[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 149 ไฟล์ 15 : ค้างคืนที่โลกเบื้องหลัง [8]
- Home
- [นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง
- ตอนที่ 149 ไฟล์ 15 : ค้างคืนที่โลกเบื้องหลัง [8]
เช้าวันต่อมา พวกเราเปิดหน้าต่างที่ถูกปิดอยู่ออกไป หิมะสดใหม่ก็คลุมทุกอย่างภายใต้ท้องฟ้าสดใสไปหมดเลย โทริโกะที่เห็นแบบนั้นก็อุทานออกมา
“ว้าว! ขาวไปหมดเลย!”
“ติดล้อไปเลยใช่มั้ยนั่น?”
พวกเรารีบใส่เสื้อโค้ทแล้วก็ออกไปข้างนอกกัน อาจจะสะสมมาซัก 10 เซนได้อยู่นะ ตีนตะขาบของ AP-1 ยังขับฝ่าไปได้อยู่
เรา 2 คนก็โตมาที่หิมะตกกันทั้งคู่นะ แต่ฉันไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อนเลย: หิมะตกมาใหม่ๆ ทอดยาวออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา ไม่มีใครไปยุ่งกับมันเลย แค่เราไปทิ้งร่องรอยบนหิมะนั่นก็น่าตื่นเต้นจะแย่แล้ว พวกเราทิ้งตัวลงนอนอยู่ข้างๆ กันบนเนินลาด กางแขนออกไปเพื่อทำเป็นรอยนางฟ้าหิมะ เล่นขว้างบอลหิมะกัน ทำตุ๊กตาหิมะกันแบบไม่เต็มที่เท่าไหร่ แล้วก็เล่นนู่นนี่บ้าบอไปเรื่อยอยู่อีกพักนึง
มันเริ่มหนาวแล้ว เราก็เลยทำซุปข้าวโพดสำเร็จรูปมาดื่มกันอยู่ที่ลานจอดรถ เรามองไปรอบๆ ตรงที่เราเล่นกันอยู่ แล้วก็เจอสะพานอยู่ไม่ไกลจากถนนนี่ได้ง่ายๆ เลย
ดูเหมือนกลางคืนในโลกเบื้องหลังนี่มันจะมีอะไรมากกว่าแค่พวกสิ่งมีชีวิตออกมาเคลื่อนไหวกันนะ ฉันคิดว่ามันมีความแปรปรวนในมิติเวลาด้วย—หรือบางที ก็อาจจะเป็นการรับรู้ของมนุษย์ด้วยก็ได้ เพราะแบบนั้นแหละ เมื่อคืนไม่ว่าเราจะขับไปอีกไกลแค่ไหน เราก็ไม่มีทางไปถึงสะพานได้เลย
หลังจากที่กินมื้อเช้า ที่มีซุป แคลอรี่เมท แล้วก็กาแฟกันเรียบร้อย พวกเราก็เตรียมตัวออกไปกัน พวกเราเช็คที่ห้องที่เราค้างกันอีกทีเป็นรอบสุดท้าย จะได้มั่นใจว่าเรราไม่ได้ลืมอะไรทิ้งเอาไว้ จากนั้นก็ขนของขึ้น AP-1 แล้วฉันก็สตาร์ทรถ
พอขับลอดม่านไวนิลสีเขียวออกมา พวกเราก็ออกมาจากลานจอดรถเข้ามาที่ถนนแล้ว
ใต้แสงอาทิตย์นี่ โลกอีกฟากมันสว่างเป็นสีขาวไปหมดเลย
ข้างหลังพวกเรามีรอยล้อทิ้งไว้ 2 รอย หลังจากที่ขับมาได้ซักร้อยเมตร พวกเราก็เห็นสะพานแล้ว เป็นสะพานทรงญี่ปุ่นที่มีราวสีแดงก่ำ แบบที่เห็นได้ตามลำน้ำแถวๆ รีสอร์ทออนเซ็นเลย
เราจอด AP-1 เอาไว้ตรงหน้าสะพาน แล้วก็ลงมาแป๊บนึง มันน่ากลัวเกินไปนะที่จะขับรถเดินหน้าต่อไปเลยโดยที่ไม่เช็คก่อนว่าสะพานจะรับน้ำหนักพวกเราไหวมั้ย พวกเราเดินข้ามไป ใช้จอบใช้ชะแลงดูรอบๆ เผื่อมีรูอะไรซ่อนอยู่ แต่พอไม่เห็นว่ามีอะไรผิดเพี้ยนไป ไม่มีร่องรอยอะไรเสียหาย ดูแล้วเราก็น่าจะขับรถเราข้ามไปได้อย่างไม่มีปัญหานะ
พวกเราเดินกลับไปทางเดิม ก่อนจะข้ามสะพานไปอีกรอบนึงพร้อมกับรถ AP-1 พอมาถึงอีกฟาก เราก็เลี้ยวขวา ขับเลียบข้างแม่น้ำไป ไม่นานเราก็เจอถนนทางลาดที่พาเราลงไปที่ตลิ่งริมแม่น้ำ พวกเราขับลงไปตามทางลาดอย่างช้าๆ โดยที่ฉันก็เสียวอยู่ว่าเราจะเสียแรงเกาะถนนจนลื่นไปมั้ย จากนั้นก็ขับไปตามหาดหินริมแม่น้ำต่อ พื้นตรงนี้มันไม่สม่ำเสมอกัน ก็เลยเป็นส่วนที่ขับแล้วไม่สบายที่สุดแล้ว แต่ตลับลูกปืนที่ขยับได้ที่นัตสึมิติดเอาไว้ช่วยซับแรงกระแทกช่วยให้มันดีขึ้นกว่าที่ควรได้เยอะเลยล่ะ
พอเราขับกันมา 10 นาทีด้วยความเร็วต่ำๆ เราก็เห็นหินก้อนใหญ่ที่คุ้นตากันจนได้ ตรงที่เราตั้งไฟสปอร์ทไลท์เอาไว้นี่นา! โทริโกะตะโกนเสียงดังอย่างผู้ชนะเลย
“เราทำได้แล้ว!”
“เฮ้!”
เสียงตะโกนของพวกเราดังสะท้อนไปทั่วบริเวณโลกอีกฟากนี้ ก่อนที่มันจะโดนดูดเข้าไปในหิมะที่เพิ่งตกลงมาใหม่ๆ นี้จนไม่เหลือ
ข้างๆ หินก้อนโตนั่นเป็นร่มเงาตามธรรมชาติที่ไม่มีหิมะกองสุมอยู่ด้วย เราก็เลยขับ AP-1 ไปจอดไว้ตรงนั้นกัน พอถึงที่ โทริโกะก็ตะโกนขึ้นมา
“เ―――ย้!”
“เราทำได้!”
พวกเราตีมือไฮไฟว์กัน ดูเหมือนเราจะทำสำเร็จแล้วแฮะ การออกสำรวจทางไกลครั้งแรกของพวกเราน่ะ
ก่อนที่โทริโกะจะพูดขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจ
“ฟู่ว เหนื่อยเป็นบ้าเลยนะ กลับบ้านกันเถอะ อยากอาบน้ำจัง”
“อยากยืมที่ศูนย์วิจัย DS อาบมั้ยล่ะ?”
“เธอว่าเขาจะให้เหรอ?”
“ฉันว่าเขาให้นะ”
ฉันลงมาจาก AP-1 แล้วก็ดึงเป้กับปืนไรเฟิลลงมาจากรางวางสัมภาระ
“พวกชะแลงกับของหนักๆ นี่ ตอนนี้ทิ้งไว้นี่ก่อนก็ได้นะ เอาผ้าใบมาคลุมเอาไว้ก่อนแล้วกัน เราเอากลับไปกันแค่ของที่ทิ้งไว้ในที่ชื้นๆ แล้วมันจะพังก็พอแหละ”
“โอเค”
“ทีนี้ก็เกท ไหนดูสิ… นั่นไง”
หิมะกองสุมบนหินที่เราวางบอกตำแหน่งของเกทเอาไว้อยู่บ้าง ฉันมองเอาด้วยตาขวาเลยมันก็เร็วกว่าล่ะนะ
“ไปกันโล้ดดด!”
“อ๊ะ! เดี๋ยวก่อน แป๊บนะ”
โทริโกะรีบร้องหยุดฉันไว้ก่อนจะเริ่มค้นกระเป๋าเป้ของเธอ
“มีอะไรเหรอ?”
“นี่ ฉันให้เธอนะ”
ของที่เธอหยิบออกมาจากเป้คือกล่องไม้ที่ดูดีเลยใบนึง มันถูกทาด้วยสีขาว แล้วก็มีสัญลักษณ์ที่ฉันไม่คุ้นเลยปั้มเป็นรอยไหม้เอาไว้บนกล่องด้วย ฉันวางสัมภาระตัวเองลงบนหิมะแล้วก็รับกล่องใบนั้นมา
“อะไรเนี่ย?”
“ของขวัญไง เปิดเลยก็ได้นะ”
ฉันทำตามที่เธอบอก ก่อนจะเลื่อนเปิดฝามันออกดู ข้างในกล่องมีเส้นหนังสีส้มอัดอยู่ แล้วก็มีมีดอีก 2 เล่มวางเอาไว้ข้างๆ กันด้วย เป็นมีดที่มีด้ามจับทำจากไม้ ดูเรียบสวยดีด้วย เหมือนจะเป็นแบบที่พับเก็บได้นะ พอเทียบกันแล้ว ขนาดมันก็ดูจะต่างกันนิดนึงด้วย
“เล่มเล็กของเธอนะ”
“เอ๊ะ? แล้วอันนี้ล่ะ?”
“อันนั้นของฉันเอง”
ทั้งๆ ที่เธอจะบอกว่าเป็นของขวัญ โทริโกะก็ยื่นมือออกไปหยิบมีดของเธอออกไปก่อน ดีดพับมันเข้ามา ก่อนจะแบมีดออกมาให้ดูในฝ่ามือของเธอ
“ดูนี่สิ”
ตรงท้ายด้ามจับมันมีสัญลักษณ์คล้ายๆ กับที่กล่องด้วย มันเป็นรูปสัญลักษณ์—นกบิน ที่ฝั่งตรงข้ามก็มีปลาว่ายน้ำอยู่ด้วย
“นี่มัน…”
“ใช่แล้ว สัญลักษณ์ของพวกเราไงล่ะ”
นกมาจากชื่อเธอ (鳥 Tori จาก 鳥子 Toriko) กับปลาจากชื่อฉัน (魚 Sakana หรือ Uo จาก 空魚 Sorauo) สินะ
“น-… นี่มันน่าอายนะ รู้มั้ย?”
“อ้อ หรอ? ก็ ถ้าเธอไม่อยากได้—”
“เปล่านะ อยากสิ อยากได้มากเลยล่ะ”
ฉันยื่นมือออกไป แต่จู่ๆ โทริโกะก็ร้องลั่นขึ้นมา
“อ๊ะ! เดี๋ยวๆ! ฉันอยากส่งให้เธอด้วยมือเองน่ะ”
“อ- โอเค”
โทริโกะหยิบมีดของฉันออกมาจากกล่อง แล้วก็วางมันบนฝ่ามือที่แบบออกมาของเธอ หันคมมีดไปทางเธอ ส่วนด้ามมีดมาทางฉัน
“เธอจะรับมันไปมั้ย?”
ปลายมีดชี้ตรงไปที่กลางอก ที่หัวใจของโทริโกะเลย ตาสีฟ้าของเธอมองตรงเข้ามาที่ตาของฉันด้วย
โทริโกะ มันอันตรายนะ มองเข้ามาที่ตาขวาของฉันแบบนั้นน่ะ
ถึงจะคิดแบบนั้น ฉันก็ละสายตาออกมาจากเธอไม่ได้อยู่ดี
“…แน่อยู่แล้ว”
ฉันยื่นมือออกไปคว้าเอาด้ามจับที่มีตราปลากับนกนั่นมา
“คิดว่าไงบ้าง? ฉันพยายามเลือกอันที่เธอน่าจะใช้ได้ระหว่างตั้งแคมป์กันมาดูน่ะ”
“อือ…”
พอลองกำด้ามจับมันดู ฉันก็เจอว่ามันเข้ามือฉันมากจนดูน่ากลัวเลย
“มันเหมาะกับมือฉันไปหน่อยนะ… นี่อย่าบอกนะว่าเธอวัดขนาดมือฉันไปหรืออะไรแบบนั้นน่ะ?”
“ฮะ? ไม่ต้องวัดฉันก็กะได้เยอะพอแล้วล่ะ”
“อ- อ้อ งั้นเหรอ?”
ฉันพยายามพับใบมีดเข้ามาดู ใบมีดก็พับเข้าไปในช่องว่างตรงด้ามจับได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องใส่แรงลงไปเยอะอะไรเลย ถึงรูปร่างมันจะดูเรียบง่าย แต่เธอก็ปรับแต่งเรื่องขนาดกับตราสัญลักษณ์ไปไว้บนพวกมันด้วย ต้องมีราคาอยู่พอประมาณแน่เลย…
“ขอบใจ ฉันชอบมันนะ ดูจะใช้ง่ายดีเลยล่ะ”
“ดีใจนะที่ได้ยินแบบนั้น”
“แต่ทำไมจู่ๆ ก็ให้ล่ะ? ฉลองการเดินทางไกลครั้งแรกของพวกเราเหรอ?”
“ก็ รู้ใช่มั้ย? มันเป็นวันแบบนั้นนี่นา”
“วันแบบนั้น?”
ตอนที่ฉันถามเพราะตามเธอไม่ทัน คิ้วของโทริโกะก็ตกลงมาเลย
“วันคริสต์มาสน่ะ มันก็ เป็นกิจกรรมครอบครัวนี่ ฉันคิดว่าเธออาจจะมีความทรงจำไม่ดีอยู่ก็ได้ ฉันก็เลยไม่ได้หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูด แต่ก็…”
“เออ อะไรเหรอ?”
“แต่ก็ ดูเธอจะไม่ได้มีอะไรแบบนั้น มันเหมือนกับว่าเธอแค่ไม่ได้คิดถึงเรื่องวันคริสต์มาสเลยเท่านั้นเอง ฉันเลย—”
“คริสต์มาส?”
“ตามทันหรือยังเนี่ย”
พอเธอเห็นสีหน้าที่ยังมึนๆ ของฉัน เธอก็ถอนหายใจ ก่อนจะอธิบาย
“เมื่อวานวันที่ 24 วันนี้ก็วันที่ 25 ไง”
หลังจากที่เธอพูดแบบนั้น ฉันก็เชื่อมโยงวันที่กับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นตรงนี้ ก่อนจะก้มลงไปดูของขวัญในมือของตัวเอง
“…อ้อ วันคริสต์มาส”
ฉันพูดออกมาแบบนั้น ฟังดูเหมือนคนโง่เลยแฮะ
“ฉันดีใจนะที่ได้เอาของให้เธอ”
“ข-… ขอบใจนะ”
“ด้วยความยินดีเลย”
คริสต์มาสเหรอ…
อ้อ จริงด้วย เข้าใจแล้ว มันเป็นแบบนี้เองสินะ หืม?
ถ้างั้น… ฉันก็ใช้เวลาในวันคริสต์มาสอีฟ ทั้งคืน อยู่กับโทริโกะ ในเลิฟโฮเทล…?
เป็นซากตึกร้างด้วย… แล้วฉันก็อ้วกไปเยอะเลย แต่ถึงงั้น…
ระหว่างที่ฉันกำลังคิดเรื่องบ้าๆ บอๆ นั่นอยู่ โทริโกะก็โพล่งขึ้นมาซะเฉยๆ เลย
“คริสต์มาสไฮเวย์”
“ฮะ? อะไรเหรอ?”
“ชื่อที่เราจะใช้เรียกถนนเส้นนี้ไง ดีมั้ยล่ะ? โอเคเนอะ?”
ฉันพูดอะไรไม่ออกไปพักนึง แต่พอฉันได้สติสตังในการคิดคำพูดกลับมาจนได้ ฉันก็งึมงำบอกเธอไป
“มัน… ก็เป็นชื่อที่ดีเลยนะที่เธอว่ามา…”
ทุกครั้งที่เราขับมาทางนี้ ฉันมั่นใจเลยล่ะว่ามันต้องย้อนให้ฉันนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นได้แน่นอน
“แจ๋วเลย งั้น ตกลงตามนี้นะ”
โทริโกะยิ้มมาให้โดยไม่ได้รู้เลยว่าฉันรู้สึกอะไรอยู่
“เมอร์รี่คริสต์มาสนะ โซราโอะ!”
TN: เข้าใจกันหรือยังครับว่า ทำไมเมื่อ ‘ตอนที่ 4’ ตอนที่โคซากุระซังว่า “ไปกันวันนี้? มีวันตั้งเยอะตั้งแยะ แต่ไปวันนี้เนี่ยนะ?” ทำไมเจ๊เขาถึงได้อุทานมาแบบนั้น? ~ ^^
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r