[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 85 ไฟล์ 10 : คุณซันนุกิและคุณคาราเทก้า [4]
- Home
- [นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง
- ตอนที่ 85 ไฟล์ 10 : คุณซันนุกิและคุณคาราเทก้า [4]
TN: ถ้าพวกคุณสงสัยว่าผมหายไปไหนซะนาน คำตอบครับคือ “ยุ่งมากจนปลีกเวลามาลงนิยายก็ยังไม่ได้” แต่ตอนนี้พอมีเวลาละครับ กลับมาลงแล้ว ไม่ลอยแพพวกคุณแน่นอนครับ (เกี่ยวก้อยสัญญา)
ฉัน โทริโกะ กับอาคารินั่งรถไฟสายไซเคียวไปสถานีมิยามิโยโนะกัน แล้วก็ขึ้นรถเมล์ที่วงเวียนกันต่อ หลังจากที่นั่งรถกันมาประมาณ 10 นาที พวกเราก็จะมาถึงมหาลัยของฉัน แล้วก็ผ่านอพาร์ทเมนต์ของฉันไป แต่คราวนี้ พวกเราลงก่อนระหว่างทางนะ
อาคาริพาพวกเราไปที่บ้านของ ‘นัตซึน’… หรือก็คืออู่ของบ้านเธอที่ออกมาจากถนนหลักซักหน่อย
ตึกหลังนึงที่มีป้ายตัวอักษรซีดๆ เขียนบอกว่า [อู่ซ่อมรถอิชิคาวะ] ในอู่ที่กลิ่นน้ำมันกับกลิ่นโลหะลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศ ตอนนี้ก็มีรถอยู่ 2 คัน: รถเคย์กับรถตู้ แล้วก็มีขาคู่นึงโผล่ออกมาจากใต้รถตู้ที่ถูกแม่แรงยกขึ้นไปด้วย
TN:
“นัตซึน พอมีเวลามั้ย?”
อาคาริเรียกออกไป แล้วขาคู่นั่นก็ขยับ คนที่กำลังทำงานซ่อมอยู่ใต้รถตู้ก็ไถของที่ดูคล้ายๆ กับสเกตบอร์ดออกมา เธอเป็นผู้หญิงวัยรุ่นในชุดจั้มสูทสีเทา ผมสีแดงที่มีรากผมสีเข้มถูกมัดรวบอยู่หลังหัวเธอ ภาพแรกที่ฉันเห็นเลยเนี่ย เอาจริงๆ เลยนะ เธอดูเหมือนพวกเด็กอันธพาลเลย
“ว่าไง อาคาริ? เธอส่งไลน์มาหาด้วยเหรอ?”
“ใช่”
“โทดที ไม่ได้ดูเลยน่ะ”
“โธ่ ก็บอกแล้วนี่ว่าให้คอยดูเอาไว้น่ะ”
ตอนที่อาคาริคุยกับ ‘นัตซึน’ นี่ น้ำเสียงของเธอดูทั้งผ่อนคลายทั้งเป็นกันเองกว่าตอนคุยกับฉันเยอะเลยแฮะ ฉันว่าเธอคงพยายามจะพูดให้สุภาพสินะ ฉันคิดอยู่แบบนั้นก่อนที่อาคาริจะชี้มาที่พวกเรา
“เธอจำตอนที่ฉันบอกว่าอาจจะไปขอให้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยได้เนอะ? ก็ ฉันไปขอมาได้แล้วนี่ไง”
“จริงเหรอเนี่ย? ขอโทษนะที่ต้องรบกวนแบบนี้…”
ตาของ ‘นัตซึน’ มองผ่านไหล่ของอาคาริมา… แล้วก็ผ่านฉันไปหยุดที่หน้าของโทริโกะ เธอกระพริบตาปริบๆ เหมือนจะชะงักไปเลย
“หวัดดีค่ะ ฉันชื่ออิชิคาวะ รุ่นพี่คามิโคชิสินะคะ? ต้องขอรบกวนด้วย”
“อ๊ะ นัตซึน! ไม่ใช่ซักหน่อย คนนั้นคุณโทริโกะนะ รุ่นพี่คามิโคชิน่ะคนนี้”
พออาคาริอธิบาย สายตาของเธอก็เลื่อนมาที่ฉันแทน
“โอ๊ะ! ฮะ จริงดิ? คนนี้คือรุ่นพี่คามิโคชิงั้นเหรอ? …หืม”
เฮ้ ท่าทีแบบนั้นมันยังไงน่ะฮะ? นี่ฉันโดนเธอดูถูกงั้นเหรอ? ฉันชักจะยัวะขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว แต่อาคาริก็ตื่นเต้นขึ้นมาเพราะอะไรไม่รู้
“ทั้ง 2 คนเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องแบบนี้เลยล่ะ! ฉันมั่นใจเลยว่าพวกเธอต้องช่วยเธอได้เหมือนกันแน่! เล่าให้พวกรุ่นพี่ฟังได้เลย”
“อืม เอาเถอะ… ฉันก็ไม่ได้ติดอะไรอยู่แล้ว”
‘นัตซึน’ พูดแบบนั้น ดูท่าทางจะไม่ยังสนิทใจเท่าไหร่ เธอไม่พยายามจะซ่อนความระแวงสงสัยในตัวฉันเอาไว้เลยซักนิดเดียวด้วย
เอาเถอะ ฉันไม่โทษเธอหรอก ฉันดูเหมือนโอตาคุมืดมนนี่นา ฉันยังนึกภาพตัวเองกับนักเลงอย่างเธอจะเข้ากันได้เลยด้วยซ้ำ ถ้าเธอจะทำท่าทีแบบนี้กับฉัน ที่อุตส่าห์ลำบากดั้นด้นมาถึงนี่ล่ะก็ ฉันก็จะไม่สนอะไรเธอด้วยเหมือนกัน
“อ้อ ได้ ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันช่วยแล้ว งั้นฉันไปล―”
ฉันเริ่มจะพูด แต่โทริโกะก็ตัดบทฉันซะก่อน
“เธอถืออะไรมาด้วยน่ะ?”
โทริโกะชี้ไปที่มือของ ‘นัตซึน’ ฉันเองก็ดูด้วยเหมือนกัน ในถุงมือสีขาวมอมแมมของเธอก็กำก้อนผมเอาไว้ด้วย ดูเหมือนจะมีกระทั่งเศษหนังเศษเนื้อติดอยู่ด้วยนะนั่นน่ะ
‘นัตซึน’ ก้มลงมาดูของที่เธอกำอยู่ แล้วหน้าเธอก็บึ้งขึ้นมาเลย
“ไอ้นี่มันพันอยู่ที่เพลาขับเต็มไปหมดเลยน่ะสิ…”
เธอโยนมันลงในถังสีเปล่าๆ ถังนึงพร้อมกับเดาะลิ้นรำคาญใจ แล้วฉันก็ได้ยินเสียงกระฉอกดังออกมาจากข้างในด้วย
“ได้ยินว่ารถคันนี้ไม่ได้เจอชนอะไรมาด้วย แต่ก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ เลยช่วงนี้”
ฉันกับโทริโกะหันมามองหน้ากัน
‘นัตซึน’ ถอดถุงมือของเธอออก แล้วก็ หลังจากคิดใหม่อีกทีนึง เธอก็พูดต่อ
“เอาล่ะ ไหนๆ ก็มาที่นี่แล้ว… ช่วยมาด้วยกันซักหน่อยได้มั้ย?”
‘นัตซึน’―อิชิคาวะ นัตสึมิ―พาพวกเราเดินวนไปที่ด้านหลังอู่ ตรงส่วนของตัวบ้าน พอพวกเราเดินเลยจากบ้านเดี่ยวชั้นเดียวเก่าๆ ไป เราก็มาเจอกับลานบ้านที่ใหญ่จนน่าตกใจ สมัยก่อนพวกเขาอาจจะเป็นเจ้าของที่ก็ได้มั้ง ระหว่างต้นไม้ประดับสวนสีเขียว มีหินประดับสวนก้อนใหญ่อยู่ประมาณนึง นัตสึมิชี้ไปที่หินก้อนนึง ก่อนจะพูดว่า
“ตรงนั้นแหละ ลิง ฉันกะจะถ่ายไปลงไอจีเพราะไม่ได้มีลิงโผล่มาให้เห็นบ่อยๆ แต่มันก็หันมาหา แล้วก็เริ่มพูดกับฉัน ‘สันนุกิ (ザンヌキ) กำลังมา แย่หน่อยนะ’ หรืออะไรแบบนั้นนั่นแหละ”
“สันนุกิ? ไม่ใช่ซันนุกิคันโนะเหรอ?”
อาคาริขัดขึ้นมา
“คันโนะ? ไรล่ะนั่น?”
“เปล่า ก็ก่อนหน้านี้เธอพูดแบบนั้นนี่ ชัดมากเลยด้วย”
“ไม่อะ จำไม่เห็นได้เลย”
นัตสึมิขมวดคิ้วเลย
“ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นสัน (ザン) หรือซัน (サン) หรือจะอะไรก็ช่างเถอะ แต่ฉันไม่ได้ยินคำพูดของลิงมันเข้ามาในหูเนี่ยสิ เสียงมันดังตรงเข้ามาในหัวเลย เจอยังงั้นฉันหลอนไปหมด แล้วลิงตัวนั้นมันก็รีบเผ่นหายไปเลย สังเกตอีกที ก็มีฟันอยู่ตรงเท้าฉันแล้ว”
“ยังเก็บมันไว้อยู่หรือเปล่า?”
ฉันถามไป แต่นัตสึมิก็ส่ายหัว
“น่าขนลุกจะตาย ฉันก็เขวี้ยงมันทิ้งไปแล้ว ไม่ดีเหรอ?”
“เปล่าหรอก เธอก็น่าจะทำแบบนั้นอยู่แล้วล่ะนะ”
ฉันว่าอะไรเธอไม่ได้หรอก ก็นะ เป็นเรื่องสมเหตุสมผลจะตายที่จะทำแบบนั้น การที่เธอปาฟันนั้นทิ้งก็จะต่างไปจากเรื่องราวต้นฉบับในเน็ตแล้ว แต่เอาจริงๆ การทำตามที่ลิงบอกเนี่ยมันก็เป็นการกระทำที่ผิดปกติอยู่แล้วนี่นะ
“แต่ถึงงั้น ก็อดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าฉันทำพลาดไปแล้วแน่เลย ตั้งแต่ตอนนั้นแหละที่ทุกอย่างมันดิ่งลงนรกเลย”
“ดิ่งลงนรกเหรอ?”
“คิดว่าน่าจะซัก 3 วันหลังจากที่เจ้าลิงนั่นโผล่มาล่ะมั้ง? ก็มียายแก่ที่ไหนไม่รู้มาผูกคออยู่ตรงต้นไม้ต้นนั้นน่ะ”
“อุหวา…”
เธอชี้ไปตรงต้นปาล์มตรงมุมสวน กิ่งเตี้ยๆ หนาๆ กิ่งนึงถูกตัดทิ้งไปตรงตำแหน่งแปลกๆ แถมรอยตัดก็ยังใหม่อยู่เลยด้วย
“ฉันไม่รู้เลยว่าเธอเป็นใคร ก็เลยทำอะไรไม่ถูกเลยตอนนั้น ทำไมยัยแก่นี่ต้องมาตายที่สวนบ้านเราด้วย…? ตำรวจก็มา แล้วก็ถามนู่นถามนี่ แต่ฉันก็ไม่มีเบาะแสอะไรซักอย่างจะตอบเลย”
อะไรล่ะนั่น? ในเรื่องของซันนุกิคันโนะเนี่ย ยายแก่จะมาหานะ แต่แกก็ไม่ได้มาตายหรืออะไรแบบนั้นนี่นา
“ตั้งแต่ตอนนั้น ทุกอย่างมันก็บ้ากันไปหมด… ตาแก่ฉันซ่อมช่วงล่างรถอยู่ดีๆ จู่ๆ แม่แรงมันก็หลวม รถมันก็ลงมาทับซี่โครงหักเลย แม่ก็โดนใครไม่รู้ชนแล้วหนีอีก…”
“เอ๋!? ทั้งคู่ยังปลอดภัยมั้ย!?”
โทริโกะถามขึ้น นัตสึมิได้ยินก็ถอนหายใจออกมา
“ยังนอนโรงบาลกันทั้งคู่เลย ฉันก็เลยต้องคอยดูแลทุกอย่างรอบๆ บ้าน แล้วอะไรที่มันแปลกๆ ก็แห่กันมาเต็มไปหมด… เจอแต่รถที่เหมือนกับไปเจออุบัติเหตุอะไรมาขับเข้ามาซ่อม แล้วก็มีคนมารายงานบุคคลน่าสงสัยอีกเพียบเลยด้วย มีตาลุงอ้วนคนนึงที่เดินยิ้มมาหาฉันพร้อมกับมีดในมือด้วย ฉันก็ไล่หมอนั่นกลับไปด้วยประแจได้อยู่ แล้วก็มีสายโทรศัพท์น่าขนลุกโทรมาหากลางดึกเลยด้วย ในสายก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากเสียงผู้หญิงหัวเราะดังเข้ามา”
“นัตซึน…”
พอน้ำเสียงของนัตสึมิมันหงุดหงิดมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ อาคาริก็เอามือไปลูบหัวเพื่อช่วยให้เธอสบายใจขึ้น สุดท้ายนัตสึมิก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกรอบนึง ก่อนจะพูดต่อ
“รุ่นพี่คามิโคชิ… สินะคะ? รุ่นพี่คิดว่านี่เป็นความผิดของฉันจริงๆ หรือเปล่า? ฉันได้ยินว่ารุ่นพี่เคยช่วยอาคาริมาแล้วก่อนหน้านี้ทีนึง แต่กับเรื่องนี้ รุ่นพี่พอจะช่วยอะไรได้มั้ยคะ?”
วิธีที่เรื่องผีที่มีการพบเห็นจริงดำเนินไปน่ะมันไร้เหตุผลอยู่แล้ว เหมือนบังคับให้เล่นเกมห่วยๆ ที่ทั้งเป้าหมายทั้งกฎก็ถูกกำหนดเอาไว้แบบห่วยๆ ไม่ต่างกัน แถมยิ่งกว่านั้น ถ้าเกิดทำอะไรผิดพลาดไป บทลงโทษก็หนักหนาสาหัสสุดๆ พลาดครั้งเดียวก็เท่ากับตาย เป็นบ้า ไม่ก็โดนสาปมันทั้งตระกูลอะไรแบบนั้น
“รุ่นพี่คะ ไม่ใช่ว่านี่ แบบว่า เหมือนกับอันนั้นตอนที่ฉันเจอแมวนินจาเหรอคะ?”
ฉันพยักหน้าตอบให้อย่างอึกอัก ตอนที่แมวนินจาพากันบุกมาน่ะ พื้นที่ทุกอย่างรอบตัวของอาคาริมันแปลกไปหมดเลย―นั่นแหละคือวิธีที่เธอใช้อธิบายการลอดเข้าไปตรงรอยต่อระหว่างโลกเบื้องหน้ากับโลกเบื้องหลัง
“คราวนี้เราควรจะทำยังไงดีคะ?”
“อืมมม…”
ระหว่างที่ฉันยังคิดคำที่จะพูดอยู่ ก็มีคนมาแตะที่บ่าของฉัน แล้วโทริโกะก็ตอบ
“ง่ายๆ นี่? เราก็แค่ทำเหมือนทุกทีไง”
“เหมือนทุกที?”
“เธอก็ใช้ตาขวามองมันไว้ แล้วฉันก็―”
“ฉันขอทักเธอไว้ก่อนเลยนะ พวกเราใช้เจ้านี่ไม่ได้ซักหน่อย”
ฉันใช้มือขวาตัวเองทำท่าเหมือนปืน แล้วโทริโกะก็ตาเบิกโพลงเลย
“อ๊ะ!”
“อย่ามา ‘อ๊ะ!’ สิ ให้ตายเถอะ”
ยังไงซะ ก็มาถึงที่นี่แล้ว ฉันรู้ดีว่าคงจะไม่ลอยแพพวกเธอไว้ตรงนี้แล้วก็กลับบ้านไปซะดื้อๆ หรอก แม้แต่ตัวฉันเองก็มีความเห็นอกเห็นใจมากขนาดนี้เลยนะ ฉันหันไปหานัตสึมิที่ยังยืนตัวชิดอยู่กับอาคารอยู่ตอนนี้
“เอาเป็นว่าตอนนี้… ลองตามหาฟันที่หายไปดูก่อนดีมั้ย?”
TN: โซราโอะจัง อย่าเพิ่งงอนน้า~ ^^
แล้วก็ เปิดตัวตัวละครใหม่นะครับ เพื่อนของรุ่นน้องที่น่ารักของเรา อิชิคาวะ นัตสึมินั่นเอง (รูปของน้องจะมาในอนาคตนะ)