[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 72 ไฟล์ 8 : นกน้อยในกล่อง [7]
รู้สึกตัวอีกที ฉันก็นอนอยู่บนเตียงแล้ว
คุณโคซากุระที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็รีบลุกขึ้นจนดันเก้าอี้ข้างหลังล้มลงกับพื้น เธอยื่นหน้าที่มีสีหน้าตื่นตระหนกเข้ามาหาฉันใกล้ๆ
“โซราโอะจัง ฟังฉันรู้เรื่องหรือเปล่า? มองเห็นฉันมั้ย?”
“…เห็นค่ะ แล้วก็เข้าใจด้วย ค่ะ”
ฉันตอบเธอไปด้วยเสียงที่แหบพร่า คุณโคซากุระก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ฟู่ว… อย่าทำให้ต้องเป็นห่วงกันจะได้มั้ยเนี่ย ยัยพวกงี่เง่า…”
ฉันได้กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อจางๆ ลอยมาจากผ้าลินินสีฟ้าพาสเทลนี่ด้วย แล้วก็ไม่เห็นส่วนอื่นๆ ของห้องนี้เลยนอกจากม่านกั้นข้างเตียงนี่ แต่แป๊บเดียวก็รู้ตัวได้แล้วล่ะว่าฉันกำลังอยู่ในสถานพยาบาลแน่ๆ
“คุณล่ะคะคุณโคซากุระ? ปลอดภัยใช่มั้ย?”
“ฉันไม่เป็นไรเลย เธอล่ะยังไหวอยู่หรือเปล่า?”
“พอไหวอยู่ มั้งคะ”
ความจริงคือในท้องของฉันมันยังหน่วงๆ อยู่เลย หวังว่าที่ยังเจ็บๆ อยู่นี่จะไม่ค้างอยู่อีกนานเกินไปล่ะนะ
“ที่นี่ที่ไหนน่ะคะ? คงเป็นหอผู้ป่วยในโรงพยาบาลสินะ? แล้วฉันหลับไปนานแค่―”
“ไม่ต้องฝืนตัวเองแบบนั้นหรอก ที่นี่ห้องตรวจร่างกายของ กลุ่มวิจัย DS นี่แหละ น่าจะซัก 3 ชั่วโมงได้อยู่นะ”
ฉันหันไปมองที่เตียงข้างๆ ถึงฉันจะรู้อยู่แล้วจากสัมผัสที่มือซ้ายของตัวเองก็เถอะ แต่โทริโกะก็นอนอยู่ข้างๆ ฉันเลยนี่แหละ เตียง 2 หลังถูกวางเอาไว้ชิดกันโดยไม่มีช่องว่างกั้นกลางเลย
“พวกเธอ 2 คนเสียสติกันไปทั้งคู่เลยนะ นอนคุดคู้กันยังกับศพที่โดนฝังในท่างอเข่า แถมเอาแต่ร้องอะไรกันก็ไม่รู้ฟังไม่รู้เรื่องเลยอีกต่างหาก แล้วก็จับมือกันเอาไว้ซะแน่นไม่ยอมปล่อยเลยด้วย พวกเราก็เลยยกพวกเธอมานอนด้วยกันทั้งคู่ซะเลย ยังไงก็นะ เธอน่ะแค่พักผ่อนไปก็พอ เดี๋ยวฉันไปเรียกมิงิวะเอง”
TN: Flexed Burial Position หรือท่าฝังศพแบบงอเข่า ลักษณะก็จะประมาณแบบในรูปนะครับ
“โทริโกะ… ไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ?”
ฉันถามออกไปอย่างลังเล แล้วคุณโคซากุระก็เบะริมฝีปากของเธออย่างแดกดันเลย
“ยัยนั่นตื่นมาแล้ว แล้วก็ตะโกนโวยวายอยู่เมื่อไม่นานนี่เอง โซราโอะจังเป็นอะไรมั้ย? เธอจะตื่นขึ้นมามั้ย? …จนเหนื่อยแล้วก็หลับไปเองแล้วล่ะ ดูเหมือนยัยนี่จะมีเรี่ยวแรงมากกว่าเธอนะเนี่ย”
คุณโคซากุระพูดทิ้งท้ายไว้แบบนั้น ก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกจากห้องไป
ฉันทิ้งหัวของตัวเองลงบนหมอน ก่อนจะหันไปมองหน้าที่กำลังหลับอยู่ของโทริโกะ
“นี่ หลังจากที่เธอพูดเรื่องทั้งหมดนั่นว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเกิดว่าเธอหายไปน่ะนะ…”
โทริโกะกุมมือของฉันเอาไว้ในมือขวาของเธอซะแน่นเลย ทั้งๆ ที่กำลังหลับอยู่แท้ๆ แถมไม่มีทีท่าว่าเธอจะปล่อยมือเลยด้วย
“งือ…”
โทริโกะลืมตาปรือๆ ขึ้นมา ก่อนจะเริ่มพูดงึมงำ
“ถ้าไม่ชอบ ฉันปล่อยมือให้ก็ได้นะ”
“ไม่มีใครพูดแบบนั้นซักหน่อย”
ฉันตอบกลับพร้อมกับถอนหายใจ
“จำได้มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”
คำตอบของโทริโกะดูจะกำกวมนะ
“ฉันจำได้ถึงแค่ตอนที่พวกเราเปิดกล่องกันเองน่ะ… หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย แต่ก็รู้สึกเหมือนว่าเธอจะช่วยทำอะไรให้ฉันซักอย่างนึงอยู่นะ”
“ก็นะ ช่างเถอะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรซักหน่อย”
ฉันงึมงำกลับไปอย่างรู้สึกผิด แล้วโทริโกะก็กัดแม่มริมฝีปากของตัวเอง
“ขอโทษนะ ทั้งหมดมันเป็นเพราะฉันขอให้ทำอะไรแบบนั้นแท้ๆ เลย ฉัน―”
“โอ้ย พอเถอะ เลิกพูดแบบนั้นซักที”
ฉันตัดบทโทริโกะทิ้งเพราะหงุดหงิดแล้ว
“ฟังนะ โทริโกะ เธออาจจะคิดว่าเธอลากฉันให้มาช่วยเธอหาตัวคุณซัทสึกิ ก็เลยรู้สึกผิดกับเรื่องนั้นสินะ แต่… เรื่องนั้นมันไม่ได้กวนใจฉันเลยซักนิด กลับกันเลยต่างหาก เรื่องที่ว่าเธอกำลังคิดแบบนั้นนั่นแหละที่ทำให้ฉันหงุดหงิดกว่าอีก”
ฉันยังพูดต่อไปไม่หยุด ด้วยแรงกระตุ้นบางอย่างที่ฉันคุมมันไม่อยู่แล้ว
“เธอบอกให้ฉันสร้างเพื่อนใหม่ๆ แล้วขยายโลกของตัวเองให้กว้างออกไปงั้นสินะ แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลย เธอต่างหากล่ะที่เป็นคนขยายโลกของฉันให้มันกว้างขึ้น อย่างเรื่องชายหาดนั่นก็ใช่… ถึง ฉันว่าคงต้องแบ่งไปขอบคุณฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ด้วยส่วนนึงก็เถอะนะ”
โทริโกะยังคงฟังฉันอยู่เงียบๆ
“เหตุผลที่ฉันทุ่มเทลงแรงไปช่วยพวกกองพันเพลฮอร์สนั่นน่ะ ก็เพราะฉันไม่อยากให้มีใครที่ไหนก็ไม่รู้มาอยู่ที่โลกอีกใบของฉันมากเกินความจำเป็นต่างหาก ฉันอยากจะให้พวกเขาออกไปกันให้พ้นๆ ซักที ให้มามีคนเยอะแยะอยู่รอบๆ ตัวน่ะเหรอ? แย่ออกนะแบบนั้นน่ะ”
“อ- อุหวา… แบบนั้นหรอกเหรอเนี่ย?”
โทริโกะชะงักไป อ้าปากค้างเลย
“อือ ก็แบบนั้นแหละ จุดประสงค์ของฉันตั้งแต่แรกเริ่มน่ะ ยังไม่เคยเปลี่ยนไปหรอกนะ ฉันก็แค่ไม่อยากให้มีใครคนอื่นที่ไหนมายุ่งวุ่นวายกับสนามเด็กเล่นของฉันที่ฉันไปเจอมาเองนี่หรอกนะ”
เธอเบิกตาซะกว้างเลย แล้วฉันก็พูดต่อ
“แต่ ฉันอยากให้เธออยู่ที่นั่นกับฉันด้วยนะ ฉันอยากให้พวกเราสามารถเล่นด้วยกันไปตลอดแบบนี้เลย เพราะงั้น ขอร้องล่ะนะ―อย่าทำเหมือนว่าฉันเป็นเหยื่อเลย”
โทริโกะพลิกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มมานอนตะแคงแทน พร้อมกับที่มองตรงมาหาฉัน
“อ้อ จริงด้วย นั่นสินะ พวกเราเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกันนี่เนอะ”
“ตามนั้นแหละ”
ในที่สุด ยัยนี่ก็เข้าใจซักทีสินะ? ฉันนึกอยู่แบบนั้นแล้วก็พยักหน้า
“ยังงี้นี่เอง เพราะแบบนี้สินะตอนคาราเทก้าจัง เธอถึงได้…”
โทริโกะกระซิบกระซาบอยู่กับตัวเองแล้วก็หัวเราะคิกคักออกมา
“…มีอะไรน่าขำหรือไง?”
“เปล่าๆ ก็แค่คิดว่า ‘โซราโอะนี่ก็ยุ่งยากจริงๆ เลยนะ?’ เท่านั้นแหละ”
“หา!?”
นี่เหมือนฉันโดนสบประมาทอยู่เลยเนี่ย จนตัวแข็งค้างอ้าปากหวอ สีหน้าฉันคงต้องตลกมากแหงๆ โทริโกะถึงหัวเราะออกมาดังลั่นเลย
“ตรงไหนเหรอที่เธอว่าฉันยุ่งยากจริงๆ เลยน่ะฮะ!?”
“ใครจะรู้ล่ะ? นั่นอาจจะเป็นเรื่องที่เธอคิดไปเองก็ได้น้า”
“โทริโกะ…!”
ฉันพยายามจะเค้นเอาคำตอบจากเธอให้ได้ แต่เธอก็คลุมโปงหนีไปแล้ว
จะแกล้งทำเป็นหลับหรือไงเนี่ย? ไม่ยอมออกมาเลยด้วย หยาบคายชะมัดเลย มาเรียกคนเปิดเผยอย่างฉันว่าเป็นคนยุ่งยากได้ยังไงเนี่ย?
ฉันหงุดหงิดแล้วตอนนี้ ก็เลยทิ้งตัวเอนลงนอนบนหมอนต่อ
ผู้หญิงชุดดำคนนั้นคืออุรุมะ ซัทสึกิจริงๆ น่ะเหรอ? เธอตั้งใจจะทำอะไรกันแน่นะ? หลอกพวกเราเข้าไปที่นั่น เปลี่ยนสภาพของพวกเราไป… แล้วยังไงล่ะ?
ไม่ไหว เหนื่อยเกินกว่าที่จะคิดอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้เลย ฉันก็เลยยอมแพ้แล้วก็หลับตาลง
สมุดโน้ตของอุรุมะ ซัทสึกิ, ตัวตนที่รอคอยอยู่ที่ส่วนลึกของโลกเบื้องหลัง ที่ที่เหล่าคนที่เป็นผู้ติดต่อประเภท 4 ได้เข้าไปถึง, จำนวนสิ่งที่ฉันปิดบังเอาไว้จากโทริโกะที่เพิ่มขึ้นมา
มีเรื่องที่ต้องคิดอยู่อีกเพียบเลย แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ขั้นแรก ฉันต้องพักรักษาตัว เอาแรงกายแรงใจของตัวเองกลับมาซะก่อน
มีแรงกลับมาเมื่อไหร่ พวกเราจะได้ขี่ AP-1 ข้ามเขาข้ามทุ่งไปด้วยกัน ไกลสุดเท่าที่การผจญภัยจะพาเราไปได้เลย…
แล้วฉันก็ผลอยหลับไป พร้อมกับความคิดแปลกๆ นี่แหละ
TN: เพราะ ‘ผู้สมรู้ร่วมคิด’ คือความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันที่สุดในโลกแล้วยังไงหล้า~!