[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 88 ไฟล์ 10 : คุณซันนุกิและคุณคาราเทก้า [6.2]
- Home
- [นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง
- ตอนที่ 88 ไฟล์ 10 : คุณซันนุกิและคุณคาราเทก้า [6.2]
หมัด ศอก นิ้ว ขา หัวโขก การออกอาวุธแบบผสมผสานของอาคาริถาโถมเข้าใส่อีกฝ่ายเร็วจนสายตาของฉันแทบมองตามไม่ทันเลย แต่ละครั้งที่อาวุธเข้าเป้า ก็มีเสียงก้องทึบๆ ดังออกมา แล้วก็ส่งให้ก้อนเศษมัมมี่แห้งๆ สีดำกับพวกฟันลอยกระเด็นกระดอนยังกับเป็นเลือดสีดำ-สีขาวเลย
ฉันไม่มีความรู้เรื่องศิลปะการต่อสู้หรือกีฬาต่อสู้หรอก ฉันก็เลยบอกไม่ได้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เสียงร้องเป็นพักๆ ของนัตสึมิกับโทริโกะอย่าง “โห” “อุหวา” “อึก” หรือ “โอ้” ก็ทำให้ฉันพอจะเข้าใจได้อยู่ว่าคงมีเรื่องค่อนข้างไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่เกิดขึ้นสินะ จะว่าไป ทุกคนนอกจากฉันจะเห็นซันนุกิคันโนะดูเหมือนมนุษย์นี่นา
ฉันเคยทำแบบนี้อยู่แค่แวบเดียวเมื่อตอนที่เจอกับแมวนินจาเท่านั้นเอง ถ้าฉันใช้ตาขวาจ้องไปที่ใครซักคน ฉันจะทำให้คนคนนั้นเสียสติไปได้นิดหน่อย ในตอนที่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว มีอสูรคาราเต้ผู้คลุ้มคลั่งอยู่ฝ่ายเราเนี่ย พึ่งพาได้ยิ่งกว่าอะไรเลยล่ะ
ตราบใดที่เธอยังอยู่ฝ่ายเราล่ะนะ
สิ่งที่อาคาริกำลังทำอยู่ตอนนี้ เธอก็แค่สติหลุดไปเฉยๆ เท่านั้นเอง ไม่ได้ให้ความสามารถในการสัมผัสกับตัวตนจากโลกเบื้องหลัง ถ้าฉันใช้ตาขวาจ้องไปที่ศัตรู การโจมตีทางกายภาพก็จะยังใช้ได้ผลอยู่ ไม่เกี่ยงเลยว่าการโจมตีนั้นจะเป็นกระสุนปืนหรือหมัดลุ่นๆ
“เออ โซราโอะ พอได้แล้วมั้ง? ไม่คิดงั้นเหรอ…?”
โทริโกะแตะที่ไหล่ของฉันแบบกล้าๆ กลัวๆ ฉันหันไปมองไวๆ ก็เห็นว่าอาคาริไปยืนเหยียบซันนุกิคันโนะที่ร่วงลงไปกองกับพื้นแล้ว กระหน่ำหมัดรัวๆ ลงไปใส่เจ้านั่นได้สุดยอดไปเลย ในตาขวาของฉัน ฉันเห็นฟันร่วงกระจัดกระจาย กับซากลิงที่โดนฉีกแขนฉีกขานอนแผ่ไปแล้ว
ฉันเลื่อนโฟกัสของตาขวาออกมา แล้วก็ตะโกนเรียกอาคาริ
“อาคาริ! พอได้แล้ว!”
เธอหยุดกึกทันทีตรงนั้นเลย แล้วในตอนนั้น ก็มีลมพัดมา พัดเอาเศษซากที่เหลืออยู่กับพื้นออกไป ฉันก็เอามือขึ้นมาบังหน้าโดยอัตโนมัติ แล้วพอลมพัดผ่านไปแล้ว ฉันเปิดตาออกมาดู ตรงนั้นก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว
“เอ๊ะ…? หายไปแล้ว?”
นัตสึมิพึมพำออกมาแบบงงไปหมดแล้ว
ฉันหลบสายตาข้างขวาออกไป พร้อมกับมองดูบริเวณโดยรอบ ความรู้สึกเหมือนกับสถานที่นี้อยู่ในสภาพเละเทะก็ดูเบาบางลงไปนะ อากาศรอบๆ พวกเราก็ดูจะเปลี่ยนไปด้วย
อาจจะเพราะ พวกเราโดนดึงเข้ามาอยู่ในพื้นที่กึ่งกลางที่อันตรายสุดๆ แบบไม่ทันรู้ตัวก็ได้มั้ง
แล้วอาคาริก็โดดเหยงๆ มาหาฉันพร้อมกับสายตาเป็นประกายเลย
“รุ่นพี่ค้าาาา!! ทำได้แล้วค่ะ! ทำได้แล้วจริงๆ ด้วย!”
เธอถลาเข้ามาทั้งๆ ที่ยังหอบหายใจไม่ทันเหมือนหมาพันธุ์ใหญ่ๆ เลย เลือดไหลออกจากมุมปากของเธอด้วย เธอโผเข้ามากอดฉันโดยไม่ยั้งโมเมนตัมอะไรของตัวเอง จนฉันเกือบจะล้มกลิ้งไปกับพื้นเลย
“กุอั๊ก”
“จัดการเจ้าตัวประหลาดนั่นได้แล้วค่ะ! เพราะรุ่นพี่คอยมองอยู่สินะคะ!”
“อ- อ้า อือ ทำได้แจ๋วเลย”
ฉันพยายามตอบเธอออกไป ระหว่างที่ยังโดนเธอแบร์ฮักพร้อมกับเหวี่ยงฉันหมุนไปรอบๆ อยู่
“เ―――เย้! อ๊ะ แล้วก็… ตอนที่รุ่นพี่คอยจ้องฉันอยู่ ฉันรู้สึกว่าหัวใจเต้นรัวๆ เลยนะคะ มันเป็นความรู้สึกอะไรน้า…”
“ว่าไงนะ? ธ- เธอก็แค่เข้าใจผิดไปเองเท่านั้นแหละ โอเคมั้ย?”
“อ- อาคา―――รี้…”
นัตสึมิตะโกนเรียกชื่อของอาคาริด้วยเสียงที่เหมือนจะร้องไห้แล้ว แถมเลือดยังไหลออกทางมุมปากเธอด้วย อาคาริรีบปล่อยฉันออก แล้วก็เข้าไปกอดนัตสึมิอย่างกระปรี้กระเปร่าเลย
“นัตซึน! โทษนะโทษน้า! ได้ดูมั้ยเมื่อกี้? เป็นไงล่ะ ฉันเก่งอะเปล่า?”
“อ- อือ เท่มากเลยล่ะ ทำเอากลัวนิดๆ เหมือนกัน”
“ฮิฮิ! แหงอยู่แล้ว!”
อาคาริกอดนัตสึมิ―ที่ตัวสูงกว่าเธอ―เอาไว้แน่น ก่อนจะเหวี่ยงเธอหมุนไปมารอบๆ
“เธอเก่งที่สุดเลยล่ะ อาคาริ จากนี้เธอคงไม่จำเป็นต้องมีฉันก็ได้สินะ?”
“พูดเรื่องอะไรน่ะ?”
“ก็แบบ ตอนนี้ฉันทำอะไรให้เธอไม่ได้เลยนี่ รุ่นพี่คามิโคชิยังช่วยเธอได้มากกว่าอีก…”
“นัตซึน นัตซึน―มันไม่ใช่แบบนั้นเลยนะ? อย่าร้องไห้สิ”
“ไม่ได้ร้องซักหน่อยนะ!? มันก็แค่ เธอเอาแต่พูดว่า ‘รุ่นพี่ รุ่นพี่’ นี่นา”
“โอ๋ๆ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วล่ะ เนอะ?”
อาคาริลูบหลังไปพร้อมๆ กับที่กำลังกอดนัตสึมิอยู่แบบนั้น
“นัตสึมิจังกับอาคาริจังสนี้ดสนิทกันดีเลยเนอะว่ามั้ย?”
โทริโกะกระซิบที่ข้างหูฉัน
“ดูเหมือนจะเป็นยังงั้นนะ ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าอาคาริน่ารักด้วย”
ในตอนที่ฉันตอบกลับไปแบบไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก โทริโกะก็จ้องเขม้งใส่ฉันซะงั้น
“นี่โซราโอะ เธอใช้ตาขวานั่นทำอะไรซักอย่างสินะ?”
“ก็ ใช่”
“อย่าใช้แบบนั้นกับอาคาริเยอะเกินไปนะ เธอน่าสงสารแย่เลย”
“รู้แล้วน่า”
“รู้จริงเหรอ? โซราโอะ มองตาฉันสิ”
โทริโกะดูจะอารมณ์ไม่ดีหน่อยๆ แล้ว นี่ถ้าฉันปล่อยเธอไว้แบบนี้ล่ะก็ รู้สึกได้เลยว่าเธอจะเริ่มเทศน์ฉันน่ะสิ ฉันดูที่อีก 2 คนที่เมินพวกเราไปสนุกกับช่วงเวลาสนิทสนมของตัวเองกันแล้ว ก็ตัดสินใจเปลี่ยนหัวข้อสนทนาดีกว่า
“โทริโกะ เธอก็บอกฉันน่ารักแบบที่นัตสึมิพูดถึงอาคาริอยู่บ่อยๆ เหมือนกันนี่นา?”
โทริโกะมองกลับมาหาฉันเงียบๆ พร้อมกับกระพริบตาปริบๆ รัวๆ ดูท่านั่นจะทำให้เธอตกใจมากกว่าที่ฉันคาดเอาไว้ซะอีกนะเนี่ย
“…น่าจะนะ”
“ตรงไหนของฉันกันเนี่ยที่ทำให้เธอคิดแบบนั้นได้น่ะ?”
“เอ๊ะ…? เออ… ตรงตา… ปาก… แล้วก็ ผม… ล่ะมั้ง?”
“หืม”
ที่เธอบอกมานั่น มันยังไม่พอจะบอกให้เลยแฮะว่าตกลงเธอชอบที่อะไรกันแน่น่ะ?
แล้วอาคารอกับนัตสึมิก็เดินมาหาพวกเรา ดูท่าจะใจเย็นลงแล้วสินะ
“รุ่นพี่คะ คิดว่าตอนนี้ อุบัติเหตุครั้งนี้จบแล้วรึยัง?”
“อ้า คิดว่านะ จากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ พอจัดการตัวพวกนั้นแล้ว ความผิดปกติก็จะถูกลบล้างไปเอง”
“แล้วพวกโกศหรือของอื่นๆ นี่ ทิ้งไว้เฉยๆ จะดีเหรอคะ?”
“ฉันว่าเอาของพวกนี้มารวมกันแล้วเผาทีเดียว ไม่ก็เอาไปทิ้งก็ได้นะ”
ฉันตอบไปแบบนั้น นัตสึมิก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ขอบคุณค่ะ… ช่วยได้มากเลย”
“ขอบคุณนะคะ!”
อาคาริตะโกนตอบมาอย่างดังเลย ฉันมั่นใจนะว่าฉันก็แค่ทำเรื่องที่ทำกับโทริโกะอย่างทุกที แต่นี่มันรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองอยู่ในชมรมกรีฑาเลย แปลกๆ ยังไงไม่รู้แฮะ
“อ้อ! จริงด้วยสิ! ทั้งสองคน รีบไปเก็บฟันของตัวเองไว้ก่อนดีกว่านะ”
โทริโกะพูดขึ้นมาเหมือนกับเพิ่งนึกได้
“ถ้าเอาแช่นมเอาไว้แล้วรีบเอาไปให้หมอฟัน น่าจะยังใส่คืนกลับไปได้อยู่นะ”
“จริงเหรอ!?”
“อุหวา ต้องรีบแล้วๆ”
นัตสึมิอุทานพร้อมกับอ้าปากค้าง ก่อนที่ทั้งคู่จะรีบหันวิ่งไปเก็บฟันขาวใสกลางแอ่งเลือดที่ตกอยู่บนพื้น ฉันก็เข้าไปช่วยตอนที่พวกเธอเข้าไปทางประตูเข้าด้านข้างบ้านด้วยการไปเตรียมนมไว้ให้
“แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นเนี่ย… เธอพอจะนึกออกหรือเปล่าว่าอะไรที่อาจจะทำให้มันเกิดขึ้นน่ะ?”
“ทำให้เกิดขึ้น?”
พอฉันถามออกไปแบบนั้น นัตสึมิก็พูดทวนคำถามนั้นกลับมา
“อย่างเมื่อตอนของอาคาริจัง มันก็เริ่มมาจากเครื่องรางแปลกๆ อันนึง คุณอิชิคาวะเคยได้อะไรมาจากใครหรือเปล่า?”
“ก็ไม่มีนะ… อ๊ะ แต่ไอ้นั่นอาจจะมีส่วนอะไรซักอย่างก็ได้มั้งคะ”
“ไอ้นั่น?”
“เมื่อไม่นาน ฉันดูวิดีโอน่ากลัวอยู่ จากยูทูบเบอร์คนนึงค่ะ”
“หมายถึง ทางออนไลน์สินะ?”
“ค่ะ ตัวเรื่องเองมันไม่ได้น่ากลัวอะไร ฉันก็เลยจำไม่ได้แล้ว แต่ว่า… ในคลิปก็มีพูดถึงเหมือนกัน เป็นเรื่องเล่าแนวที่ว่าถ้าได้รู้เรื่องแล้ว มันก็จะส่งผลกับผู้ที่ได้ฟังได้อ่านด้วย พวกเรื่องแนวๆ [รับผิดชอบตัวเอง (自己責任)] น่ะค่ะ”
TN: 自己責任 (Jiko sekinin) แปลตามตัวอักษรจะหมายถึง “รับผิดชอบตัวเอง” ในส่วนของเรื่องสยอง เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอาจจะมีผลกระทบต่อผู้อ่าน เช่น โดนคำสาป, มีเสียงแปลกๆ ในบ้าน, หมาหอน ฯลฯ ฉะนั้น ใครไม่อยากเสี่ยงกับความสยองที่เข้าถึงตัวได้ ก็ขอให้ข้ามเรื่องเล่าในแนวดังกล่าวไป
หนึ่งในเรื่องที่ดังที่สุดของเรื่องเล่าแนว ‘รับผิดชอบตัวเอง’ ก็คือเรื่อง [牛の首 (Ushi no Kubi) แปลตรงตัวได้ว่า ‘หัววัว’] หรือ [牛頭 (Gozu)] ซึ่งจะมีกล่าวถึงในอนาคตอันไกลนะครับ
ความแปลกประหลาดที่สามารถแพร่กระจายถึงกันได้เหมือนโรคติดเชื้อ ก็เป็นหัวข้อเรื่องที่เจอได้บ่อยๆ เลยนะ แต่ว่า…
“ฉันไม่ได้เชื่อเรื่องนั้นเลยจริงๆ หรอกค่ะ แต่ว่าตอนนี้ พอมาลองนึกย้อนดูแล้ว วันถัดมาหลังจากที่ฉันได้ฟังเรื่องในคลิป เจ้าลิงมันก็โผล่มาเลย”
“หืม? ใครเหรอที่เป็นคนเล่าเรื่องที่ว่านั่นน่ะ?”
“เป็นผู้หญิงนะคะ ชื่อของเธอนี่… น่าจะ ท่านลูน่ามั้งคะ?”
“หืม ท่านลูน่างั้นเหรอ?”
“ค่ะ อ้อ นึกออกแล้ว ชื่ออุรุมิลูน่าค่ะ”
ลูน่า (ルナ : Luna)… ดวงจันทร์สินะ? อุรุมิ (ウルミ : Urumi)… ขุ่นมัว (潤み : Urumi)…
““!?””
แล้วทั้งฉันทั้งโทริโกะก็จ้องไปที่นัตสึมิกันแบบพูดอะไรไม่ออกเลย
“เอ๊ะ…? อะไรเหรอคะ?”
“อุรุมะ ซัทสึกิ!?”
TN: นี่คือการแปลชื่อของอุรุมะ ซัทสึกิ (閏間 冴月)
閏 (Urū) หมายถึง การเพิ่มเติม, วันที่เพิ่มเข้ามาในเดือนกุมภาพันธ์ในปีอธิกสุรทิน หรือก็คือวันที่เพิ่มเข้ามาในเดือนกุมภาพันธ์ที่มี 29 วัน
間 (Ma) แปลว่า กึ่งกลาง, ระหว่าง
冴 (Sae) แปลว่า ชัดเจน แจ่มใส
月 (Tsuki) แปลว่า ดวงจันทร์
ก็จะเห็นว่า ชื่อของ [อุรุมิลูน่า (ウルミルナ)] เกี่ยวข้องกับชื่อ [ซัทสึกิ (冴月)] ขนาดไหน
“เธอคนนั้นตัวสูงมั้ย? ผมยาวรึเปล่า? สายตาดูดุๆ? ใส่แว่นมั้ย? เธอเป็นผู้ใหญ่แล้วใช่รึเปล่า?”
โทริโกะพูดรัวๆ ไม่ยั้งเลย
“ไม่นะ ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย ถ้าจะให้พูด ก็ยังดูเป็นเด็กอยู่เลยนะคะ อาจจะซัก เด็กมอปลายล่ะมั้ง? ใส่ชุดกะลาสีอยู่ด้วย”
“ชุดกะลาสี…”
ฉันหันไปมองที่โทริโกะ―แล้วเธอก็ส่ายหน้าแรงๆ เลย ดูท่าอุรุมะ ซัทสึกิจะไม่ใส่ชุดกะลาสีที่ขัดกับอายุของเธอสินะ
“แต่ จำเรื่องที่เธอคนนั้นเล่าไม่ได้เลย”
นัตสึมิพูดต่อโดยที่ไม่ทันสังเกตบรรยากาศตึงเครียดระหว่างพวกฉันเลย
TN: อืม… มีปมแปลกๆ ทิ้งเอาไว้ซะแล้วสิ