ทุกคนได้ยินเสียงของแอนนาเพราะขณะนี้ประสาทสัมผัสทั้งห้าของพวกเขาเฉียบคมมาก ทุกคนมองตามไปทั้งสองทิศทาง วิญญาณร้ายที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ขณะนั้นปีศาจยุงก็ปรากฏตัว ใคร ๆ ต่างก็หวาดกลัว คนทั้งสองกลุ่มไม่ต้องการที่จะต้องมาตายแบบนี้ ขณะนี้พวกเขาทั้งหมดกำลังตกอยู่ในเงื้อมมือของวิญญาณชั่วร้ายและปีศาจยุง แต่ทว่า!
ไป๋อี้และหยูหานไม่สนใจอาการบาดเจ็บของพวกเขาเลยและเข้าต่อสู้กันอีกครั้ง
โล่กระดองเต่าและดาบเขี้ยวเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ดวงตาของทั้งสองฝ่ายฉายเจตนามุ่งมั่นแห่งการฆ่าที่โหดร้าย ตอนนี้ไป๋อี้และหยูหานกลับมาสงบสติอารมณ์ได้อีกครั้ง แต่ก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น พวกเขาสามารถคาดการณ์สถานการณ์ของอีกฝ่ายได้อย่างแม่นยำและใช้อาวุธในการต่อสู้แทนการต่อสู้ที่โหดเหี้ยมด้วยความสามารถทางร่างกายอย่างก่อนหน้านี้
แอนนาเห็นว่าเธอไม่สามารถหยุดพวกเขาได้ เธอจึงหน่ายที่จะตะโกนเรียกพวกเขาอีก
……
ในไม่ช้า ปีศาจยุงก็เริ่มเคลื่อนตัวใกล้เข้ามาจากระยะที่ห่างไกล พวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้องของหลายสรรพสิ่งก่อนที่พวกมันจะบินมาที่นี่ พวกมันเป็นสัตว์ที่โชคดีพอที่สามารถมีชีวิตอยู่รอดในเวลลิงตัน ซึ่งบางทีสัตว์เหล่านั้นอาจจะค่อนข้างแข็งแกร่งมาก แต่ก็ยังไม่อาจต่อกรได้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฝูงปีศาจยุง
หยูหานและไป๋อี้ต่างก็เดินโซซัดโซเซ ขณะนั้นพวกเขาเพิ่งจะรู้สึกถึงภาพของปีศาจยุงที่บินว่อนไปทั่วท้องฟ้ามาในระยะไกล นั่นทำให้ทั้งสองต่างหยุดชะงักลง
“หนี หนีไป เราตายที่นี่ไม่ได้!”
หลังจากหยุดอยู่ชั่วครู่ ทั้งสองก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมาพร้อมกัน ประโยคที่ทั้งสองตะโกนออกมานั้นเหมือนกันไม่มีผิด รวมถึงสีหน้าที่แสดงออกบนใบหน้าของพวกเขาก็คล้ายกันมากเช่นกัน อย่างไรก็ตามอารมณ์ความรู้สึกของทั้งสองคนยังคงมีความแตกต่างกันในตอนนี้ หยูหานรู้สึกถึงความเศร้าโศกและความโหดร้ายในใจ เขาต้องไม่ตายที่นี่ ตายที่นี่ไม่ได้อย่างแน่นอน เขาต้องมีชีวิตอยู่และกลับมาเอาคืน แต่ไป๋อี้ไม่ต้องการให้เพื่อนร่วมทีมต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่เพียงเพราะการแก้แค้นของเขาเท่านั้น
เสียงแหบแห้งแสบแก้วหูดังแทรกเข้าไปถึงหัวใจของทุกคน ทุกคนที่รอคำสั่งจากทั้งสองต่างพากันวิ่งหนีจ้าละหวั่น
หยูหานเข้าโอบอุ้มหนิงเสวี่ย และไป๋อี้เองก็ไม่ได้ขัดขวาง
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาตาย เขาไม่มีความมั่นใจที่จะจัดการหยูหานในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ ดังนั้นการตามราวีจึงไม่มีความหมายอย่างสิ้นเชิงเพราะนั่นอาจยิ่งทำให้ทุกคนตกอยู่ในเงื้อมมือของปีศาจยุงมากขึ้นเท่านั้น และเนื่องจากพวกเขาต้องหนีตายจึงเป็นการดีที่สุดที่หยูหานจะพาร่างของหนิงเสวี่ยไปด้วย ไป๋อี้ยังไม่ต้องการให้หนิงเสวี่ยต้องมาถูกปีศาจยุงดูดกิน แม้ว่าไป๋อี้จะเปลี่ยนไปแล้ว แต่เขาก็ยังจำได้ว่าหนิงเสวี่ยเป็นอดีตเพื่อนของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะแทงทะลุหัวใจของหนิงเสวี่ยด้วยดาบของเขาโดยไร้ซึ่งความลังเลไปแล้วก็ตาม
“หนี ทุกคนหนีไป!” หยูหานตะโกนกู่ก้องเสียงดังพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า แต่ตัวเขาเองก็ยังอยู่รั้งท้าย
“หนี หนีออกไปจากที่นี่ อย่าสังเวยชีวิตให้มันโดยเปล่าประโยชน์” ไป๋อี้ตะโกนสุดเสียง แน่นอนว่าเขาอยากจะฆ่าหยูหาน แต่ถ้าเขายังฝืนจะอยู่ที่นี่ต่อไป ก็คงจะไม่มีใครรอดชีวิตไปได้เป็นแน่ ทุกคนเข้าใจอย่างชัดเจนว่าปีศาจยุงนั้นทรงพลังเพียงใด นี่ไม่ใช่สิ่งที่สิ่งมีชีวิตที่จะสามารถรับมือได้ในตอนนี้
ทั้งสองกลุ่มวิ่งไปทางฝั่งของวิญญาณร้าย วิญญาณร้ายและปีศาจยุงอยู่บริเวณใจกลางและรอบนอกของเมือง เรื่องนี้มันต้องมีเหตุผลของมันแน่ นอกจากนี้ทุกคนยังหวังว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นที่อยู่ในใจกลางเมืองจะเข้าเข่นฆ่ากันเอง หยูหานและคนอื่น ๆ ต้องพึ่งพาน้ำสกัดจากต้นไม้วิญญาณบริสุทธิ์ในขณะที่ไป๋อี้และคนในทีมต้องพึ่งพาผีเสื้อกลืนกินวิญญาณ
“ระวังวิญญาณร้าย!” หยูหานเตือนเพื่อนร่วมทีมอีกครั้งขณะที่เขากำลังวิ่ง
“วี๊ด~~!” โม่โม่ผิวฝีปากของเธอและปล่อยลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา เสียงนี้เล็กมาก แต่กลับชัดเจนฟังชัดและทรงพลังมากราวกับว่ามันฟังอยู่ในใจของทุกคน ทันทีที่เสียงหวีดหวิวดังขึ้นผีเสื้อกลืนกินวิญญาณที่อยู่ใกล้ ๆ ก็บินออกมาเป็นกลุ่มใหญ่ล้อมรอบร่างของไป๋อี้เอาไว้
แม้ว่าหยูหานและคนอื่น ๆ จะไม่รู้ว่าความสามารถของผีเสื้อเหล่านี้คืออะไร แต่พวกเขาก็พอจะเดาได้บ้างเล็กน้อย การปล่อยผีเสื้อเหล่านี้ออกมาในเวลานี้ต้องเกี่ยวข้องกับการจัดการกับวิญญาณชั่วร้ายเป็นแน่
ทันใดนั้นแม้ว่าพวกเขาจะมองไม่เห็นอย่างชัดเจน แต่ทุกคนก็รู้สึกราวกับว่าพวกเขาชนกับคลื่นของผู้คนที่มีร่างบิดเบี้ยวสีดำนับไม่ถ้วนที่ปรากฏขึ้นในอากาศ นี่คือศูนย์กลางของเวลลิงตันที่ซึ่งวิญญาณชั่วร้ายมารวมตัวกันและเป็นสถานที่ที่มีออร่าที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนสิงสถิต แม้แต่คนธรรมดาก็ยังสามารถมองเห็นวิญญาณชั่วร้ายได้ด้วยตาเปล่า
วิญญาณประหลาดและชั่วร้ายเหล่านี้ทะลุผ่านคนทั้งสองกลุ่ม หยูหานและคนในกลุ่มต่างก็กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ทันใดนั้นควันสีดำก็ลอยขึ้นมาจากรอยหยดของน้ำสกัดจากต้นไม้วิญญาณบริสุทธิ์ที่กระจายออกมาจากร่างของพวกเขา หยูหานและคนในทีมต่างก็รีบร้อน ในเวลานี้พวกเขาไม่สนใจว่าน้ำสกัดของต้นไม้วิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นอันตรายต่อวิญญาณของพวกเขาและได้หยดลงที่ร่างกายของพวกเขาในทันที
ในขณะเดียวกันไป๋อี้และเพื่อนในทีมก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ
โม่โม่เม้มริมฝีปากและเริ่มร้องไห้ออกมา เนื่องจากเมื่อผีเสื้อกลืนกินวิญญาณและวิญญาณดุร้ายมาเผชิญหน้ากันราวกับว่าพวกมันเป็นศัตรูกันอยู่แล้วตามธรรมชาติ เมื่อปะทะกันแม้ว่าวิญญาณชั่วร้ายจะถูกดูดกลืนโดยผีเสื้อกลืนกินวิญญาณ แต่ผีเสื้อกลืนกินวิญญาณก็ยังคงมีบางส่วนที่ร่วงลงสู่พื้นและสูญเสียพลังไป สำหรับโม่โม่ผีเสื้อกลืนกินวิญญาณเหล่านี้เป็นเพื่อนใหม่ของเธอและพวกมันถูกเธอเรียกให้ตามมาดังนั้นมีหรือที่เธอจะไม่รู้สึกเศร้า
เหยื่อและนักล่าไม่เคยมีขอบเขตที่ชัดเจน!
ด้านหลังไป๋อี้และเพื่อน ๆ วิญญาณที่ดุร้ายและปีศาจยุงได้ปะทะกันราวกับคลื่นที่รุนแรงในใจกลางเมือง เป็นอย่างที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ คาดเดา แม้ว่าวิญญาณชั่วร้ายและปีศาจยุงจะเป็นสายพันธุ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะเป็นศัตรูกัน ดังนั้นพวกมันจึงอาศัยอยู่ต่างที่กันโดยแยกกันระหว่างในใจกลางและรอบนอกของเวลลิงตัน
“นี่มัน!” เด็กผู้หญิงคนแรกที่จดบันทึกอยู่ที่ด้านบนสุดของอาคารมองไปที่ปีศาจยุงและวิญญาณร้ายด้านล่างที่ปะทะกันรุนแรงและอดไม่ได้ที่จะต้องถอนหายใจเบา ๆ ความขัดแย้งที่รุนแรงนี้คนแบบไหนกันที่ดึงดูดให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น? โดยปกติเธอมักจะเจอคนเพียงไม่กี่คนที่เข้ามาในเมืองนี้ซึ่งเข้ามาได้ไม่นานก็ตายกันหมด
ในทำนองเดียวกัน เวลานี้สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในเมือง ถึงแม้ว่าพวกมันจะอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวปะทะกันครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นที่นี่ แต่ก็ไม่มีความคิดใดที่ผุดขึ้นมาในหัวของพวกมัน ในเวลานี้หากพวกมันมีส่วนเกี่ยวข้องกับวิญญาณร้ายและปีศาจยุง พวกมันก็มีแต่จะพบกับความตายเท่านั้น
ในเวลานี้ทั้งสองทีม ทีมไป๋อี้และทีมหยูหานได้มองไปที่ฉากตรงกลางพร้อมกัน พวกเขาต่างก็ตกตะลึง เกรงว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่มีคนเข้ามาที่ใจกลางเมืองหลังจากที่เวลลิงตันกลายเป็นเมืองร้าง สิ่งที่ปรากฏแก่ทุกคนในเวลานี้คือศพ ศพมากมายในที่แห่งนี้
ซากศพเหล่านี้ไม่ได้เน่าเปื่อย มันทับถมสะเปะสะปะอยู่ส่วนหนึ่งส่วนใดของเมือง ตรงใจกลางเมือง …… มีซากศพเป็นกองพะเนิน!
ซากศพจำนวนนับไม่ถ้วนที่กองพะเนินเทินทึกจากอาคารของเมือง ตามถนน …… และบนจัตุรัสขนาดใหญ่ใจกลางเมืองกลายเป็นเนินเขาสูงหลายสิบเมตร แม้ว่าศพเหล่านี้จะผ่านไปนานกว่า 9 เดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่ย่อยสลายมากนัก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเกิดจากสภาพแวดล้อมลักษณะพิเศษเฉพาะของที่นี่ ซากศพเหล่านี้จำนวนมากสามารถเห็นได้ว่าตายแล้วและสามารถดูออกได้ง่ายว่าหลายคนเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย
การฆ่าตัวตาย!
หลังจากการเปลี่ยนแปลงในนิวซีแลนด์ ไป๋อี้และหยูหานเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่เข้ามาในใจกลางเมือง ในอดีตไม่เคยมีใครคนอื่นคนใดเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ที่เกิดการวิวัฒนาการหรือมนุษย์ธรรมดาที่ถูกส่งมาจากออสเตรเลีย ทันทีที่ทั้งสองทีมเข้าสู่ตำแหน่งใจกลาง พวกเขาต่างก็ตกตะลึงและตกใจกับซากศพบนพื้น ซากศพเหล่านี้ดูเหมือนจะแสดงให้เห็นได้ถึงความสิ้นหวังที่จมดิ่งอยู่ในเวลลิงตันอย่างลึกล้ำ
ทั้งสองกลุ่มอยู่ไม่ห่างกันนัก แต่พวกเขาไม่ได้โจมตีต่อสู้กันอีกเพราะต้องรับมือกับวิญญาณชั่วร้ายนับไม่ถ้วนรอบกาย
แม้ว่าทั้งสองกลุ่มจะมีวิธีจัดการกับผีเหล่านั้น แต่ก็ยังมีพลังไม่มากพอที่จะสามารถจัดการกับวิญญาณชั่วร้ายจำนวนมากได้ วิญญาณที่ชั่วร้ายเหล่านี้ไม่ต้องการการโจมตีอย่างอื่น พวกมันพุ่งเข้าหากลุ่มคน แม้ทุกคนจะไม่มีบาดแผลใด ๆ แต่ร่างกายรู้สึกถึงความเจ็บปวดถึงจิตวิญญาณ ยิ่งไปกว่านั้นในสายตาของทุกคนปรากฏภาพลวงตาแห่งความตาย
ฉากการตายที่เจ็บปวด โหดร้าย สิ้นหวัง การฆ่าตัวตายทุกรูปแบบ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฉากเหล่านี้เป็นฉากก่อนการตายของวิญญาณที่ชั่วร้ายเหล่านี้และยังเป็นฉากที่ลึกซึ้งที่สุดในความคิดของพวกเขา อย่างไรก็ตามสภาพการณ์นั้นอยู่ในจิตใจความคิดของทุกคนและพวกเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของจิตวิญญาณในทันที คุณเคยประสบกับความตายหรือไม่ นี่แหละคือวิธีการตายที่มากมายนับไม่ถ้วน
ไม่ว่าน้ำสกัดจากต้นไม้วิญญาณบริสุทธิ์ หรือผีเสื้อกลืนกินวิญญาณก็ไม่สามารถป้องกันการทำร้ายของวิญญาณชั่วร้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“อ๊าก อ๊ากกกก อ๊าก ๆ!” ในตอนนี้ทุกคนเข้าสู่ระยะดุร้าย และกำลังถูกวิญญาณชั่วร้ายเข้าทำร้ายวิญญาณ อีกทั้งภาพฉากการตายของวิญญาณชั่วร้ายเหล่านี้ยังฉายปรากฏอยู่ในใจของพวกเขา จิตวิญญาณของผู้คนส่วนใหญ่เริ่มพังทลายลงอย่างรวดเร็ว เมื่อดูจากสภาพการณ์ของผู้คนเหล่านี้จะเห็นได้ชัดว่าคราวนี้พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่รุนแรงจริง ๆ
พวกเขายังคงอยู่ในสภาพแวดล้อมนี้ ทั้งสองทีมเริ่มสูญเสียการควบคุมไปทีละคน บางคนวิ่งเข้าหาคู่ต่อสู้ที่อยู่ใกล้ ๆ อย่างดุเดือด
โชคดีที่แม้ว่าทุกคนจะตกอยู่ในสภาวะรุนแรง แต่ดูเหมือนจิตใต้สำนึกจะจำได้ว่าใครคือเพื่อนร่วมทีมใครคือศัตรู จึงไม่มีโศกนาฏกรรมอย่างการกินเนื้อคน อย่างไรก็ตามการต่อสู้ระหว่างคนทั้งสองกลุ่มในสภาวะจิตวิญญาณที่ดุร้ายดูเหมือนจะบ้าคลั่งขึ้นเรื่อย ๆ กลุ่มคนอาละวาดอย่างดุเดือด เลือดสดสาดกระเซ็นไปทั่ว สิ่งนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการต่อสู้เพื่อข่มซึ่งกันและกันก่อนหน้านี้
ไป๋อี้ไม่มีเวลาไล่ล่าหยูหานในเวลานี้ ถ้าเขาเข้าสู่ระยะดุร้ายที่นี่เข้าจริง ๆ ก็คงไม่มีใครรอดแล้ว คุณต้องรู้ว่าสิ่งที่อันตรายที่สุดที่นี่ไม่ใช่การต่อสู้กันเอง แต่เป็นวิญญาณร้าย
ม่านตาบุษบาผกผัน!
ไป๋อี้ลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน เขาพยายามปลุกให้คนอื่น ๆ ฟื้นคืนสติ ในเวลานี้หากเขาตกอยู่ในระยะดุร้ายเข้านั่นก็ชัดเจนแล้วว่ามันจะอันตรายแค่ไหน ดวงตาของเขาเคลื่อนไหวอย่างหมดหวัง เลือดในดวงตาของไป๋อี้ไหลไม่หยุด
ตื่นสิ ตื่นเถอะ บัดซบ
วูล์ฟ เมย์ริส …… สงบจิตใจเถอะนะ ไป๋อี้ตะโกนอย่างบ้าคลั่งอยู่ในใจ เขาจับเพื่อนร่วมทีมเอาไว้และอดทนต่อการโจมตีของพวกเขา ไป๋อี้ใช้พลังม่านตาบุษบาผกผันกับพวกเขา
แต่ในเวลานี้พลังม่านบุษบาผกผันกลับไม่ทำให้เกิดผลใด ๆ ขึ้นทั้งสิ้น แม้ว่าจะมีคนเพียงไม่กี่คนที่ถูกสะกดจิต แต่ในชั่วพริบตาต่อมาวิญญาณที่ทวีความดุร้ายมากยิ่งขึ้นก็ฉีกกระชากจิตวิญญาณของพวกเขา นั่นทำให้ทุกคนหลุดเข้าสู่ระยะดุร้ายที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก
ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่เพียงแต่รุนแรงจากการฉีกขาดของจิตวิญญาณที่รุนแรงเท่านั้น ทุกครั้งไป๋อี้รู้สึกถึงการฉีกขาดของจิตวิญญาณอย่างชัดเจน ความเจ็บปวดอย่างมากนั้นไม่สามารถทานทนได้อย่างสิ้นเชิงเขากำลังจะบ้าคลั่งจากก้นบึ้งของหัวใจ แม้แต่จิตใจของไป๋อี้ก็สั่นคลอนมากขึ้นเรื่อย ๆ นับประสาอะไรกับการพยายามจะช่วยชีวิตคนอื่น แม้แต่ตัวเขาเองก็เริ่มไม่สามารถควบคุมได้แล้ว
ในเวลานั้นเองภาพหยูหานก็เป็นประกายในสายตาของไป๋อี้ และเส้นประสาทที่ตึงเครียดของไป๋อี้ก็ขาดสะบั้นไปอย่างสิ้นเชิง
เช้ง เสียงดาบเขี้ยวถูกชักออกจากฝัก!
ฆ่ามัน!
ดวงตาของไป๋อี้เต็มไปด้วยเลือดและเขาก็รีบวิ่งออกไปอย่างลนลาน
MANGA DISCUSSION