขึ้นมาจากด้านล่างห้องโดยสารแล้วพูดอย่างตื่นตระหนก
“ให้ไป๋อี้พักผ่อนไป พวกเรามาช่วยกันคิดหาวิธีกันเถอะ” เวร่าลุกขึ้นยืน ในทีมตอนนี้คาดว่ามีเพียงไป๋อี้ เวร่า และเฮลัวส์เท่านั้นที่สามารถนำทีมได้ ในตอนนี้เฮลัวส์ยังอยู่ที่ห้องบังคับการเรือ ถึงแม้ว่าเวร่าจะเป็นสมาชิกใหม่ แต่ในเวลานี้เธอกลับเลือกที่จะลุกขึ้นมานำทีมด้วยตนเอง
กลุ่มคนที่อยู่ภายใต้การนำของเวร่าก็เริ่มเข้ามาช่วยเหลือเพื่อหาวิธีที่หยุดน้ำรั่วนี้โดยทันที หลังจากที่เฮลัวส์รู้ว่าเรือลำนี้มีน้ำรั่วเข้ามา เธอจึงไม่ได้เดินเรือไปทางหมู่เกาะควีนชาร์ลอตต์ตามเส้นทางเดิมที่วางไว้ แต่กลับมุ่งหน้าไปยังชายฝั่งที่ใกล้ที่สุดแทน ส่วนอีกด้านก็พากันหาวิธีแก้ไขปัญหาอย่างอลหม่านเป็นเวลานาน แต่สุดท้ายก็ต้องพบว่ามันไร้ประโยชน์ แต่อย่างไรก็ตามเรือลำนี้ยังไม่จม ที่ระบายน้ำยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง เพียงแค่ว่าเรือแล่นไปได้ค่อนข้างช้าราวว่ากับมันจะหยุดแล่นในไม่ช้านี้
ทุกคนต่างเดินกระวนกระวายอย่างเป็นกังวลใจ แต่เมื่อเห็นพื้นแผ่นดินทุกคนต่างก็ดีใจเป็นอย่างมาก
เฮลัวส์ไม่ได้มองหาท่าเรือใด ๆ เธอพุ่งตรงไปบนชายหาดและเกยตื้นอยู่กับพื้นตรงนั้นในทันที และในที่สุดพวกเขาก็มาถึงบนบกจนได้ ทุกคนต่างก็โล่งอกกันเป็นการใหญ่ ความไม่มั่นคงของเรือบรรทุกสินค้าลำนี้ทำให้ภายในใจของทุกคนต่างก็รู้สึกหวาดผวา มหาสมุทรนั้นน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง เกรงว่าหากได้พบสัตว์ประหลาดจากท้องทะเลอีก พวกเขาส่วนใหญ่คงจะได้ตายอยู่ในท้องของปลาตัวใดตัวหนึ่งแน่ ๆ ทุกคนช่วยกันแบกไป๋อี้ที่สลบอยู่ลงมา และออกไปหาสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับกลุ่มพวกเขา
“ที่นี่น่าจะเป็นหมู่เกาะเล็ก ๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ทางตอนล่างของหมู่เกาะควีนชาร์ลอตต์ มีร่องน้ำทะเลลึกเล็ก ๆ คั่นอยู่ แต่ก็ไม่ถือว่าไกลมาก” เวร่าเอาแผนที่มาเทียบดูและกล่าวขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นก็หาที่ปลอดภัยกันก่อนเถอะ อาการบาดเจ็บของไป๋อี้ยังต้องได้รับการพักฟื้น” เฮลัวส์พูด และคนในกลุ่มต่างก็ไม่มีข้อขัดข้องใด ๆ พวกเขาจึงพากันสร้างเปลหามธรรมดาขึ้นมาหนึ่งอัน แล้วยกร่างไป๋อี้ขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปในเกาะ
……
ในตอนนี้ ประเทศอื่น ๆ ยังคงดูฉากการต่อสู้ระหว่างไป๋อี้กับราชามังกรแห่งท้องทะเลซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด การต่อสู้ใช้เวลาสั้น ๆ เพียงหนึ่งนาที แต่ความตื่นเต้นน่าหวาดกลัวไม่สามารถแสดงออกมาให้เห็นจากวิดิโอนี้ได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ประเด็นหลัก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทุกคนคาดไม่ถึงเลยว่าพวกไป๋อี้จะไม่มีใครถึงแก่ความตายเลยแม้แต่คนเดียว อีกทั้งราชามังกรแห่งท้องทะเลตัวนั้นยังหนีไปเองอีกด้วย
รูปลักษณ์ภายนอกของไป๋อี้ไม่ต่างจากมนุษย์ปกติมากนัก เพียงแต่เขามีลวดลายและขนปุกปุยเล็ก ๆ เท่านั้น ในส่วนของพลังการต่อสู้ สติปัญญา ยังห่างไกลนักที่จะนำมาเปรียบเทียบกับการเข้าสู่ระยะดุร้ายของคนอื่น ๆ
นอกจากนี้ข้อมูลเกี่ยวกับไป๋อี้ที่ได้รวบรวมไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้เกือบทุกประเทศในเวลานี้ได้ให้ไป๋อี้เป็นบุคคลหลักในการเฝ้าสังเกตการณ์
เพราะบางทีการวิจัยเกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลงอาจนำมาซึ่งความก้าวหน้าของร่างกายไป๋อี้ในขณะนี้ก็เป็นได้
หากไม่เป็นเพราะว่านิวซีแลนด์ในตอนนี้ค่อนข้างที่จะอันตราย จนแม้แต่เครื่องบินก็ยังเป็นการยากที่จะเข้าถึงได้แล้วล่ะก็ ไม่เช่นนั้นบางทีคงมีประเทศที่ส่งคนเข้าไปจับตัวไป๋อี้มาไว้ในการวิจัยของตัวเองกันแล้ว แม้ว่าหมู่เกาะนิวซีแลนด์จะได้รับการยอมรับจากทุกประเทศว่าเป็นอุทยานระบบนิเวศตามธรรมชาติสำหรับการวิจัยวิวัฒนาการของเซลล์ดัดแปลง แต่ก็ไม่สามารถที่จะปล่อยให้เกาะปีศาจนี้แปลงเปลี่ยนไปอย่างอิสระได้ทั้งหมดอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ทุกคนต่างก็รู้ว่าหากมนุษย์ปกติเข้าไปในนิวซีแลนด์ตอนนี้นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย อย่างไรก็ตามยังมีบางคนที่ทนไม่ได้ อย่างเช่นคนที่มีความบ้าระห่ำจากเนื้อแท้
……
ในตอนนี้กลุ่มของไป๋อี้ก็ได้พบเข้ากับถ้ำหนึ่ง หลังจากไล่สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ภายในถ้ำออกไปแล้ว เวร่าก็เสนอให้จุดไฟขึ้น พวกเขาจุดไฟเผาอยู่ประมาณ 2-3 ชั่วโมง สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่ชุลมุนวุ่นวายและกลิ่นที่อยู่ข้างในก็หายไปหมด สถานที่แห่งนี้จึงได้กลายมาเป็นที่พักของพวกเขา โชคดีที่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกคนล้วนคุ้นเคยกับชีวิตแบบนี้ไปโดยปริยาย
หลังจากพบสถานที่พักพิงที่เงียบสงบ ทุกคนก็มองไปที่ไป๋อี้อย่างเป็นกังวลใจ จากนั้นก็มองไปที่แนนซี่ด้วยความสงสัย
“ฉันได้จัดกระดูกให้เข้าที่แล้ว เลือดก็หยุดไหลแล้ว แต่ร่างกายของไป๋อี้ค่อนข้างจะอ่อนแอมาก ชีพจรของเขาลดลงต่ำกว่าสิบวินาที และยังมีแนวโน้มที่จะลดลงไปเรื่อย ๆ แต่ถึงแม้ว่าร่างกายเขาจะอ่อนแอมาก ทว่ากลับมีความมั่นคงมากเช่นกัน ในส่วนของข้อกำหนดเฉพาะทางฉันเป็นเพียงหมอปรุงยาที่เรียนอย่างครึ่ง ๆ กลาง ๆ อยู่ที่บ้าน ไม่เคยเป็นหมอมาก่อนดังนั้นจึงไม่รู้อะไรมากนัก” แนนซี่อธิบาย
เมื่อได้ยินแบบนั้นพวกเขาทั้งหมดล้วนไม่รู้จะพูดอะไรออกมาเพราะพวกเขาก็ไม่ใช่หมอเช่นกัน ถ้าหากพวกเขารู้เรื่องทางการแพทย์ก็คงแปลกแล้ว
“ยังไงฉันก็จะพยายามสุดความสามารถ” แนนซี่กล่าวปลอบใจ
“ต้องรบกวนคุณแล้ว” ทุกคนกล่าวอย่างจริงจัง
“พูดอะไรแบบนั้น พวกเราเป็นทีมเดียวกันไม่ใช่เหรอ ไป๋อี้เป็นหัวหน้าของเราทุกคน” แนนซี่โบกมือเบา ๆ จากนั้นเธอก็ปรุงยาที่เธอคิดค้นเองสองสามอย่างสำหรับการรักษาบาดแผลของไป๋อี้พร้อมทั้งเตรียมที่จะป้อนให้เขา หากแต่ว่าหลังจากพยายามอยู่หลายครั้ง แนนซี่ก็พบกับอุปสรรคเข้าให้ เพราะตอนนี้ไป๋อี้ไม่สามารถกลืนยาเหล่านี้ได้ด้วยตนเอง
“ทำอย่างไรดีล่ะ?”
“ป้อนยาไม่ได้เหรอ?”
“ได้ก็ได้อยู่หรอก ความจริงแล้วมันไม่ใช่ปัญหาเลยเพราะโรงพยาบาลหลายแห่งก็มีอุปกรณ์ช่วยในการป้อนยา แต่จุดสำคัญคือที่นี่คือเกาะปีศาจ คงจะไม่สามารถหาของแบบนั้นได้แน่ ๆ” แนนซี่อธิบาย
“บอกมาได้เลยว่าต้องทำยังไง”
“ง่ายมาก ป้อนแบบปากต่อปากก็ได้” แนนซี่ผายมือ
วิธีนี้เป็นวิธีป้อนยาที่ง่ายที่สุด ทุกคนหันมามองหน้ากัน และเมื่อเห็นว่าตนเองกำลังถูกจับจ้องต่างก็ถอยหลังกันไปคนละก้าวอย่างไม่รู้ตัว ตลกหรือเปล่า ถึงแม้จะเป็นวิธีป้อนยาที่ง่ายที่สุด แค่ใครจะกล้าทำแบบนั้นกับไป๋อี้กันล่ะ นี่มันไม่ต่างจากการรอไป๋อี้ตื่นมาฆ่าอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นทุกคนก็มองไปที่โม่โม่อย่างพร้อมเพรียงกัน
“คะ?” โม่โม่มองทุกคนอย่างงุนงง
“โม่โม่ ต้องฝากหนูแล้วล่ะ ช่วยป้อนยาพวกนี้ให้พ่อหนูหน่อยเถอะ อมไว้ในปากก่อนแล้วค่อย ๆ ส่งเข้าไปในปากของพ่อหนูนะ” แนนซี่ค่อย ๆ อธิบาย
“โอเคค่ะ!” โม่โม่พยักหน้า
เมื่อทุกคนเห็นแววตาใส่ซื่อของโม่โม่ ต่างก็หันศีรษะไปอย่างช่วยไม่ได้ เด็กน้อยถึงอย่างไรก็ใสซื่อ แต่ผู้ใหญ่อย่างพวกเขานั้นกลับมีเลศนัย จากนั้นโม่โม่ก็ป้อนยาให้ไป๋อี้แบบปากต่อปากตามที่แนนซี่ชี้แนะ แนนซี่ครุ่นคิดบางอย่างในขณะที่ปรุงยา แล้วเธอก็เพิ่มยาอีกหนึ่งชนิด
FostSoul ยาหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ——ยาของแนนซี่ที่ปรุงด้วยดอกไม้มรณะแห่งเมืองผีเวลลิงตัน ซึ่งสามารถหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณได้ในระดับสูงด้วยสรรพคุณของดอกไม้มรณะ
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของไป๋อี้จะปรากฏเพียงตามร่างกาย แต่แนนซี่กลับรู้สึกว่าควรจะใช้ยาตัวนี้ร่วมด้วย แต่เพราะสาเหตุใดนั้นแนนซี่ก็ไม่รู้เช่นกัน บางทีนี่อาจจะเป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่งของแนนซี่ หรือที่เรียกว่าสัญชาตญาณ
หลังจากป้อนยาให้กับไป๋อี้เป็นเวลาสองอาทิตย์ ร่างกายของไป๋อี้กลับยิ่งอ่อนแอลงเรื่อย ๆ หากไม่ใช่เพราะสีหน้าของไป๋อี้ยังดูนิ่งสงบ พวกเขาคงคิดว่าไป๋อี้กำลังจะตาย หลังจากผ่านไปสองสัปดาห์ ในที่สุดแนนซี่ที่คอยดูแลไป๋อี้มาตลอดก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ของไป๋อี้
บนร่างกายของไป๋อี้ ขนปุยสีสันเหล่านั้นยาวขึ้นเล็กน้อย และยังมีบางส่วนเริ่มเชื่อมต่อเข้าหากันเป็นตาข่าย
นั่นคือ?
ทุกคนไม่รู้จะอธิบายอย่างไรต่อการเปลี่ยนแปลงของไป๋อี้ พวกเขาจึงคอยสังเกตการณ์ต่อไป หลังจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์ ตาข่ายใยไหมสีทึบก็แทบจะคลุมไปทั่วร่างของไป๋อี้ ตอนนี้โม่โม่ไม่ได้ป้อนยาให้ไป๋อี้แล้ว และทุกคนต่างก็คาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของไป๋อี้ได้เช่นกัน
ผีเสื้อ——รังไหม!