สำเร็จแล้ว!
คำที่ผุดขึ้นมาในใจของหยูหาน นับจากนี้เป็นต้นไปเขาได้กุมใจหัวใจของคนเหล่านี้ไว้อย่างแท้จริง หยูหานต้องการเปลี่ยนแปลง เขารู้อย่างชัดเจนแล้วว่าไม่ว่าจะเป็นวีรบุรุษหรือตัวร้าย มันก็ไม่มีผลอะไรในช่วงที่เลวร้ายเช่นนี้ มีเพียงผู้ที่ทรยศเท่านั้นที่จะไม่ถูกใครติดตาม ไม่ว่าจะเป็นคนล้ำลึกหรือไม่อย่างน้อยพื้นผิวก็ต้องมีความน่าเชื่อถือ แต่อดีตของเขากลับเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่อาจทำให้ทีมพังได้ทุกเมื่อ
หยูหานจึงค่อย ๆ ทำตามแผนการและมองหาโอกาสที่เหมาะสมในการอธิบายเรื่องทั้งหมดนี้อยู่เสมอ
หลังจากความวิตกกังวลและความตึงเครียดในตอนแรก ตอนนี้เขาได้ยินอดัมส์ เอเวลินและคนอื่น ๆ พร้อมจะสนับสนุนเขา หยูหานรู้ว่าเขาประสบความสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว ตราบใดที่เขาไม่ประมาทในอนาคตก็จะไม่มีวิกฤตการล่มสลายในทีมอีก สำหรับหยูหานตอนนี้เขาเป็นวีรบุรุษหรือผู้ร้ายกันแน่?
เรื่องนี้สำคัญหรือไม่?
จะมีใครที่ไม่เคยมีความคิดมืดมนในใจ เพียงแค่อาศัยการแสดงออกอย่างน่าเชื่อถือก็เพียงพอแล้ว
เอเธน่าพูดไม่ออกหลังจากคำกล่าวสนับสนุนของเอเวลินและคนอื่น ๆ ซึ่งผลปรากฏว่าเธอดันเป็นคนที่โชคดีจริงๆ เพราะที่แท้กลายเป็นว่าเมื่อมองย้อนกลับไปทุกคนต่างต้องผ่านอดีตที่ยากเย็นแสนเข็ญกันมามากมาย ……. และตอนนี้เอเวลินก็มองมาที่เธออีกครั้ง “เอเธน่า ถามตัวเองดูว่าถ้าเธอไม่ได้พบกับหยูหานตอนนี้เธอจะใช้ชีวิตแบบไหนในทีมเล็ก ๆ ที่กำลังสิ้นหวังแบบนั้น ตอนนี้ก็เกือบครึ่งปีแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ลงตัวมาก และทุกคนต้องการฟื้นคืนสภาพเป็นมนุษย์ คิดดูว่าเราต้องพึ่งพาใคร”
“ฉัน …… ขอโทษ แต่ฉันจะยังคงเฝ้ามองคุณและคอยห้ามไม่ให้คุณทำสิ่งที่น่ารังเกียจแบบนั้นอีกต่อไป” อาเธน่าพูดกับหยูหาน
“แน่นอน ยินดีต้อนรับทุกคนภายใต้การดูแลของฉัน ฉันไม่ใช่นักบุญ ถ้าคุณคิดว่าฉันทำอะไรผิดก็ต้องคอยชี้แนะ” ใบหน้าของหยูหานเผยรอยยิ้มที่สงบออกมา
ตั้งแต่ต้นจนจบหนิงเสวี่ยไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย นี่คือความฉลาดของหนิงเสวี่ย จากความสัมพันธ์ของเธอกับหยูหานจะทำให้เข้าใจผิดได้หากเธอช่วยพูดให้ อย่างไรก็ตามหยูหานเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ หรือ? หนิงเสวี่ยมองไปที่หยูหานอย่างลุ่มหลงพลางยิ้มออกมา ในที่สุดพายุในทีมก็ได้สลายหายไปแล้ว
……
“เช่นเดียวกับที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ ฉันยอมรับว่าสิ่งที่ฉันทำก่อนหน้านี้มันผิด แต่ฉันไม่ได้คิดแต่จะลงมือฆ่าเขาเพียงอย่างเดียว ฉันจะรอไป๋อี้แล้วค่อยคุยกับเขาดี ๆ ถ้าสามารถกลับมาคืนดีกันได้ก็จะเป็นการดีที่สุด แต่ถ้าไม่ฉันก็คงจะต้องต่อต้านเขา” หยูหานมองทุกคนอย่างเคร่งขรึม
“ไม่เป็นไร ฉันสนับสนุนหัวหน้า ตอนนี้ไม่มีความยุติธรรมหรือความชั่วร้ายอะไรที่แน่นอนในนิวซีแลนด์แล้วล่ะ ถ้าหัวหน้าเต็มใจที่จะตัดสินใจฆ่าตัวตายมันคงจะเป็นการกระทำที่ขี้ขลาดมาก ถ้าไป๋อี้คนนั้นแข็งกร้าวขึ้นมาจริง ๆ ก็ต้องสู้ ฉันอยู่ข้างหัวหน้าและฉันจะไม่เสียใจเลย” อดัมส์พยักหน้า
“ขอบคุณ!” หยูหานพยักหน้ารับอย่างจริงจัง
หนิงเสวี่ยเขี่ยเล็บไปมาอย่างเหม่อลอย การปรองดองมันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนในความคิดของเธอ เบลลิก้าทีน่า หงฉี่ฮว๋า …… การปรากฏตัวของทุกคนค่อย ๆ ผุดเข้ามาในความคิด เพียงไม่ถึงครึ่งปีรูปลักษณ์ของพวกเธอก็ค่อย ๆ เลือนรางลง หนิงเสวี่ยหันศีรษะกลับไปอีกครั้งและมองไปที่หยูหานจากมุมด้านข้าง
“จะว่าไป ฉันไม่เคยใช้วิธีนี้มาก่อน แต่ตอนนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่าวิญญาณผีนั้นมีอยู่จริง ดังนั้นทุกคนควรแบ่งปันน้ำสกัดจากต้นวิญญาณบริสุทธิ์กันไว้คนละหนึ่งขวด อย่าลืมใช้สิ่งนี้อย่างระมัดระวัง มันสามารถเป็นอันตรายต่อตัวคุณเองได้” หยูหานหยิบกระเป๋าเดินทางที่ปิดสนิทออกมาจากนั้นก็นำเอาน้ำขุ่น ๆ ออกมา
น้ำสกัดจากต้นวิญญาณบริสุทธิ์ มาจากพืชชนิดหนึ่งที่กลุ่มคนที่เข้ามาในเมืองเวลลิงตันผีสิงค้นพบเข้าโดยบังเอิญ เนื่องจากอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่นี่ ทำให้น้ำของต้นไม้นี้มีฤทธิ์ในการขับไล่ภูตผีวิญญาณ คล้ายดังสุภาษิตที่ว่า “มียาแก้พิษภายใน 7 ก้าว ณ สถานที่ที่งูพิษปรากฏขึ้น” แม้มันอาจจะดูเกินจริง แต่แท้จริงแล้วโลกแห่งธรรมชาติเป็นสิ่งที่กลมกลืนสมานกันแบบมีสิ่งสนับสนุนและยับยั้งซึ่งกันและกัน สิ่งมีชีวิตที่ครองจุดสูงสุดของทุกสายพันธุ์นั้นไม่มีอยู่จริง
น้ำสกัดจากต้นวิญญาณบริสุทธิ์ไม่เพียงแต่สามารถปัดเป่าผีได้ แต่ยังเป็นอันตรายต่อวิญญาณของสิ่งมีชีวิตอีกด้วย ทุกคนได้รับขวดเล็ก ๆ คนละขวดและเมื่อพวกเขาจะออกไปจากทะเลสาบในเมืองให้หยดลงบนเสื้อผ้าเล็กน้อยเพื่อขับไล่วิญญาณผี
“เรายังจะค้นหาดอกไม้มรณะต่อไป นี่คือจุดประสงค์หลักของการมาที่เวลลิงตัน หากพบพวกไป๋อี้แล้วฉันจะบอกกับเขา” หยูหานพูดกับทุกคน
ทุกคนพยักหน้ารับ
……
ความเร็วของไป๋อี้ค่อย ๆ ช้าลง รวมถึงวูล์ฟที่อยู่ข้าง ๆ ก็ชะลอตัวลงเช่นกัน แอนนาอยากถามว่าทำไมไม่วิ่ง แต่เธอพบว่ากลิ่นอายลมหายใจรอบข้างไป๋อี้นั้นดูน่ากลัวมาก ขณะเดียวกันวูล์ฟและคนอื่น ๆ ก็เกิดความสงสัยขึ้นในใจเช่นกัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ถามออกมาและได้แต่มองไปที่ไป๋อี้
ช้าลง ช้าลงอย่างต่อเนื่อง การเคลื่อนไหวของไป๋อี้ช้าลงและช้าลงเรื่อย ๆ ซึ่งลมหายใจของเขาเองก็ค่อย ๆ สงบลงเช่นกัน ลมหายใจอาฆาตสังหารก่อนหน้านี้ได้หายไปอย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามตอนนี้ไป๋อี้ทำให้ผู้คนรอบกายรู้สึกถึงอันตรายมากยิ่งขึ้นราวกับว่ากำลังระงับภูเขาไฟที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจของเขา ในขณะที่สะสมความแข็งแกร่งและรอช่วงเวลาแห่งการปะทุ
แม้แต่วูล์ฟก็ยังเข้าใจวิธีการของไป๋อี้และยังเรียนรู้ด้วยการระงับลมหายใจของตัวเองเช่นกัน
ในตอนนี้วิญญาณผีที่อยู่ข้าง ๆ เขาเงียบไปแล้วเพราะกลัวว่าจะเป็นการยั่วยุกลุ่มของไป๋อี้ ผู้คนมักจะพบว่าเรื่องผีในนิยายและภาพยนตร์เหล่านั้นช่างน่ากลัว แต่มันก็แค่นั้น มันเป็นเพียงแค่ความแข็งแกร่งของคนธรรมดานั้นอ่อนแอเกินไปและไม่มีที่ว่างสำหรับการต่อต้านในหลาย ๆ สิ่ง เนื่องจากเหตุที่เกินความคาดหมายและหายนะที่เกิดจากผีถูกเพ็งเล็งมาที่พวกไป๋อี้ คาดว่ามีมากกว่าสิบครั้งที่พวกมันไม่สามารถฆ่าพวกเขาได้ แน่นอนว่าไป๋อี้เองก็แข็งแกร่งขึ้นและมีความสามารถในการรับมือมากขึ้นเช่นกัน
นอกจากนี้โม่โม่ยังสามารถมองเห็นผีได้ดังนั้นเขาจึงไม่กลัว
“ฉันจะทำให้กลุ่มของหยูหานและพวกที่คุณพูดก่อนหน้านี้ตกใจและหลังจากนั้นก็ใช้ดึงดูดพวกปีศาจยุง ……” แอนนาเข้ามาใกล้ ๆ และพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไป๋อี้ยื่นมือขวาออกและทำให้เธอเงียบ ราวกับว่าเขารู้สึกถึงเธอได้ในความมืดในขณะที่ไป๋อี้มองตรงไปยังด้านหน้า
ในเวลานี้หยูหานและพวกเพิ่งออกมาจากทะเลสาบ แต่ก่อนที่พวกเขาจะมีเวลาค้นหาดอกไม้มรณะต่อ หัวงูบนแขนซ้ายของหยูหานก็ลุกขึ้นและมองไปในทิศทางของไป๋อี้
“มาแล้ว!”
คนอื่น ๆ ในทีมของหยูหานยังคงประหลาดใจเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็รู้ตัวว่าที่หยูหานพูดหมายถึงใครที่มา ไป๋อี้ดูเหมือนจะเป็นคนอย่างที่หยูหานพูดไว้จริง ๆ เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งและยืนหยัด เกิดอะไรขึ้นกับการเหนี่ยวนำที่ไม่สามารถอธิบายได้นี้ มันเป็นการประกาศความสัมพันธ์ระหว่างศัตรูเก่าทั้งสองหรือไม่
หลังจากได้ยินคำเตือนของหยูหาน คนกลุ่มนี้ก็หยุดและยืนอยู่บนสะพานที่ลาดเอียงใจกลางทะเลสาบด้านในของอ่าวโอเรียนเต
หยูหานหยิบน้ำสกัดจากต้นวิญญาณบริสุทธิ์ออกมาและหยดลงบนไหล่และเอวของเขา 2 หยด เมื่อคนอื่น ๆ เห็นการเคลื่อนไหวของหยูหานพวกเขาก็เรียนรู้วิธีดังกล่าวเช่นเดียวกัน ไม่ว่าในกรณีใดสิ่งที่อันตรายที่สุดในเวลลิงตัน ณ ปัจจุบันก็คือผีที่ไม่รู้ว่าจะปรากฏตัวขึ้นที่ไหนและเมื่อไหร่
ในสายตาของกลุ่มหยูหาน มีร่างของคนสองสามคนเดินออกมาจากปลายถนนที่มีแสงสลัว ในระยะไกลทุกคนในกลุ่มไป๋อี้ดูสงบมาก แม้จะมีลมหายใจที่กระหืดกระหอบอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่เหนืออ่าเวลลิงตันทางทิศตะวันออกมีดวงจันทร์ข้างแรมปรากฏขึ้น แสงจันทร์สลัวและซีดสะท้อนทุกอย่างบ่งบอกว่าคืนวันนี้จะต้องเป็นคืนที่ไม่สงบอย่างแน่นอน
โม่โม่เหยียดมือขวาออกและผีเสื้อกลืนกินวิญญาณสองตัวก็ร่อนลงบนไหล่ของแต่ละคนจากนั้นผีเสื้อกลืนกินวิญญาณอีกตัวก็บินไปในแสงจันทร์สีซีดอันสวยงาม กลุ่มของไป๋อี้มาที่พื้นหญ้าริมทะเลสาบซึ่งห่างออกไปกว่าร้อยเมตร พวกเขามองไปที่หยูหานและพรรคพวกทั้งเก้าที่ยืนอยู่บนสะพานด้วยรูปลักษณ์ที่แตกต่างกัน
ทั้งสองฝ่ายต่างสอดส่องสายตามองสลับกันไปมาอย่างที่ไม่อาจอธิบายสื่อความหมายออกมาได้
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!”
“มันนานมากแล้วจริง ๆ” ไป๋อี้ไม่ได้พูดอย่างหยิ่งยโสว่าหยูหานจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน เพราะนี่ไม่ใช่ลักษณะนิสัยของเขา
“เมื่อมองดูท่าทีแล้ว พวกนายเองก็ดูเหมือนจะรู้ว่าหยูหานและฉันกำลังจะเฉลิมฉลองเทศกาลนี้ พวกนายจะสนับสนุนเขางั้นหรือ” ไป๋อี้มองไปที่คนอื่น ๆ ท่าทีของหยูหานและพรรคพวกแสดงออกราวกับว่าพวกเขากำลังรออยู่ ถ้าหากมองท่าทีของพวกเขาไม่ออก ไป๋อี้ก็คงสับสนเช่นกัน
“ใช่ ฉันบอกพวกเขาทั้งหมดแล้ว ว่าแต่ ฉันอยากถามว่าพวกเราจะสามารถคืนดีกันได้ไหม ฉันจะชดเชยให้ทุกอย่าง” หยูหานมองไปที่ไป๋อี้
“หึ!” ไป๋อี้หัวเราะเบา ๆ จากนั้นก็ดึงดาบเขี้ยวออกมาจากฝัก
เช้ง เสียงลากยาวของดาบเขี้ยวดังก้องเข้าไปในโสตประสาทหูของทุกคน ซึ่งนั่นทำให้ร่างกายของทุกคนแน่นเกร็งขึ้นทันทีโดยไม่ได้ตั้งใจ กลุ่มของหยูหานรู้สึกเพียงว่าเสียงที่ชัดเจนนี้แจ่มชัดเกินไปราวกับว่ามันสะท้อนออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่ทว่าพวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่าการโจมตีขอไป๋อี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว
————————————————
ดาบเขี้ยวในปัจจุบันไม่ได้มีลักษณะเป็นเขี้ยวอีกต่อไป แต่อยู่ในรูปของดาบ นี่เป็นเทคนิคที่มนุษย์กลายพันธุ์ค้นพบเมื่อเร็ว ๆ นี้ ของเหลวที่เน่าเปื่อยในขนมปังเนื้อมีฤทธิ์ในการกัดกร่อนที่รุนแรง แม้แต่วัตถุที่เป็นโลหะก็ยังถูกกัดเซาะจนผุพัง ส่วนวัสดุชีวภาพที่เป็นเขี้ยวหรือกระดูกเหล่านี้ก็สามารถกัดกร่อนได้ภายในระยะเวลาหนึ่งหลังจากแช่ไว้ในของเหลวดังกล่าวในสัดส่วนที่เหมาะสมเช่นกัน ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่อำนวยความสะดวกในการแปรรูปได้เป็นอย่างดี
คนที่มีพรสวรรค์บางคนกลายเป็น ‘ช่างหลอมอาวุธ’ รูปแบบใหม่
ช่างหลอมอาวุธ——WeaponArmorMakers หรือเรียกย่อ ๆ ว่า WAM แน่นอนว่าช่างหลอมอาวุธที่กล่าวถึงไม่ใช่ช่างหลอมอาวุธเหมือนในนวนิยายนักดาบเทวดา แต่เป็นเพียงการใช้กรงเล็บ, เขี้ยว, กระดูก …… และส่วนอื่น ๆ ของสิ่งมีชีวิตที่มีการพัฒนากลายพันธุ์ทั้งหลายเพื่อใช้พวกมันเป็นอาวุธและชุดเกราะ ไม่ว่าเมื่อไหร่การใช้เครื่องมือเครื่องใช้ได้อย่างเชี่ยวชาญก็เป็นข้อดีของมนุษย์มาเสมอ
ในทำนองเดียวกันเภสัชกรก็ปรากฏตัวในช่วงเวลานี้เช่นกัน
คนปรุงยา——MedicinalMakers หรือเรียกย่อ ๆ ว่า MM สิ่งเดียวกันนี้ไม่ใช่อาชีพในนวนิยาย สัตว์และพืชที่เกิดการวิวัฒนาการต่าง ๆ ในนิวซีแลนด์เป็นอันตรายอย่างยิ่งและไม่เป็นที่คุ้นเคย แม้ว่าพืชและสัตว์หลายชนิดจะมีคุณสมบัติทางยาที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ไม่มีโรงงานผลิตยาที่ทันสมัยในนิวซีแลนด์ อย่างไรก็ตามนิวซีแลนด์แทบจะไม่มีพืชที่เหมือนกันเลย เพราะถึงแม้ว่าจะมีลักษณะใกล้เคียงกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันออกไป วิธีการประมวลผลสารประกอบแบบโรงงานนั้นจึงใช้ไม่ได้
คนปรุงยา คือผู้ที่มีพรสวรรค์ที่ดีและมีความเชี่ยวชาญในการสกัดสรรพคุณทางยาที่สามารถสกัดและผสมส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพในพืชแต่ละชนิดได้ในระดับหนึ่ง
เหตุผลที่ใช้ชื่อนี้เป็นเพียงความคุ้นเคยที่เรียกขานกัน แม้ว่าในนวนิยายและเกมจะมีชื่อทั้งสองปรากฏอยู่บ่อยครั้ง แต่การนำศัพท์ทางเกมและนิยายที่สมบูรณ์มาใช้ก็ไม่ใช่เรื่องที่จำเป็น
MANGA DISCUSSION