[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 74 ไฟล์ 9 : ตัวตนของยามาโนเกะ [1.2]
“นี่ โทรศัพท์เธอมันร้องเตือนมาซักพักแล้วนะ ปล่อยไว้แบบนั้นจะดีเหรอ?”
โทริโกะถาม แล้วฉันก็ก้มลงไปดูที่โทรศัพท์ของฉันที่สั่นอืดๆ อยู่บนโต๊ะ
“ไม่มีปัญหา ช่างมันเถอะ ยังไงซะก็คงเป็นคาราเทก้านั่นแหละ”
ฉันหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเช็คดูก่อนเผื่อเอาไว้ แล้วก็เป็นอย่างที่คิด
คนที่ส่งข้อความมาหาฉันก็คือคาราเทก้า―เซโตะ อาคาริ เด็กปี 1 ที่มหาลัยของฉันเอง เซโตะ อาคาริที่เล่นคาราเต้นั่นแหละ รุ่นน้องที่มหาลัยคนเดียวที่ฉันพอจะมีปฏิสัมพันธ์ด้วย ที่มารู้จักกับฉันได้จากการที่เธอโดนพวกแมวนินจาเข้ามาทำร้ายน่ะนะ
ในระหว่าง 2 วันที่พวกเราตรวจสุขภาพกันอยู่ ก็มีเวลาว่างกันเยอะเลย พวกเราก็เลยผลาญเวลาทิ้งไปกับการไล่ดูเน็ตฟลิกซ์ แต่โชคของฉันมันก็หมดไปแล้วตอนที่ฉันดันเผลอไปตอบกลับข้อความของคาราเทก้า
ตั้งแต่นั้นมา สงสัยเธอคงจะสับสนอะไรซักอย่างแล้วนะ เพราะเธอพูดกับฉันแบบเยอะสุดๆ ไปเลย
บทสนทนามันก็จะประมาณนี้แหละ:
“เป็นยังไงบ้างคะตอนนี้?”
“นี่เธอเป็นใครเนี่ย? แฟนฉันรึไง?”
“รุ่นพี่รู้จักตำนานเมืองอันนี้หรือเปล่าคะ?”
“รู้จัก ไม่สนใจ แล้วความรู้ของเธอเรื่องนี้มันก็ตื้นไปนะ”
“ฉันไปเจอที่ใกล้ๆ ที่นึงที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเป็นประจำเลยด้วยค่ะ ว่ายังไงบ้างคะ?”
“หมายความว่าไงฮะที่ว่ายังไงบ้างน่ะ?”
มีแต่บทสนทนาที่ไร้สาระทั้งนั้นเลย แล้วฉันก็พยายามจะตอบให้ห้วนที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว แต่ก็ดูไม่มีทีท่าจะเสียกำลังใจลงไปเลยซักนิด
“เพื่อนฉันคนนึงเขาไปเจอเรื่องน่ากลัวซักอย่างตอนไปทดสอบความกล้าด้วยค่ะ รุ่นพี่สนใจหรือเปล่าคะ?”
“บ่”
“ตอนที่ฉันเล่าประสบการณ์ของตัวเองให้เธอฟังไปนิดหน่อย เธอก็ดูจะสนใจเหมือนกันนะคะ หวังว่ารุ่นพี่จะมาคุยกับเธอด้วยกันซักตอนนึงหน่อยนะคะ”
“ทำอะไรของเธอเนี่ย? อย่าเอาเรื่องนั้นไปบอกใครสิ”
“สบายใจได้เลยค่า ฉันไม่ได้เอาเรื่องนั้นไปบอกใครเลย”
แล้วก็มีอิโมจิรูปปืนส่งต่อท้ายจากข้อความนั้นมา ทำเอาคิ้วฉันขมวดเข้ามาเลย
ตั้งแต่ที่พวกเราช่วยเธอมาจากพวกแมวนินจา คาราเทก้าก็ดูเหมือนจะเข้าใจผิดไปเองแล้วว่าฉันกับโทริโกะจะเป็น [ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเรื่องเหนือธรรมชาติ] แล้วก็มาพร้อมกับข้ออ้างใหม่ๆ เพื่อเข้ามายุ่งพวกเราตลอดเลย
ดูเหมือนเธอจะสนใจเรื่องน่ากลัวๆ มาตลอดเลยล่ะนะ แต่ฉันว่าเธอออกจะมุ่งมั่นมากไปหน่อย ถึงจะคิดแบบนั้นแล้วก็เถอะ
ตอนที่ฉันใช้ตาขวาจ้องที่คาราเทก้าไป ลักษณะการพูดและการกระทำของเธอมันก็ผิดปกติไปอย่างชัดเจนเลย เป็นไปได้มั้ยล่ะเนี่ยที่ลักษณะนิสัยของฉันมันจะไปส่งผลกับเธอซะแล้วน่ะ…?
จะยังไงก็เถอะ การเป็นคนคลั่งเรื่องผีที่ชอบเดินหน้าเข้าไปลุยเหลือเกินด้วยเนี่ยยังไงมันก็แย่สุดๆ ไปเลยล่ะ
การไปในที่เฮี้ยนๆ เพื่อทดสอบความกล้า จะได้ไปเจอกับประสบการณ์หลอนๆ, ไปเตะหลุมศพ, เอาของผีกลับมา…
เรื่องผีที่มีการพบเห็นจริงๆ ที่ฉันเคยอ่านมา มีอยู่เพียบเลยล่ะที่มีเรื่องของพวกคนที่ล้ำเส้นไปแบบนั้น แล้วก็แทบทุกเรื่อง มันก็จบไม่สวยซักเรื่องเลยด้วยสิ
ฉันไม่ได้สนิทกับคาราเทก้าอะไรหรอก แต่ฉันก็ไม่อยากจะให้มันเป็นความผิดของฉันถ้าเกิดว่ามันดันมีเรื่องร้ายๆ อะไรเกิดขึ้นกับยัยนั่นเหมือนกันนั่นแหละ
[ตอนนี้กินข้าวอยู่น่ะ]
ฉันส่งข้อความนั้นกลับไปเพื่อตัดบทสนทนา ก่อนจะเปิดโหมดเครื่องบินเอาไว้
“เธอไม่จำเป็นต้องคุยกับคาราเทก้าจังก็ได้งั้นเหรอ?”
“ช่าย ฉันแทบจะบล็อกยัยนั่นทิ้งอยู่แล้วนะ แต่ถ้าเกิดฉันทำแบบนั้น ยัยนั่นก็จะมาเกาะแกะกับฉันที่มหาลัยอีกน่ะสิ”
“เด็กคนนั้นเคารพเธอน่าดูเลยนะ? ให้เวลากับเธอซักหน่อยสิ”
“แบบว่า ก็นะ ฉันไม่อยากจะดึงยัยนั่นไปยุ่งกับเรื่องอะไรแล้วด้วย เอาจริงๆ คือยัยนั่นน่ะรู้มากเกินไปแล้วด้วยซ้ำ”
“ก็ จริงนะ แต่…”
โทริโกะเม้มริมฝีปากอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
มุมมองของเธอที่มีต่อคาราเทก้านี่มันแกว่งไปแกว่งมานะ เรื่องที่ว่าพวกเธอทั้งคู่เคยเรียนกับอุรุมะ ซัทสึกิมาก่อนเหมือนกันต้องทำให้เธอตกใจมากพอควรแน่นอนเลย เธอเคยเชื่อมาตลอดเลยว่าเธอเป็น ‘เพื่อน’ คนเดียวของซัทสึกิน่ะ
ถึงยังงั้นก็เถอะ เวลาฉันพูดจาห้วนๆ ไม่รักษาน้ำใจกับคาราเทก้า โทริโกะก็ดูจะไม่ค่อยชอบใจแบบนั้นเท่าไหร่เหมือนกัน ฉันว่าเธอคงจะมองเห็นตัวของเธอเองซ้อนทับกับคนที่เจอสถานการณ์แบบเดียวกันกับเธอมาล่ะมั้ง แต่เรื่องนั้นมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันซักหน่อย
ถ้าฉันเออออไหลตามคำยกยออุรุมะ ซัทสึกิของโทริโกะกับคาราเทก้าที่บางครั้งก็พูดชมกันอย่างไม่ปิดบังเลยเนี่ย ฉันคงได้เป็นบ้ากันพอดีแหงๆ
“…แล้วนี่ พวกเธอยังจะไปกันอีกเหรอเนี่ยฮะ?”
คุณโคซากุระถามขึ้นมาในขณะที่ในปากก็กำลังเคี้ยวซาลาเปาไส้งาดำอยู่
ฉันกับโทริโกะหันมามองหน้ากัน แล้วก็พยักหน้าตอบ
“ใช่ค่ะ แต่ว่า ครั้งนี้ฉันไม่คิดว่าจะไปไหนไกลหรอกนะคะ”
“อือ ฉันกับโซราโอะคุยกันแล้วล่ะ พวกเราว่าจะเริ่มค่อยๆ เดินทางแบบง่ายๆ จากเกทนึงไปหาอีกเกทนึงดูก่อนน่ะ”
“ถึงจะบอกว่าง่ายๆ ก็เถอะ แต่มันก็ไกลกันพอควรเลยไม่ใช่หรือไง? ฉันหมายถึง ก็จริงแหละ ระยะทางประมาณนั้น ทางทฤษฎีมันก็เดินถึงกันได้นะ แต่…”
คุณโคซากุระพอจะตามทันเรื่องระยะทางในโลกเบื้องหลังได้จากตอนที่ต้องเดินอยู่กับฉันเมื่อตอนที่พวกเราเจอกับคุณลุงในห้วงมิติน่ะ ซึ่งโทริโกะก็พยักหน้า
“คราวนี้ พวกเราจะใช้ AP-1 น่ะ เพราะงั้นแหละ ครั้งนี้พวกเราเลยกะจะใช้เกทที่บ้านโคซากุระเป็นเอนทรีพ็อยต์หน่อย จะว่าอะไรหรือเปล่า?”
คำพูดของโทริโกะทำเอาคุณโคซากุระขมวดคิ้วเลย
“ถ้าฉันเอ็ดขึ้นมาเนี่ย พวกเธอจะยอมแพ้แค่นั้นเลยรึไง? ตามใจพวกเธอเถอะ”
“ขอบใจนะ”
แล้วฉันก็พูดต่อหลังจากที่โทริโกะแวะเข้ามาพูดเรื่องเมื่อกี้นี้
“ฉันคิดว่าพวกเราจะค่อยๆ ขยายขอบเขตออกไปแบบนี้ค่ะ จนถึงตอนนี้ พวกเราไม่เคยเดินทางออกไปห่างจากเกทแต่ละอันเท่าไหร่เลย ถึงพวกเราจะมีเอนทรีพ็อยต์อยู่หลายอันก็ตาม แต่นั่นมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันนัก เพราะแบบนั้น ฉันก็เลยอยากจะมีเส้นทางที่ปลอดภัยเอาไว้ระหว่างเกทที่พวกเรารู้อยู่แล้วซะก่อน เพื่ออนาคตน่ะค่ะ”
“ในโลกพรรค์นั้น มันมีเส้นทางที่ปลอดภัยอยู่ด้วยรึไง?”
คุณโคซากุระถามขึ้นมา
“ก็ ทั้งหมดที่ฉันหมายถึงนี่มันก็แค่เส้นทางที่ไม่มีกลิตช์นั่นแหละค่ะ”
“ถ้าพวกเราทำเครื่องหมายไว้―แบบทิ้งเศษขนมปังไว้ตามทาง―ตามหลังพวกเราระหว่างที่เดินทางไปด้วย ในวันข้างหน้า อะไรๆ มันก็จะง่ายขึ้นใช่มั้ยล่ะ?”
“…มัน ก็จริง”
มีการขาดช่วงที่น่าอึดอัดเกิดขึ้นก่อนที่ฉันจะตอบโทริโกะกลับไป มันก็จริงอยู่ที่ว่าถ้าเราปักป้ายเอาไว้ตามเส้นทางของพวกเรา การจะมาจัดการอะไรในโลกเบื้องหลังในคราวต่อๆ ไปมันก็จะง่ายขึ้น เพราะแบบนั้นแหละ ต่อให้ฉันจะไม่ได้ใช้ตาขวาของตัวเอง พวกเราก็สามารถเข้ามาได้โดยไม่ต้องพะวงเรื่องกลิตช์เลย
พูดสั้นๆ ก็คือ โทริโกะจะมาที่นี่เองได้โดยไม่ต้องมีฉันก็ได้อีกแล้วน่ะสิ…
แต่ก็นั่นแหละ ต่อให้พวกเราจะปักหลักเส้นทางที่ค่อนข้างจะปลอดภัยเอาไว้แล้วก็ตาม ส่วนพื้นที่ที่เหลือมันก็ยังอันตรายอยู่เหมือนเดิม ฉันว่าฉันคงไม่ต้องกังวลขนาดนั้นก็ได้นะ
“ขนาดเจอเรื่องน่ากลัวกันมาเยอะแยะขนาดนั้นแล้วแท้ๆ ทำไมพวกเธอ 2 คนถึงไม่หยุดกันซักทีนะ? พวกเธอก็เห็นสภาพน่าสลดของพวกผู้ติดต่อประเภท 4 กันมาแล้วไม่ใช่รึไง? ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่าขนาดพวกเธอได้เห็นแล้ว ยังจะอยากไปกันอีกเนี่ยนะ เพื่ออะไรเนี่ย?”
“อืม… ฉันคิดว่าพวกเราอยู่ในระดับความรู้สึกตัวที่แตกต่างกันระหว่างโลกฝั่งนั้นเทียบกับฝั่งนี้ก็ได้นะคะ”
“ฮะ?”
“เวลาที่เราฝันร้าย ตอนที่เรากำลังหลับอยู่ เราก็จะรู้สึกกลัวมากๆ เลย แต่ว่า พอเราตื่นขึ้นมาซักพักนึงแล้ว ถึงพวกเราจะจำมันได้อย่างชัดเจนก็ตาม สภาวะความรู้สึกกลัวแบบในตอนนั้นก็จะหายไปแล้วใช่มั้ยล่ะคะ? เราจะไม่มีการพูดว่า ‘ฉันจะไม่กลับไปนอนอีกเป็นครั้งที่ 2 อีกแล้ว’ เลย”
ฉันอธิบายให้คุณโคซากุระที่กำลังมองมาทางฉันด้วยสายตางงๆ ฟัง
“ฉันคิดว่าประสบการณ์ความกลัวที่พวกเราเห็นในประสบการณ์เรื่องผีที่มีการพบเห็นจริงๆ จะมีองค์ประกอบพวกนั้นอยู่ด้วย ผู้เล่าเรื่องบอกว่าพวกเราไปเจออะไรบางอย่างที่ไม่อยากจะเชื่อมา ตกใจมาก กลัวกันระดับหัวโกร๋นขนพองสยองเกล้าเลย แต่พวกเขาก็ยังกลับไปใช้ชีวิตประจำวันของตัวเองได้กันอยู่ ฟังดูเหมือนกับว่าพวกเขาฝันร้ายไปเลยมั้ยล่ะคะ? ฉันคิดว่ามันก็เป็นแค่กลไกการรักษาสมดุลทางสภาพจิตใจเท่านั้นเอง แต่ที่โลกเบื้องหลังเนี่ย มันส่งผลบางอย่างเข้ากับสมองของเราโดยตรงอย่างชัดเจนเลย เพราะงั้น สภาพจิตใจของพวกเราเวลาอยู่ที่นั่นจะต้องต่างออกไปจากตอนที่อยู่นี่ด้วยแน่นอน เพราะแบบนั้นแหละค่ะ พอพวกเรากลับมาที่โลกเบื้องหน้าแล้วเรียบร้อย เราก็ยังสามารถคิดเรื่องที่ว่าจะกลับไปที่นั่นอีกรอบนึงได้อยู่”
คุณโคซากุระยกมือข้างนึงขึ้นมาขยี้หัวของตัวเองเลย
“ฉันไม่ได้ขอให้เธอมาอธิบายกลไกการรับรู้ให้ฉันฟังซักหน่อย แล้วเธอล่ะว่าไง โทริโกะ?”
“ฉัน… อือ ฉันอยากจะหาตัวซัทสึกิให้เจอให้ได้น่ะ”
โทริโกะกลืนเต้าหู้อัลมอนด์ที่ยังค้างอยู่ในปากลงคอไป ก่อนจะพูดตอบพร้อมกับวางช้อนไปไว้ข้างๆ จานของเธอเอง
TN: 杏仁豆腐 (ญ: Annin Doufu, จ: ซิ่งเหรินโต้ฝู่) ก็คือเต้าหูอัลมอนด์ครับ เป็นขนมโบราณของจีนและญี่ปุ่น มีลักษณะเป็นวุ้น คล้ายเต้าหู้หรือเต้าฮวย แต่ว่าไม่มีส่วนผสมของถั่วเหลืองเลย โดยส่วนผสมหลักคือเมล็ดอัลมอนด์จีน
“ฉันไม่รู้เลยว่าเธอทำอะไรอยู่กันแน่ตอนนี้ หรือมันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่―บางที ซัทสึกิอาจจะเป็นแบบเดียวกับพวกคนไข้ที่เธอพาพวกเราไปดูมาที่กลุ่มวิจัย DS ไปแล้วก็ได้ แต่นั่นก็ยิ่งเป็นเหตุผลที่ต้องหาตัวเธอให้เจอให้ได้ยิ่งกว่าเดิมอีกนะ แบบว่า มันไม่มีใครอีกแล้วนะที่จะไปทำการค้นหาที่โลกเบื้องหลังแบบพวกเราน่ะ”
“ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอนะ ขนาดฉันเองก็อยากจะ-…”
คุณโคซากุระชะงัก กลืนสิ่งที่กำลังจะเริ่มพูดกลับลงไป จากนั้นเธอก็ถอนหายใจยาวออกมา ก่อนที่เหมือนจะสังเกตอะไรได้ เธอก็เลยถามออกมา
“เป็นอะไรหรือเปล่า โซราโอะจัง? รู้สึกไม่ค่อยดีเหรอ?”
พอเธอเรียกชื่อฉัน ฉันก็รู้สึกตัวขึ้นมาว่าตอนนี้ฉันกำลังจ้องอยู่ที่จานเปล่าๆ ของตัวเองอยู่เฉยๆ แบบนั้นเลย
“เปล่าค่ะ… ฉันไม่เป็นไร”
ฉันส่ายหัวตอบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา ฉันกลัวที่จะมองตาของโทริโกะตอนที่เธอพูดถึงอุรุมะ ซัทสึกิน่ะสิ
เวลาเธอทำแบบนั้นทีไร โทริโกะเธอไม่ได้เหลือบตามองลงไปทางซ้ายล่างเลย แล้วก็ไม่ใช่ทางด้านบนขวาด้วย เธอจะมองตรงมาข้างหน้า เป็นสายตาที่มองทอดออกไปไกลๆ เหมือนไล่ตามหลังอุรุมะ ซัทสึกิที่หายตัวไปอยู่ยังงั้นเลย ไม่สำคัญเลยว่าตอนนี้อะไรมันจะอยู่ตรงหน้าของโทริโกะ เพราะมันไม่ได้เข้ามาในสายตาของเธอด้วยซ้ำ
มีอยู่หลายครั้งเลยนะที่ฉันคิดว่า นี่ถ้าเกิดโทริโกะมีตาขวาแบบของฉัน ที่สามารถมองทะลุผ่านม่านหมอกที่ปกคลุมการรับรู้ถึงโลกเบื้องหลังของพวกเราได้ มันจะเป็นยังไงนะ?
มั่นใจเลยล่ะว่าเธอคงจะใช้มันแบบเป็นบ้าเป็นหลัง แล้วก็วิ่งลงเข้าไปลึกขึ้น ลึกลงไปเรื่อยๆ จนถึงส่วนลึกของโลกเบื้องหลังแน่ๆ ยังไงซะ เธอก็คงจะไล่ตามอุรุมะ ซัทสึกิไป แบบไม่สนหัวของฉันอยู่แล้ว
ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ตาของฉันก็สบเข้ากับของโทริโกะพอดี
“โซราโอะ ได้คิดถึงเรื่องของที่เราจะเอาไปด้วยรอบนี้หรือยังน่ะว่าเราจะทำอะไรไปกันดี?”
“หา?”
มันมีอะไรที่เราต้องทำไปเองด้วยเหรอ?
พอเธอเห็นฉันงงๆ โทริโกะก็ยิ้มกว้างเลย
“ข้าวกล่องไง เราสัญญากันแล้วนี่ว่าจะทำมันกันในการออกสำรวจครั้งต่อไปน่ะ!”
“อ-… อ๋าาา นั่นสินะ จริงด้วย เนอะ?”
นึกออกแล้ว พวกเราเคยคุยเรื่องอะไรประมาณนี้เมื่อตอนที่พวกเราไปช่วยกองกำลังสหรัฐด้วยนี่นา ฉันลืมไปซะสนิทเลย ก็เพราะดันมีเรื่องที่พวกเราบังเอิญหลุดเข้าไปในโลกเบื้องหลังด้วยตั้งหลายครั้งด้วยล่ะนะ แต่นี่เธอเอาจริงกับเรื่องนั้นขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย…?
“เธอทำยังกับจะออกไปปิกนิกกันเลยนะ นี่แหละที่ทำให้ฉันเป็นห่วงล่ะ”
คุณโคซากุระพูดขึ้นมาอย่างเหนื่อยหน่าย
“พวกเราก็ออกกันแต่เช้า กินข้างกล่องมื้อกลางวันกัน แล้วก็กลับมาบ้านซะตั้งแต่บ่ายไงคะ”
ถึงฉันจะบอกเธอไว้แบบนั้นแล้วก็เถอะ แต่สายตาเคลือบแคลงจากคุณโคซากุระที่มองมาที่พวกเราทั้งคู่ก็ไม่ได้ผ่อนคลายลงไปเลยซักนิดเดียวเลย
TN: ผ่านมาตั้ง 3 ไฟล์ ยังจำได้ด้วยแฮะ โทริโกะจัง~