[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 89 ไฟล์ 10 : คุณซันนุกิและคุณคาราเทก้า [7]
- Home
- [นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง
- ตอนที่ 89 ไฟล์ 10 : คุณซันนุกิและคุณคาราเทก้า [7]
3 วันต่อมา พวกเราก็มารวมตัวกันอยู่ที่ห้องรับแขกบ้านคุณโคซากรุะ ส่วนนึงก็เพื่อจะรายงานเรื่องที่พวกเราเจอมาด้วยนั่นแหละ มีฉัน มีโทริโกะ แล้วก็มีอาคาริด้วย เพื่อขอบคุณ อาคาริก็เลยซื้อโดรายากิกับชาญี่ปุ่นดีๆ มาฝากเป็นของขวัญด้วย ดูท่าที่ชาคราวก่อนรสชาติไม่ได้เรื่องนี่ฉันจะไม่ได้คิดไปเองนะ
“ตอนที่ได้ฟังเรื่องมา ฉันก็ลองเข้าไปค้นดูเองแล้ว ดูเหมือนจะมีร่องรอยของผู้อัปโหลดวิดีโอแบบนั้นอยู่จริงๆ นะ”
คุณโคซากุระบอกพร้อมกับพิมพ์ไปตามคีย์บอร์ดบนแล็ปท็อปของเธอ ฉันได้ยินแบบนั้นก็เลยถามออกไป
“ร่องรอยเหรอคะ?”
“มันมีวิดีโออยู่ 2 อันในยูทูป กับอีกอันนึงในนิโกะ นิโกะ โดกะที่ถูกอัปโหลดในชื่อ [เรื่องสยองเต็มสองหูของท่านลูน่า] แต่พวกมันถูกรีโพสต์มาจากที่อื่นนะ แถมยังโดนลบทิ้งไปหมดแล้วด้วย ถึงจะไม่มีบัญชีผู้ใช้ที่ชื่อ ‘อุรุมิลูน่า’ อยู่ก็ตาม แต่ชื่อนี้ดันมีกล่าวถึงอยู่ในทวิตเตอร์เต็มไปหมดเลย อะไรอย่าง ‘วิดีโอของท่านลูน่าน่ากลัวสุดๆ ไปเลย’ น่ะนะ ฉันว่าเธอคงจะเป็นพวกคนอัปวิดีโอที่ดังอยู่เงียบๆ ในสังคมวงปิดก็ได้มั้ง”
“งั้น คุณก็คิดว่าอันที่นัตซึนเข้าไปดูก็คือรีโพสต์อันนึงน่ะเหรอคะ?”
TN: ニコニコ動画 (nikoniko douga) เป็นเว็บไซต์แบ่งปันวิดีโอของญี่ปุ่นที่ค่อนข้างได้รับความนิยมในญี่ปุ่น คำว่า niko niko บ่งบอกถึงคำเลียนเสียงหัวเราะ ส่วน douga หมายถึงวิดีโอ เว็บไซด์นี้มีความโดดเด่นอย่างมาก เนื่องจากระบบการแสดงความคิดเห็นแบบเรียลไทม์ที่ปรากฏบนวิดีโอ https://www.nicovideo.jp/
อาคาริถามขึ้นมา
“ก็น่าจะเป็นยังงั้นนะ โซราโอะจัง รู้ใช่มั้ยว่าเรื่องแนว [รับผิดชอบตัวเอง] นี่มันคืออะไรน่ะ?”
“ค่ะ มันเป็นชื่อเรียกซีรีส์เรื่องเล่าทางอินเตอร์เน็ตที่เกี่ยวโยงกันหน่อยๆ ที่ว่ากันว่าใครก็ตามที่เข้าไปอ่านก็จะต้องเจอเข้ากับเรื่องแปลกๆ ชื่อนี้มาจากข้อเท็จจริงที่ว่าใครก็ตามที่อ่านเรื่องพวกนี้จะต้องรับผิดชอบกับผลลัพธ์ใดๆ ก็ตามที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขาตามมาด้วย”
“ยังงี้เอง ดูเหมือนวิดีโอที่เอามารีโพสต์ใหม่แล้วโดนลบไปนี่ก็เป็นหนึ่งในเรื่องแนว [รับผิดชอบตัวเอง] สินะ”
“[ซันนุกิคันโนะ] นี่ บางทีก็ถูกจัดอยู่ในหมวดเรื่องเล่า [แนวรับผิดชอบตัวเอง] ด้วยนะคะ แต่-… เอ๊ะ? เดี๋ยวนะคะ”
ฉันเงยหน้าขึ้นมา แล้วก็สบตากับสายตาจริงจังของคุณโคซากุระพอดี
“โซราโอะจัง―เธอว่าเป็นไปได้มั้ยว่าเธอคนนั้นจะจงใจทำเรื่องนี้น่ะ?”
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ”
“นี่ หมายความว่ายังไงน่ะ? อย่าจู่ๆ ก็สรุปรวบแล้วรู้เรื่องกันเองแค่สองคนแบบนี้สิ”
โทริโกะที่ตามเรื่องที่ฉันกับคุณโคซากุระพูดถึงกันไม่ทันก็เอ็ดขึ้นมาด้วยอารมณ์บูดๆ คุณโคซากุระก็เลยอธิบาย
“ก่อนอื่นเลยเนี่ย… พวกเราเดาเอาว่าใครบางคนที่รู้เรื่องของโลกเบื้องหลังอาจจะจงใจแพร่กระจายสิ่งผิดปกติที่แพร่กระจายได้ออกไป”
“หมายถึงคนที่ชื่อท่านลูน่านั่นน่ะสินะ? เพื่ออะไรล่ะ?”
“ไม่รู้สิ เพื่อความสนุกอะไรล่ะมั้ง?”
“อาจจะแบบนั้น ไม่ก็… เพื่อดึงผู้คนให้มาติดต่อกับโลกเบื้องหลังหรือเปล่าคะ?”
ฉันพูดเสริมจากการคาดเดาของคุณโคซากุระ
“แล้วทำไมต้องอยากทำให้คนเขาไปติดต่อกับโลกเบื้องหลังด้วยล่ะ?”
ฉันส่ายหัวตอบ การคาดเดาซ้อนจากการคาดเดาก่อนหน้าน่ะมันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก
“ฉันก็ลองเข้าไปอ่านเรื่องพวกนั้นอยู่นิดๆ เหมือนกันนะ ฉันอ่านเรื่องเล่าทางอินเตอร์เน็ตในแนว [รับผิดชอบตัวเอง] ทั้งหมดในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้มาแล้ว แต่ฉันก็ไม่เคยต้องประสบพบเจอกับปรากฏการณ์แปลกประหลาดอะไรเลยนะ ยังไงเรื่องนี้มันก็-…”
พอเห็นสีหน้าที่คลางแคลงสุดๆ ของโทริโกะกับคุณโคซากุระ คำพูดของฉันมันก็ขาดไป
“อะไรเหรอคะ?”
“ไม่ ไม่ใช่ ‘อะไร’ สิ”
“โซราโอะ เข้าใจเรื่องที่ตัวเองพูดเมื่อกี้นี้หรือเปล่าน่ะ?”
“เอ๊ะ? คืออะไรเหรอ…? ใช่สิ เข้าใจอยู่แล้ว…?”
สายตาที่จ้องเขม้งมองแรงมาจากทั้ง 2 คนยังไม่เบาบางลงไปเลยซักนิด แล้วฉันก็งึมงำจนเสียงขาดไป
อะไรน่ะ?
“แต่ว่า รุ่นพี่น่าเหลือเชื่อมากเลยนะคะ… รุ่นพี่รู้เรื่องตำนานเมืองเยอะเลยใช่มั้ยคะ?”
คำชมที่ออกมาแบบไม่รู้เรื่องอะไรของอาคารินี่มันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดเลยแฮะ
“บอกไว้ก่อนเลยแล้วกัน แต่ไหนแต่ไร ฉันก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องตำนานเมืองเลยซักนิดเดียว”
“หา?”
ไม่ใช่แค่อาคาริคนเดียวที่ตกใจจนอึทานออกมา โทริโกะเองก็ตกใจจนตาโตเหมือนกัน
“ไม่เลยเหรอคะ?”
“ใช่ ไม่เลย”
“เออ งั้น… รุ่นพี่สนใจเรื่องอะไรงั้นเหรอคะ?”
“เรื่องลี้ลับของจริงไงล่ะ”
“แล้วมันต่างกันยังไงเหรอคะ?”
“เออ…? จะคุยกันเรื่องนี้จริงๆ ใช่มั้ย? มันน่าเบื่อนะ ฉันว่าเธอคงไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก”
“เล่าต่อเถอะนะคะ! ฉันอยากฟังค่ะ!”
เธอรบเร้าอยากให้ฉันเล่าเรื่องนี้ ฉันก็เลยต้องเริ่มอธิบายให้ฟังอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่…
“โอเค ฉันเล่าก็ได้… ตำนานเมืองน่ะมันคือข่าวลือใช่มั้ยล่ะ? พวกมันก็จะเป็นแบบ ‘มันเกิดขึ้นกับเพื่อนคนนึงของเพื่อนฉันน่ะ’ ผู้คนก็เล่ากันเหมือนกับว่าเรื่องนั้นมันเกิดขึ้นจริงๆ แต่จุดกำเนิดของเรื่องราวพวกนั้นมันไม่ชัดเจนเลย ไม่มีต้นตออะไรเลย”
“แล้วเรื่องลี้ลับของจริงล่ะคะ?”
“เรื่องลี้ลับของจริงน่ะเป็นเรื่องราวของผู้คนที่เจอเข้ากับเรื่องประหลาดพวกนั้นตรงๆ ทั้งผู้ที่ไปเจอประสบการณ์หรือผู้รายงาน คนอื่นๆ ก็อาจจะรู้สึกต่างออกไปจากนี้ก็ได้ แต่นี่คือวิธีนิยามของฉันนะ”
“แล้วนั่นก็คือทั้งหมดที่เธอสนใจน่ะเหรอ โซราโอะ? ทำไมล่ะ?”
“ก็เพราะเรื่องตำนานเมืองน่ะเป็นเรื่องโกหกน่ะสิ”
ฉันตอบแบบนั้น แต่เหมือนโทริโกะก็จะยังไม่เข้าใจนะ
“แต่เรื่องลี้ลับของจริงที่ว่านั่นน่ะ ถึงชื่อจะบอกว่าเป็นเรื่องจริงก็เถอะ แต่มันก็อาจจะถูกแต่งขึ้นมาก็ได้เหมือนกันนี่นา ใช่มั้ย?”
“แต่อย่างน้อย แหล่งที่มาของข้อมูลของเรื่องพวกนั้นก็จะชัดเจนกว่านะ แค่นั้นอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ของ 2 อย่างนี้มันต่างกันแล้วล่ะ”
อาคาริเอียงคอไปด้านข้าง ส่วนโทริโกะก็ทำหน้าครุ่นคิด ส่วนคุณโคซากุระน่ะไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น เธอหันไปเคี้ยวโดรายากิหม่ำๆ ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่แล้ว
สำหรับฉันเนี่ย ความแตกต่างระหว่างตำนานเมืองกับเรื่องลี้ลับของจริงเนี่ยมันใหญ่มากเลยนะ แต่คนส่วนใหญ่ก็คงจะไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่หรอก ทุกคนรักตำนานเมืองอยู่แล้ว ไอเดียเรื่องพวกนั้นมันทำให้พวกเขาตื่นเต้น แต่สำหรับฉัน ในตอนช่วงมอต้นกับมอปลายน่ะ ฉันอยากจะหนีไปไหนซักที่ให้มันพ้นๆ ไปซักที เพราะแบบนั้นแหละ ฉันถึงได้เข้าสืบค้นลงไปในเรื่องผีจริงจังขนาดนี้
ฉันไม่เข้าไปใส่ใจค้นหาเรื่องข่าวลือที่บางคนอาจจะเล่าหรืออาจจะไม่ได้เล่าหรอก ฉันอยากได้เรื่องราวของอะไรซักอย่างที่คนเขาได้ไปเจอจริงๆ แล้วเอามาเขียนลงไว้ เรื่องลี้ลับของจริงน่ะอาจจะน่ากลัวก็ได้ ไม่ก็แปลกประหลาด หรืออธิบายไม่ได้… สำหรับฉัน พวกมันก็คือรายงานทุกอย่างที่เกี่ยวกับวิธีการจะเข้าไปในที่ไหนซักที่ที่ไม่ใช่ที่นี่น่ะ
ไม่นาน โทริโกะก็ถาม
“แล้วเรื่องเล่าในเน็ตนี่เป็นแบบไหนเหรอ? เป็นตำนานเมือง? หรือว่าเป็นเรื่องลี้ลับของจริงน่ะ?”
“เรื่องเล่าในเน็ตก็คือเรื่องเล่าลือทางอินเตอร์เน็ตนั่นแหละ เป็นแค่เรื่องที่เอาไว้พูดถึงสิ่งที่อยู่ตรงกลางเท่านั้นเอง ถ้าเกิดมันถูกเล่าอยู่ในเน็ตล่ะก็ จะตำนานเมืองหรือเรื่องลี้ลับของจริงก็เป็นเรื่องเล่าในเน็ตได้หมดเลยล่ะนะ”
“อ้อ! ยังงี้นี่เอง! เข้าใจแล้วค่ะ!”
อาคาริอุทานขึ้นมาพร้อมกับตบมือเสียงดังทีนึง
“เพราะแบบนี้สินะคะรุ่นพี่ถึงไม่เคยสนใจตอนที่ฉันเอาเรื่องตำนานเมืองมาพูดด้วยเลยน่ะ!”
“ก็ คงงั้นนะ”
“เข้าใจแล้วค่ะตอนนี้! งั้นคราวหน้าฉันจะเอาเรื่องลี้ลับของจริงมาให้ก็แล้วกันนะคะ!”
“ไม่ล่ะ ขอบใจ”
“ไหงงั้นล่ะ!?”
นี่ยังต้องถามอีกเหรอ? ก็มันคือสิ่งที่เธอทำครั้งนี้เลยไม่ใช่รึไงเล่า!?
ฉันสงสัยขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ทุกอย่างที่อาคาริจะเอาเข้ามาหาฉันนี่มันจะเป็นเรื่องอันตรายที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่กึ่งกลางเลยสินะ จะมั่วซั่วใช้ปืนก็ไม่ได้ แถมพวกมันยังเป็นภัยอันตรายที่มาในแบบของจับต้องได้เลย ในบางมุมนี่ มันเป็นอันตรายที่น่ากลัวยิ่งกว่าโลกเบื้องหลังซะอีกนะ
ฉันไม่ได้อยากจะไปอยู่ในสถานการณ์ที่มันอันตรายซักหน่อยนี่
ฉันอยากจะไปที่ไหนซักที่ ไปที่โลกที่ไม่รู้จัก ฉันไม่ยอมให้ของน่ากลัวเล็กๆ น้อยๆ มันเข้ามาขวางหรอก ทั้งหมดมันก็แค่นั้นเอง
“จะว่าไปแล้วเนี่ย โซราโอะจัง ผมของเธอยาวขึ้นแล้วนี่นา?”
“ก็ใช่นะคะ โทริโกะก็บอกว่าฉันน่าจะปล่อยให้ผมยาวไว้แบบนี้ดีกว่า แต่ว่า แล้วคุณโคซากุระคิดว่ายังไงเหรอคะ?”
“ฉันว่าก็ดีแหละ เธอมีผมเป็นมันเงาเลย ถ้าปล่อยไว้ยาวฉันว่าก็น่าจะดูดีเลยนะ”
เหมือนกับที่โทริโกะบอกเลยแฮะ ฉันคิดแบบนั้น จนเกือบจะยิ้มออกมาแล้ว ถ้าทั้งคู่บอกแบบนี้ ก็น่าจะดีนะ
“โอเค งั้นฉันจะลองไว้ยาวดูแล้วกันนะคะ”
ฉันพูดแบบนั้น แล้วก็เห็นว่าอาคาริกำลังจ้องฉันอยู่
“มีอะไรเหรอ?”
“อ้อ เปล่าค่ะ ฉันแค่เพิ่งนึกได้พอดี―รุ่นพี่ ถ้าเกิดรุ่นพี่ไว้ผมยาวล่ะก็ อาจจะดูคล้ายๆ กับ―ครูอุรุมะก็ได้นะคะ”
“…เอ๊ะ?”
“ถึงลักษณะรูปร่างกับความรู้สึกที่แผ่ออกมาจะต่างกันคนละขั้วเลยก็เถอะ ฉันว่าถ้าผมยาวๆ แล้วใส่แว่นด้วยนี่ ถ้ารุ่นพี่ยืนอยู่นิ่งๆ ไม่พูดอะไรล่ะก็ มองไกลๆ ก็อาจจะดูคล้ายๆ ก็ได้นะคะ”
“อ-… อ่า งั้นเหรอ?”
ฉันไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าควรจะตอบเธอยังไง ก็เลยหันไปมองรอบๆ ให้ใครก็ได้มาช่วยตอบต่อที แต่ทั้งโทริโกะทั้งคุณโคซากุระก็นั่งตัวแข็งนิ่งกันอยู่บนโซฟา ทั้ง 2 คนมองมาที่ฉันเหมือนกับว่าทั้งคู่นึกอะไรซักอย่างที่ไม่ควรจะนึกถึงขึ้นมาได้
งั้นทีนี้―ฉันควรจะไว้ผมยาวไปเลยหรือตัดทิ้งดีล่ะเนี่ย? ดูเหมือนเรื่องการตัดสินใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ฉันลังเลอยู่ มันจะกลายเป็นเรื่องที่ซับซ้อนจนไม่อยากจะเชื่อแล้วสิตอนนี้