เมย์ริสและผีในเวลลิงตันสามารถสื่อสารเข้ากันได้เป็นอย่างดี ในไม่ช้าพวกเขาก็รู้จากผีตนอื่น ๆ ว่ามีเรืออยู่ที่ไหน เวลลิงตันเป็นเมืองท่าและมีเรือจำนวนมาก แต่จุดประสงค์ของไป๋อี้คือการข้ามช่องแคบคุก ดังนั้นเรือขนาดเล็กธรรมดาจึงไม่เหมาะสม ตอนนี้นิวซีแลนด์คือเกาะปีศาจ พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ดีว่าสัตว์ประหลาดชนิดใดจะปรากฏตัวในทะเล ท้ายที่สุดหลังจากที่เมย์ริสได้สอบถามกับกลุ่มผีพวกเขาก็ได้รับข่าวดี
“ฉันจะแนะนำคน ๆ หนึ่งให้ทุกคนรู้จัก นี่คือกัปตันมาร์แชล” เมย์ริสชี้ไปยังผีที่เลือนรางและพูดกับทุกคน แม้ว่าเขาจะกลายเป็นผี แต่ในการแนะนำตัวทุกคนก็ยังได้รับอิทธิพลคำพูดจากตอนที่ยังมีชีวิตอยู่จึงกล่าวอ้างถึงกันและกันในฐานะมนุษย์
“สวัสดีครับ ผมคือไป๋อี้” ไป๋อี้พยักหน้าเล็กน้อย
“ฉันเป็น 一 กัปตันของเรือบรรทุกสินค้า มาร์แชล” ผีตนนั้นขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นมา แต่ในการสื่อสารครั้งต่อ ๆ มา มาร์แชลก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แม้ว่าผีต้องการพูดในโลกแห่งความเป็นจริง แต่มันเป็นการสิ้นเปลืองพลังวิญญาณ แม้ว่าจะไม่มีใครเข้าใจว่าพลังวิญญาณนี้เกี่ยวกับอะไร แต่ผีส่วนใหญ่ไม่ต้องการที่จะเสียมันไป
“ถ้าอย่างนั้น กัปตันมาร์แชล ……” พวกไป๋อี้ค่อย ๆ สื่อสารกับกัปตันที่เรียกตัวเองว่ามาร์แชล จากนั้นจึงเข้าใจกระบวนการโดยละเอียด
ในไลล์เบย์ทางตอนใต้สุดของเวลลิงตันมีเรือบรรทุกสินค้าจอดทอดสมออยู่ ซึ่งมีความยาว 180.5 เมตรกว้าง 24 เมตรลึก 14.7 เมตร และมีน้ำหนัก 2.5 ตัน แน่นอนว่ามันเป็นเรือขนาดใหญ่มหึมา และมาร์แชลก็เป็นกัปตันของเรือบรรทุกสินค้าลำนั้น หลังจากหยุดเรือที่ท่าเรือแล้วเขาก็มาที่เวลลิงตันและบังเอิญพบกับโศกนาฏกรรมที่เวลลิงตัน จนเขาต้องมาเสียชีวิตอยู่ที่นี่
เรือบรรทุกสินค้าลำนั้นชื่อว่า “พุงโต” เป็นเรือสินค้าที่ตรงตามความต้องการของไป๋อี้อย่างแน่นอน แม้ว่าจะพบกับสัตว์ประหลาดประเภทใดในมหาสมุทร ตราบใดที่มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตเหนือจินตนาการ คาดว่ามันจะไม่สามารถคว่ำเรือได้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นพวกไป๋อี้ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถขับเคลื่อนมันได้ ผลกระทบของเซลล์ดัดแปลงเป็นเพียงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตทางทางชีวภาพเท่านั้น เรือบรรทุกสินค้าลำนี้อาจจะมีความยุ่งยากเล็กน้อยเพราะไม่ได้รับการดูแลมาเป็นเวลานาน แต่มันจะไม่หยุดเคลื่อนที่แน่นอน อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกไป๋อี้กังวลมากที่สุดตอนนี้คือพวกเขาจะแล่นเรือขนสินค้าขนาดใหญ่เช่นนี้ได้หรือไม่?
“แค่แล่นเรือมันง่ายมาก กัปตันไม่จำเป็นต้องอยู่ที่ห้องบังคับการเรือทั้งวัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือกระแสลมและกระแสน้ำในมหาสมุทรตลอดจนการกำหนดสภาพแวดล้อมทางทะเลและการตัดสินใจที่แม่นยำ” หลังจากที่กัปตันมาร์แชลเข้าใจความกังวลของไป๋อี้เขาก็อธิบายให้ฟัง
หลังจากได้ฟังคำอธิบายของมาร์แชล พวกไป๋อี้ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“อย่างไรก็ตามเนื่องจากไม่ใช่เรื่องยากนักหากต้องการจะแล่นเรือ จึงไม่รู้ว่ามันยังจอดอยู่ที่นั่นหรือไม่?” คำถามของไป๋อี้ไม่ได้ไร้เหตุผล เวลลิงตันอยู่ใกล้ท่าเรือและเท่าที่ไป๋อี้รู้คือหลังจากการปะทุของเซลล์ดัดแปลง ผู้คนต่างก็มุ่งหน้าออกจากนิวซีแลนด์ด้วยวิธีการต่าง ๆ ในท่าเรือชั้นในของเวลลิงตันมีเรือหลายลำถูกขับออกไปเพื่อมุ่งหน้าไปยังออสเตรเลีย สำหรับชะตากรรมของคนเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องที่ไป๋อี้เป็นกังวลนัก
“แล่นเรือออกไปไม่ได้หรอก พุงโตอยู่ระหว่างการยกเครื่อง และเครื่องยนต์เทอร์โบทั้งสามตัวก็ถูกปลดออกชั่วคราว มันคงเป็นเรื่องแปลกมากถ้าจะแล่นออกไปได้” มาร์แชลหัวเราะเสียงดัง ทำให้ดูเหมือนกับว่าพลังวิญญาณกำลังสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง
หลังจากที่มาร์แชลอธิบายไป พวกไป๋อี้ก็ตระหนักว่าพวกเขาจำเป็นต้องติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบทั้งสามใหม่เพื่อให้มันกลับมาทำงานอีกครั้ง หากพวกเขาต้องการสตาร์ทเจ้าเรือพุงโต สำหรับวิธีการลงมือทำแน่นอนว่ามาร์แชลเป็นคนกำกับไป๋อี้ และในบรรดาผียังมีคนงานจากอู่ต่อเรือเดิมที่สามารถช่วยได้ แต่การช่วยเหลือก็ช่วยได้เพียงแค่คำพูดเท่านั้น ส่วนการลงมือจริงยังคงต้องพึ่งพาคนที่ยังมีชีวิตอยู่
“กัปตันมาร์แชลทำไมคุณถึงเต็มใจช่วยพวกเราแบบนี้?” ไป๋อี้ถามขึ้นมาหลังจากนั้น
“ยังต้องการเหตุผลอีกหรือ ฉันได้ฟังเรื่องราวของเมย์ริสว่านายกำลังทำงานเพื่อมนุษย์ทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าเราจะตายไปแล้ว แต่พลังอันน้อยนิดนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา” มาร์แชลผู้มีจิตใจดีกล่าว
“ขอบคุณครับ!” ไป๋อี้กล่าวขอบคุณเขาอย่างเคร่งขรึม
ตอนนี้พวกเขาได้เรือมาแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเริ่มซ่อมมันตามคำแนะนำของมาร์แชลเสียก่อน แม้ว่ามาร์แชลจะบอกว่าเรือบรรทุกสินค้าไม่ได้พัง เพียงแค่ต้องซ่อมบำรุงตามปกติ แต่กับกลุ่มไป๋อี้ที่ไม่เคยสัมผัสกับทักษะด้านนี้มาก่อนก็นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ การสื่อสารระหว่างผีกับมนุษย์ไม่สะดวกมากนัก นอกจากนี้อู่ต่อเรือเดิมก็ไม่มีพลังงานไฟฟ้ามานานแล้ว พวกเขาต้องพึ่งพาการใช้งานด้วยมือ หลังจากการลงมือทำครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งมันต้องใช้เวลากว่าสามสัปดาห์ในการประกอบเครื่องยนต์ชิ้นแรกใส่กลับคืน
ในช่วงเวลานี้ พวกไป๋อี้ต่างลงมือทำเรื่อย ๆ อย่างสุดกำลัง
หลังจากที่เครื่องยนต์ตัวแรกกลับเข้าที่แล้วอีกสองตัวที่เหลือจะจัดการได้ง่ายขึ้น หลังจากพวกเขามีประสบการณ์แล้วทุกอย่างก็จะเร็วขึ้นมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องใช้เวลาร่วมสองสัปดาห์ในการติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบอีกสองตัวที่เหลือ ในขณะนี้มันเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนครึ่งแล้วที่พวกไป๋อี้ออกมาจากหุบเขาหิมะและพวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับทีมอื่น ๆ บ้าง
หลังจากเริ่มสตาร์ทเรือขนส่งสินค้าตามคำชี้แนะของมาร์แชล ทุกคนรวมทั้งผีก็ส่งเสียงเชียร์กันดังลั่น ในเวลานี้แม้แต่ไป๋อี้ก็เหมือนคนงานในห้องปฏิบัติการที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำมัน ภาพปกติของกัปตันที่เคยเห็นถูกโยนทิ้งไปในอากาศทันที ส่วนวูล์ฟและเรย์มอนด์นั้นก็ไม่ต่างไปจากไป๋อี้นัก
“ไปแล้ว ไปแล้ว ในที่สุดก็ซ่อมแซมพี่ใหญ่ตัวโตลำนี้ได้สำเร็จ กลับไปที่เวลลิงตันและจัดงานเลี้ยงกันเถอะ” ไป๋อี้กล่าวอย่างเข้าอกเข้าใจ
“นี่เป็นความคิดที่ดีจริง ๆ” แน่นอนว่าวูล์ฟและเรย์มอนด์เห็นด้วย
หลังจากพูดจบทั้งสองคนก็ลากร่างของสัตว์ทะเลสองสามตัวออกจากเรือ จากนั้นก็โยนพวกมันไปบนรถบรรทุกที่ขาดรุ่งริ่ง ในช่วงเวลานี้พวกไป๋อี้ได้พบกับสัตว์ประหลาดในน้ำจำนวนมาก แม้แต่นกที่อธิบายลักษณะไม่ได้ก็มาทำรังอยู่บนเรือ หลังจากความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของพวกเขา พวกมันก็ถูกพวกไป๋อี้จัดการและกลายเป็นอาหารของทุกคน
รถบรรทุกที่ชำรุดทรุดโทรมส่งเสียงดังโคร้งเคร้งขณะขับเข้าไปในเมือง นี่เป็นสิ่งที่พวกไป๋อี้ได้มาในช่วงนี้และก็พบว่ามันเป็นรถที่ยังพอขับได้ อย่างไรก็ตามไป๋อี้และพรรคพวกขับรถไปได้ไม่ไกลก็ได้หยุดรถลง เมื่อพวกเขาเข้ามาในเขตเมืองพวกเขาต้องระวังสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝูงของยุงปีศาจซึ่งการทำเสียงดังนั้นเป็นอันตรายอย่างที่สุด
พวกเขาลากเหยื่อสองสามตัวกลับไปที่ใจกลางเวลลิงตันอย่างระมัดระวัง นี่คืออาณาเขตของวิญญาณชั่วร้ายและยุงปีศาจจะไม่มาที่นี่ ไป๋อี้ประหลาดใจเล็กน้อยที่พบว่ามีอีกหนึ่งคนที่เกินมาจากในบรรดาลูกทีมของเขา
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อแนนซี่ เป็นหมอปรุงยา”
“สวัสดีครับ ผมชื่อไป๋อี้”
“ฉันรู้ ฉันเคยได้ยินชื่อเสียงของหัวหน้าไป๋อี้มานานแล้ว” แนนซี่พยักหน้า เธอได้ยินเกี่ยวกับชื่อของ ไป๋อี้จากที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่นานมานี้จากหยูหานที่เธอได้เรียนรู้เกี่ยวกับเขามากที่สุด ตอนนี้ร่างกายไป๋อี้เต็มไปด้วยน้ำมัน ดูเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปทั่ว ในความคิดของแนนซี่ภาพลักษณ์ของไป๋อี้ดูต่างออกไปเล็กน้อย
“อย่างนั้นเหรอ ผมไม่รู้ว่าคุณได้ยินชื่อของผมมาว่าอย่างไรบ้าง?” ไป๋อี้ถามด้วยรอยยิ้ม
“เรื่องนั้น หัวหน้าไป๋อี้คิดว่าตัวเองมีชื่อเสียงเรื่องอะไรล่ะ?” แนนซี่ถามอย่างจงใจ ตามที่เวร่ากล่าวไป ไป๋อี้เป็นหัวหน้าทีมที่เข้าถึงได้ง่ายมากโดยไม่ต้องเสแสร้ง เขาเป็นคนง่าย ๆ ทั้งสองคุยกันอย่างเป็นกันเองเหมือนคนรู้จักกันมาก่อน จากนั้นทุกคนก็ย้ายเหยื่อทั้งหมดเข้าไปในเมือง
“แนนซี่คุณโชคดีจริง ๆ ตอนซ่อมเรือพวกเราจับเหยื่อได้มาสองสามตัวและเรือก็ซ่อมเสร็จพอดี ผมวางแผนที่จะจัดงานเลี้ยงฉลองล่ะ คุณมาร่วมงานด้วยกันไหมล่ะ?” ไป๋อี้เชิญชวน
“เยี่ยมไปเลยค่ะ ขอบคุณนะ” แนนซี่ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
ไป๋อี้ไม่ได้ถามถึงข้อมูลของแนนซี่ เธอเป็นเพียงเพื่อนที่พบกันโดยบังเอิญ หลังจากนำเหยื่อเข้าไปในครัวของบ้านพักหลังหนึ่งแล้ว ไป๋อี้ก็เริ่มแสดงทักษะการทำอาหารของเขา เขาง่วนอยู่กับการเตรียมทำอาหารอร่อย ๆ อยู่ ในขณะที่ตอนนี้โม่โม่ยังคงอยู่ในเมือง เวร่าและคนอื่น ๆ ก็ได้อะไรดี ๆ ติดไม้ติดมือมาด้วยเช่นกัน บ้านพักหลังนี้ยังคงสภาพเดิมพร้อมด้วยเครื่องมือที่ครบครันหลายอย่าง
ไป๋อี้ไม่ได้ใช้เครื่องใช้ในครัวที่ทันสมัยแบบนี้มานานแล้ว หลังจากพักหายใจ เขาก็เริ่มทำอาหารสำหรับงานเลี้ยงด้วยรอยยิ้ม
ในห้องนั่งเล่น กลุ่มคนได้กลิ่นของอาหารที่ไม่ได้กลิ่นมานาน ทำให้พวกเขาแทบจะกลั้นน้ำลายไหลเอาไว้ไม่อยู่ หลังจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในนิวซีแลนด์การรับประทานอาหารอร่อย ๆ นั้นเป็นเรื่องยากมาก โดยเฉพาะแนนซี่ที่ยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นไปอีกด้วยชื่อเสียงที่เลื่องลือมามากมายรวมถึงการเป็นเชฟของไป๋อี้ด้วย
งานเลี้ยงนี้ดำเนินไปตั้งแต่หัวค่ำถึงดึกดื่น ไม่เพียงแต่ผู้คนที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น แต่ยังมีผีจำนวนมากเข้ามาที่นี่ด้วย เห็นได้ชัดว่ามีผีจำนวนมากจากลักษณะที่เป็นเงาขมุกขมัว แต่ทุกคนก็ไม่รู้สึกเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย ทว่าพวกเขากลับพูดคุยกับผีเหล่านี้อย่างสนุกสนาน
ผีหลายตนที่เดิมทีเคยเป็นเชฟกำลังชี้ไปที่ทักษะการทำอาหารของไป๋อี้ ดูว่าเขาพอจะจัดการตรงไหนและจะทำอย่างไรให้มันประณีตมากขึ้น จะว่าไปแม้ว่าไป๋อี้จะเป็นเชฟ แต่เขาก็ไม่ได้เป็นเชฟชั้นนำ เขาเพียงแค่ทำอาหารออกมาได้อร่อยมากเท่านั้น หลังจากได้รับคำแนะนำจากเชฟผีอาวุโสหลาย ๆ ตนตรงนั้น ไป๋อี้ก็ได้ศึกษาเรียนรู้อย่างถ่อมตัวทันที ทว่าถึงในเวลานี้เขาไม่สามารถจะเรียนรู้อะไรมากมายอย่างเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้น แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เข้ากันได้อย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ยทีเดียว
ส่วนคนอื่น ๆ ก็หาหัวข้อคุยกันอย่างมีความสุข ดูเหมือนว่าช่องว่างระหว่างคนกับผีแทบจะมลายหายไปหมดแล้วในตอนนี้
ในตอนกลางดึก ทันใดนั้นพวกไป๋อี้ก็หันศีรษะและมองออกไปข้างนอก ในไม่ช้าพวกเขาที่มีประสาทสัมผัสปราดเปรียวก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างกำลังมา มันเป็นความรู้สึกที่ทรงพลังมาก
ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าที่หนักหน่วงและหนักแน่นค่อย ๆ เข้ามาที่บ้านพัก จากนั้นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวก็ปรากฏขึ้นต่อสายตาของทุกคน มันมีความยาวประมาณ 5 เมตรและสูงมากกว่า 2 เมตร ปากขนาดใหญ่นั้นราวกับมีรอยแยกออกจากด้านหน้า มันอ้าปากอันใหญ่โตอีกครั้งโดยมีเขี้ยวแหลมคมเผยออกมา
เมื่อทุกคนเห็นสัตว์ประหลาดตัวนี้ พวกเขาก็ต้องตกตะลึง แนนซี่ที่อยู่ข้างนอกตกใจจนแทบขยับไปไหนไม่ได้
“ชาร์ไป่!” โม่โม่อุทานด้วยความประหลาดใจจากนั้นก็พุ่งตัวเข้าหาสัตว์ประหลาดตัวนั้นทันที
“ยินดีต้อนรับกลับนะชาร์ไป่!” ไป๋อี้เดินมาที่ด้านหน้าของสัตว์ประหลาดตัวนี้และตบชาร์ไป่ที่หัวด้วยมือของเขาอย่างเบา ๆ แต่ทว่าขณะนี้โม่โม่ห้อยโหนอยู่ที่คอของชาร์ไป่เกือบทั้งตัว เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวเช่นนี้อย่างความใกล้ชิดทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงเป็นอย่างมาก
MANGA DISCUSSION