[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ - ตอนที่ 101 ดาบเขี้ยว
“นี่มันคืออะไร?” วูล์ฟรู้สึกว่ามือของเขาคว้าบางสิ่งไว้ได้
“เขี้ยว!” ไป๋อี้ได้กล่าวออกมา หลังจากนั้นก็เช็ดคราบโคลนสกปรกกับใบหญ้าที่พื้นข้าง ๆ
จากข้อสันนิษฐานนั้นอาจจะเป็นไปได้ว่านี่คือเขี้ยวของสิ่งมีชีวิตบางชนิด และเจ้าสิ่งนี้จะต้องเป็นของร่างทดลองอย่างแน่นอน แต่ทว่า …… วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตในนิวซีแลนด์นั้นยังไม่น่าที่จะพัฒนามาถึงในจุดนี้ ไป๋อี้ได้กำเขี้ยวซีกนั้นไว้ และทันใดนั้นเองหัวใจของเขาก็เกิดอาการสั่นไหวขึ้นมาในทันที เขี้ยวซีกนี้มีรูปร่างโค้งงอเล็กน้อยเท่านั้น ยกเว้นแต่รูปร่างภายนอก ซึ่งถือได้ว่ามันเหมือนดาบเล่มหนึ่งเลยทีเดียว ดาบคะตะนะของไป๋อี้นั้นได้หายไปนานแล้ว อีกทั้งนิวซีแลนด์ในตอนนี้นั้นก็ยังไม่มีอาวุธใดที่เหมาะกับเขา นอกจากนี้ไป๋อี้ก็ยังไม่ได้เตรียมอาวุธใด ๆ ไว้สำหรับตัวเองอีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม ในเมื่อนิวซีแลนด์ในตอนนี้ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นอย่างนี้ไปแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็เป็นไปได้ว่าจะสามารถใช้วัสดุทางชีวภาพเหล่านี้เพื่อนำมาสร้างอาวุธได้สินะ?
“โม่โม่ หยิบมีดสั้นเล่มนั้นให้พ่อหน่อย”
“ค่ะ” โม่โม่ยื่นมีดสั้นเล่มนั้นให้ไป๋อี้
เมื่อไป๋อี้รับมีดสั้นมา เขาก็ได้ใช้ด้านหลังของมีดเฉือนลงด้านบนของเขี้ยวซีกนี้ทันที และนั่นก็ตรงตามการคาดเดาของไป๋อี้ว่าเจ้าเขี้ยวซีกนี้มีความแข็งแกร่งอย่างน่าทึ่ง แม้แต่รองร่อยเพียงเล็กน้อยก็ไม่ปรากฏขึ้นให้เห็นเลย เพียงแค่ลองจิตนาการดูก็รู้แล้วว่า มันคงเหมือนกับเขี้ยวของเจ้าปีศาจอสรพิษยักษ์นั่น สิ่งมีชีวิตชนิดนี้มักจะกัดนั่นกัดนี่ไปทั่ว แล้วจะไม่ให้เขี้ยวของมันแข็งแกร่งได้อย่างไร
“ไป๋อี้ นายคิดจะทำอะไรน่ะ?”
“เจ้าสิ่งนี้คือสิ่งที่สามารถนำมาใช้เป็นอาวุธได้ และบังเอิญว่าดาบของฉันมันก็หายไปนานแล้วด้วย” ไป๋อี้ได้ตอบกลับไป
“แต่อย่างไรก็ตาม เขี้ยวซีกนี้อาจจะยังไม่เหมาะเท่าไหร่ ลองมองไปรอบ ๆ สิว่าข้างล่างนี้ยังมีเขี้ยวซีกอื่นอยู่อีกไหม” เมื่อไป๋อี้กล่าวออกมา เขาก็ลองค้นหามันด้วยตนเอง แต่อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของจูจี๊ดนั้นเร็วกว่ามาก โดยแต่เดิมทีแล้วหนูก็มักจะมีนิสัยชอบขุดหลุมอยู่เสมอ และถึงแม้ว่าตอนนี้จะกลายเป็นสัตว์ประหลาดหนูไปแล้ว แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยนี้ได้เลย ทันใดนั้น …… สัตว์ประหลาดหนูหลายตัวก็ได้วิ่งออกมา และขุดไปตามขอบบึงหนองน้ำที่วูล์ฟเพิ่งจะตกลงไป ทำให้ตะกอนดินโคลนไหลออกไปอยู่ข้าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดตัวใดที่ตายอยู่ในที่แห่งนี้ ในไม่ช้าก็ปรากฏโครงกระดูกขนาดใหญ่ของสัตว์ประหลาดเหล่านั้นออกมา
รากของจูวิสเทอเรียเลื้อยพันอยู่บนโครงกระดูกของสัตว์ประหลาดเหล่านั้น ทั้งยังเปื้อนดินโคลนสีดำไปทั่ว ในความเป็นจริงแล้วไม่สามารถที่จะระบุได้ชัดเจนว่าเจ้าสัตว์ประหลาดนี้เป็นสัตว์ประหลาดชนิดไหนกันแน่ แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะระบุได้ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากนัก และคนอื่น ๆ ก็พอจะคาดเดาได้อยู่บ้างว่า การกลายพันธุ์ของจูวิสเทอเรียสายพันธุ์นี้นั้น มันน่าจะเกี่ยวกับการดูดซับเลือดและเนื้อของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้นั่นเอง
วูล์ฟเขี่ยฟันที่เหลือทั้งหมดของสัตว์ประหลาดด้วยหลังมีด ไป๋อี้ได้เลือกในส่วนที่อยู่ข้างในสุด ถึงแม้ในความเป็นจริงแล้วนั้นจะไม่ได้มีตัวเลือกที่ดีมากนักก็ตาม แต่แน่นอนว่าในเวลานี้จะต้องพยายามเลือกฟันซีกที่ดีที่สุด เขาพบเขี้ยวสองซีกที่เหมือนกับเขี้ยวของเสือเขี้ยวดาบ และนั่นก็ย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว เขี้ยวซีกนี้ยาวประมาณ 3 เมตร มีสัมผัสที่เรียบ รูปร่างเป็นแนวแบนระนาบ ส่วนข้างในปรากฏเป็นโลหะและมีความโปร่งใสของคริสตัลที่แวววาว ถึงแม้ว่าทุกคนจะไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับวัสดุทางชีวภาพชิ้นนี้มากนัก แต่ทุกคนก็สามารถมองออกว่าเขี้ยวทั้งสองซีกนี้ไม่เลวเลยทีเดียว
เมื่อหยิบเขี้ยวสองซีกนั้นขึ้นมา ไป๋อี้ก็ได้ยื่นมันให้กับจูจี๊ดหนึ่งซีก หลังจากนั้นทุกคนก็กลบหลุมที่ขุดไว้ ถ้าหากต้นจูวิสเทอเรียนี้เป็นการกลายพันธุ์ที่เกิดจากสัตว์ประหลาดตัวนี้ก็จะเป็นการดีกว่าที่จะไม่สร้างผลกระทบให้กับมัน
ระหว่างที่ไป๋อี้กำลังเก็บเขี้ยวอีกหนึ่งซีกอยู่นั้น เมย์ริสก็กำลังเก็บรวบรวมจูวิสเทอเรียอีกนิดหน่อย และเธอก็ทำการจัดเก็บอย่างระมัดระวัง เพื่อที่จะนำเจ้าสิ่งนี้กลับไปทำการทดลองสรรพคุณทางยาของมัน เนื่องจากเมื่อวานหลังจากหนูสัตว์ประหลาดได้กินสิ่งนี้เข้าไป วันนี้พวกมันก็ไม่ได้ติดตามมาด้วย ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่นัก ถึงแม้จูวิสเทอเรียจะมีฤทธิ์ทำให้หลับ แต่ว่าในขณะเดียวกันก็มีผลกระทบหลังจากการใช้ยานี้ด้วยเช่นกัน
เมื่อทุกคนกำลังกลับไป จูจี๊ดได้จับเขี้ยวซีกนั้นที่ไป๋อี้ได้ให้เขาไว้ในมือ เขาไม่รู้เลยว่าจะต้องจัดการกับมันอย่างไรดี ถึงแม้จูจี๊ดจะค่อนข้างฉลาด แต่ว่าโดยปกติเขามักจะใช้ฟันของเขาในการต่อสู้และฟันหน้าทั้งสองของเขาดูเหมือนจะทรงพลังมาก ไม่ว่าจะเป็นอาวุธชนิดใดมันก็ใช้เพียงน้อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สิ่งอื่นเพื่อนำมาเป็นอาวุธของตนเอง ซึ่งดูเหมือนว่าจริง ๆ แล้วมันจะไม่เคยมีอาวุธแบบนี้เลย ในที่สุดเมื่อจูจี๊ดได้มองไปยังไป๋อี้ เขาก็ตัดสินใจว่าจะรอดูไป๋อี้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร เพราะเขาจะได้เรียนรู้เอาไว้ด้วย
เมื่อกลับมาถึงในเมือง ทุกคนก็ต่างมีธุระของตัวเอง
เ มื่อไป๋อี้พบล้อเจียรในเมืองไทฮาปิ เขาก็ต้องการที่จะขัดเขี้ยวซีกนั้นให้กลายเป็นดาบ ในด้านของวูล์ฟนั้นก็ยังคงอยู่ที่นี่เพื่อฝึกฝนมวยไทเก็กและทักษะการใช้ดาบอย่างหนัก ซึ่งไป๋อี้ได้แวะมาสอดส่องที่นี่บ้างเป็นครั้งคราว ส่วนเมย์ริสนั้นก็กำลังทดลองการใช้สรรพคุณทางยาของพืชชนิดใหม่ที่แตกต่างกันออกไป ในด้านของโม่โม่กำลังเดินเล่นอยู่ภายในเมือง หลังจากที่เจ้าสัตว์ประหลาดหนูพวกนั้นได้รู้จักกับโม่โม่ พวกมันก็ไม่เคยโจมตีทำร้ายเธออีกเลย และยังมีชาร์ไป่ที่ติดตามโม่โม่ไปด้วย เพื่อที่ไป๋อี้จะได้ไม่เป็นกังวลมากนัก
“พ่อ พ่อ” ในขณะที่ไป๋อี้กำลังขัดเขี้ยวซีกนั้นอยู่ จู่ ๆ โม่โม่ก็วิ่งกลับมาและตะโกนออกมาเสียงดังลั่น
“มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ?” เมื่อไป๋อี้ได้มองไปก็พบว่าโม่โม่ดูปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็ไม่ได้วางใจแต่อย่างใด
“ ลูกหนูเกิดแล้ว! ลูกหนูเกิดแล้ว!” โม่โม่รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
หื้ม? ทันทีที่ไป๋อี้ได้ยินสิ่งที่ถูกกล่าวออกมานั้น ทำให้ตัวเขาเองก็เกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา ลูกหนูเกิดแล้วอย่างนั้นเหรอ? แต่ว่าภายในเมืองแห่งนี้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือไม่มีหนูรูปร่างปกติหลงเหลืออยู่ในเมืองแล้ว เดิมทีไป๋อี้คิดว่าถ้าพวกมันมีลูกไม่ได้ ห่วงโซ่ทางชีววิทยาของนิวซีแลนด์จะขาดลงในไม่ช้าก็เร็ว แต่เขาไม่คาดคิดว่าพวกมันจะยังมีลูกหนูน้อยที่ได้ถือกำเนิดมาจากสัตว์ประหลาดหนูท่ามกลางความวุ่นวายยุ่งเหยิงเช่นนี้ มันจะเป็นอย่างไรกัน?
ไป๋อี๋นั้นอดที่จะอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ เขาจึงได้เดินตามโม่โม่ไปเพื่อที่จะไปดูสัตว์ประหลาดหนูที่ให้กำเนิดลูกหนู และในขณะที่อยู่ระหว่างทางนั่นเอง เฮลัวส์ก็ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงได้เดินตามทั้งสองคนไปด้วย
“นายว่าหนูแบบไหนที่จะคลอดออกมา พวกมันจะมีรูปร่างแปลก ๆ ทันทีที่พวกมันคลอดออกมาเลยหรือเปล่า?” เฮลัวส์ถามไป๋อี้
“ฉันก็ไม่รู้หรอก” ไป๋อี้ส่ายหัวเล็กน้อย
“ไม่นะคะ นี่มันก็แค่หนู เหมือนกับหนูตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ในบ้านเมื่อก่อนนี้เลย” โม่โม่หันไปพยักหน้าและได้ตอบกลับไป
ไป๋อี้และเฮลัวส์รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก หลาย ๆ คนต่างพากันเข้ามาในซอยบ้านแห่งหนึ่ง บ้านหลังนี้อยู่ในพื้นที่ค่อนข้างต่ำ และนั่นทำให้มันค่อนข้างดูมืดสลัว เห็นได้ชัดเลยว่าส่วนมากพวกหนูเหล่านี้จะยังไม่ลืมนิสัยที่ชอบขุดเจาะรู ถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ขนาดนี้กับพวกมัน แต่พวกมันก็ยังคงชอบอาศัยอยู่ภายในสถานที่มีถ้ำคล้าย ๆ กับหลุม อีกทั้งเจ้าหนูพวกนี้ยังชอบอาศัยอยู่ในชั้นใต้ดินอีกด้วย เห็นได้ชัดเลยว่าเจ้าสัตว์ประหลาดหนูพวกนี้ได้รู้จักกับไป๋อี้และคนอื่น ๆ เป็นอย่างดีแล้ว เพราะหลังจากที่ไป๋อี้ปรากฏตัวออกมา พวกมันไม่แม้แต่จะโจมตีเขาเลยสักนิด พวกมันเพียงแต่ตั้งอกตั้งใจดูทารกน้อยหลายตัวที่เพิ่งเกิดออกมาเพียงเท่านั้น
ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ได้ใช้แสงสว่างที่เล็ดลอดเข้ามาท่ามกลางความมืดสลัวเพื่อมองไปยังสถานที่ที่คล้ายกับรังที่อยู่ตรงมุมของชั้นใต้ดินแห่งนี้ ขณะขดตัวลูกหนูพวกนี้มันมีขนาดเท่ากับกำปั้นเล็ก ๆ ของโม่โม่เท่านั้น เมื่อไป๋อี๋กำลังจะเดินเข้าไป เจ้าสัตว์ประหลาดหนูตัวนี้ที่เพิ่งจะกลายเป็นแม่ก็ได้แยกเขี้ยวขู่ใส่ไป๋อี้ในทันที
ทันใดนั้นเองไป๋อี้ก็ได้หยุดชะงักลง ถึงแม้ว่าเจ้าสัตว์ประหลาดหนูพวกนี้จะรู้จักเขา แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วนั้นความดื้อด้านก็จะมีมากกว่าความเป็นเหตุเป็นผลอยู่เสมอ โดยเฉพาะกับเจ้าสัตว์ประหลาดหนูที่เพิ่งจะกลายเป็นแม่ตัวนี้ ไป๋อี้ได้หันไปอีกทางและค่อย ๆ ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่แม่สัตว์ประหลาดหนูตัวนั้นก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะวางใจแต่อย่างใด หลังจากนั้นไป๋อี้และเฮลัวส์ก็ทำได้เพียงอยู่ข้าง ๆ เพื่อดูลูกหนูทั้งหลายด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
“คิดไม่ถึงเลยว่าพวกมันจะเป็นหนูจริง ๆ!” เฮลัวส์แสดงสีหน้าที่แปลกใจออกมาอย่างน่าเหลือเชื่อ
“ในตอนแรกพวกเขาก็เป็นเพียงแค่หนูธรรมดาเท่านั้น”
“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ฉันหมายความว่า ….. ช่างมันเถอะ! นายจงใจพูดแบบนั้นออกมาสินะ”เฮลัวส์ยังคงอยากที่จะอธิบาย แต่เมื่อเธอมองไปยังดวงตาที่แสดงออกว่าล้อเล่นของไป๋อี้นั้น เธอก็รู้ได้ในทันทีว่าไป๋อี้นั้นเข้าใจตั้งแต่แรกแล้ว ไป๋อี้นั้นไม่ใช่คนโง่เหมือนกับวูล์ฟที่จะไม่สามารถเข้าใจความหมายในสิ่งที่เฮลัวส์พูดได้
ต้องพูดอย่างไรดีล่ะ เจ้าสัตว์ประหลาดหนูตัวนี้นั้นมีความยาวประมาณ 1 เมตรกว่า ๆ โดยเฉลี่ยแล้วมันมีขนาดพอ ๆ กับมนุษย์เพศหญิงทั่วไป และยังรวมถึงลักษณะเฉพาะทางชีวภาพอื่น ๆ อีกมากมายที่ดูไม่เหมือนหนูเอาซะเลย แต่ทว่าลูกหนูทั้ง 8 ตัวนี้ที่มันได้ให้กำเนิดออกมานั้น เป็นเพียงแค่ลูกหนูจริง ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าพวกมันจะไม่มีลักษณะพิเศษทางชีวภาพอื่น ๆ แต่อย่างใด
“ไปเถอะ” ไป๋อี้นั้นไม่อยากที่จะอยู่รบกวนแม่สัตว์ประหลาดหนูตัวนี้อีกต่อไป ดังนั้นหลังจากที่เขานำอาหารบางส่วนแบ่งไว้เพื่อเป็นการชดเชยที่มารบกวนอีกฝ่าย เขาก็เดินออกไปทันที
ณ เวลานี้นั้น ไป๋อี้และเฮลัวส์กำลังครุ่นคิดบางอย่างว่าทำไมเจ้าหนูน้อยที่เพิ่งจะเกิดมาพวกนี้ถึงไม่มีลักษณะพิเศษทางชีวภาพอื่น ๆ เลย? แล้วหลังจากที่เจ้าหนูน้อยพวกนี้ได้ผสานรวมยีนลักษณะพิเศษทางชีวภาพต่าง ๆ แล้วนั้น ก็จะเติบโตใหม่จนกลายเป็นสัตว์ประหลาดใช่ไหม? หรือว่าจะยังคงรักษารูปร่างเช่นนี้ไว้ได้ต่อไป? ในระยะสั้นไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าห่วงโซ่ชีวภาพของนิวซีแลนด์ซึ่งถูกรุกรานโดยเซลล์ดัดแปลงจะกลายเป็นอย่างไร
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ไป๋อี้ก็เริ่มขัดเขี้ยวซีกนั้นอีกครั้งแต่หลังจากที่ใช้เวลาขัดมากกว่า 1 สัปดาห์ ทว่า …… สุดท้ายแล้วไป๋อี้ก็ได้ยอมแพ้
เขาไม่รู้เลยว่าเขี้ยวซีกนี้ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ความแข็งแกร่งของมันนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าดาบคะตะนะของไป๋อี้ในก่อนหน้านี้เลย ด้านบนของเขี้ยวซีกนั้นถูกขัดจนเงา แต่อย่างมากที่สุดก็ทำได้แค่ขัดเงาเท่านั้นเอง ไป๋อี้นั้นยังคงต้องการที่จะขัดเขี้ยวซีกนี้ให้มีรูปร่างเป็นอย่างที่ตนเองต้องการ แต่มันกลับไม่เป็นไปตามนั้น ในขณะเดียวกันไป๋อี้ก็รู้สึกดีใจท่ามกลางความผิดหวัง ในเมื่อมันเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งเป็นการอธิบายได้ถึงวัสดุที่ดีมากของเขี้ยวซีกนี้นั่นเอง เพียงแค่มันไม่สามารถที่จะขัดจนให้รูปร่างกลายเป็นเหมือนกับดาบได้ก็เท่านั้น ซึ่งหากนำมาใช้ทั้งอย่างนี้ก็คงไม่สะดวกต่อการใช้งานนัก
เมื่อเวลาผ่านไปนานจนไม่รู้ตัว ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็อาศัยอยู่ในเมืองไทฮาปิแห่งนี้มาได้ประมาณ 1 เดือนกว่าแล้ว
ในด้านของเมย์ริสนั้นกำลังทำเกี่ยวกับการทดลองสรรพคุณทางยาของต้นจูวิสเทอเรียและสิ้นสุดลงด้วยความช่วยเหลือของพืชอื่น ๆ อีกหลายชนิดที่นำมาเป็นส่วนประกอบเสริมในการผสมผสานสรรพคุณทางยาของจูวิสเทอเรีย จนในที่สุดก็สามารถคิดค้นยานอนหลับออกมาได้หนึ่งชนิดที่ค่อนข้างจะปลอดภัยต่อการใช้งานทีเดียว ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ได้ใช้ขวดยาหลายขวดเพื่อนำยานอนหลับชนิดนี้ใส่ลงไป หลังจากนั้นเขาก็ได้นำส่วนที่เหลือมาให้กับจูจี๊ด
ในเวลานี้ เนื่องจากในทุก ๆ คืนจะต้องใช้การสะกดจิตของไป๋อี้ช่วยให้เข้าสู่การนอนหลับลึกเพื่อช่วยให้ร่างกายและจิตวิญญาณได้ประสานเข้าด้วยกัน จนในที่สุดวูล์ฟและชาร์ไป่ก็ดูเป็นปกติ
ถึงเวลาแล้วที่จะต้องจากไปสักที!
ไป๋อี้กล่าวในใจ เป็นเวลานานกว่าหนึ่งเดือนที่อาศัยอยู่ในเมืองไทฮาปิแห่งนี้ คาดไม่ถึงเลยว่าจะไม่มีใครผ่านมาแถวนี้เลย ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ไม่สามารถจะอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป
เมื่อรู้ว่าไป๋อี้และคนอื่น ๆ จำเป็นที่จะต้องไปแล้ว ทำให้จูจี๊ดดูเหมือนจะไม่พอใจสักเท่าไหร่ แม้ว่ามันจะไม่เต็มใจที่พวกเขาจะจากไปแต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกไม่ดีต่อพวกเขาแต่อย่างใด สัตว์ประหลาดหนูตัวอื่น ๆ ก็ได้มาส่งไป๋อี้และเพื่อน ๆ เช่นกัน พิธีอำลาอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ มันกลับทำให้ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ปลื้มใจเป็นอย่างมาก
“จูจี๊ด ถ้านายเชื่อคำพูดของพวกฉันแล้วล่ะก็ ทุกวันในตอนกลางคืนนั้นให้หาสถานที่ปลอดภัยพักพิงและดื่มน้ำจูวิสเทอเรียสักเล็กน้อย” เมื่อไป๋อี้กำลังจะไป เขาก็ได้กระซิบบอกจูจี๊ด น้ำจูวิสเทอเรียนี้แน่นอนว่าจะต้องทำมาจากเถาวัลย์จูวิสเทอเรียและยังมีพืชชนิดต่าง ๆ ผสมอยู่ด้วย สิ่งนี้มีฤทธิ์ทำให้นอนหลับได้เป็นอย่างดี แม้ว่าผลที่ได้รับจะไม่ดีเท่ากับการสะกดจิตของไป๋อี้ แต่แน่นอนว่ามันสามารถปรับความแตกต่างระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
จูจี๊ดนั้นมองไปที่ไป๋อี้ด้วยความสงสัย แต่ไป๋อี้ก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก หลังจากนั้นเขาก็โบกมือลา วูล์ฟและกลุ่มของพวกเขาก็ได้จากไปจากที่แห่งนี้
ถึงแม้ว่าจูจี๊ดจะรู้ว่าไป๋อี้และคนอื่น ๆ ได้ให้ความสำคัญกับเถาวัลย์สีม่วงดำนี้มากเพียงใด แต่ถึงมันจะมีประโยชน์อะไรมากแค่ไหนก็ตาม จูจี๊ดก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับมันมากนัก และแม้ว่าจูจี๊ดจะค่อนข้างฉลาด แต่ถ้าให้ไป๋อี้และคนอื่น ๆ พูดเรื่องราวเกี่ยวกับร่างกายและจิตวิญญาณ ไป๋อี้คาดว่าเขาจะสามารถเข้าใจได้ด้วยสมองของตนเอง แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจมากนัก ทว่าก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อจูจี๊ดแต่อย่างใดที่จะเรียนรู้จากไป๋อี้และคนอื่น ๆ
ทุกวันจะต้องดื่มน้ำจูวิสเทอเรียเล็กน้อย!