[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 134 ไฟล์ 14 : คำเชิญชวนไปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อน [8.1]
- Home
- [นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง
- ตอนที่ 134 ไฟล์ 14 : คำเชิญชวนไปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อน [8.1]
พวกเราซื้อนมกล่องรสกาแฟจากตู้กดมาดื่ม แล้วก็ไปรับตัวโทริโกะมาจากเก้าอี้นวดตัวนึงก่อนจะออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน
ตอนที่พวกเราเดินผ่านล็อบบี้ ฉันก็เห็นว่ากองรองเท้าสีดำตรงทางเข้ามันหายไปหมดเลย ไม่รู้เพราะพวกเจ้าของรองเท้าเขาพากันออกไปไหนกัน หรือเพราะเขาก็แค่มาจัดรองเท้าให้เรียบร้อยเท่านั้นเอง
หลังแช่น้ำมา ฉันรู้สึกว่าหัวมันโล่งๆ นิดหน่อย เราก็เลยกลับไปที่ห้องเพื่อผ่อนคลายกันซักพัก พอเวลาได้ 3 ทุ่ม พนักงานคนนึงก็เอาอาหารเย็นมาเสิร์ฟให้เรา
ชุดอาหารไคเซกิแบบดั้งเดิมที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะของพวกเราน่ะ มันสวยสะดุดตายิ่งกว่าอะไรที่เคยเห็นมาก่อนเลย
“นี่คือหอยเม่นทะเล แซลมอนฤดูใบไม้ร่วง และผักกระเจี๊ยบราดโทโรโระค่ะ”
“นี่คืออาหารเรียกน้ำย่อย เป็นเนื้อเป็ดย่าง ผักร็อกเก็ต และมะเขือเทศเม็กซิโกค่ะ”
“นี่คือปลาดุกและอิวะทาเกะดอกเบญจมาศ ราดด้วยน้ำขิงค่ะ”
“นี่คือปลาอายุทอดกับปูแสมค่ะ”
“นี่คือปลาแซลมอนเชอรี่ปรุงรสเกลือค่ะ”
“นี่คือซุปใสใส่เม็ดบัวและเต้าหู้แผ่นค่ะ”
TN: ขอเชิญพบกับ ชุดอาหารไคเซกิ ของโรงแรมนี้ครับ
懐石料理 (Kaiseki Ryouri) เป็นชุดอาหารที่บริการทีละคอร์สอย่างเป็นลำดับตามธรรมเนียมดั้งเดิมของญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงความพิถีพิถันในคัดเลือกวัตถุดิบตามฤดูกาล การปรุงแต่ง และกรรมวิธีที่ใช้ในการปรุง จนกระทั่งการนำเสนออาหาร ซึ่งสามารถเทียบเคียงได้กับอาหารยุโรปชั้นสูง (Haute cuisine)
ชื่อนั้นความหมาย 2 อย่าง ได้แก่ 会席 (Kaiseki) = อาหารชุดที่คัดเลือกรายการอาหารไว้แล้ว และให้บริการทีละอย่างลงบนถาดส่วนตัว และ 懐石 (Kaiseki) = อาหารอย่างง่ายที่เจ้าภาพของพิธีชงชาจัดให้บริการแขกก่อนพิธีการชงชาจะเริ่มขึ้น ซึ่งมักจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ชาไกเซกิ” (茶懐石 : cha-kaiseki)
とろろ (Tororo) คือการนำหัวมันมือเสือมาบดให้หนืดแล้วนำมาราดข้าวหรือเส้นโซบะทาน คนญี่ปุ่นจะเรียกหัวมันมือเสือว่า ยามาอิโมะ (山芋) หรือ จิเน็นโจ (自然薯) วิธีการทำโทโรโระคือ นำหัวมันที่เป็นท่อนยาวมาล้างให้สะอาด ตัดรากออก นำไปย่างไฟเพื่อให้ปอกเปลือกออกได้ง่าย แกะเปลือกออกบางส่วน (ไม่ต้องทิ้งเพราะส่วนเปลือกก็มีรสชาติ สามารถทานได้) แล้วจึงนำไปบด จะได้ก้อนแข็งที่มีความหนืดมาก ให้ใส่น้ำซุปลงไปเล็กน้อยเพื่อให้อ่อนตัวลง
ผักร็อกเกต (Arugula) เป็นผักใบเขียวชนิดหนึ่งที่มีรสชาติเผ็ดปนขม มีกลิ่นฉุน นิยมนำมารับประทานสด โดยพบได้บ่อยในเมนูสลัดและอาหารตะวันตก
มะเขือเทศเม็กซิโก (Tomatillo) อาจมีลักษณะเป็นมะเขือเทศสีเขียวขนาดเล็กปกคลุมด้วยกระดาษไข แต่ก็ไม่ใช่มะเขือเทศ มีรสคล้ายมะนาว เหมาะกับอาหารรสเผ็ดหรือพร้อมกับย่าง
イワタケ (Iwatake) เป็นไลเคน (รากับสาหร่ายที่อยู่ร่วมกัน) ที่โตบนหิน สามารถทานในอาหาร ซุป หรือสลัดได้
サクラマス (Sakuramasu) หรือปลาแซลมอนเชอรี่ เป็นแซลมอนที่พบเฉพาะในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกในญี่ปุ่น เกาหลี และรัสเซีย เนื้อค่อนข้างละเอียด ใส และหวาน เนื้อมีความนุ่มนวลกว่าแซลมอนอื่นๆ (แต่ไม่นิ่มเท่าฮิเมมัสสึ)
โทริโกะมองด้วยตาเป็นประกายในขณะที่พวกเขาอธิบายว่าอาหารแต่ละจานคืออะไรบ้าง ถึงส่วนมากฉันก็จะยังไม่เข้าใจอยู่ดีก็เถอะ
อาจจะมีกินเลี้ยงอยู่แถวๆ นี้ก็ได้นะ ฉันได้ยินเสียงเอะอะดังลอยมาจากห้องอื่นด้วย
“วันนี้งานยุ่งน่าดูเลยนะคะ”
ฉันทักคุณพนักงานไป
“เอ๊ะ? อ้อ ค่ะ”
ตอนที่ฉันพูดคุยกับคุณบริกรหญิงอย่างเป็นกันเองขึ้นมา เธอก็ตอบฉันกลับมาด้วยคำตอบที่คลุมเครือยังไงชอบกล มันยิ่งเน้นย้ำกับฉันเข้าไปอีกเลยเนี่ยว่า อย่าได้ไปพยายามคุยเล่นกับใครที่ฉันไม่รู้จักอีกล่ะ
ในระหว่างที่ฉันนั่งทรมานอยู่เงียบๆ คุณบริกรหญิงก็วางอาหารไว้บนโต๊ะเรียบร้อย ก่อนจะโค้งให้พวกเรา และออกจากห้องไป
“ถ้าอย่างนั้น เชิญตามสบายนะคะ”
ชุดอาหารไคเซกิเสิร์ฟมาพร้อมกับเบียร์ขวดใหญ่ 3 ขวดด้วย
“ไม่ต้องมาพะวงรินให้ฉันหรอกนะ”
คุณโคซากุระบอกก่อนจะหยิบขวดนึงไปเปิด ฉันกับโทริโกะหันมามองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้าคนละที ใช่ ความคิดนั่นไม่เคยได้แวบเข้ามาในหัวฉันเลยล่ะ
พวกเรารินเบียร์ของพวกเราเอง ก่อนที่จะชนแก้วกัน
“แก้วนี้ให้โคซากุระ ที่ทำให้ทริปแช่ออนเซ็นครั้งนี้เกิดขึ้นได้!”
“อันนี้ฉันเอาด้วย! ขอบคุณนะคะ คุณโคซากุระ!”
“ใช่ พวกเธอก็สำนึกกันมากๆ เข้าด้วยล่ะ คัมปาย! ”
เพราะพวกเราอยู่ในห้องส่วนตัวด้วย ไม่ต้องไปกังวลเรื่องสายตาจากคนอื่นเลย แถมได้ผ่อนคลายสบายตัวจากที่ได้แช่น้ำร้อนมาด้วย แอลกอฮอล์ก็เลยอาจจะออกฤทธิ์ได้เร็วกว่าปกติ ระหว่างที่เราทยอยกินอาหารไปเรื่อยๆ บวกกับคอยคั่นด้วยการวิจารณ์ความอร่อยของแต่ละเมนูไปด้วยหมดทุกจาน พวกเราก็เริ่มจะเมาขึ้น เมาขึ้น
พวกเราใช้โทรศัพท์ภายในโทรสั่งเบียร์มาเพิ่มอีก 3 รอบ แล้วตอนที่พวกเรากินเต้าหู้ชาเชียวนมเป็นของหวาน พวกเรา 3 คนก็เมาแอ๋กันหมด
มารู้ตัวอีกที โทริโกะกับคุณโคซากุระก็หลับสลบไสลอยู่บนหน้าตักของฉันกันทั้งคู่เลย แล้วฉันก็สลึมสลือลูบหัวทั้ง 2 คนอยู่ด้วย
นี่มันเกิดขึ้นอีกรอบได้ยังไงเนี่ย? ฉันได้แต่สงสัย พลางมองหน้าที่หลับปุ๋ยของทั้งคู่ ทั้ง 2 คนนี่ดูจะสบายกันจังเลยนะ…
ฉันหยุดมือตัวเอง ก่อนจะพูดเรียกทั้ง 2 คน
“นี่ ลุกหน่อย”
“งือ…”
“นี่ ขอร้องล่ะ ลุกเถอะ”
“ม่าย… ม่ายอาว…”
พอฉันขยับขา หัวของทั้งคู่ก็ตกลงบนพื้นเสื้อทาทามิ ทั้ง 2 คนก็ได้สติกันซักที ฉันช่วยพยุงตัวทั้ง 2 คนกลับมายืน ซึ่งก็โซไปเซมาเหมือนซอมบี้กันเลยล่ะ ก่อนที่เราจะจัดชุดยูกาตะของตัวเอง แล้วก็โทรเรียกบริกรหญิงคนนั้นเข้ามาเก็บจานชามออกไป ฉันไล่ให้ 2 คนนั้นมุดเข้าไปในฟูกที่ปูออกมา 3 ผืนเรียงกัน จนในที่สุด ฉันก็ได้ทิ้งตัวลงนอนบนผ้านวมของตัวเองซักที
พยายามเต็มที่เลยนะเนี่ยตัวฉัน ถ้าถามฉันล่ะก็ นี่สมควรจะได้รับคำชมเลยนะ
ฉันหลับไปซักพักนึง ก่อนที่จู่ๆ จะตื่นขึ้นมาอีกรอบนึง ห้องเรามืดสนิทเลย ก่อนจะล้มตัวลงนอน ฉันต้องปิดไฟเอาไว้แน่เลย ถึงจะจำไม่ได้ก็เถอะ ให้ตายสิ ดีจริงๆ เลยนะฉัน…
ในห้องนี้เงียบกริบเลย ข้างนอกเองก็เหมือนกัน ฉันคลำๆ หามือถือของตัวเอง พอหาเจอแล้วเปิดมัน แสงจากจอนี่มันก็แยงตาสุดๆ ไปเลย
ตอนนี้ตี 2 นะ
“งือ…”
โทริโกะโอดครวญขึ้นมาจากฟูกที่นอนข้างๆ ฉัน ฉันก็เลยกระซิบขอโทษเธอไป
“โทษที ทำให้ตื่นเหรอ?”
“กี่โมงแล้วอะ?”
โทริโกะถามฉันโดยยังไม่ได้ยกหัวออกจากหมอนด้วยซ้ำ
“เพิ่งเลยตี 2 มาเอง”
“เหงื่อท่วมเลย… เหม็นเหล้าจัง…”
โทริโกะงอแงเหมือนเด็กเลยแฮะ ถึงจะไม่มีเด็กคนไหนตัวเหม็นกลิ่นแอลกอฮอล์แบบนี้แน่นอน
ฉันเองก็เหงื่อท่วมตัวเลยเหมือนกัน บางที การทำให้ตัวอุ่นในบ่อออนเซ็นมาอาจจะเพิ่มการเผาผลาญของฉันขึ้นนะ ยูกาตะของฉันมันถึงได้ชื้นจนติดกับเนื้อตัวฉันเลย ฉันเลยผุดตัวลุกขึ้นนั่ง
“นี่ ทำไมเราไม่ไปแช่น้ำกันซักหน่อยล่ะ?”
“ยังเปิดอยู่อีกเหรอ? ดึกป่านนี้เนี่ยนะ?”
“ที่นี่ เราไปแช่ได้ตลอด 24 ชั่วโมงนั่นแหละ”
“เอ๋? ว้าว ยอดไปเลยนี่”
คุณโคซากุระส่งเสียงครวญคราง แล้วก็พลิกตัวกลับไปนอน พวกเราเลยหยุดคุยกัน มองหน้ากันด้วยแสงจากมือถือของฉัน ก่อนจะไปหยิบผ้าเช็ดตัวของพวกเรากับเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนมา แล้วก็เลื่อนประตูฟุซุมะออกมาอย่างเงียบๆ แล้วก็เดินออกไปกันในโถงทางเดิน
ระหว่างที่พวกเราเดินไปตามโรงแรมเก่าๆ พร้อมกับก้าวเท้าเสียงเอี๊ยดอ๊าด พวกเราก็เริ่มจะหัวเราะคิกคักออกมาพร้อมกันเลย ยังกับว่ากลับไปเป็นเด็กอีกรอบนึงเลยนะ ออกสำรวจในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้น่ะ ฉันมองไปที่ข้างๆ ตัว บนหน้าของโทริโกะเองก็มีรอยยิ้มจอมเล่ห์ออกมาเหมือนกัน ฉันไม่ต้องถามยังรู้เลยว่าเธอเองก็กำลังคิดเหมือนกับฉันนั่นแหละ
ขนาดในล็อบบี้ที่เปิดไฟเอาไว้จนสว่างตอนเราเดินผ่านก่อนหน้านี้ ตอนนี้ ตรงโต๊ะตอนรับก็ยังหรี่ไฟเอาไว้ต่ำสุด เอาแค่ที่จำเป็นเลย ดวงตาลูกแก้วจากหมีสตัฟฟ์และหน้าของพวกหุ่นโชว์เสื้อจ้องมองพวกเราอยู่ในความมืดจากตรงกำแพง แล้วก็มีพนักงานคนนึงยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ ที่ที่เดียวที่มีไฟสว่างอยู่ด้วย แต่พวกเราก็รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังเล่นซ่อนแอบอยู่เลย
พวกเรารีบวิ่งผ่านเธอไปตอนที่เธอหันหลังให้เรา ระหว่างที่เราเดินผ่านพรมแดงในความมืดนี่ก็มีเสียงฝีเท้าเงียบๆ ด้วย เธอเห็นเรามั้ยนะ? หรือว่าไม่เห็นนะ? พวกเรา 2 คนกระซิบคุยกันไปมาอย่างตื่นเต้น
ขนาดในเวลาตอนนี้ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ยังเปิดไฟเอาไว้สว่างเลย ในนี้ นอกจากพวกเรา ก็มีแขกคนอื่นแค่คนเดียว: เป็นผู้หญิงที่นุ่งผ้าขนหนูอาบน้ำ นั่งอยู่หน้าอ่างล้างหน้า กำลังเป่าผมเธอให้แห้งอยู่
พวกเราเลือกได้เต็มที่เลยว่าจะใช้ล็อกเกอร์ตู้ไหน แต่เราก็เลือกตู้ 2 อันที่อยู่ติดกันล่ะนะ คราวหน้า โทริโกะเป็นคนที่ถอดเสื้อผ้าก่อนเลย เธอปลดเชือกโอบิออก ปล่อยชุดยูกาตะลงกับพื้น แล้วก็รีบถอดเสื้อยืดกับกางเกงในของเธอที่สวมอยู่ข้างใต้ออกด้วย แล้วพอเห็นฉันดูตื่นเต้นคึกคักแบบนี้ โทริโกะที่ตอนนี้ถอดเสื้อผ้าเสร็จหมดแล้วก็หัวเราะออกมาเลย
“อะฮ่าฮ่า!”
ฉันเองก็เผลอหลุดหัวเราะออกมาเหมือนกัน ตอนนี้ พวกเราเป็นเหมือนพวกเด็กๆ เป๊ะเลยนะ
ฉันพยายามถอดชุดยูกาตะของตัวเองออก แต่ก็ต้องมาวุ่นวายอยู่กับเชือกโอบิที่มัดไว้แน่นไปหน่อย โทริโกะก็เลยยื่นมือเข้ามาช่วยด้วยอีกแรง พอนิ้วเรียวยาวของเธอแกะปมเชือกออกได้อย่างคล่องแคล่ว แล้วดึงเชือกออก โอบิก็คลายออกมาได้อย่างง่ายดาย ชุดยูกาตะของฉันก็แหวกออกจากกัน ตอนที่ฉันถอดชุดออก ฉันได้ยินเสียงร้องเล็กๆ มาจากโทริโกะด้วย ทั้งหมดที่พวกเราทำมันก็แค่ถอดเสื้อกันเท่านั้นเองนะ แต่เธอทำยังกับว่าตอนนี้กำลังตื่นเต้นสุดเหวี่ยงเลย พวกเรารีบเอาของส่วนตัวใส่เข้าไปในตู้ล็อกเกอร์ แล้วก็แข่งกับรีบตรงไปที่จุดล้างตัว
ทั้งๆ ที่ดึกขนาดนี้แล้ว ก็ยังมีแขกคนอื่นๆ อยู่ตรงห้องอาบน้ำใหญ่อยู่หลายคนเหมือนกันนะ พวกเขาตื่นมากลางดึก ก็เลยมาล้างเหงื่อกันที่นี่แบบเดียวกับที่เราทำแน่เลย
“โซราโอะ! ไปแช่น้ำข้างนอกกันเถอะ!”
“โอเค”
พวกเราใช้ถังน้ำเล็กๆ ราดน้ำร้อนใส่ตัวก่อน แล้วก็ตรงออกไปที่บ่อกลางแจ้ง ข้างนอกนี่ไม่มีใครเลย พวกเรากรี๊ดออกมาตอนที่ต้องเจอว่าลมหนาวข้างนอกนี่มันหนาวขนาดไหน ก่อนจะลงไปแช่ที่บ่อหินอีกรอบนึง พอเราทิ้งตัวจมลงไปในน้ำร้อน พวกเราก็ถอนหายใจออกมาทั้งคู่อย่างสบายเลย
“สนุกจัง…”
โทริโกะพูดขึ้นมา ดูเหมือนเธอจะคิดยังงั้นจริงๆ นะ
“อยากอยู่กับเธอแบบนี้ตลอดไปเลย”
“ฉันด้วย!”
“รู้สึกเหมือนกับว่าจะไปที่ไหนกับเธอก็ได้เลยนะ”
“ได้สิ ไปกันเถอะ”
“นั่นสินะ ไปโล้ด!”
หลังจากที่คุยกันแบบนี้ ในที่สุดความน่าอายมันก็โถมเข้ามาจนได้ พวกเรา 2 คนก็เลยหัวเราะลั่นเลย
พวกเราออกมาจากบ่อหินก่อนที่ความร้อนมันจะทำให้เราหมดแรงไปซะก่อน ก่อนจะไปลองบ่ออื่นๆ ข้างนอกกันต่อ มันมีทั้งบ่อน้ำตกที่มีน้ำสายเล็กๆ ตกลงมาจากกำแพง บ่อนอนแช่ที่มีน้ำร้อนไหลผ่านแผ่นหินแบนๆ แล้วก็บ่อแช่เดี่ยวที่เล็กพอให้ลงไปแช่ได้แค่คนเดียว… ทั้งหมดที่พวกเราทำก็แค่แช่น้ำร้อนให้ตัวอุ่นขึ้นเท่านั้นเองนะ แต่พอพวกเรามาลงแช่ด้วยกันแล้วเนี่ย มันสนุกมากๆ เลย รู้สึกยังกับว่ากำลังเล่นอยู่ในสวนสนุกยังไงยังงั้นแหละ
พอพวกเราลองมันหมดทุกบ่อแล้ว พวกเราก็กลับไปแช่ในบ่อหินกัน พวกเรานั่งกันไหล่ชนไหล่ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืนกัน เพราะแสงในบริเวณบ่อแช่ แสงดาวมันก็เลยลงมาถึงพวกเราไม่ถึงเท่าไหร่ แต่อย่างน้อย ได้ดูกลุ่มดาวฤดูใบไม้ร่วงในคืนเงียบสงัดแบบนี้ก็ยังโรแมนติกอยู่ดีนะ
“สวยจัง”
ฉันพึมพำขึ้นมา แล้วโทริโกะก็มาพิงหัวที่ไหล่ฉัน
“หืม? อะไรเหรอ?”
พอฉันถาม โทริกะก็ยิ้มมาให้อย่างร่าเริง
“รักเธอนะ โซราโอะ”
“ขอบใจนะ รักเธอเหมือนกัน”
TN: อุ้ย ^///^
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r