คืนนั้นเป็นคืนที่ไม่มีใครนอนหลับสบายได้เลยสักคน พวกเขามีแต่ความกระสับกระส่ายในใจที่ไม่สามารถระงับได้
หยูหานก็หลับไม่สนิทเช่นกัน เมื่อเขาหลับตาก็ดูเหมือนว่าเขาจะนึกถึงแต่เรือนร่างขาวผ่องของหนิงเสวี่ย มันชัดเจนและดึงดูดเขามากขึ้นเรื่อย ๆ จริงอยู่ที่เบลลิก้าทีน่าเป็นแฟนสาวของเขา แต่เธอก็ไม่เคยทำเช่นนั้นมาก่อน เพราะเธอบอกว่าจะรอจนกว่าจะถึงเวลาแต่งงาน ทั้ง ๆ ที่เธอนั้นก็ไม่ได้มีความสะสวยเอาเสียเลย ยังจะวางมาดอีก …
……
วันที่ 26!
หยูหานตื่นขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกร่างกายร้อนผ่าว เขาล้มลุกคลุกคลานมาถึงบริเวณหน้ากระจก หยูหานถึงกับอึ้งตะลึงกับสิ่งที่เห็น ทันใดนั้นก็ฉีกเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมด แล้วจึงพินิจพิจารณามองดูความเปลี่ยนแปลงของตัวเองอย่างระแวดระวัง
ความเปลี่ยนแปลงประการแรกคือรูม่านตา ซึ่งมันกลายเป็นรูม่านตาในแนวตั้งเหมือนกับงูและมีเกล็ดสีเหลืองทองละเอียดปรากฏอยู่บนเปลือกตา หยูหานแลบลิ้นออกมาจึงพบว่าปลายลิ้นของเขาแยกออกเล็กน้อยเหมือนกับงู อีกประการคือมีปากรูปคีมเหมือนมดเริ่มปรากฏขึ้นที่ปากทั้งสองข้างของเขา แต่ยังไม่ชัดเจนนัก นอกจากนั้นร่างกายของเขายังสามารถระเบิดพละกำลังที่แฝงอยู่ออกมาได้และที่ด้านหลังดูเหมือนจะมีรอยปูดนูนเล็ก ๆ สองรอยด้วย ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“บัดซบ!” หยูหานสบถเสียงต่ำออกมา
อันที่จริงทุกคนเตรียมพร้อมตั้งแต่ที่หนิงเสวี่ยมีหูแมวงอกออกมาเมื่อคืนนี้แล้ว แต่พอเขาได้เห็นว่าตัวเองกลายเป็นสัตว์ประหลาดกับตาเข้าจริง ๆ เขาก็อดทำใจยอมรับไม่ได้ หยูหานได้แต่มองดูว่าเขาน่าเกลียดแค่ไหนและในที่สุดก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับหลับตาลง
ในเวลาเดียวกันนั้นก็มีเสียงร้องลั่นอย่างตกตะลึกพรึงเพริดระงมออกมาจากอีกหลาย ๆ ห้อง
ครั้งนี้หยูหานไม่ได้บุกเข้าไปในห้องใด แต่เขาเข้ามาในห้องนั่งเล่นคนเดียวและรออย่างเงียบ ๆ ท่ามกลางทุกคนที่นี่ ถือว่าเขาค่อนข้างมีท่าทีที่สงบมากกว่าคนอื่นทีเดียว ครู่ต่อมาไป๋อี้ก็พาโม่โม่ออกมายังห้องที่เขาอยู่ หยูหานมองดูและพบว่าไป๋อี้มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป แต่ก็น้อยกว่าเขามาก ไป๋อี้มีลวดลายแปลก ๆ บนเปลือกตาและรูม่านตาของเขาก็เปลี่ยนสีเหมือนกับสีของลูกตาดำ
ทันทีที่ไป๋อี้เข้ามาในห้องนั่งเล่น เขาก็พบหยูหานที่มีรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไปอย่างมาก นั่นแสดงให้เห็นว่า … สิ่งที่มาร์ตินพูดนั้นเป็นความจริง!
ไม่นานหลังจากนั้นคนอื่น ๆ ก็ทยอยเข้ามาทีละคน ไม่ว่าจะเป็นวูล์ฟ, ฉินข่ายรุ่ย, หนิงเสวี่ยและบางคนก็เอาบางอย่างมาคลุมหัวไว้
“พวกเธอคงจะไม่ได้กลายเป็นสัตว์ประหลาดใช่ไหม?” หนิงเสวี่ยพูดเบา ๆ
เอ่อ ทุกคนหันกลับไปมองใบหน้าของคนอื่น ๆ ทันทีที่พวกเขาได้ยินดังนั้น เว้นแต่ไป๋อี้และหยูหาน คนอื่น ๆ ล้วนปกปิดซ่อนเร้นความเปลี่ยนแปลงของพวกเขาเอาไว้ทำให้มองไม่เห็น เมื่อเห็นท่าทางที่สงบของไป๋อี้ วูล์ฟก็อดไม่ได้ที่จะฉีกผ้าที่คลุมใบหน้าของเขาอยู่ออก นั่นเผยให้เห็นหัวของเขา … ที่กลายเป็นหัวสุนัข แน่นอนว่ามันไม่ใช่หัวสุนัขโดยสมบูรณ์ หัวของเขามีลักษณะเป็นหัวสุนัขและยังมีเขาเล็ก ๆ อีกสองอันบนหัว … ราวกับวัว
“ฉันแค่หยอกเล่นกับลูกแมวตัวน้อยของฉันเท่านั้น ฉันกลายเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร” หนิงเสวี่ยเผยให้เห็นโฉมหน้าของเธอ ครั้งนี้มันชัดเจนยิ่งกว่าเมื่อคืนเสียอีก เธอกลายเป็นนางแมวจริง ๆ เป็นความลงตัวที่เข้ากันกับความงามของเธอ แม้จะมีความบ้าระห่ำเพิ่มขึ้นจากแต่ก่อน แต่ก็ดูน่ารักทีเดียว
“อย่า อย่ามองฉัน!” เมื่อเขาเห็นสายตาของคนอื่นหันมาทางเขา ฉินข่ายรุ่ยก็พูดขึ้นพลางปิดใบหน้าของเขาเอาไว้
“ฉินข่ายรุ่ย นายกลายเป็นอะไร?” ไต้ยู่เหยาถาม
ฉินข่ายรุ่ยปิดซ่อนเอาไว้ แต่ในที่สุดเขาก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นจึงถอดผ้าพันคอไหมพรมที่คลุมศีรษะไว้ออก สิ่งนี้สามารถปกปิดได้แค่ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้นแต่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะปกปิดมันไปชั่วชีวิต และคาดว่าในเวลาอันใกล้นี้ทุกคนคงจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดกันหมด ถึงตอนนั้นก็จะไม่มีใครที่ดูแปลกตาอีก
หัวหมู!
ไม่ใช่หัวหมูที่เป็นคำคุณศัพท์ (คำแสลงแปลว่าเจ้าโง่) แต่เป็นหัวหมูจริง ๆ ถ้าหากหนิงเสวี่ยกลายเป็นนางแมวท่ามกลางความสวยของเธอแล้วนั้น อีกด้านหนึ่งก็ยังมีหัวหมูของฉินข่ายรุ่ยที่ดูแล้วช่างน่าเกลียดน่าชัง
“ลุงไป๋ คุณผสานรวมยีนของตัวอะไร ทำไมถึงดูไม่ออก” ไต้ยู่เหยาถาม
หัวสุนัขและเขาวัวของวูล์ฟ รูม่านตางูและปากมดของหยูหาน หูแมวของหนิงเสวี่ย หัวหมูของฉินข่ายรุ่ย พวกเขาทั้งหมดสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ายีนของสิ่งมีชีวิตชนิดใดบ้างที่ผสานรวมเข้าด้วยกัน แต่ในส่วนของไป๋อี้ แม้ว่าจะเห็นได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แต่ก็มีเพียงลวดลายจาง ๆ และสีรูม่านตาบนหน้าเขาเท่านั้น
“ผีเสื้อ เมื่อวันที่ 23 ฉันพาโม่โม่ไปที่สวนดูผีเสื้อ ก่อนที่ฉันจะรู้สึกหิวเร็วมากขึ้น” ไป๋อี้อธิบาย
เมื่อคนอื่นได้ยินเขาพูดเช่นนี้ พวกเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าลวดลายจาง ๆ บนใบหน้าของไป๋อี้นั้นคล้ายกับผีเสื้อจริง ๆ แต่ทำไมม่านตาของเขาถึงกลายเป็นสีที่แปลกออกไป ยิ่งไปกว่านั้นโม่โม่ก็ควรจะมีการผสมยีนของผีเสื้อด้วยสิ แต่เหตุใดหนูน้อยจึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ
“เพราะความแตกต่างของแต่ละบุคคล แม้ว่าจะผสานรวมยีนชนิดเดียวกันก็ไม่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงเหมือนกัน” มาร์ตินออกมาอธิบาย ทุกคนไม่ใช่คนโง่ พวกเขาเพียงได้ฟังแค่ประโยคเดียวก็พอทำความเข้าใจได้
“มาร์ติน มีวิธีใดบ้างที่จะไม่สามารถผสานรวมยีนเข้ากับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ?” ไป๋อี้ถาม
“มันง่ายมาก ตราบเท่าที่คุณไม่สัมผัสของเหลวในร่างกายของสิ่งมีชีวิตอื่นและคุณไม่กินอาหารดิบ ๆ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือถ้าคุณต้องการกินอาหารก็ควรปรุงอาหารให้สุกถึงจะดีที่สุด” มาร์ตินอธิบาย หลังจากคำอธิบายของมาร์ตินคนอื่น ๆ ก็พอจะเดาได้คร่าว ๆ ว่าการผสานรวมยีนของพวกเขามาจากไหนบ้าง
……
“ถ้าอย่างนั้น ทุกคนก็ลองตรวจสอบดู จากนั้นเราจะไปที่สถาบันวิจัยตามที่มาร์ตินพูดไว้” ไป๋อี้กล่าว
ไม่มีใครมีข้อคัดค้าน แต่กลับมีปัญหาเมื่อต้องจัดสรรแบ่งรถกัน เนื่องจากรูปร่างหน้าตาของทุกคนที่เปลี่ยนไปทำให้นอกจากไป๋อี้และวูล์ฟที่นั่งรถด้วยกันแล้ว ก็ไม่มีใครอยากนั่งกับหยูหาน แม้แต่หนิงเสวี่ยซึ่งเดิมทั้งสวยทั้งน่ารัก แต่ในเวลานี้คนอื่นต่างก็กลัวว่าเธอจะกลายพันธุ์เป็นอย่างสัตว์ประหลาดเหล่านั้น หนิงเสวี่ยมองไปที่ทุกคนด้วยความเศร้าใจจนน้ำตาแทบเอ่อล้นออกมาจากดวงตาของเธอ
“มากับฉัน” หยูหานคว้ามือหนิงเสวี่ยไปที่โรงรถ เจ้าของบ้านพักหลังนี้ดูเหมือนจะร่ำรวยมาก เขามีรถสองสามคันในโรงรถ หยูหานดึงหนิงเสวี่ยไปที่รถคันหนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่ดวงตาของหนิงเสวี่ยอย่างจริงจัง
“ฉันจะปกป้องเธอ ฉันสัญญา”
ในตอนแรกหนิงเสวี่ยเอาแต่ห่อตัว ไม่กล้ามองไปที่หยูหาน แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็พบว่าหยูหานได้กอดตัวเธอเอาไว้ ดวงตาของเธอเบิกโพลง ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง สายตาของหยูหานนั้นจริงจังมาก ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ของเธอในปัจจุบันจะดูน่ากลัว แต่เมื่อหนิงเสวี่ยนึกถึงความรู้สึกแปลกแยกจากคนอื่นก่อนหน้านี้ เธอก็อดไม่ได้ที่ในใจของเธอจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้น
“อืม ขอบคุณนะ!” หนิงเสวี่ยตอบกลับ
ทันใดนั้นเบลลิก้าทีน่าก็เปิดประตูรถออกมา หนิงเสวี่ยตกใจมาก และผละออกจากอ้อมกอดของหยูหานทันที สองคนนี้ เขาสองคนนี้ … เบลลิก้าทีน่าไม่รู้จะพูดอะไรดี ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นแฟนของหยูหานแต่ตอนนี้กลับรู้สึกเหมือนว่าเธอจะกลายเป็นมือที่สามแทนเสียแล้ว ความจริงตอนนี้หยูหานไม่สบายใจนักเมื่อได้เห็นตอนที่หนิงเสวี่ยอ่อนแอที่สุด ตราบใดที่เขามีความพยายาม เขาก็จะสามารถใช้โอกาสจากมันได้ แต่เบลลิก้าทีน่ากลับเข้ามารบกวนซะได้
“นายมาทำอะไรที่นี่?”
“ฉันอยากอยู่กับนาย” เบลลิก้าทีน่าทำหน้ามุ่ย
“ช่างพวกเราเถอะ พวกเรากลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว มันคงจะดีกว่าถ้าเธออยู่กับพวกเขา” หยูหานกล่าวพลางปิดประตูและสตาร์ทรถ เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้นในใจของหนิงเสวี่ยก็รู้สึกเห็นพ้องต้องกัน ใช่ พวกเขาสองคนกลายเป็นสัตว์ประหลาดเหมือนกันและมีเพียงสัตว์ประหลาดเท่านั้นที่จะไม่รังเกียจสัตว์ประหลาดด้วยกันเอง
“หยูหาน!” เบลลิก้าที่น่าเรียกหยูหาน แต่เขากลับไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ
เมื่อเห็นท่าทางที่เย็นชาและเฉยเมยของหยูหาน เบลลิก้าทีน่าก็กัดริมฝีปากแน่น ไม่รู้ว่าเธอทำอะไรผิด เมื่อไม่กี่วันก่อนพวกเขายังสนิทสนมและรักใคร่กันอยู่เลยแท้ ๆ เธอช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลยว่าผู้ชายมักชอบผู้หญิงสวย ถ้ามีโอกาสได้ติดตามผู้หญิงสวย ๆ อย่างหนิงเสวี่ย หยูหานก็คงไม่ต้องการผู้หญิงอ้วนอย่างเบลลิก้าทีน่าแน่นอน
“ต้องมากลายเป็นสัตว์ประหลาดจริง ๆ ด้วย มันสมควรตาย” วูล์ฟด่ากราดแล้วต่อยรถด้วยความรำคาญใจ และหมัดที่เขาปล่อยออกไปแรงจนเกือบทำให้รถบุบเป็นหลุมเลยทีเดียว
“วูล์ฟ เจ้างี่เง่า ถ้ารถพังแล้วเราจะนั่งอะไรไป” ไป๋อี้รีบหยุดเอาไว้
“ทุกคนขึ้นรถ ไม่จำเป็นต้องรังเกียจขนาดนั้นหรอกนะ บางทีทุกคนเองก็อาจจะมีการผสานรวมกันกับยีนของสิ่งมีชีวิตบางอย่างอยู่ก็เป็นได้ แต่มันแค่ยังไม่ปรากฏออกมาในตอนนี้ นอกจากนี้ตอนนี้เรากำลังมองหายาเพื่อฟื้นฟูคืนร่างมนุษย์ไม่ใช่เหรอ? อย่ามัวแต่เคอะเขินและเตรียมตัวให้พร้อม เราจะออกเดินทางกันแล้ว เราต้องใช้ประโยชน์จากตอนนี้ที่ไม่มีพวกสัตว์ประหลาดเหล่านั้นวิ่งไปทั่วถนน” ไป๋อี้พูด ก่อนจะให้โม่โม่ไปนั่งยังตำแหน่งข้างคนขับ จากนั้นตนเองจึงเข้าประจำที่เพื่อเตรียมขับรถ
“วูล์ฟ นายทำบ้าอะไรอยู่ ขึ้นมาเร็ว”
“ไป๋ ไป๋อี้ พละกำลังของฉันมีมากขึ้น นายไม่เห็นเหรอว่าฉันเกือบจะทุบรถจนเป็นหลุม” วูล์ฟขึ้นรถและพูดจาไปเรื่อยเปื่อย
หลังจากบทเรียนของไป๋อี้ ทุกคนก็รีบขึ้นรถและเตรียมมองหายาที่มาร์ตินกล่าวว่าจะสามารถคืนร่างมนุษย์ได้ เมื่อหงฉี่ฮว๋าเห็นท่าทางงี่เง่าของเบลลิก้าทีน่า เธอก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวแล้วผลักเธอเข้าไปในรถ
ไม่ใช่ว่าผู้ชายทุกคนจะเป็นแบบนี้ … ไม่ หรือกล่าวอีกนัยว่าการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คน โดยสัญชาตญาณแล้วความประทับใจแรกก็คือรูปลักษณ์ บางคนอาจจะพูดบางอย่างเกี่ยวกับความงามทางจิตใจ แต่ก็ต้องใช้เวลานานในการเข้าถึงจิตวิญญาณ ถ้าอีกฝ่ายน่าเกลียดจริง ๆ ปฏิกิริยาแรกก็คือท่าทีรังเกียจ ไม่ต้องพูดถึงการคบหากันอย่างยาวนานเลย ดังนั้นแม้ว่าการตัดสินคนด้วยรูปลักษณ์ภายนอกจะเป็นเรื่องที่ดูไม่ดี แต่ก็เป็นความจริงที่แทบทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
“ฉันหวังว่ามันจะเป็นไปอย่างราบรื่น” ไป๋อี้กล่าว
“หมายความว่าอย่างไร” วูล์ฟถาม ทำให้เจ้าชาร์ไป่ที่ถึงแม้จะนอนอยู่บริเวณด้านหน้า แต่กลับหันศีรษะไปด้านหลังราวกับว่าเขาอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับวูล์ฟที่กลายเป็นเหมือนกับมัน
“บรู๊วว!” ชาร์ไป่เห่าใส่วูล์ฟพลางแลบลิ้นออกมาอย่างรักใคร่
“ชาร์ไป่ นั่นคือลุงวูล์ฟ ไม่ใช่พวกเดียวกับเธอนะ” โม่โม่กอดชาร์ไปและพูดอย่างไร้เดียงสา
วูล์ฟนั่งอยู่ข้างหลังเห็นชาร์ไป่ทำตาแป๋วอยู่ ดวงตาที่กลมโตนั่นเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขารู้สึกอยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก อย่างที่ไป๋อี้กล่าว หวังว่าพวกเขาจะสามารถหายาเพื่อฟื้นฟูคืนร่างมนุษย์ตามที่มาร์ตินพูดไว้ได้อย่างราบรื่น ไม่เช่นนั้นแล้วเขาจะทนเห็นผู้คนในอนาคตต้องกลายเป็นเช่นนี้ต่อไปได้อย่างไร
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^
https://www.kawebook.com/story/6809
MANGA DISCUSSION